ทันทีที่เถ้าแก่เจียงได้ยินก็มิสนใจแล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูเจียงคงจะมากับครอบครัวใช่หรือไม่? แล้ววางแผนว่าจะอยู่ที่นี่กี่วันหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ย “ข้ามากับน้องสาวข้า แต่ผลก็คือแยกจากกันไปแล้ว! ข้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาน้องสาวข้าเจอ!”วันนี้เสี่ยวซานเอ๋อร์พบกับหลิงอวี๋ได้เงินมาหลายสิบตำลึง หากทำงานต่อไปก็จะมีตำแหน่งแล้ว เขาจึงรีบช่วย“พี่ใหญ่เจียง เดิมทีคุณหนูเจียงคิดว่าจะขายกำไลหยกแล้วไปหานายใหญ่ป้าวให้ช่วยตามหาน้องสาว ท่านกับนายใหญ่ป้าวมีมิตรไมตรีต่อกัน ท่านช่วยคุณหนูเจียงพูดหน่อยเถิด!”“เรื่องนี้จะไปยากอะไร วันพรุ่งข้าจะพาเจ้าไปพบกับพี่ใหญ่ป้าว!”เถ้าแก่เจียงเอ่ยขึ้นมาอีก “ข้ายังมีเรือนว่างอยู่ หากคุณหนูมิรังเกียจก็อย่าไปพักที่โรงเตี๊ยมเลย ย้ายมาอยู่ในเรือนข้าเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่ามิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะหาเสี่ยวอวี้พบ ตนก็มีเงินอยู่มิมาก จะให้พักโรงเตี๊ยมตลอดก็คงมิใช่เรื่องนางจึงเอ่ย “เรือนนั้นของเถ้าแก่เจียงให้ข้าเช่าอยู่ชั่วคราวเถิด ข้าจะจ่ายค่าเช่า!”เถ้าแก่เจียงหน้านิ่งไป แล้วเอ่ยอย่างมิพอใจ “คุณหนูเจียงพูดอะไรกัน เจ้าช่วยลู
มิต้องให้เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อพวกของใช้ประจำวัน เพราะเมื่อฮูหยินเจียงรู้ว่าเถ้าแก่เจียงให้ผู้มีพระคุณมาอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กที่ว่างอยู่ของตระกูล นางก็รีบให้แม่นมข้างกายเอาผ้าห่มและเหล่าของใช้ประจำวันบางส่วนไปให้ด้วยตนเอง หลิงอวี๋เลือกให้ห้องทางทิศตะวันออกเป็นห้องนอน หลิงซินเองก็มีห้องนอนของตนเช่นกันหลิงอวี๋อยู่คนเดียว หลิงซินแค่ต้องรับใช้งานก็พอแล้วหลิงซินรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋ จึงเช็ดหน้าต่างห้องนอนทั้งสองห้องอย่างขยันขันแข็งจนสะอาดดึกมากแล้วนางก็ยังคงทำงานยุ่งอยู่“หลิงซิน ไปพักผ่อนเถิด แล้วก็นำยาไปทาหน้าเจ้าเสีย!”หลิงอวี๋นำยาทาบาดแผลที่เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อมาส่งให้หลิงซินพลางเอ่ย “เจ้าทาหน้าแล้วพักผ่อน วันพรุ่งยังต้องไปพบนายใหญ่ป้าวกับข้าอีก!”“หลิงซิน ข้าเพิ่งมาที่นี่ มิได้เข้าใจและคุ้นเคยกับคนที่นี่นัก หากมีอะไรที่ข้าทำมิถูกต้องเจ้าก็อย่าลืมเตือนข้าด้วย!”“เจ้าค่ะคุณหนู!”หลิงซินรับยาทาบาดแผลมาอย่างขอบคุณ เดิมทีอยากจะรับใช้จนหลิงอวี๋หลับก่อนค่อยไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ไล่ออกมาเสียก่อน“ข้ามิได้อ่อนแอบอบบางถึงเพียงนั้น เจ้ามิต้องมารับใช้ข้า ประเดี๋ยวเจ้าค่อย ๆ คุ้นเคย
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”
มิต้องให้เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อพวกของใช้ประจำวัน เพราะเมื่อฮูหยินเจียงรู้ว่าเถ้าแก่เจียงให้ผู้มีพระคุณมาอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กที่ว่างอยู่ของตระกูล นางก็รีบให้แม่นมข้างกายเอาผ้าห่มและเหล่าของใช้ประจำวันบางส่วนไปให้ด้วยตนเอง หลิงอวี๋เลือกให้ห้องทางทิศตะวันออกเป็นห้องนอน หลิงซินเองก็มีห้องนอนของตนเช่นกันหลิงอวี๋อยู่คนเดียว หลิงซินแค่ต้องรับใช้งานก็พอแล้วหลิงซินรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋ จึงเช็ดหน้าต่างห้องนอนทั้งสองห้องอย่างขยันขันแข็งจนสะอาดดึกมากแล้วนางก็ยังคงทำงานยุ่งอยู่“หลิงซิน ไปพักผ่อนเถิด แล้วก็นำยาไปทาหน้าเจ้าเสีย!”หลิงอวี๋นำยาทาบาดแผลที่เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อมาส่งให้หลิงซินพลางเอ่ย “เจ้าทาหน้าแล้วพักผ่อน วันพรุ่งยังต้องไปพบนายใหญ่ป้าวกับข้าอีก!”“หลิงซิน ข้าเพิ่งมาที่นี่ มิได้เข้าใจและคุ้นเคยกับคนที่นี่นัก หากมีอะไรที่ข้าทำมิถูกต้องเจ้าก็อย่าลืมเตือนข้าด้วย!”“เจ้าค่ะคุณหนู!”หลิงซินรับยาทาบาดแผลมาอย่างขอบคุณ เดิมทีอยากจะรับใช้จนหลิงอวี๋หลับก่อนค่อยไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ไล่ออกมาเสียก่อน“ข้ามิได้อ่อนแอบอบบางถึงเพียงนั้น เจ้ามิต้องมารับใช้ข้า ประเดี๋ยวเจ้าค่อย ๆ คุ้นเคย
ทันทีที่เถ้าแก่เจียงได้ยินก็มิสนใจแล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูเจียงคงจะมากับครอบครัวใช่หรือไม่? แล้ววางแผนว่าจะอยู่ที่นี่กี่วันหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ย “ข้ามากับน้องสาวข้า แต่ผลก็คือแยกจากกันไปแล้ว! ข้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาน้องสาวข้าเจอ!”วันนี้เสี่ยวซานเอ๋อร์พบกับหลิงอวี๋ได้เงินมาหลายสิบตำลึง หากทำงานต่อไปก็จะมีตำแหน่งแล้ว เขาจึงรีบช่วย“พี่ใหญ่เจียง เดิมทีคุณหนูเจียงคิดว่าจะขายกำไลหยกแล้วไปหานายใหญ่ป้าวให้ช่วยตามหาน้องสาว ท่านกับนายใหญ่ป้าวมีมิตรไมตรีต่อกัน ท่านช่วยคุณหนูเจียงพูดหน่อยเถิด!”“เรื่องนี้จะไปยากอะไร วันพรุ่งข้าจะพาเจ้าไปพบกับพี่ใหญ่ป้าว!”เถ้าแก่เจียงเอ่ยขึ้นมาอีก “ข้ายังมีเรือนว่างอยู่ หากคุณหนูมิรังเกียจก็อย่าไปพักที่โรงเตี๊ยมเลย ย้ายมาอยู่ในเรือนข้าเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่ามิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะหาเสี่ยวอวี้พบ ตนก็มีเงินอยู่มิมาก จะให้พักโรงเตี๊ยมตลอดก็คงมิใช่เรื่องนางจึงเอ่ย “เรือนนั้นของเถ้าแก่เจียงให้ข้าเช่าอยู่ชั่วคราวเถิด ข้าจะจ่ายค่าเช่า!”เถ้าแก่เจียงหน้านิ่งไป แล้วเอ่ยอย่างมิพอใจ “คุณหนูเจียงพูดอะไรกัน เจ้าช่วยลู
ทั้งสามคนเข้าไปนั่ง จากนั้นเถ้าแก่เจียงก็พูดออกมาตามตรง “มิทราบว่าผู้มีพระคุณมาหาเจียงโหม่วด้วยเรื่องใดหรือ? ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหย่งเอ๋อร์ไว้ มิว่าจะเป็นเรื่องอะไรเจียงโหม่วก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”หลิงอวี๋นำกำไลหยกออกมา แล้วยิ้มจาง ๆ “ข้าขาดเงินค่าเดินทาง จึงมาขายเครื่องประดับ เถ้าแก่เจียงลองดูว่าจะได้เงินสักเท่าไร หากเหมาะสมข้าก็จะขายให้เถ้าแก่เจียง!”เถ้าแก่เจียงรับกำไลหยกมาดู กำไลหยกนี้คุณภาพพอได้ ตามปกติแล้วเขาให้ราคาหนึ่งพันตำลึงก็ถือว่าสูงมากแล้ว!แต่นี่เป็นกำไลหยกของผู้มีพระคุณ เถ้าแก่เจียงหรือจะกล้ากดราคา“สามพันตำลึง!”เถ้าแก่เจียงตอบออกไปหลิงอวี๋ตะลึง หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้ได้ราคาเพียงสองพันตำลึงเถ้าแก่เจียงให้ตนสามพัน เห็นได้ชัดว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจหลิงอวี๋หรือจะเอาเปรียบเล็ก ๆ เช่นนี้ เมื่อครู่ที่ช่วยเหลือเจียงหย่งก็มิได้ใช้เครื่องยาสมุนไพรใด ๆ เป็นการช่วยเหลือง่าย ๆ เท่านั้น“สองพัน เถ้าแก่เจียงเอาเงินมาเถิด! กำไลหยกนี้เป็นของท่านแล้ว!”เสี่ยวซานเอ๋อร์อยู่ด้านข้างก็ขยิบตาให้หลิงอวี๋มิหยุด คุณหนูใหญ่ผู้นี้โง่หรือไม่ มีแต่คนต่อรองราคาให้มากขึ้น มีที
เถ้าแก่เจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็กำลังคิดจะด่า หลิงอวี๋ก็อุ้มเจียงหย่งมาและหันหลังให้ตนแล้วสองมือของนางกอดรัดอยู่ตรงช่วงท้องของเจียงหย่ง มือหนึ่งกำหมัดแล้ววางด้านหัวแม่มือของกำปั้นนั้นอยู่ที่ตรงอกและตรงท้องของเจียงหย่งส่วนมืออีกข้างของหลิงอวี๋ก็จับมือที่กำหมัดไว้แล้วรีบกระทุ้งที่ช่วงท้องของเจียงหย่งอย่างแรงการกระทำนี้ทำเอาเถ้าแก่เจียงโกรธจนกำหมัดไปทุบที่หัวของหลิงอวี๋“ให้ตายสิ นี่เป็นการช่วยเหลือหรือทำร้ายกันแน่ วางลูกชายข้าลงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หลิงอวี๋อุ้มเจียงหย่งหลบมา พลางตะคอกใส่เถ้าแก่เจียง “ข้ากำลังช่วยลูกท่านอยู่ ท่านมิเห็นหรือว่าเขากำลังจะตายแล้ว?”“ท่านอย่ามารบกวนข้า หากข้ารักษาเขาตาย ข้าจะชดใช้เขาด้วยชีวิต!”แม้ว่าฮูหยินเจียงจะดูมิเข้าใจวิธีการช่วยเหลือของหลิงอวี๋ แต่ลูกชายใกล้จะตายแล้วจริง ๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อยนางก็จะไม่มีทางยอมแพ้นางดึงเถ้าแก่เจียงไว้หลิงอวี๋ก็ใช้วิธีเดิมกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องของเจียงหย่งต่อไปหลังจากทำเช่นนี้ไปสามครั้ง เจียงหย่งก็ไอแค่ก ๆ แล้วถั่วลิสงเม็ดหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็หลุดออกมาจากปากเขาและกระเด็นลงส
เสี่ยวซานเอ๋อร์จึงพาหลิงอวี๋ไปขายกำไลหยก ระหว่างทางเสี่ยวซานเอ๋อร์ก็ยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ในเมื่อนี้ให้หลิงอวี๋ฟังอีกหลิงอวี๋เอ่ยถามไปอย่างอ้อม ๆ “เสี่ยวซานเอ๋อร์ ข้ามากับน้องสาว แต่น้องสาวข้าหายตัวไปแล้ว ได้ยินว่าป้าวเฉิงเจ้าถิ่นที่นี่เก่งเรื่องตามหาคน หากข้าไปขอให้เขาช่วย จะต้องใช้เงินเท่าใดหรือ?”เสี่ยวซานเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “คุณหนูใหญ่ แม้ว่านายใหญ่ป้าวจะเก่งเรื่องตามหาคน แต่ก็มิใช่ว่าจะช่วยใครง่าย ๆ! หากจะไปขอร้องเขาแล้วมีเงินมิถึงหลักพันเขาก็มิสนใจหรอก!”“สองพันพอหรือไม่?”หลิงอวี๋นึกถึงที่หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้สามารถขายได้สองพันตำลึงจึงเอ่ยถาม“แล้วแต่คน!”เสี่ยวซานเอ๋อร์คิดว่าหลิงอวี๋ใจกว้างกับตนมากจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้ารู้จักกับผู้ดูแลหมู่บ้านตระกูลป้าว ข้าจะไปคุยกับเขาดู เขาน่าจะช่วยได้!”“เช่นนั้นขอร้องเจ้าด้วย! รอให้ขายกำไลหยก จากนั้นเจ้าก็ค่อยพาข้าไปหาเขา ข้าจะมิให้เจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋ใจชื้นขึ้นมา เงินทองเป็นของนอกกาย ขอเพียงตามหาเสี่ยวอวี้เจอ และพวกนางได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เรื่องความจนก็มิกลัวหรอกกระทั่งมาถึงที่บ้านเถ้าแก่เจียงที่รับซื้อกำไลหยก ทั้งสองยังม
“ไปหาสมบัติที่ภูเขาหิมะหรือ? อยากตายนักหรือไรกัน! ภูเขาหิมะนั่นกินคนมิเหลือแม้กระดูก!”แขกคนหนึ่งส่ายหน้าแล้วเอ่ย“คนเหล่านี้แตกต่างไป พวกเขาแต่ละคนมีวรยุทธ์แก่กล้า อีกทั้งยังพาคนเข้าไปตั้งมากมาย มิน่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วกระมัง!”“พวกเราเองก็ตามไปหากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างดีหรือไม่!”แขกอีกคนหนึ่งยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “เจ้าน่ะหรือ อย่าไปเลย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย จะกลับกลายเป็นว่าเอาชีวิตไปทิ้งอยู่ข้างในนั้นน่ะสิ!”“เสี่ยวซานเอ๋อร์ หากเจ้าอยากจะร่ำรวยจริง ๆ พี่ชี้ช่องทางให้ดีหรือไม่?”หลิงอวี๋เหลือบมองเสี่ยวซานเอ๋อร์ผู้นั้น เขาเป็นวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบ ดูผอมและอ่อนแอมาก การแต่งกายก็ดูเรียบง่ายธรรมดาเครื่องหน้างดงาม ทว่าดวงตาค่อนข้างแปลก ดูเหมือนมองคนแล้วมิสามารถมองให้ชัดเจนได้สงสัยจะตาเหล่กระมัง!เสี่ยวซานเอ๋อร์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พี่หาน ช่องทางอะไรหรือ? รีบบอกมาเร็วเข้า หากข้าร่ำรวยแล้วจะไม่มีทางลืมเจ้าแน่นอน!”“ไปเป็นผู้ค้ามนุษย์อย่างหม่าเฉียงอย่างไรเล่า! เจ้ามิเห็นหรือว่าทาสหญิงหนึ่งเกวียนของเขาขายไปได้สี่แสนหกหมื่น? การค้าขายนี้ง่ายดายกว่าที่เจ
หัวหน้าเสิ่นถูกปู้ติงจ้องมองอยู่ด้วยสายตาดุร้ายก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องเขียนหนังสือยอมรับผิด เขาขอแค่เพียงหลบหนีไปได้ อย่างก็อื่นค่อยว่ากันทีหลัง“หัวหน้าเสิ่น หากจะตามหาคนคนหนึ่งควรเริ่มจากที่ใด?”สุดท้ายหลิงอวี๋ก็ถามหัวหน้าเสิ่นไปหนึ่งคำถามหัวหน้าเสิ่นยิ้มขมขื่น “หากแม่นางจะตามหาคน ป้าวเฉิงคนที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่คือคนที่มีความสามารถเก่งกาจยิ่งนัก เขามีลูกน้องมากมาย อีกทั้งคนในหมู่บ้านที่อยู่รอบ ๆ นี้ก็เชื่อฟังเขาด้วย”“หากเจ้าจะตามหาคน ขอเพียงมีเงินมากพอ เขาก็จะช่วยตามหาคนให้ได้เร็วที่สุด!”หลิงอวี๋อยากจะตามหาเสี่ยวอวี้น้องสาวของตน เมื่อได้ยินดังนั้นก็สนใจขึ้นมาแต่ตนไม่มีเงินติดตัวสักแดง จะไปพูดให้ป้าวเฉิงตามหาคนให้ตนได้อย่างไรกัน!“หัวหน้าเสิ่น เอาของมีค่าที่ท่านน้าหลินให้มาให้ข้าสักชิ้นเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปตามตรง “ข้าไม่มีเงินติดตัวสักแดง เจ้าก็ถือว่าทำบุญแล้วกัน!”ต่อให้หลิงอวี๋จะต้องการของมีค่าทั้งหมดของหัวหน้าเสิ่น หัวหน้าเสิ่นก็มิกล้าบอกว่าไม่ นับประสาอะไรกับหนึ่งชิ้นเล่า!หัวหน้าเสิ่นรีบเปิดห่อของตนแล้วหันหลังให้หลิงอวี๋หยิบกำไลหยกออกมาหนึ่งชิ้น!“แม่นาง กำไลหยก
“อย่า… อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าเสิ่นกลัวจนร้องออกมาเสียงสั่นเขาเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของตนว่าจะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น ไหนเลยจะคิดว่าจะหนีมิพ้นหมาป่าตัวนี้!“หึ! ข้าบอกไปแล้วว่า นอกเสียจากเจ้าจะเร็วกว่าปู้ติง มิเช่นนั้นก็ให้เชื่อฟังคำของข้า! เจ้าอยากจะทนทุกข์ก่อนจึงจะยอมฟังหรือไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไป เรี่ยวแรงที่ตัวนางกลับคืนมาแล้วลูกปัดสีเขียวนี้มหัศจรรย์จริง ๆ!แต่หลิงอวี๋มิได้มีความคิดที่จะครอบครองเป็นของตน นี่คือของของแม่หมาป่า ในเมื่อให้ปู้ติงไปแล้วเช่นนั้นก็เป็นของปู้ติง“ปู้ติง! ปล่อยเขาเถิด!”ปู้ติงจึงปล่อยหัวหน้าเสิ่นอย่างเชื่อฟัง หลิงอวี๋ก็ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอาลูกปัดสีเขียวยัดเข้าปากมันไป“เสี่ยวเจียง ปิดประตู!”หลิงอวี๋เอ่ยกับเสี่ยวเจียงที่กลัวจนสั่นมิหยุดเสี่ยวเจียงมองขาที่เลือดไหลของหัวหน้าเสิ่น เมื่อครู่หมาป่าตัวนั้นรวดเร็วมาก เขาหนีมิได้เลยมีหรือเสี่ยวเจียงจะกล้ามิฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาจึงเดินไปปิดประตูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น“ข้าถามอะไรเจ้าก็ตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นครั้งต่อไปที่ปู้ติงกัดจะมิใช่ขาของเจ้า แต่เป็นคอ เข้าใจหรือไม่?”หลิ