แดนปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพ ในช่วงมิกี่ร้อยปีที่มานี้พวกตระกูลใหญ่ ๆ ในแดนปีศาจยอมจำนนต่อการควบคุมของตระกูลหลง ซึ่งก็เพราะเกรงกลัวมหาเทพที่มีสถานะดั่งเทพเจ้าหากข่าวว่ามหาเทพสวรรคตแล้วแพร่ออกไป เหล่าปีศาจและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นผู้ใดจะยังเชื่อฟังตระกูลหลงอีก!ถึงเวลานั้น ห้าตระกูลใหญ่ในแดนปีศาจล้วนต้องจะตกอยู่ในการต่อสู้ดังนั้น เพื่อปกป้องอำนาจทางราชสำนัก หลงหมิงกับตระกูลเก๋อจึงมิยอมให้หยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไปและเปิดโปงการมีอยู่ของมหาเทพต่อให้หลงหมิงจะชอบหลานฮุ่ยจวนมากเพียงใด ก็มิสำคัญสำหรับเขาเท่ากับตระกูลของตน ดังนั้นเขาจึงมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นและสังหารหลานฮุ่ยจวนด้วยตนเอง“เมื่อดูจากที่หลานฮุ่ยจวนหนีออกจากแดนปีศาจพร้อมกับหยกหล้าสุขาวดีในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แล้ว ในแดนปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หลงหมิงกับตระกูลเก๋อรักษาความลับได้ดี!”แม่นมอูหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “แต่เก๋อเทียนซือถูกท่านโจมตีได้รับบาดเจ็บหนีกลับไป พวกเขาทุกคนจะรู้ว่าหยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน!”“หลิงอวี๋ ความสามารถของท่านในตอนนี้หากปะทะกับพวกเขาก็เป็นเช่นไข่กะเทาะกับก้อนหิน ช่างเป
ขันทีโม่เห็นใบหน้าหดหู่ของหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมา “สาวน้อย ข้าหาได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ากลัวไม่ อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ!”“ตระกูลเหล่านี้ก็เหมือนกับตระกูลใหญ่ในฉินตะวันตกของพวกเจ้า มิแน่ว่าทุกตระกูลที่จะมีความทะเยอทะยานที่จะครองแผ่นดิน และมิใช่ทุกตระกูลจะเป็นศัตรูของเจ้า!”“อีกอย่าง หยกหล้าสุขาวดีก็เข้ากันได้กับสายเลือดของเจ้า มิใช่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะเอาหยกหล้าสุขาวดีไปได้ดังที่เจ้าคิด!”แม่นมอูก็เหลือบมองหลิงอวี๋อย่างดูถูกเช่นกัน “รู้จักเศษพระธาตุหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้าโดยมิรู้ตัวว่ากันว่าเศษพระธาตุเป็นการตกผลึกของพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงหลังจากละสังขารโดยการนั่งสมาธิหรือหลังจากการเผาศพแม่นมอูเอ่ยอย่างเย็นชา “ความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีกับเศษพระธาตุก็คือ มันมิได้มาจากการเผาศพของท่าน!”“หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณ จะต้องละลายเลือดเนื้อของท่านด้วยโอสถในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จึงจะได้มา มิเช่นนั้น หยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของท่าน!”“กุญแจสำคัญในการได้รับหยกหล้าสุขาวดีก็คือโอสถ โอสถชนิดนี้จะพบได้ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อีกทั
จ้าวฮุยมองไปทางลู่หนานอย่างเคียดแค้น แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ปากก็ยังคงตะโกนออกไปอย่างเข้มแข็ง“แม่ทัพลู่ ข้าทำให้องค์จักรพรรดิต้องทรงผิดหวังในความไว้วางพระทัยนี้ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเหนือ ความเป็นความตายของข้ามิเพียงพอให้เอ่ยถึง แม่ทัพลู่บอกองค์จักรพรรดิเถิดว่าให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมก่อน!”องค์ชายอิงก็ตะโกนไปเช่นกัน “แม่ทัพลู่ ข้าเคารพจักรพรรดิของพวกเจ้าในฐานะบุรุษ ในเมื่อเขาเสนอให้แข่งขัน เช่นนั้นก็มาแข่งขันกัน!”“ยามเที่ยงในวันพรุ่ง เราจะประลองกันต่อหน้ากองทัพทั้งสอง!”“หากข้าแพ้ ข้าจะปล่อยอัครเสนาบดีจ้าวกลับไปตามคำขอของจักรพรรดิพวกเจ้า!”“ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิของพวกเจ้าจะพูดคำไหนคำนั้นเช่นกัน!”องค์ชายอิงไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมรับคำท้าของเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้เขาได้นัดหมายกับองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกให้มาจัดการกับเซียวหลินเทียนด้วยกันแล้ว แต่องค์ชายหนิงถูกเซียวหลินเทียนกับคนของจักรพรรดิเยี่ยนหนานโจมตีจนมิสามารถดูแลตนเองได้ จึงทรยศต่อความภักดีมิมาช่วยเหลือตนแล้วส่วนทางด้านเยวี่ยใต้ได้ยึดครองป้อมยุทธศาสตร์สำคัญไว้ ในช่วงเวลานี้มิสามารถโจมตีไ
ท่าทางออกรบที่น่าเกรงขามของเซียวหลินเทียนสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารฉินตะวันตก ภายใต้การนำของจ้าวซวน พวกเขาต่างก็โห่ร้องและโบกกระบี่ไปพร้อมกัน“องค์จักรพรรดิทรงอำนาจ!”“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”เมื่อทหารจากเว่ยเหนือได้ยินสิ่งนี้ ก็ตะโกนมาอย่างมิแสดงความอ่อนแอ “จักรพรรดิของเราทรงอำนาจ... เว่ยเหนือจะต้องคว้าชัย!”ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งขันกัน คนหนึ่งตะโกนอีกคนหนึ่งก็ตะโกนให้ดังกว่า“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”“เว่ยเหนือต้องคว้าชัย!”เสียงตะโกนดังเพิ่มขึ้นทีละนิด ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนกันจนหน้าแดงคอเกร็ง แต่ก็ยังคงตะโกนกันต่อไปหลังจากตะโกนกันไปหลายสิบครั้ง สีหน้าขององค์ชายอิงก็เปลี่ยนไปแม้ว่าเสียงทหารฝ่ายตนจะดัง แต่ก็ค่อย ๆ มิสม่ำเสมอเป็นเสียงเดียวกัน ราวกับพวกอันธพาลที่อยู่ตามท้องถนนที่ตะโกนส่งเสียงดังแต่ทางฝั่งฉินตะวันตก เสียงมีความสม่ำเสมอพร้อมเพรียง ในบรรดาปากนับมิถ้วนนั้นราวกับสื่อสารด้วยสมองเดียวกัน มีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ต้นจนจบแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเสียงตะโกน แต่ก็สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของทหารได้กองทัพของฉินตะวันตกมีความเข้มงวดในการบัญชาการกองทัพ มีความตั้งใจให้สมบ
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
ท่าทางออกรบที่น่าเกรงขามของเซียวหลินเทียนสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารฉินตะวันตก ภายใต้การนำของจ้าวซวน พวกเขาต่างก็โห่ร้องและโบกกระบี่ไปพร้อมกัน“องค์จักรพรรดิทรงอำนาจ!”“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”เมื่อทหารจากเว่ยเหนือได้ยินสิ่งนี้ ก็ตะโกนมาอย่างมิแสดงความอ่อนแอ “จักรพรรดิของเราทรงอำนาจ... เว่ยเหนือจะต้องคว้าชัย!”ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งขันกัน คนหนึ่งตะโกนอีกคนหนึ่งก็ตะโกนให้ดังกว่า“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”“เว่ยเหนือต้องคว้าชัย!”เสียงตะโกนดังเพิ่มขึ้นทีละนิด ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนกันจนหน้าแดงคอเกร็ง แต่ก็ยังคงตะโกนกันต่อไปหลังจากตะโกนกันไปหลายสิบครั้ง สีหน้าขององค์ชายอิงก็เปลี่ยนไปแม้ว่าเสียงทหารฝ่ายตนจะดัง แต่ก็ค่อย ๆ มิสม่ำเสมอเป็นเสียงเดียวกัน ราวกับพวกอันธพาลที่อยู่ตามท้องถนนที่ตะโกนส่งเสียงดังแต่ทางฝั่งฉินตะวันตก เสียงมีความสม่ำเสมอพร้อมเพรียง ในบรรดาปากนับมิถ้วนนั้นราวกับสื่อสารด้วยสมองเดียวกัน มีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ต้นจนจบแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเสียงตะโกน แต่ก็สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของทหารได้กองทัพของฉินตะวันตกมีความเข้มงวดในการบัญชาการกองทัพ มีความตั้งใจให้สมบ
จ้าวฮุยมองไปทางลู่หนานอย่างเคียดแค้น แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ปากก็ยังคงตะโกนออกไปอย่างเข้มแข็ง“แม่ทัพลู่ ข้าทำให้องค์จักรพรรดิต้องทรงผิดหวังในความไว้วางพระทัยนี้ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเหนือ ความเป็นความตายของข้ามิเพียงพอให้เอ่ยถึง แม่ทัพลู่บอกองค์จักรพรรดิเถิดว่าให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมก่อน!”องค์ชายอิงก็ตะโกนไปเช่นกัน “แม่ทัพลู่ ข้าเคารพจักรพรรดิของพวกเจ้าในฐานะบุรุษ ในเมื่อเขาเสนอให้แข่งขัน เช่นนั้นก็มาแข่งขันกัน!”“ยามเที่ยงในวันพรุ่ง เราจะประลองกันต่อหน้ากองทัพทั้งสอง!”“หากข้าแพ้ ข้าจะปล่อยอัครเสนาบดีจ้าวกลับไปตามคำขอของจักรพรรดิพวกเจ้า!”“ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิของพวกเจ้าจะพูดคำไหนคำนั้นเช่นกัน!”องค์ชายอิงไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมรับคำท้าของเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้เขาได้นัดหมายกับองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกให้มาจัดการกับเซียวหลินเทียนด้วยกันแล้ว แต่องค์ชายหนิงถูกเซียวหลินเทียนกับคนของจักรพรรดิเยี่ยนหนานโจมตีจนมิสามารถดูแลตนเองได้ จึงทรยศต่อความภักดีมิมาช่วยเหลือตนแล้วส่วนทางด้านเยวี่ยใต้ได้ยึดครองป้อมยุทธศาสตร์สำคัญไว้ ในช่วงเวลานี้มิสามารถโจมตีไ
ขันทีโม่เห็นใบหน้าหดหู่ของหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมา “สาวน้อย ข้าหาได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ากลัวไม่ อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ!”“ตระกูลเหล่านี้ก็เหมือนกับตระกูลใหญ่ในฉินตะวันตกของพวกเจ้า มิแน่ว่าทุกตระกูลที่จะมีความทะเยอทะยานที่จะครองแผ่นดิน และมิใช่ทุกตระกูลจะเป็นศัตรูของเจ้า!”“อีกอย่าง หยกหล้าสุขาวดีก็เข้ากันได้กับสายเลือดของเจ้า มิใช่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะเอาหยกหล้าสุขาวดีไปได้ดังที่เจ้าคิด!”แม่นมอูก็เหลือบมองหลิงอวี๋อย่างดูถูกเช่นกัน “รู้จักเศษพระธาตุหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้าโดยมิรู้ตัวว่ากันว่าเศษพระธาตุเป็นการตกผลึกของพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงหลังจากละสังขารโดยการนั่งสมาธิหรือหลังจากการเผาศพแม่นมอูเอ่ยอย่างเย็นชา “ความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีกับเศษพระธาตุก็คือ มันมิได้มาจากการเผาศพของท่าน!”“หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณ จะต้องละลายเลือดเนื้อของท่านด้วยโอสถในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จึงจะได้มา มิเช่นนั้น หยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของท่าน!”“กุญแจสำคัญในการได้รับหยกหล้าสุขาวดีก็คือโอสถ โอสถชนิดนี้จะพบได้ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อีกทั
แดนปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพ ในช่วงมิกี่ร้อยปีที่มานี้พวกตระกูลใหญ่ ๆ ในแดนปีศาจยอมจำนนต่อการควบคุมของตระกูลหลง ซึ่งก็เพราะเกรงกลัวมหาเทพที่มีสถานะดั่งเทพเจ้าหากข่าวว่ามหาเทพสวรรคตแล้วแพร่ออกไป เหล่าปีศาจและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นผู้ใดจะยังเชื่อฟังตระกูลหลงอีก!ถึงเวลานั้น ห้าตระกูลใหญ่ในแดนปีศาจล้วนต้องจะตกอยู่ในการต่อสู้ดังนั้น เพื่อปกป้องอำนาจทางราชสำนัก หลงหมิงกับตระกูลเก๋อจึงมิยอมให้หยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไปและเปิดโปงการมีอยู่ของมหาเทพต่อให้หลงหมิงจะชอบหลานฮุ่ยจวนมากเพียงใด ก็มิสำคัญสำหรับเขาเท่ากับตระกูลของตน ดังนั้นเขาจึงมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นและสังหารหลานฮุ่ยจวนด้วยตนเอง“เมื่อดูจากที่หลานฮุ่ยจวนหนีออกจากแดนปีศาจพร้อมกับหยกหล้าสุขาวดีในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แล้ว ในแดนปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หลงหมิงกับตระกูลเก๋อรักษาความลับได้ดี!”แม่นมอูหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “แต่เก๋อเทียนซือถูกท่านโจมตีได้รับบาดเจ็บหนีกลับไป พวกเขาทุกคนจะรู้ว่าหยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน!”“หลิงอวี๋ ความสามารถของท่านในตอนนี้หากปะทะกับพวกเขาก็เป็นเช่นไข่กะเทาะกับก้อนหิน ช่างเป
แต่สิ่งที่แม่นมอูพูดต่อไปทำให้หลิงอวี๋รู้ว่าตนมีมุมมองที่คับแคบไปแล้วเนื่องจากผู้บำเพ็ญตนมากมายในแดนปีศาจมีชีวิตที่ยืนยาวได้ จึงมีความอดทนต่อข้อกำหนดในการแต่งงานมากเช่นนั้นจึงมีบุรุษที่มีภรรยาหลายคนมากจนนับมิถ้วน หลงหมิงอายุสิบห้าปีก็แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์แล้ว เขาแต่งงานกับคุณหนูจากตระกูลเก๋อที่มีอำนาจอีกตระกูลหนึ่งมาเป็นภรรยาหลวงครั้นเมื่อหลานฮุ่ยจวนกับแม่นมอูตกหลุมรักหลงหมิง หลงหมิงก็มีลูกชายสองคนแล้วแต่สตรีสองคนนี้ก็ยังคงหลงใหลหลงหมิง และกระโจนเข้าใส่เขาราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟแม่นมอูเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เหนือจากตระกูลใหญ่ทั้งห้า ตระกูลอูเป็นตระกูลของนักบวชหญิงในแดนปีศาจเผ่านักบวชหญิงมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในแดนปีศาจ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้สามารถจัดหาเครื่องยาสมุนไพรของแดนปีศาจที่ผู้บำเพ็ญตนต้องการได้ดังนั้นเผ่านักบวชจึงได้รับความเคารพจากเหล่าตระกูลใหญ่แม่นมอูมีสถานะสูงตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก ครอบครัวใหญ่เห็นนางก็จะต้องคำนับนางด้วยเหตุนี้นางจึงเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่เมื่อพบหลงหมิงในคราแรกก็ตกหลุมรักเสียแล้วนักบวชหญิงทุกคน
หลิงอวี๋มองอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของแม่นมอู แล้วก็นึกถึงหลานฮุ่ยจวนเมื่อนั้นหลานฮุ่ยจวนกับอู่จวิ้นหัวหน้าองครักษ์ของนางหนีออกจากแดนปีศาจมา หลานฮุ่ยจวนได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียการฝึกยุทธ์ไปอู่จวิ้นก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แล้วสุดท้ายก็ตาทั้งสองข้างก็สูญเสียการมองเห็นไปอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของแม่นมอูกับอาการบาดเจ็บของหลานฮุ่ยจวนมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่?อาจเป็นเพราะความสงสัยที่เขียนอยู่บนใบหน้าของหลิงอวี๋นั้นทำให้แม่นมอูมองออกแม่นมอูดูเหมือนจะนึกถึงเมื่อยามนั้นเช่นกัน ในดวงตาที่ขุ่นมัวสะท้อนความเกลียดชังอย่างมากออกมา“แม่นมอู ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่ท่านแม่หนีออกมาจากแดนปีศาจก็พบว่าตั้งครรภ์ ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดคือพ่อของข้า?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิใช่คนเดียวกับเจ้าของร่างเดิม และสำหรับนางแล้วบิดาผู้มีพระคุณในการให้กำเนิดตนผู้นี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ทว่าบัดนี้ตนครอบครองร่างนี้อยู่ หากนางมิระลึกถึงบุญคุณของบิดา ก็ต้องระลึกถึงบุญคุณที่หลานฮุ่ยจวนให้กำเนิดมาหลานฮุ่ยจวนถูกคนจากแดนปีศาจตามล่า ยามนี้หลิงอวี๋ครอบครองหยกหล้าสุขาวดีของนางอยู่ หากหลิงอวี๋มิรู้สาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนให
แม่นมอูหัวเราะหึ ๆ “ใต้หล้านี้ของยิ่งวิเศษก็ยิ่งหายาก! ยิ่งมิเข้าใจก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งของมัน!”“โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถือครองสมบัตินี้เป็นคนแรกสุด สถานะอันสูงส่งของเขายิ่งเพิ่มคุณค่าอันสูงส่งและหายากให้กับมัน!”แม่นมอูมองหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย “ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ถือหยกหล้าสุขาวดีคนแรกสุดคือผู้ใด?”“ผู้ใด?”หลิงอวี๋ขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัว“มหาเทพแห่งแดนปีศาจ… หลงจี้! เขาสร้างแดนปีศาจทั้งหมด พลังของเขาอยู่ในระดับเทพ ว่ากันว่าเขาอายุแปดร้อยกว่าปีแล้ว!”“มีตำนานเกี่ยวกับเขามากมายนัก เรื่องพวกนี้เอาไว้คราวหลังบ่าวะค่อย ๆ เล่าให้ท่านฟังเพคะ!”“มาพูดถึงหยกหล้าสุขาวดีกันก่อนเถิด ว่ากันว่ามันเป็นอาวุธเวทของมหาเทพ หลังจากสร้างพันธะกับมันแล้วจะสามารถเรียกพลังแห่งความโกลาหลภายในออกมาใช้เป็นประโยชน์ให้ตนได้!”“พลังแห่งความโกลาหลนี้คือพลังแห่งธรรมชาติ การเรียกลมเรียกฝนเป็นเพียงผลกระทบเล็กน้อยของมันเท่านั้น!”“การทลายภูเขาและโค่นทะเล หรือกระทั่งการพลิกกลับห้วงเวลาต่างหากจึงจะเป็นผลกระทบยิ่งใหญ่ของมัน!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตกตะลึง หยกหล้าสุขาวดีนี้มีพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?“ท่านอย่าได
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยขโมยตำราลับนี้มาจากศิษย์พี่ของตนศิษย์พี่ผู้นี้ชื่อเฉียวเค่อ อายุพอ ๆ กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่เจ้าชู้เกินไปเขาชื่นชมจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยดูถูกเขากอปรกับที่เขาไร้พรสวรรค์ทางด้านปัญญา แม้ว่าเขาจะเข้าสำนักเร็วกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่การบำเพ็ญของเขาก็มิสูงเท่ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่เฉียวเค่อมีเงินและมีสหายที่มิดีมากหลายนักปกติแล้วเมื่อได้รับของดี ๆ ก็เอามาประจบจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเคยรับอะไรไว้เลยสิ่งเดียวที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสนใจได้ก็คือตำราลับเล่มนี้แต่เฉียวเค่อกลับมิได้มอบมันให้กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหมือนกับของเล็กน้อยเหล่านั้นที่ได้รับมา แต่หลังจากที่ได้รับมาก็ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แล้วก็ซ่อนมันไว้เขาบอกว่าตำราลับนี้มิเหมาะกับการฝึกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย มันค่อนข้างเป็นวิชาที่มิดียิ่งเขามิให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ่งสนใจลงเขาครั้งนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงถือโอกาสที่เฉียวเค่อมิอยู่ขโมยตำราลับมาตำราลับนี้เป็นวิชานอกรีตดังที่เฉียวเค่อบอกไว้จริง ๆ มิเพียงแต่จะมีวิชาทางเพศเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการฝึกฝนร่วมก
“ฮองเฮา น่าเสียดายจริง ๆ เพคะ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นั้นมิหลงกล!”เมื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจากไปด้วยท่าทางหม่นหมองเช่นนี้ หลิงซวนก็เอ่ยอย่างเสียดายแต่หลิงอวี๋ทรุดตัวลงบนที่นั่งเสียงดังลั่นแม้ว่านางจะฟื้นแล้ว แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อครู่พยายามอดทนฝืนอยู่ตลอด มิได้แสดงความอ่อนแอต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“ฮองเฮา... แม่นมอูมาเร็วเข้า!”พวกหลิงซวนต่างก็ตกใจแล้วเข้ามารวมตัวกันแม่นมอูที่อยู่โถงด้านหลังเดินออกมาอย่างมิรีบมิร้อน พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “แตกตื่นกันหาปะไร พระนางมิได้เป็นอะไร!”“ข้าช่วยชีวิตพระนางไว้แล้ว การพักฟื้นที่เหลือก็มิเกี่ยวกับข้าแล้ว! ข้าจะไปแล้ว!”หลิงอวี๋หายใจแล้วรีบเอ่ย “แม่นมอยู่ต่ออีกสองสามวันได้หรือไม่! หลิงอวี๋ยังมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำจากแม่นมอีก!”“แม่นมรู้จักท่านแม่ของหลิงอวี๋ก็เห็นแก่ท่านแม่กับขันทีโม่อยู่ต่ออีกสองสามวันเถิด!”แม่นมอูมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชาและซับซ้อน หลังจากนั้นสักพักก็ส่ายหัวแล้วเอ่ย “หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน แต่ท่านกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ ช่างน่าอายเสียจริง ๆ!”“ได้ เห็นแก่พระมารดาของท่าน บ่าวจะอยู่ต่ออีกสองสามวันและให้คำแนะนำแก