หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนี้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ การแบ่งชนชั้นในวังเทพแห่งนี้แปลกประหลาดนัก อำนาจของนางรับใช้มิกี่คนสามารถเทียบกับเจ้าวังน้อยได้“เรือนชูอวิ๋นนี้เป็นสถานที่อาศัยของทาสระดับต่ำ หากเจ้ามีความสามารถทำให้เจ้าวังน้อยมีความสุขได้ ต่อไปก็จะได้เลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในเรือนระดับสูง!”เสวี่ยหลานพาหลิงอวี๋ไปที่เรือนที่อยู่ห่างไกล แม้ว่าจะห่างไกล แต่ก็งดงามมากเช่นกัน นางกำนัลทั่ว ๆ ไปก็แต่งตัวงดงามมาก“เจ้ามีนามว่าอะไร?”เสวี่ยหลานเอ่ยถามสัญชาตญาณของหลิงอวี๋มิชอบชื่ออวี้หนูที่จ้าวหรุ่ยหรุยตั้งให้ตน นางนึกขึ้นได้ว่าในความฝันมีคนเรียกตนว่าอาอวี๋ จึงเอ่ยออกไป “อาอวี๋!”“อาอวี๋ จำคำของข้าไว้ อย่าเอ่ยวาจาเหลวไหลในวังเทพ และอย่าคิดที่จะหลบหนี หากถูกจับได้ จุดจบของเจ้านั้นตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่!”“เมื่อเทียบกับแส้ในวันนี้ เจ้าจะพบว่านรกบนหล้ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้!”เสวี่ยหลานเอ่ยอย่างเย็นชา “เข้าไปล้างตัวพักผ่อนเสีย วันนี้เจ้าวังน้อยเหนื่อยแล้ว วันพรุ่งจึงจะตามหาเจ้า!”เสวี่ยหลานเรียกนางกำนัลที่ทำงานทั่วไปมา “ปี้เอ๋อร์ พานางไปที่ห้องของนาง!”นางกำนัลที่อยู่ใกล้ ๆ มาทักทาย หลิงอ
“กินเถิด ขนมอบนี้อร่อยมาก! ขอบใจนะปี้เอ๋อร์!”หลิงอวี๋เคี้ยวขนมอบที่แห้งแล้ว แม้ว่าจะกลืนลำบาก แต่นางก็ยังทำท่าทางดูอร่อยมากอยู่ปี้เอ๋อร์ถูกหลิงอวี๋ยัดขนมเข้าปาก ก็จนใจต้องกัดไปคำหนึ่งแล้วหยิบออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ กินอย่างทะนุถนอมดวงตาของนางไร้เดียงสานัก เผยให้เห็นความสบายใจในการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยหลิงอวี๋เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้า เด็กผู้นี้ดูแต่งตัวงดงาม แต่ขนมชิ้นหนึ่งที่คุณภาพมิเท่าเดิมทำให้นางกินอย่างมีความสุขเช่นนี้ ในวันปกติคงจะถูกนางกำนัลคนอื่นหรือเจ้าวังน้อยรังแกอยู่มิน้อยเลยกระมัง!“ปี้เอ๋อร์ ปกติเจ้ามิค่อยมีอาหารกินเพียงพอหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ“พี่อาอวี๋ เรากินข้าวทั้งสามมื้อก็ได้ แต่ในทุกวันมีเรื่องที่ต้องทำมากเกินไป ของพวกนั้นอยู่มิได้จนถึงตอนเย็นหรอก!”ปี้เอ๋อร์กระซิบ “ตอนที่เจ้าวังอยู่ยังได้กินมากหน่อย แต่ในช่วงมิกี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าวังมิได้อยู่ในวังเทพ ท่านอาหลินบอกว่าเสบียงมิเพียงพอ ให้เราประหยัดกันหน่อย! ดังนั้นพวกเราจึงกินมิอิ่ม!”“เจ้าวังไปไหนหรือ?”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย ปี้เอ๋อร์มิได้ระวังตน บางทีตนอาจจะสืบสถานการณ์เฉพาะของวังเทพจากปากข
แต่ยามนี้หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่หลิงอวี๋เป็นห่วงมิได้อยู่ในค่ายกลแล้วตอนหลิงอวี๋ตกลงไป หานเหมยอยากจะดึงนางไว้ แต่นางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับไว้ก่อน จึงมิสามารถหลุดพ้นไปได้พลังนั้นโจมตีเข้ามา หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ถูกพลังนั้นพัดพากลิ้งตกเนินเขาไปทั้งสองล้มลงจิตสับสนวุ่นวาย จากนั้นก็กลิ้งไปยังมิทันถึงครึ่งทางก็สลบไปแล้วกระทั่งหานเหมยฟื้นขึ้นมา ก็นอนอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง นางยังมิทันลืมตาก็ได้ยินจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุยอยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง“ศิษย์พี่ พวกเราขึ้นไปวังเทพมิได้หรือ? หลิงอวี๋จะต้องถูกคนในวังเทพจับตัวไปแล้วเป็นแน่ ที่ตัวนางมีหยกหล้าสุขาวดีอยู่ เจ้ามิอยากได้มันหรือ?”เฉียวเค่อยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “หรุ่ยหรุ่ย เจ้ามิรู้ว่านั่นคือวังของผู้ใด ค่ายกลนั้นเรามิอาจทำลายได้ แม้ว่าจะทำลายได้ ก็มิอาจแย่งหลิงอวี๋กลับมาจากน้ำมือของคนในวังเทพได้!”หลิงอวี๋คือใคร?หานเหมยรู้สึกเพียงว่าชื่อนี้คุ้นเคยมาก!“นั่นคือวังของใคร? เหตุใดข้ามิเคยได้ยินมาก่อน!” จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย“นั่นคือวังเทพของตระกูลหวงฝู่!”เฉียวเค่อเอ่ยอย่างอดทน “หวงฝู่หลินบรรพบุรุษของตระกูลหวงฝู่ หลงอี้จากตระกู
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แทบรอมิไหวที่จะทำสิ่งนั้นกับเฉียวเค่อในรถม้าแต่นางมิกล้า ตอนนี้ตนไม่มีการบำเพ็ญตนใด ๆ มิสามารถควบคุมเฉียวเค่อได้เลยหากเรื่องเป็นไปจนถึงครึ่งทางแล้วเฉียวเค่อรู้ตัว เช่นนั้นเขาจะต้องสังหารตนแน่!หานเหมยได้ยินเสียงเย้าแหย่ของทั้งสองคนก็อายจนหน้าแดง หายใจลำบากโดยมิรู้ตัวเฉียวเค่อได้ยินก่อน จึงผลักจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออก แล้วขยิบตาให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ได้สติทันที มองหานเหมยแล้วกลอกตาพลางเอ่ย “ศิษย์พี่ คืนนี้เราหาที่พักผ่อนกันเถิด ข้าต้องอาบน้ำ!”เฉียวเค่อเข้าใจทันที จึงเอ่ย “ด้านล่างวังเทพมีชนเผ่าหนึ่ง เราไปพักค้างคืนที่นั่นสักคืนได้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ ไหนเลยจะอยากไปสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านและให้คนมากมายเห็นตนอยู่กับเฉียวเค่อ!“มิต้องหรอก เจ้าบอกว่าเซียวหลินเทียนกับตระกูลเย่กำลังไล่ตามเจ้าอยู่มิใช่หรือ? ข้ามิอยากให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ซ่อนตัวไว้ก่อนเถิด!”“ให้คนรับใช้ของท่านไปซื้ออาหารมา แล้วเรานอนในป่ากัน!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดแล้วขยิบตาให้เฉียวเค่อเฉียวเค่อถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้หลงใหลจนมิเป็นตัวเอง เพื่อจะทำให้สา
แม้ว่าเผยอวี้จะได้รับความช่วยเหลือจากลิงน้อยสืออีของแม่นมอู จึงสามารถติดตามเย่หรงได้แต่ก็แค่สองสามวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นอาจจะถูกเย่หรงสังเกต เย่หรงจึงทำการป้องกัน เผยอวี้ก็คลาดกับเย่หรงไปเมื่อเผยอวี้กับฉินซานกำลังอับจนหนทาง มิรู้ว่าจะติดตามไปทางใด เซียวหลินเทียนก็พาคนตามพวกเขามาเผยอวี้มีกำลังใจขึ้นมาทันที รีบไปพบเซียวหลินเทียนและอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง“ไปโม่เหอก่อน!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างตัดสินใจทันทีโม่เหอเป็นสถานที่ที่ทั้งองค์ชายอิงและองค์ชายหนิงต้องการจะแย่งชิง เพราะที่นั่นมีทางเข้าสู่แดนเทพมิว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะพาหลิงอวี๋ไปที่ใด นางก็จะต้องพาหลิงอวี๋กลับไปที่แดนเทพอยู่ดีขอเพียงพวกเขารู้ทางเข้าแดนเทพ ก็สามารถช่วยหลิงอวี๋ได้เซียวหลินเทียนรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตนไปจากปากของเผยอวี้ ทั้งยังรู้ด้วยว่าหลิงอวี๋เกือบตายด้วยน้ำมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยความเกลียดชังที่เขามีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้วหากเขาจับสตรีผู้นี้ได้ เขาจะทำให้นางตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!กลุ่มคนเหล่านี้รีบไปที่โม่เหออย่างรวดเร็วยามนี้โม่เหอได้รับการคุ้มกันจากแม่ทัพกู่ ก่อน
แม้ว่าที่ดินที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้บางแห่งจะมิสามารถเพาะปลูกได้ แต่นั่นก็เกิดจากการที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาตลอดหลายปีขอเพียงตั้งใจที่จะจัดการ มิกี่ปีหลังจากนี้ที่ดินเหล่านี้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์เซียวหลินเทียนเดินไปก็จดบันทึกสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของแต่ละสถานที่ไปกระทั่งวันรุ่งขึ้นมาถึงเมืองซานต้ง เซียวหลินเทียนเดินทางไกลเห็นบ้านเรือนที่ทรุดโทรมมากมาย ที่นี่เป็นตัวเมืองของโม่เหออยู่แล้ว แต่ก็ยังดูเงียบเหงาอยู่ดีเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดต่อแม่ทัพกู่ก่อนหน้านี้แม่ทัพกู่ประจำการอยู่ที่ชายแดน อย่างน้อยก็มิต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์ ตนกลับส่งเขามาอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เพียงแค่มองบ้านเรือนเหล่านี้ก็สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่พวกแม่ทัพกู่ต้องอยู่ที่นี่ได้แล้ว!องครักษ์ของจ้าวซวนวิ่งไปแจ้งแม่ทัพกู่ก่อน แม่ทัพกู่จึงพารองแม่ทัพหลายคนออกมาต้อนรับหนึ่งในนั้นคือหลิงเฟิงพี่ชายต่างแม่ของหลิงอวี๋หลิงเฟิงถูกหลิงอวี๋วางแผนลับ ๆ ส่งให้มาอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพกู่ให้แม่ทัพกู่ฝึกฝนก่อนหน้านี้คนผู้นี้คิดว่า ท่านอดีตเสนาบดีทำให้ตนต้องมาทนทุกข์ทรมาน จึงมิพอใจการกระทำนี้ของท
“หลิงเฟิง เรื่องผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า ข้าในฐานะคนนอกขอมิแสดงความคิดเห็น!”แม่ทัพกู่เอ่ยอย่างอดทน “ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า แม่ของเจ้าก็คือแม่ของเจ้า และเจ้าก็คือเจ้า! ในภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นคนแบบใด จะเดินไปในเส้นทางใด มีเพียงเจ้าที่ตัดสินใจได้ ผู้ใดก็มาทำแทนเจ้ามิได้!”“จริงสิ ที่เจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ามิใช่เจตนาของท่านอดีตเสนาบดี แต่เป็นเจตนาของพระชายา!”“นางบอกว่าท่านอดีตเสนาบดีเฉลียวฉลาดมาตลอดชีวิต นางมิอยากเห็นตระกูลหลิงมีลูกที่อกตัญญู นางหวังให้พวกเจ้าพี่น้องใช้ความสามารถเป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงได้!”หลิงเฟิงถือจดหมายของท่านอดีตเสนาบดีและอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งคืน เขาเชื่อในอุปนิสัยของท่านอดีตเสนาบดี เขาจะไม่มีวันจงใจใส่ร้ายแม่ของตนเพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋แน่หลิงเยี่ยนกับหวางซือตายไปหมดแล้ว จากนี้ไปเขาจะเป็นเสาหลักของบ้านรอง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบของบ้านรองหลิงอวี๋สามารถฝึกฝนตนโดยมิคำนึงถึงความแค้นในอดีตได้ พี่หญิงผู้นี้ เขามิยอมรับก็ต้องยอมรับ!แม้ว่าหลิงเฟิงจะยังมีปมในใจอยู่บ้าง แต่ก็มิสามารถต้านทานหลิงอวี๋ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วบุญคุณความแค้นของรุ่นพ่อแม่มิควรมา
แม่ทัพกู่ได้ยินว่าท่านอดีตเสนาบดีจะมาส่งเสบียงด้วยตนเองก็รู้สึกดีใจมาก เขามิได้เจอท่านอดีตเสนาบดีมาหลายปีแล้ว ครานี้จะได้พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันเสียหน่อย!เซียวหลินเทียนซักถามเรื่องสถานการณ์ทางทหาร จึงได้รู้ว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ถาวรของเมืองซานต้งมีเพียงประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนที่มาหาเลี้ยงชีพในเหมืองถ่านหินเพียงแต่การขนส่งยังมิได้รับการพัฒนา กอปรกับที่เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกมักจะทำสงครามกัน เหมืองถ่านหินที่ขุดขึ้นมาจึงมิสามารถขายหรือขนส่งออกไปได้ ชีวิตของทุกคนจึงยากจนข้นแค้นเซียวหลินเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับทางเข้าสู่แดนเทพของโม่เหอ จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องนี้แทนแม่ทัพกู่จึงได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลักพาตัวไปเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาประจำการที่โม่เหอ ให้กระหม่อมให้ความสนใจกับสิ่งแปลก ๆ ในโม่เหอ กระหม่อมตั้งตัวเมืองหลวงไว้ที่เมืองซานต้งเพราะที่นี่คือสถานที่ที่มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพกู่ยื่นมือชี้ออกไปไกล ๆ “มีภูเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามสิบลี้ คนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาไท่กู่ ได้ยินมาว่า ภูเข
คำเตือนของเสวี่ยเหมยและการเหลือบมองก่อนจะไปทำให้หลิงอวี๋ระมัดระวังขึ้นมาทันทีนางเพิ่งมา แม้แต่นางกำนัลเหล่านี้ก็ล้วนมิรู้จักแต่เสวี่ยหลานเป็นคนดังต่อหน้าหวงฝู่หมิงจู นางกำนัลเหล่านี้จะต้องถูกอำนาจของนางบีบให้มาช่วยนางทำร้ายตนอย่างแน่นอน!การจะทำสิ่งใดเพียงคนเดียวนั้นยากนัก!หลิงอวี๋มิรู้ว่าเสวี่ยหลานจะจัดการกับตนอย่างไร อยากจะป้องกันก็มิรู้ว่าจะป้องกันอย่างไรหลิงอวี๋กลับมาที่ห้องของตน เห็นหมาป่าน้อยสองตัวที่ดูเหมือนจะได้กลิ่นนม ต่างก็เดินไปอยู่หน้ากระปุกนมแล้วโน้มไปหากระปุกนมท่าทางโน้มตัวไปข้างหน้านั้นช่างน่ารักนัก เห็นแล้วหลิงอวี๋ก็ใจอ่อนหลิงอวี๋มิสนใจจะคิดเรื่องของตน แล้วหาจานมารินนมหมาป่าน้อยสองตัวกินนมบนจานหมดในทันทีหลิงอวี๋ก็รินนมให้พวกมันต่อ หลังจากกินนมไปครึ่งกระปุก หมาป่าน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้วมุดเข้าไปในเสื้อผ้าเก่าที่ปี้เอ๋อร์นำมาให้และผล็อยหลับไปหลิงอวี๋ทำความสะอาดสิ่งตกค้างบนพื้นแล้วนอนลงบนเตียง ครุ่นคิดว่าเสวี่ยหลานจะใช้กลอุบายอะไรมาตอบโต้ตนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงลูกปัดสีเขียวที่แม่หมาป่าให้ไว้ในมือของตน หลิงอวี๋จึงหยิบออกมาลูกปัดนี้เป็
ที่ไหล่ของเสวี่ยหลานมีชิ้นเนื้อหายไป ทั่วทั้งร่างกายก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานนางขวางทางหลิงอวี๋ แล้วมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชา หลิงอวี๋เองก็สบตานางอย่างมิยอมแพ้เช่นกัน...ทั้งสองจ้องมองกันและกัน แล้วเสวี่ยหลานก็เอ่ยอย่างมิพอใจ “นางสารเลว ข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ รอข้าก่อน ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”นี่นับเป็นการท้าทายหรือไม่?หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “มิรู้ว่าใครกันแน่ที่จะตายทั้งเป็น! เจ้ามีกลอุบายใดก็งัดออกมา ข้ามิกลัวเจ้าหรอก!”“เสวี่ยหลาน!”นางรับใช้คนหนึ่งตะโกนมาไกล ๆ เสวี่ยหลานจึงทำได้เพียงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงอวี๋อุ้มหมาป่าน้อยสองตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับไปที่เรือน เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นเลือดบนตัวของหลิงอวี๋ ก็ล้วนตกใจจนหลบอยู่ไกล ๆปี้เอ๋อร์ก็กลัวหมาป่าน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหมาป่าน้อยสองตัวนอนเชื่องอยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ก็กล้ามากขึ้นนางหาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาให้หลิงอวี๋พันตัวหมาป่าน้อยสองตัว แล้วช่วยหลิงอวี๋หาอ่างน้ำร้อนมาหลิงอวี๋ทำความสะอาดหมาป่าน้อยทั้งสองอย่างอดทนสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ลูกหมาป่าทั้งสองตัวม
ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็มิสามารถคิดอะไรได้อีก นางกระโดดลงไปในหลุม กลิ้งตัวลงบนพื้นสองสามครั้ง แล้วกลิ้งพุ่งไปหาแม่หมาป่าตั้วนั้นแม่หมาป่ายังคงหายใจอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาสีเขียวก็รื้น และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา“เจ้าอดทนไว้ ข้าจะช่วยลูกของเจ้า!”หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก นางกลั้นน้ำตาไว้แล้วผลักเสวี่ยหลานออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นและยื่นมือออกไปเปิดท้องของแม่หมาป่าตามรอยมีดแม่หมาป่ามิไหวแล้ว หากมิเอาลูกหมาป่าออกจากท้องให้ทันเวลา ลูกหมาป่าก็จะสิ้นใจอยู่ในร่างของแม่หลิงอวี๋หยิบลูกหมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากท้องของแม่หมาป่า มันตายแล้ว มันถูกเสวี่ยหลานแทงจนตายแล้วก็อีกหนึ่งตัว และอีกหนึ่ง...ในท้องของแม่หมาป่ามีลูกทั้งหมดหกตัว แต่มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกหมาป่าสองตัวขดตัวอย่างสั่น ๆ ขนที่ตัวยังมองเห็นสีมิชัดเจน ล้วนถูกเลือดของแม่หมาป่าย้อมเป็นสีแดงไปหมด“ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”หลิงอวี๋อุ้มลูกหมาป่าทั้งสองไปไว้ข้างกายแม่หมาป่าทั้งน้ำตา ดวงตาสีเขียวของแม่หมาป่าสะท้อนภาพลูกทั้งสอง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบดวงตาของมัน“บรู๊ว…”มันใช้แรงที่เหลือผลักลูกหมาป่าทั้งสองตัวเข
เสวี่ยหลานรู้สึกว่าแขนของนางถูกหมาป่าหิมะข่วน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าวังน้อย ก็มิสนใจที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนแล้วหลบไปด้านข้างตามคำแนะนำหลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานถูกหมาป่าหิมะสองตัวไล่ล่าจนมิสามารถเข้าใกล้กริชได้อย่างเย็นชา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างเยาะเย้ยเสวี่ยหลานมีวรยุทธ์ก็ยังถูกหมาป่าหิมะไล่ล่าจนตื่นตระหนก หากเปลี่ยนเป็นตนลงไป เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลนานแล้ว!หลังจากต่อสู้กันสักพัก ในที่สุดเสวี่ยหลานก็มีเวลาไปคว้ากริชได้เจ้าวังน้อยจึงตะโกนอย่างตื่นเต้น “สังหารมัน… สังหารมัน!”เสวี่ยหลานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างยั่วยุแต่ก็มีความหมายแฝงแม้ว่านางจะมิได้พูด แต่หลิงอวี๋ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น มันก็คือ...เจ้ารอข้าก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!หลิงอวี๋มิได้สนใจกับการยั่วยุนี้ นางมิใช่คนโง่ รู้ดีว่ายามนี้ตราบใดที่ตนบอกเจ้าวังน้อยว่าเสวี่ยหลานมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมาป่าสองตัวก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เหตุใดมิเพิ่มไปเป็นหมาป่าสี่ตัวด้วยความตื่นเต้นของหวงฝู่หมิงจูในตอนนี้ จะต้องตกลงที่จะเพิ่มไปอย่างแน่นอนเพียงแต
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋เองก็มิอยากให้เสวี่ยหลานไปตายหรอก นางแค่อยากจะลงโทษเสวี่ยหลานสักหน่อยเท่านั้นในความคิดของหลิงอวี๋ เด็กคือกระดาษเปล่าที่ไร้เดียงสาแม้ว่าเจ้าวังจะโปรดปรานเจ้าวังน้อยมาก แต่เจ้าวังก็ไม่มีทางจะติดตามเจ้าวังน้อยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งสอนและดูแลเจ้าวังน้อยคือเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมยเสวี่ยหลานเมินเฉยต่อการกระทำชั่วร้ายของเจ้าวังน้อยและมิได้สั่งสอน นี่คือการมิรับผิดชอบต่อเจ้าวังน้อยหลิงอวี๋อยากจะใช้สิ่งนี้สั่งสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่เสวี่ยหลานดูเหมือนว่ามิเคยมีผู้ใดให้คำแนะนำเช่นนี้กับหวงฝู่หมิงจู นางเอียงหัวเล็ก ๆ คิด แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นมีเหตุผล จึงเอ่ย “เช่นนั้นวันนี้เปลี่ยนเป็นเสวี่ยหลานไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะ!”“เจ้าวังน้อย อย่าไปฟังนาง นางแค่อยากแก้แค้นบ่าวที่เฆี่ยนตีนางเมื่อวานเพคะ!”เสวี่ยหลานร้องออกมาอย่างกังวล “เจ้าวังน้อย บ่าวภักดีต่อท่าน แต่สตรีมาใหม่ผู้นี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ควรจะโยนนางเข้าไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะนะเพคะ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเสวี่ยหลานคิดจะลากตนลงน้ำไปด้วย ก็เอ่ย “เจ้าวังน้อยชาญฉลาดยิ่งนัก เหตุ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เผยอวี้กับฉินซานต่างมองหน้ากัน คำพูดของเด็กถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้ แต่หลิงเฟิงเป็นคนกันเอง เขาไม่มีทางโกหก!เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน ในป่านั้นจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นแน่!“เช่นนั้นก็อย่าไปเสี่ยงเลย อดทนรอสักสองวัน!”เซียวหลินเทียนมิรู้ว่าในป่ามีอันตรายอะไรอยู่ จะให้แม่ทัพของตนไปเสี่ยงได้อย่างไรหากหลิงอวี๋กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องเข้าสู่แดนเทพ ก็จะต้องผ่านเมืองซานต้ง พวกเขาเฝ้าอยู่ที่เมืองซานต้งก็อาจจะเจอหลิงอวี๋ได้แม้ว่าจะตัดสินใจที่จะมิเสี่ยงเข้าไปในป่าแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนก็ยังพาเผยอวี้ ฉินซานและหลิงเฟิงไปสำรวจที่ภูเขาไท่กู่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นหลิงเฟิง พวกเซียวหลินเทียนต่างเป็นผู้บำเพ็ญตน ทันทีที่เข้าใกล้ป่าในภูเขาไท่กู่ ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสนามแม่เหล็กแล้วหลิงอวี๋เคยบอกกับเซียวหลินเทียนเกี่ยวกับเรื่องสนามแม่เหล็กที่เจดีย์วัดไคหยวน เซียวหลินเทียนจึงรู้ทันทีว่าป่าแห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญตนเขามิกลับไปที่เมืองซานต้ง ให้เผยอวี้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ ให้ทุกคนรอขันทีโม่กับแม่นมอูที่นี่ พลางบำเพ็ญตนไปด้วยเซียวหลิน
แม่ทัพกู่ได้ยินว่าท่านอดีตเสนาบดีจะมาส่งเสบียงด้วยตนเองก็รู้สึกดีใจมาก เขามิได้เจอท่านอดีตเสนาบดีมาหลายปีแล้ว ครานี้จะได้พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันเสียหน่อย!เซียวหลินเทียนซักถามเรื่องสถานการณ์ทางทหาร จึงได้รู้ว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ถาวรของเมืองซานต้งมีเพียงประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนที่มาหาเลี้ยงชีพในเหมืองถ่านหินเพียงแต่การขนส่งยังมิได้รับการพัฒนา กอปรกับที่เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกมักจะทำสงครามกัน เหมืองถ่านหินที่ขุดขึ้นมาจึงมิสามารถขายหรือขนส่งออกไปได้ ชีวิตของทุกคนจึงยากจนข้นแค้นเซียวหลินเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับทางเข้าสู่แดนเทพของโม่เหอ จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องนี้แทนแม่ทัพกู่จึงได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลักพาตัวไปเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาประจำการที่โม่เหอ ให้กระหม่อมให้ความสนใจกับสิ่งแปลก ๆ ในโม่เหอ กระหม่อมตั้งตัวเมืองหลวงไว้ที่เมืองซานต้งเพราะที่นี่คือสถานที่ที่มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพกู่ยื่นมือชี้ออกไปไกล ๆ “มีภูเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามสิบลี้ คนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาไท่กู่ ได้ยินมาว่า ภูเข
“หลิงเฟิง เรื่องผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า ข้าในฐานะคนนอกขอมิแสดงความคิดเห็น!”แม่ทัพกู่เอ่ยอย่างอดทน “ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า แม่ของเจ้าก็คือแม่ของเจ้า และเจ้าก็คือเจ้า! ในภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นคนแบบใด จะเดินไปในเส้นทางใด มีเพียงเจ้าที่ตัดสินใจได้ ผู้ใดก็มาทำแทนเจ้ามิได้!”“จริงสิ ที่เจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ามิใช่เจตนาของท่านอดีตเสนาบดี แต่เป็นเจตนาของพระชายา!”“นางบอกว่าท่านอดีตเสนาบดีเฉลียวฉลาดมาตลอดชีวิต นางมิอยากเห็นตระกูลหลิงมีลูกที่อกตัญญู นางหวังให้พวกเจ้าพี่น้องใช้ความสามารถเป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงได้!”หลิงเฟิงถือจดหมายของท่านอดีตเสนาบดีและอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งคืน เขาเชื่อในอุปนิสัยของท่านอดีตเสนาบดี เขาจะไม่มีวันจงใจใส่ร้ายแม่ของตนเพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋แน่หลิงเยี่ยนกับหวางซือตายไปหมดแล้ว จากนี้ไปเขาจะเป็นเสาหลักของบ้านรอง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบของบ้านรองหลิงอวี๋สามารถฝึกฝนตนโดยมิคำนึงถึงความแค้นในอดีตได้ พี่หญิงผู้นี้ เขามิยอมรับก็ต้องยอมรับ!แม้ว่าหลิงเฟิงจะยังมีปมในใจอยู่บ้าง แต่ก็มิสามารถต้านทานหลิงอวี๋ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วบุญคุณความแค้นของรุ่นพ่อแม่มิควรมา
แม้ว่าที่ดินที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้บางแห่งจะมิสามารถเพาะปลูกได้ แต่นั่นก็เกิดจากการที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาตลอดหลายปีขอเพียงตั้งใจที่จะจัดการ มิกี่ปีหลังจากนี้ที่ดินเหล่านี้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์เซียวหลินเทียนเดินไปก็จดบันทึกสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของแต่ละสถานที่ไปกระทั่งวันรุ่งขึ้นมาถึงเมืองซานต้ง เซียวหลินเทียนเดินทางไกลเห็นบ้านเรือนที่ทรุดโทรมมากมาย ที่นี่เป็นตัวเมืองของโม่เหออยู่แล้ว แต่ก็ยังดูเงียบเหงาอยู่ดีเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดต่อแม่ทัพกู่ก่อนหน้านี้แม่ทัพกู่ประจำการอยู่ที่ชายแดน อย่างน้อยก็มิต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์ ตนกลับส่งเขามาอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เพียงแค่มองบ้านเรือนเหล่านี้ก็สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่พวกแม่ทัพกู่ต้องอยู่ที่นี่ได้แล้ว!องครักษ์ของจ้าวซวนวิ่งไปแจ้งแม่ทัพกู่ก่อน แม่ทัพกู่จึงพารองแม่ทัพหลายคนออกมาต้อนรับหนึ่งในนั้นคือหลิงเฟิงพี่ชายต่างแม่ของหลิงอวี๋หลิงเฟิงถูกหลิงอวี๋วางแผนลับ ๆ ส่งให้มาอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพกู่ให้แม่ทัพกู่ฝึกฝนก่อนหน้านี้คนผู้นี้คิดว่า ท่านอดีตเสนาบดีทำให้ตนต้องมาทนทุกข์ทรมาน จึงมิพอใจการกระทำนี้ของท