#ฟืนที่หานเหมยหามาชื้นเล็กน้อยเพราะแช่อยู่ใต้หิมะ ไฟจึงมิแรงมาก กระต่ายหิมะจึงยังมิสุกดีหลิงอวี๋จะรีบลงจากภูเขาจึงมิสนใจ แบ่งเนื้อกระต่ายให้ทั้งสองคนกิน แล้วเร่งให้พวกนางลงจากภูเขาในตอนแรกทั้งสองมิสนใจจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้วประคองกันหาทางลงจากภูเขาภูเขาหิมะไม่มีถนน อีกทั้งหิมะก็ตกหนักมาก จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้ระวังจึงลื่นล้มไปนางจ้องมองสองคนข้างหน้าด้วยความโกรธและเกลียดชัง แล้วสุดท้ายก็กังวลว่าทั้งสองคนจะทอดทิ้งตน จึงร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแรง“อวี้หนู เสี่ยวอวี้ พวกเจ้ามิสนใจข้าเลยหรือ? หรือว่าเป็นจริงดังคำพูดที่ว่าเมื่อเกิดภัยพิบัติทุกคนต่างก็แยกจากกัน?”“นึกถึงตอนแรกที่เราเป็นพี่น้องกัน กินอยู่มาด้วยกัน ข้ามีของดี ๆ ก็ล้วนแบ่งปันให้พวกเจ้า แต่ตอนนี้ พวกเจ้าพี่น้องมีความรักอันลึกซึ้งต่อกัน จึงมิต้องการภาระเช่นข้าแล้ว!”หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เมื่อหันกลับมาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยร้องไห้อยู่บนหิมะ จึงเดินกลับมาช่วยประคองนางลุกขึ้น“มิต้องสนใจข้าแล้ว พวกเจ้าไปกันเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับจุดอ่อนของหลิงอวี๋ได้แล้ว จึงร้องออกมา “ขาของข้าบาดเจ็บ เดินเร็วมิได้ มิอยากเป็นตัวถ่ว
หลิงอวี๋ยังฝันด้วยว่า ตนถูกมัดติดกับเสาและถูกเฆี่ยนตี บุรุษในชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นนั่งอยู่ในรถเข็นแล้วมองนางอย่างไร้ความปรานี“เฆี่ยนตีไป หากตีจนตายแล้วก็เอาไปโยนไว้ที่สุสานไร้ระเบียบ!”เด็กที่อ่อนแอคนหนึ่งโผเข้ามากอดนางไว้ แล้วตะโกนอย่างเศร้าสร้อย “อย่าตีท่านแม่ของข้านะ!”ภาพแปลกประหลาดเหล่านั้นแวบขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ทีละอย่าง บุรุษที่อยู่ในความฝันของนาง ประเดี๋ยวก็เป็นคนดี ประเดี๋ยวก็เป็นคนเลว!หลิงอวี๋ขมวดคิ้วอย่างขมขื่น ถูกภาพเหล่านี้ทรมานจนปวดหัวแทบระเบิดแล้วนางก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาหานเหมยและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ มิได้พบความผิดปกติของนางเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋รู้สึกเพียงราวกับว่าทั้งร่างกายถูกบดขยี้ ความฝันนี้ทำให้นางเหนื่อยกว่าการปีนภูเขาเสียอีกนางนอนลงอย่างหมดแรง ภาพเหล่านั้นเป็นจินตนาการของตนหรือเคยเกิดขึ้นจริงกันแน่?บุรุษในฝันคือผู้ใดกัน?เด็กผู้นั้นคือผู้ใด?หลิงอวี๋เอาแต่คิดถึงปัญหาเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่ลืมตาอยู่ แต่เมื่อคิดมากเกินไปก็ปวดหัวมาก นางจึงยอมแพ้หรือเรื่องเหล่านี้จะค่อย ๆ นึกขึ้นได้ทีหลังความหวังในตอนนี้ของนางคือการขึ้นไปที่วังน้ำ
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความดื้อดึงของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยอย่างจนใจ “อวี้หนู ค่ายกลนี้มิอาจมองข้ามได้จริง ๆ ข้ามิได้โกหกเจ้า มีคนมากมายที่มิเข้าใจค่ายกลนี้แล้วบุกเข้าไปในค่ายกล ก็จะถูกขังอยู่ในค่ายกลนี้จนตาย!”“พวกเราขึ้นไปมิได้ ก็ยังสามารถลงไปลองเสี่ยงโชคดูได้ บางทีเราอาจจะยังมิได้เดินเข้าไปในค่ายกล และยังสามารถเดินออกไปได้!”หลิงอวี๋คิดแล้วเอ่ย “ท่านบอกข้าเรื่องค่ายกลนี้อีกสักหน่อยสิ บางทีข้าอาจจะคิดหาวิธีได้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยรู้สึกกลัดกลุ้ม นางยังมิสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ แล้วหลิงอวี๋จะทำลายมันได้อย่างไร!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองลงไปด้านล่างภูเขา จากนั้นมองวังน้ำแข็งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม สุดท้ายก็ประนีประนอม บางทีหลิงอวี๋อาจจะโชคดี สามารถทำลายมันได้!นางอธิบายหลักการของค่ายกลให้หลิงอวี๋ฟังคร่าว ๆ หลิงอวี๋ก็ซักถามนางมากมายนักจ้าวหรุ่ยหรุ่ยค่อนข้างจะรำคาญแล้ว หลังจากตอบด้วยเสียงหยาบจึงเอ่ย “ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าหากคิดจะทำลายค่ายกลมันมิง่ายเช่นนั้น ฟังข้าแล้วลงไปจากภูเขาก่อนเถิด!”“มิลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามิได้!”หลิงอวี๋เอ่ย “เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวอวี้กับเจ้าลงไปดูด้านล่าง แล้วข้าศึกษาวิธีทำ
เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนี้ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็เริ่มสนใจเช่นกัน นางรู้สึกว่าสติปัญญาของตนเหนือกว่าหลิงอวี๋ ไม่มีทางที่จะแพ้หลิงอวี๋ได้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพยายามอย่างหนักที่จะนึกย้อนถึงเส้นทางและภูมิแคว้นที่ตนผ่านมาแต่คิดอยู่นาน ก็ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นน่าจะเติบโตในที่ดั้งเดิมนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกเลย!หลิงอวี๋เองก็พยายามนึกย้อนดู แต่ก็มิพบอะไรผิดปกติฟ้ามืดแล้ว มองมิเห็นแผนที่ที่วาดขึ้นแล้ว อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนจึงมารวมตัวกันเพื่อให้ความอบอุ่น“หิวจัง!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นคุณหนูไปแล้ว นางเกิดมาก็ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาโดยตลอด จะเคยทุกข์ทรมานเช่นนี้ได้อย่างไร!นางมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิได้สูญเสียพลังวิญญาณ แค่ถูกตนผนึกไว้เท่านั้น หากทำลายผนึกของนาง นางก็น่าจะมีมิติเหมือน ๆ กับแหวนพระสุเมรุข้างในนั้นน่าจะมีอาหาร!แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกล้าเสี่ยงเช่นนั้น หากปลดผนึกของหลิงอวี๋ตนก็จะยิ่งมิสามารถควบคุมหลิงอวี๋ได้หากนางพบว่าจิตสำนึกของนางถูกตนผนึกไว้ เช่นนั้นนางจะต้องสังหารตนแล้วหนีไปอย่างแน่นอน!หากจะตายก็ตายด้วยกันสิ!หากสามารถให้คู่ต่อสู้ผู้นี้ตายไปพร
“พี่หญิง!”หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเสี่ยวอวี้กำลังเรียกตน แต่ร่างกายของนางมิสามารถควบคุมได้ นางลอยไปแล้วก็ร่วงลงความเร็วที่ร่วงลงมานั้นเร็วมากจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าหัวถูกกดทับจนเสียงดังอื้ออึงไปหมด มิสามารถทนต่อแรงที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็วได้ นางจึงสลบไปหลิงอวี๋หลับอยู่ในความมืด มิรู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน แล้วก็ได้ยินคนพูดกันแว่ว ๆ“เจ้าวังน้อย คนผู้นี้น่าเกลียดมาก ท่านช่วยเหลือนางเพราะเหตุใดกันเพคะ? แค่โยนออกไปเป็นอาหารเสือดาวหิมะก็พอแล้ว!”เสียงเด็กเอ่ยขึ้นมา “วังเทพไม่มีใบหน้าสดใหม่มานานมากแล้ว เห็นหน้าพวกเจ้าอยู่ทุกวันข้าก็เบื่อแล้ว เก็บนางไว้คลายความเบื่อเถิด!”“เจ้าวังน้อย คนผู้นี้น่าเกลียดถึงเพียงนี้ จะคลายความเบื่อได้อย่างไรเพคะ!”นางกำนัลเอ่ยอย่างมิพอใจ“เจ้ามิเข้าใจ นางทำได้หลายอย่างเลย! เจ้ารอไปก่อนเถิด นางจะนำเรื่องน่าประหลาดใจมาให้เจ้าแน่!”หลิงอวี๋กะพริบตา เสียงของเจ้าวังน้อยฟังดูน่ารักมาก แต่น้ำเสียงของนางกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายหลิงอวี๋พยายามลืมตา แต่กลับถูกแสงเจิดจ้าตรงหน้าทิ่มแทงจึงหลับตาไปอีกครั้งเพียงมองแวบเดียวเมื่อครู่ นางก็พบว่าตนอยู่ในวัง!นางค่อย ๆ
ด้านนอกเป็นสวนรกรุงรัง หลิงอวี๋ยังมิทันจะได้เห็นสถานการณ์รอบตัวอย่างชัดเจน เสวี่ยหลานก็หยิบแส้ขึ้นมาแล้วฟาดใส่หัวและใบหน้าของนางแส้ฟาดใส่หน้าหลิงอวี๋ ใบหน้าของหลิงอวี๋เจ็บปวดมาก ๆ นางโกรธมาก อยากจะไปแย่งแส้ แต่เสวี่ยหลานเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงไปนางเฆี่ยนตีไปนางอีกครั้งแล้วตำหนิด้วยความโกรธ “นางสารเลว เจ้ายังกล้าจะแย่งแส้อีก วันนี้ข้าจะสอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าอย่างดี!”“ในวังเทพนี้ นอกจากเจ้าวังแล้ว เจ้าวังน้อยเป็นใหญ่ที่สุด เจ้าวังน้อยพูดสิ่งใดเจ้าก็ต้องเชื่อฟัง มิฉะนั้นจะถูกลงโทษ!”เพียะ ทันใดนั้นแส้ก็ฟาดไปที่ขาของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็เซล้มลงไปกับพื้นยังมิทันที่นางจะลุกขึ้นมาได้ เสวี่ยหลานก็เฆี่ยนตีที่ตัวนางอีกครั้ง“ต่อหน้าเจ้าวังน้อยมิอนุญาตให้เจ้าแทนตัวว่าข้า เจ้าต้องแทนตัวว่าบ่าว!”“ต่อไปเจ้าวังน้อยจะเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงที่เจ้าวังน้อยเลี้ยงดูเท่านั้น หากเจ้าวังน้อยให้เจ้าคลานเหมือนสุนัข เจ้าก็ทำได้เพียงต้องเชื่อฟังเท่านั้น!”หลิงอวี๋ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ นางเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะเป็นทาสที่ต่ำต้อย ก็มิอาจเอาตนไปเทียบกับสุนัขได้!นางเห็นเสวี่ยหลานเหวี่ยงแส้
หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนี้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ การแบ่งชนชั้นในวังเทพแห่งนี้แปลกประหลาดนัก อำนาจของนางรับใช้มิกี่คนสามารถเทียบกับเจ้าวังน้อยได้“เรือนชูอวิ๋นนี้เป็นสถานที่อาศัยของทาสระดับต่ำ หากเจ้ามีความสามารถทำให้เจ้าวังน้อยมีความสุขได้ ต่อไปก็จะได้เลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในเรือนระดับสูง!”เสวี่ยหลานพาหลิงอวี๋ไปที่เรือนที่อยู่ห่างไกล แม้ว่าจะห่างไกล แต่ก็งดงามมากเช่นกัน นางกำนัลทั่ว ๆ ไปก็แต่งตัวงดงามมาก“เจ้ามีนามว่าอะไร?”เสวี่ยหลานเอ่ยถามสัญชาตญาณของหลิงอวี๋มิชอบชื่ออวี้หนูที่จ้าวหรุ่ยหรุยตั้งให้ตน นางนึกขึ้นได้ว่าในความฝันมีคนเรียกตนว่าอาอวี๋ จึงเอ่ยออกไป “อาอวี๋!”“อาอวี๋ จำคำของข้าไว้ อย่าเอ่ยวาจาเหลวไหลในวังเทพ และอย่าคิดที่จะหลบหนี หากถูกจับได้ จุดจบของเจ้านั้นตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่!”“เมื่อเทียบกับแส้ในวันนี้ เจ้าจะพบว่านรกบนหล้ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้!”เสวี่ยหลานเอ่ยอย่างเย็นชา “เข้าไปล้างตัวพักผ่อนเสีย วันนี้เจ้าวังน้อยเหนื่อยแล้ว วันพรุ่งจึงจะตามหาเจ้า!”เสวี่ยหลานเรียกนางกำนัลที่ทำงานทั่วไปมา “ปี้เอ๋อร์ พานางไปที่ห้องของนาง!”นางกำนัลที่อยู่ใกล้ ๆ มาทักทาย หลิงอ
“กินเถิด ขนมอบนี้อร่อยมาก! ขอบใจนะปี้เอ๋อร์!”หลิงอวี๋เคี้ยวขนมอบที่แห้งแล้ว แม้ว่าจะกลืนลำบาก แต่นางก็ยังทำท่าทางดูอร่อยมากอยู่ปี้เอ๋อร์ถูกหลิงอวี๋ยัดขนมเข้าปาก ก็จนใจต้องกัดไปคำหนึ่งแล้วหยิบออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ กินอย่างทะนุถนอมดวงตาของนางไร้เดียงสานัก เผยให้เห็นความสบายใจในการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยหลิงอวี๋เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้า เด็กผู้นี้ดูแต่งตัวงดงาม แต่ขนมชิ้นหนึ่งที่คุณภาพมิเท่าเดิมทำให้นางกินอย่างมีความสุขเช่นนี้ ในวันปกติคงจะถูกนางกำนัลคนอื่นหรือเจ้าวังน้อยรังแกอยู่มิน้อยเลยกระมัง!“ปี้เอ๋อร์ ปกติเจ้ามิค่อยมีอาหารกินเพียงพอหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ“พี่อาอวี๋ เรากินข้าวทั้งสามมื้อก็ได้ แต่ในทุกวันมีเรื่องที่ต้องทำมากเกินไป ของพวกนั้นอยู่มิได้จนถึงตอนเย็นหรอก!”ปี้เอ๋อร์กระซิบ “ตอนที่เจ้าวังอยู่ยังได้กินมากหน่อย แต่ในช่วงมิกี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าวังมิได้อยู่ในวังเทพ ท่านอาหลินบอกว่าเสบียงมิเพียงพอ ให้เราประหยัดกันหน่อย! ดังนั้นพวกเราจึงกินมิอิ่ม!”“เจ้าวังไปไหนหรือ?”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย ปี้เอ๋อร์มิได้ระวังตน บางทีตนอาจจะสืบสถานการณ์เฉพาะของวังเทพจากปากข
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต