นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เผยอวี้กับฉินซานต่างมองหน้ากัน คำพูดของเด็กถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้ แต่หลิงเฟิงเป็นคนกันเอง เขาไม่มีทางโกหก!เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน ในป่านั้นจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นแน่!“เช่นนั้นก็อย่าไปเสี่ยงเลย อดทนรอสักสองวัน!”เซียวหลินเทียนมิรู้ว่าในป่ามีอันตรายอะไรอยู่ จะให้แม่ทัพของตนไปเสี่ยงได้อย่างไรหากหลิงอวี๋กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องเข้าสู่แดนเทพ ก็จะต้องผ่านเมืองซานต้ง พวกเขาเฝ้าอยู่ที่เมืองซานต้งก็อาจจะเจอหลิงอวี๋ได้แม้ว่าจะตัดสินใจที่จะมิเสี่ยงเข้าไปในป่าแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนก็ยังพาเผยอวี้ ฉินซานและหลิงเฟิงไปสำรวจที่ภูเขาไท่กู่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นหลิงเฟิง พวกเซียวหลินเทียนต่างเป็นผู้บำเพ็ญตน ทันทีที่เข้าใกล้ป่าในภูเขาไท่กู่ ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสนามแม่เหล็กแล้วหลิงอวี๋เคยบอกกับเซียวหลินเทียนเกี่ยวกับเรื่องสนามแม่เหล็กที่เจดีย์วัดไคหยวน เซียวหลินเทียนจึงรู้ทันทีว่าป่าแห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญตนเขามิกลับไปที่เมืองซานต้ง ให้เผยอวี้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ ให้ทุกคนรอขันทีโม่กับแม่นมอูที่นี่ พลางบำเพ็ญตนไปด้วยเซียวหลิน
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋เองก็มิอยากให้เสวี่ยหลานไปตายหรอก นางแค่อยากจะลงโทษเสวี่ยหลานสักหน่อยเท่านั้นในความคิดของหลิงอวี๋ เด็กคือกระดาษเปล่าที่ไร้เดียงสาแม้ว่าเจ้าวังจะโปรดปรานเจ้าวังน้อยมาก แต่เจ้าวังก็ไม่มีทางจะติดตามเจ้าวังน้อยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งสอนและดูแลเจ้าวังน้อยคือเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมยเสวี่ยหลานเมินเฉยต่อการกระทำชั่วร้ายของเจ้าวังน้อยและมิได้สั่งสอน นี่คือการมิรับผิดชอบต่อเจ้าวังน้อยหลิงอวี๋อยากจะใช้สิ่งนี้สั่งสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่เสวี่ยหลานดูเหมือนว่ามิเคยมีผู้ใดให้คำแนะนำเช่นนี้กับหวงฝู่หมิงจู นางเอียงหัวเล็ก ๆ คิด แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นมีเหตุผล จึงเอ่ย “เช่นนั้นวันนี้เปลี่ยนเป็นเสวี่ยหลานไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะ!”“เจ้าวังน้อย อย่าไปฟังนาง นางแค่อยากแก้แค้นบ่าวที่เฆี่ยนตีนางเมื่อวานเพคะ!”เสวี่ยหลานร้องออกมาอย่างกังวล “เจ้าวังน้อย บ่าวภักดีต่อท่าน แต่สตรีมาใหม่ผู้นี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ควรจะโยนนางเข้าไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะนะเพคะ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเสวี่ยหลานคิดจะลากตนลงน้ำไปด้วย ก็เอ่ย “เจ้าวังน้อยชาญฉลาดยิ่งนัก เหตุ
เสวี่ยหลานรู้สึกว่าแขนของนางถูกหมาป่าหิมะข่วน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าวังน้อย ก็มิสนใจที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนแล้วหลบไปด้านข้างตามคำแนะนำหลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานถูกหมาป่าหิมะสองตัวไล่ล่าจนมิสามารถเข้าใกล้กริชได้อย่างเย็นชา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างเยาะเย้ยเสวี่ยหลานมีวรยุทธ์ก็ยังถูกหมาป่าหิมะไล่ล่าจนตื่นตระหนก หากเปลี่ยนเป็นตนลงไป เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลนานแล้ว!หลังจากต่อสู้กันสักพัก ในที่สุดเสวี่ยหลานก็มีเวลาไปคว้ากริชได้เจ้าวังน้อยจึงตะโกนอย่างตื่นเต้น “สังหารมัน… สังหารมัน!”เสวี่ยหลานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างยั่วยุแต่ก็มีความหมายแฝงแม้ว่านางจะมิได้พูด แต่หลิงอวี๋ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น มันก็คือ...เจ้ารอข้าก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!หลิงอวี๋มิได้สนใจกับการยั่วยุนี้ นางมิใช่คนโง่ รู้ดีว่ายามนี้ตราบใดที่ตนบอกเจ้าวังน้อยว่าเสวี่ยหลานมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมาป่าสองตัวก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เหตุใดมิเพิ่มไปเป็นหมาป่าสี่ตัวด้วยความตื่นเต้นของหวงฝู่หมิงจูในตอนนี้ จะต้องตกลงที่จะเพิ่มไปอย่างแน่นอนเพียงแต
ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็มิสามารถคิดอะไรได้อีก นางกระโดดลงไปในหลุม กลิ้งตัวลงบนพื้นสองสามครั้ง แล้วกลิ้งพุ่งไปหาแม่หมาป่าตั้วนั้นแม่หมาป่ายังคงหายใจอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาสีเขียวก็รื้น และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา“เจ้าอดทนไว้ ข้าจะช่วยลูกของเจ้า!”หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก นางกลั้นน้ำตาไว้แล้วผลักเสวี่ยหลานออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นและยื่นมือออกไปเปิดท้องของแม่หมาป่าตามรอยมีดแม่หมาป่ามิไหวแล้ว หากมิเอาลูกหมาป่าออกจากท้องให้ทันเวลา ลูกหมาป่าก็จะสิ้นใจอยู่ในร่างของแม่หลิงอวี๋หยิบลูกหมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากท้องของแม่หมาป่า มันตายแล้ว มันถูกเสวี่ยหลานแทงจนตายแล้วก็อีกหนึ่งตัว และอีกหนึ่ง...ในท้องของแม่หมาป่ามีลูกทั้งหมดหกตัว แต่มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกหมาป่าสองตัวขดตัวอย่างสั่น ๆ ขนที่ตัวยังมองเห็นสีมิชัดเจน ล้วนถูกเลือดของแม่หมาป่าย้อมเป็นสีแดงไปหมด“ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”หลิงอวี๋อุ้มลูกหมาป่าทั้งสองไปไว้ข้างกายแม่หมาป่าทั้งน้ำตา ดวงตาสีเขียวของแม่หมาป่าสะท้อนภาพลูกทั้งสอง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบดวงตาของมัน“บรู๊ว…”มันใช้แรงที่เหลือผลักลูกหมาป่าทั้งสองตัวเข
ที่ไหล่ของเสวี่ยหลานมีชิ้นเนื้อหายไป ทั่วทั้งร่างกายก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานนางขวางทางหลิงอวี๋ แล้วมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชา หลิงอวี๋เองก็สบตานางอย่างมิยอมแพ้เช่นกัน...ทั้งสองจ้องมองกันและกัน แล้วเสวี่ยหลานก็เอ่ยอย่างมิพอใจ “นางสารเลว ข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ รอข้าก่อน ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”นี่นับเป็นการท้าทายหรือไม่?หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “มิรู้ว่าใครกันแน่ที่จะตายทั้งเป็น! เจ้ามีกลอุบายใดก็งัดออกมา ข้ามิกลัวเจ้าหรอก!”“เสวี่ยหลาน!”นางรับใช้คนหนึ่งตะโกนมาไกล ๆ เสวี่ยหลานจึงทำได้เพียงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงอวี๋อุ้มหมาป่าน้อยสองตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับไปที่เรือน เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นเลือดบนตัวของหลิงอวี๋ ก็ล้วนตกใจจนหลบอยู่ไกล ๆปี้เอ๋อร์ก็กลัวหมาป่าน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหมาป่าน้อยสองตัวนอนเชื่องอยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ก็กล้ามากขึ้นนางหาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาให้หลิงอวี๋พันตัวหมาป่าน้อยสองตัว แล้วช่วยหลิงอวี๋หาอ่างน้ำร้อนมาหลิงอวี๋ทำความสะอาดหมาป่าน้อยทั้งสองอย่างอดทนสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ลูกหมาป่าทั้งสองตัวม
คำเตือนของเสวี่ยเหมยและการเหลือบมองก่อนจะไปทำให้หลิงอวี๋ระมัดระวังขึ้นมาทันทีนางเพิ่งมา แม้แต่นางกำนัลเหล่านี้ก็ล้วนมิรู้จักแต่เสวี่ยหลานเป็นคนดังต่อหน้าหวงฝู่หมิงจู นางกำนัลเหล่านี้จะต้องถูกอำนาจของนางบีบให้มาช่วยนางทำร้ายตนอย่างแน่นอน!การจะทำสิ่งใดเพียงคนเดียวนั้นยากนัก!หลิงอวี๋มิรู้ว่าเสวี่ยหลานจะจัดการกับตนอย่างไร อยากจะป้องกันก็มิรู้ว่าจะป้องกันอย่างไรหลิงอวี๋กลับมาที่ห้องของตน เห็นหมาป่าน้อยสองตัวที่ดูเหมือนจะได้กลิ่นนม ต่างก็เดินไปอยู่หน้ากระปุกนมแล้วโน้มไปหากระปุกนมท่าทางโน้มตัวไปข้างหน้านั้นช่างน่ารักนัก เห็นแล้วหลิงอวี๋ก็ใจอ่อนหลิงอวี๋มิสนใจจะคิดเรื่องของตน แล้วหาจานมารินนมหมาป่าน้อยสองตัวกินนมบนจานหมดในทันทีหลิงอวี๋ก็รินนมให้พวกมันต่อ หลังจากกินนมไปครึ่งกระปุก หมาป่าน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้วมุดเข้าไปในเสื้อผ้าเก่าที่ปี้เอ๋อร์นำมาให้และผล็อยหลับไปหลิงอวี๋ทำความสะอาดสิ่งตกค้างบนพื้นแล้วนอนลงบนเตียง ครุ่นคิดว่าเสวี่ยหลานจะใช้กลอุบายอะไรมาตอบโต้ตนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงลูกปัดสีเขียวที่แม่หมาป่าให้ไว้ในมือของตน หลิงอวี๋จึงหยิบออกมาลูกปัดนี้เป็
กระทั่งนางกำนัลเหล่านั้นหายกันไป หลิงอวี๋ก็หันหลังเดินกลับ รู้สึกว่ามือเย็นจู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมาเมื่อครู่นางวางลูกปัดสีเขียวไว้บนเตียง ก็มิได้ยินที่นางกำนัลพูดกันต่อมาเมื่อถือลูกปัดสีเขียวไว้ในมืออีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงนางกำนัลคุยกันหรือว่าที่การได้ยินของตนดีถึงเพียงนี้ก็เพราะลูกปัดสีเขียวนี้?หลิงอวี๋ตื่นเต้นทันที หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ลูกปัดสีเขียวนี้ก็คือสมบัติล้ำค่า!เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน หลิงอวี๋จึงถือลูกปัดสีเขียวแล้วเดินต่อ ผลก็คือได้ยินนางกำนัลพูดกันอีก“หยวนตง ข้าว่าพี่เสวี่ยเหมยดีกับสตรีผู้นั้นมากนะ เราทำเช่นนี้จะทำให้พี่เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองหรือไม่?”“พี่เสวี่ยเหมยก็ดีต่อเราเช่นกัน เทียบกับพี่เสวี่ยหลานแล้ว ข้าชอบพี่เสวี่ยเหมยมากกว่า!”นางกำนัลอีกคนส่งเสียงเย็นชา “เสวี่ยเหมยก็มิใช่คนดีเช่นกัน นางดึงพวกเราไว้ก็แค่มิอยากให้พวกเราไปเข้าข้างเสวี่ยหลาน!”“เจ้ามาทีหลัง เจ้ามิรู้ว่าเสวี่ยเหมยมีความแค้นต่อเสวี่ยหลาน คนรักของนางตายด้วยน้ำมือของเสวี่ยหลานนางต้องการให้เสวี่ยหลานตาย!”ประเดี๋ยวหลิงอวี๋ก็อยู่ใกล้ ประเดี๋ยวก็อยู่ไกล พยายามลองลูกปัดสีเขียวของตนสุดท้
“ว๊าย… มีงู...”หลิงอวี๋เพิ่งกลับเรือนไปได้มินาน ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังก้องเหนือเรือนชูอวิ๋น“ช่วยด้วย!”เสียงกรีดร้องของหยวนตงดังขึ้น หลิงอวี๋ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงเรือนที่หยวนตงและหลิงอวี๋อาศัยอยู่นั้นค่อนข้างห่างไกล หากไม่มีความช่วยเหลือจากลูกปัดสีเขียว หลิงอวี๋ก็ไม่มีทางได้ยินหลิงอวี๋แสร้งทำเป็นมิได้ยิน ยังคงนอนโดยเอาผ้าห่มคลุมไว้“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”นางกำนัลที่อยู่ใกล้เคียงพากันตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าออกมาตรวจสอบหลิงอวี๋ก็แสร้งทำเป็นตกใจตื่น นางสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกมา ผมยาวของนางยังคงปล่อยสยาย ดูง่วงนอน“พี่อาอวี๋ ได้ยินมาว่ามีงูเข้ามา กัดพี่หยวนชุนตายไปแล้ว!”ปี้เอ๋อร์วิ่งมาด้วยท่าทางหวาดกลัวแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋“มีงูได้อย่างไรกัน?”หลิงอวี๋ดูท่าทางหวาดกลัว กอดแขนของตนไว้แน่น “ข้ากลัวงูที่สุดเลย! เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิ!”“ข้าก็กลัวเช่นกัน!”ปี้เอ๋อร์กอดแขนของหลิงอวี๋ไว้ ทั้งสองต่างก็เกาะกันมินานเสียงกรีดร้องก็หยุดลง หยวนชุนก็ถูกงูขาวน้อยกัดจนตายไปแล้วมีนางกำนัลรีบวิ่งไปรายงานเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมย ทั้งสองจึงรีบพาพวกนางกำน
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต