เสวี่ยเหมยมีความแค้นกับเสวี่ยหลานตามที่หยวนตงบอก และอยากให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง จึงให้นางกำนัลไปเชิญท่านอาหลินทันทีท่านอาหลินถูกปลุกในขณะที่หลับอยู่ก็หงุดหงิดเล็กน้อย แต่นางกำนัลสองคนตาย นางจึงแต่งตัวแล้วพานางรับใช้ของตนรีบไปนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เจอท่านอาหลินตั้งแต่มาถึงวังเทพท่านอาหลินอายุประมาณยี่สิบปี งดงามยิ่งนัก มีใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนละเอียดราวกับหยก มีลักยิ้มอยู่ข้างแก้ม และคิ้วสีดำเรียวที่ตัดแต่งประณีตอย่างเห็นได้ชัดดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังก็งดงามมากเช่นกัน เป็นระลอกคลื่นเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหลนางคงจะถูกปลูกให้ตื่นจากการหลับใหล ผมยาวที่ห้อยลงมาถูกมัดขึ้นด้วยผ้าผูกสีมุกเส้นหนึ่ง ผมยาวดำขลับที่เดิมทีสง่างามก็ดูมีเสน่ห์ราวกับเทพธิดา“มีเรื่องอันใด?”ท่านอาหลินเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มเสวี่ยหลานผู้ชั่วร้ายชิงฟ้องก่อน เล่าให้ท่านอาหลินฟังว่าหยวนชุนกับหยวนตงถูกงูขาวกัดจนตาย สุดท้ายก็บอกความสงสัยของตนเกี่ยวกับหลิงอวี๋ด้วยท่านอาหลินได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างรำคาญ “ในเมื่อทาสชั่วร้ายทำร้ายผู้อื่น ก็โยนเข้าไปในถ้ำหมาป่าเสียก็สิ้นเรื่อง! เรื่องเล็กน้อยนี้คุ้มค่ากับกา
เพื่อให้พ้นผิด หยวนเซี่ยจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “หากท่านอาหลินมิเชื่อก็ไปถามเจ้าวังน้อยได้เจ้าค่ะ นางเป็นพยานให้บ่าวได้!”“จะต้องเป็นหยวนชุนนึกสนุก แอบพางูขาวน้อยกลับมา แล้วดูแลมิดี งูขาวน้อยจึงกัดนางกับหยวนตงจนตาย!”เสวี่ยหลานทั้งโกรธและเกลียด หรือหลิงอวี๋จะถูกทำให้ใสสะอาดไปเช่นนี้?นางจึงตะโกนอย่างมิยอม “เป็นไปมิได้! งูขาวน้อยเป็นงูพิษ หยวนชุนรู้เรื่องนี้ดี นางจะเอางูขาวน้อยออกมาโดยมิเอากรงมาด้วยได้อย่างไร!”หลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “มีอะไรเป็นไปมิได้เล่า! หยวนชุนคงขโมยงูขาวน้อยมา แต่ผลก็คือมิระวังงูขาวน้อยจึงหลุดไป!”“นางหางูขาวน้อยมิเจอ กังวลว่าจะถูกเจ้าวังน้อยลงโทษ จึงส่งกรงกลับไป!”“ผลคือกลับมาก็ถูกงูขาวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่กัดจนตาย!”เสวี่ยเหมยเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าจะคาดเดากระบวนการมิออก แต่ก็ว่าไปตามคำพูดของหลิงอวี๋“มีความเป็นไปได้ ใครก็ได้ ไปเรียกนางกำนัลที่ประจำการอยู่ตำหนักรุ่ยจูคืนนี้มาถามว่าหยวนชุนได้กลับไปหรือไม่ เช่นนี้ก็จะรู้ความจริงแล้ว!”นางกำนัลของตำหนักรุ่ยจูคนหนึ่งจึงวิ่งกลับไปเรียกหลังจากนั้นมินานนางกำนัลผู้นั้นก็พานาง
ท่านอาหลินหันหลังกลับมาเสวี่ยหลานถูกหลิงอวี๋ตะโกนเช่นนี้ก็ทำอะไรมิถูก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนที่หยิ่งยโสเช่นนี้ที่ถึงกับมาใส่ร้ายตนเมื่อเห็นท่านอาหลินหันหลังกลับมา เสวี่ยหลานก็ตกใจรีบแก้ตัว“ท่านอาหลิน ข้า… ข้าหาได้มิพอใจกับการลงโทษของท่านไม่ ทาสหยิ่งยโสเผู้นี้จงใจใส่ร้ายข้า!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงแข็ง “เสวี่ยหลาน เจ้าแก้ตัวเก่งนัก! ต่อหน้าท่านอาหลินทำอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง เจ้าคิดว่าการแก้ตัวเช่นนี้ท่านอาหลินจะแยกมิออกหรือใครพูดจริงใครพูดโกหก?“อีกอย่างคำพูดของเจ้า พี่เสวี่ยเหมยก็ได้ยินเช่นกัน!”เสวี่ยเหมยยิ้มแอบในใจ แต่บนใบหน้าแสร้งทำเป็นตำหนิอย่างโกรธ ๆ “อาอวี๋ เจ้าอย่าพูดเหลวไหล!”ท่าทางเช่นนี้ของเสวี่ยเหมยในสายตาของท่านอาหลิน ยิ่งยืนยันว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง!เสวี่ยเหมยแค่ขัดเพียงเพราะความสัมพันธ์เพื่อนร่วมงานกับเสวี่ยหลาน จึงปกป้องเสวี่ยหลาน“เสวี่ยหลาน เมื่อครู่ข้าคิดดูแล้ว รู้สึกว่าการลงโทษเจ้าจะเบาเกินไปจริง ๆ!”ท่านอาหลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าวังให้ข้าดูแลหมิงจู ข้าก็ต้องดูแลนางอย่างดี!”“วันนี้มีคนขโมยงูขาวน้อยของนางไป แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่อง
วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังมิทันสว่าง เสวี่ยเหมยมาหาแล้ว“อาอวี๋!”หลิงอวี๋ตื่นแล้ว นางกำลังอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงของเสวี่ยเหมย จึงรีบเปิดประตูเดินออกไป“โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว!”เสวี่ยเหมยเอ่ยอย่างเย็นชา “เสวี่ยหลานจงใจแกล้งป่วย มิลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้เจ้าวังน้อย ขอเพียงเจ้าสามารถทำให้เจ้าวังน้อยพอใจได้ ก็สามารถใช้โอกาสนี้ชิงความโปรดปรานของเสวี่ยหลานจากเจ้าวังน้อยได้!”“โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากทำมิสำเร็จเจ้าจะไม่มีวันก้าวหน้าอีกตลอดไป!”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกายแล้วเอ่ยทันที “พี่เสวี่ยเหมยมิต้องกังวล ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน!”นางรีบสวมเครื่องแบบวังแล้วเรียกให้ปี้เอ๋อร์ตามเสวี่ยเหมยไปที่ห้องครัววังเทพมีห้องครัวใหญ่และห้องครัวเล็ก เพราะว่าเจ้าวังน้อยจู้จี้จุกจิก จึงมีห้องครัวเล็กของตนเองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋คิดอยู่ว่า วังเทพนี้สร้างขึ้นบนภูเขาน้ำแข็ง อาหารการกินเหล่านี้ดูน่าเบื่อมาก ไหนเลยจะคิดว่าเมื่อมาถึงห้องครัวหลิงอวี๋จะพบว่าตนคิดคับแคบไปเองในครัวของเจ้าวังน้อยมีผักและผลไม้สด ๆ มากมาย“เจ้าวังใจกว้างกับเจ้าวังน้อยมาก ของเหล่านี้ต้องจ่ายเงินสูงมากเพื่อให้คนมาส่ง
เห็นเพียงว่าเกี๊ยวในถาดมีทั้งสีขาว สีแดงและสีเขียว ขนาดเท่า ๆ กันและแต่ละชิ้นก็ดูนุ่มละมุน เห็นแล้วน่ากินมากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกี๊ยวเหล่านี้มีขนาดพอดีคำมาก กินชิ้นละคำได้ และเกี๊ยวหนึ่งจานกินแล้วก็มิอิ่มจนเกินไป“เจ้าวังน้อยเชิญเพคะ!”หลิงอวี๋ยื่นตะเกียบให้หวงฝู่หมิงจูแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เครื่องปรุงรสมีสองแบบ แบบหนึ่งหวาน อีกแบบหนึ่งเปรี้ยวเผ็ดเพคะ!”“เจ้าวังน้อยเริ่มด้วยรสเปรี้ยวเผ็ดก่อนจะเป็นการเปิดการรับรสดีกว่าเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูรับตะเกียบมาอย่างเชื่อฟังแล้วคีบเกี๊ยวหนึ่งชิ้นจิ้มลงในเครื่องปรุงรสเปรี้ยวเผ็ดตามคำพูดของหลิงอวี๋เสวี่ยเหมยมองการแสดงออกของหวงฝู่หมิงจูอย่างกังวล กังวลว่าอาหารเช้าที่หลิงอวี๋ทำให้จะมิถูกใจเจ้าวังน้อยมิคาดคิดว่าเมื่อเจ้าวังน้อยกินไปชิ้นหนึ่ง ก็รีบคีบอีกชิ้นหนึ่งมาจิ้มเครื่องปรุงรสแบบหวานอีก“อาอวี๋ ข้าชอบแบบเปรี้ยวเผ็ดเช่นนี้ อร่อยมาก!”หลังจากที่เจ้าวังน้อยกินเกี๊ยวไปสองชิ้น ก็ผลักเครื่องปรุงรสหวานออกไปแล้วกินแค่อันที่เปรี้ยวเผ็ดเท่านั้นเจ้าวังน้อยกินเกี๊ยวไปทีละชิ้น เมื่อเห็นเจ้าวังน้อยกินไปครึ่งจานแล้ว ความกังวลของเสวี่ยเหมยก็หายไปอาอ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเตะประตูอย่างหยาบคายเช่นนี้ จึงหันกลับไปแล้วก็เห็นอี้เหวินนางกำนัลข้างกายของท่านน้าหลินกำลังทะเลาะกับบรรดานางกำนัลอย่างดุเดือด“นางสารเลว เจ้ากล้าวางยาพิษเจ้าวังน้อยได้อย่างไร!”อี้เหวินก่นด่า พุ่งไปตรงหน้าหลิงอวี๋ เงื้อมือขึ้นแล้วตบหลิงอวี๋กลิ้งลงไปกับพื้นวางยาพิษ?จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยังมิทันที่นางจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกอี้เหวินจิกผมลากออกไปข้างนอกแล้ว“พี่อี้เหวิน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หนังหัวของหลิงอวี๋ถูกดึงจนเจ็บไปหมด นางพยายามดิ้นรนพลางตะโกนออกไป “เจ้าวังน้อยเป็นอะไรไป?”“เป็นอะไรไป? เจ้าวังน้อยกินอาหารที่เจ้าปรุง แล้วมีผื่นขึ้นไปทั่วตัว หายใจลำบาก และกำลังจะตายแล้ว!”อี้เหวินมิสนใจอะไรทั้งนั้นแล้วลากหลิงอวี๋ไปพร้อมกับนางกำนัลอีกคนหลิงอวี๋ดิ้นมิหลุดจากการควบคุมของทั้งสองคน นางถูกทั้งสองคนลากจากห้องครัวไปที่โถงหลัก หลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนจะหักเพราะสองคนนี้อยู่แล้วผิวหนังที่ลากไปตามพื้นก็มีรอยขีดข่วนจากหินที่ขรุขระด้วย...กระทั่งถูกลากไปถึงที่โถงหลัก ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงตื่นตระหนกของท่านน้า
“ท่านน้าหลิน ข้ามิได้วางยาพิษเจ้าวังน้อยนะเจ้าคะ!”หลิงอวี๋รีบเอ่ย “ท่านให้ข้าไปดูเจ้าวังน้อยหน่อยเถิด บางทีข้าอาจคิดหาวิธีช่วยเจ้าวังน้อยได้!”เมื่อเสวี่ยหลานได้ยินดังนั้นมีหรือจะให้หลิงอวี๋ทำตามปรารถนา จึงตะโกนขึ้นมาทันที “ท่านน้าหลิน อย่าไปฟังคำแก้ตัวของนางเจ้าค่ะ แทงตาของนางให้บอดไปเลย นางจะได้พูดความจริง!”ขณะที่ท่านน้าหลินกำลังจะแทงปิ่นปักผมไปในตาของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็หลบพลางตะโกน “ท่านน้าหลิน แม้ว่าท่านจะสังหารข้า ข้าก็ไม่มียาแก้พิษ!”“ท่านให้ข้าไปดูเจ้าวังน้อยเถิด มิว่าอย่างไรข้าก็หนีมิพ้นน้ำมือของพวกท่าน เจ้าวังน้อยตกอยู่ในสถาณการณ์วิกฤติ ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยได้ ให้ข้าลองดูก็ยังมีความหวังอยู่บ้างนะเจ้าคะ!”“ท่านน้าหลิน เจ้าวังมิอยู่ที่วังเทพ หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าวังน้อย ท่านเองก็มิสามารถอธิบายให้เจ้าวังฟังได้!”คำพูดเหล่านี้จี้ใจท่านน้าหลิน นางมองหลิงอวี๋และคิดว่าหลิงอวี๋ก็หนีมิพ้นเช่นกัน ให้นางดูก็มิเสียหาย“พานางไป!”“ทาสสารเลว หากเจ้ามิสามารถช่วยเจ้าวังน้อยได้ เจ้าก็รอถูกสับเป็นชิ้น ๆ เสีย!”ท่านน้าหลินให้อี้เหวินลากหลิงอวี๋ไปหลิงอวี๋ถูกพาไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหวง
ท่านน้าหลินมองหลิงอวี๋ด้วยสีหน้ามืดมนเสวี่ยเหมยที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา “ท่านน้าหลิน ข้ากล้ารับประกันด้วยชีวิตว่า อาอวี๋ไม่มีทางวางยาพิษเจ้าวังน้อยเจ้าค่ะ!””“ตอนนี้เจ้าวังน้อยกำลังจะตายแล้วและไม่มีผู้ใดสามารถช่วยได้ เหตุใดท่านมิลองเชื่ออาอวี๋ดูสักครั้งแล้วหาส้มมาให้นางเล่าเจ้าคะ ส้มเป็นผลไม้ ไม่มีทางสังหารเจ้าวังน้อยได้หรอก!”“ท่านน้าหลิน ท่านลองคิดดู หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าวังน้อย เมื่อเจ้าวังกลับมา พวกเรากับท่านก็จะถูกเจ้าวังประหารนะเจ้าคะ!”“เสวี่ยหลานจะต้องมิพอใจที่ท่านแต่งตั้งข้าเป็นหัวหน้าเป็นแน่… จึงได้มีความแค้นต่อท่านและข้า ดังนั้นนางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันมิให้เราช่วยชีวิตเจ้าวังน้อย!”ยังมิทันที่เสวี่ยเหมยจะพูดจบ เสวี่ยหลานก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใด? ข้ามิได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิด!”แต่คำพูดเหล่านี้ของเสวี่ยเหมยทำให้ท่านน้าหลินหวั่นใจไปแล้ว นางเหลือบมองเสวี่ยหลานอย่างดุร้ายแล้วตะโกนบอกอี้เหวิน “ไปหาส้มมา!”อี้เหวินรีบวิ่งไปที่โกดังพร้อมกับนางกำนัลคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เพิ่งมีส้มหนึ่งตะกร้าส่งมาที่วังเทพพอดี อี้เหวินจึงไปเอามา“คั
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต