“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?
ในหัวองค์ชายอิงคิดอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ยินเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิอดทน “องค์ชายอิง ข้าเคารพเจ้าในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าอย่าได้แพ้แล้วมิยอมรับเลย!”องค์ชายอิงมิสามารถแยกแยะเจตนาที่แท้จริงของเซียวหลินเทียนได้ จึงตะโกนอย่างโหดร้าย “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”เซียวหลินเทียนยิ้ม แล้วยกง้าวมังกรเขียวขึ้นมาพลางตะโกน “องค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือยอมแพ้แล้ว!”“กี๊ก ๆ…”ขณะที่ทุกคนในฉินตะวันตกรู้สึกเสียดายที่เซียวหลินเทียนมิสามารถสังหารองค์ชายอิงได้ทันเวลา เสียงร้องของนกเหยี่ยวก็ดังมาจากท้องฟ้าทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปแล้วก็เห็นนกเหยี่ยวสีดำขนาดใหญ่ขององค์ชายอิงโฉบลงมาจากที่สูง แล้วพุ่งเข้าใส่เซียวหลินเทียนปีกของเฮยอิงพัดพาลมแรงไปทางเซียวหลินเทียน คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เซียวหลินเทียนตกลงจากหลังม้านกที่ดุร้ายเช่นนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย หากถูกมันฟาดเข้า เซียวหลินเทียนมิตกจากม้าก็ต้องถูกฟาดได้รับบาดเจ็บเซียวหลินเทียนไหนเลยจะถูกมันฟาดบาดเจ็บได้ เขาเหวี่ยงง้าวมังกรเขียวกระแทกพลังใส่เฮยอิงกระเด็นไปแต่เฮยอิงตัวนี้ทรงพลังมากจริง ๆ มันเอียวงตัว หมุนครึ่งวงกลมกลางอากาศ แล้วหันกลับไปโจมตีเซียวหลินเทียน
องค์ชายอิงรอให้เซียวหลินเทียนตกจากหลังม้าแล้วค่อยสังหารเซียวหลินเทียน!อาวุธลับที่บางราวกับขนวัวเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากทหารของทั้งสองกองทัพมากจนไม่มีใครมองเห็นและไม่มีทางที่จะมีใครคิดว่าองค์ชายอิงลอบวางแผนทำร้ายเซียวหลินเทียนด้วย!เซียวหลินเทียนเห็นอาวุธลับมากมายโจมตีมาทางเขา ในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยจุดแสงสีน้ำเงินเต็มไปหมด...เขาย่อมรู้ว่าอาวุธลับเหล่านี้มีพิษ แต่กะทันหันเช่นนี้จะเลี่ยงได้อย่างไรเล่า?ระยะทางใกล้เช่นนี้ ไม่มีเวลาให้เขาหลบหนีได้!เมื่อจ้าวฮุยเห็นภาพนี้ ก็ทำได้เพียงยกแขนขึ้นและตะโกนอย่างตื่นเต้นเท่านั้นเขาเป็นเพียงผู้เดียวในที่เกิดเหตุที่รู้ว่าการแยกหัวหอกขององค์ชายอิงออกนั้นหมายถึงอะไร!เพราะเขาเป็นคนเสนอแนะให้องค์ชายอิงดัดแปลงหอกนี้ ยาพิษที่แช่อยู่ในนั้นเขาก็เป็นคนส่งให้กับองค์ชายอิงด้วย!พิษชนิดนี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะอยู่ที่นี่ แต่หากคิดจะแก้พิษให้เซียวหลินเทียนก็ต้องใช้เวลา มิต้องพูดถึงว่าองค์ชายอิงไม่มีทางให้เวลาเซียวหลินเทียนได้แก้พิษหรอก!เซียวหลินเทียน เจ้าเองก็มีวันนี้เช่นกัน!ฮ่า ๆ ๆ!จ้าวฮุยพยายามระงับความอยากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเอาไว้ และกำลังคิ
คำพูดดูหมิ่นของทหารเว่ยเหนือทำให้ทหารฉินตะวันตกทั้งกังวลทั้งโกรธ อยากจะไปสังหารองค์ชายอิงแทนเซียวหลินเทียนเสียเดี๋ยวนั้นพวกเขาทั้งหมดมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างทั้งคาดหวังทั้งโกรธ และตะโกนในใจ ‘องค์จักรพรรดิโจมตีเถิดพ่ะย่ะค่ะ! อย่าให้พวกเขาดูถูกฉินตะวันตกของเรา!’‘ถึงแม้จะต้องตาย ก็ต้องต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เอาแต่หดหัวอยู่แล้วนับเป็นวีรบุรุษอะไรกัน!’ทหารของทั้งสองกองทัพต่างก็มีเรื่องในใจของตน ทหารของเว่ยเหนือมีขวัญกำลังใจสูงมาก ในขณะที่ทหารของฉินตะวันตกเงียบไปหมดทันใดนั้น เซียวหลินเทียนให้องค์ชายอิงห้ากระบวนท่าไปแล้ว เขาจึงยิ้มพลางเอ่ยกับองค์ชายอิง “องค์ชายอิง ห้ากระบวนท่าครบแล้ว ข้าได้รักษาสัญญาแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะมิยอมให้เจ้าแล้ว!”องค์ชายอิงใบหน้ามืดมน มิพูดอะไร จากนั้นก็ใช้หอกยาวนั้นเป็นดาบ แทงไปที่ท้องม้าของเซียวหลินเทียนห้ากระบวนท่าเมื่อครู่นี้ เดินทีเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจที่จะฉวยโอกาสตอนที่เซียวหลินเทียนมิโจมตีสังหารเซียวหลินเทียนไปเสีย แต่ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนมิได้สู้กลับ แต่เขามีฝีมือคล่องแคล่วราวกับมังกรว่ายน้ำจนตนมิสามารถแทงเขาได้เลยห้ากระบวนท่านี้สู
องค์ชายอิงยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “จงวางใจ หากข้าแพ้เพราะทักษะด้อยกว่าผู้อื่น ข้าก็ย่อมมอบอัครเสนาบดีจ้าวคืนให้กับพวกเจ้าอย่างนอบน้อม!”“คนสารเลวที่ทรยศต่อแคว้นและแสวงหาความรุ่งเรืองเช่นนี้ ข้ายังจะต้องเลี้ยงเขาต่อจนข้ามปีอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนใจเต้นเมื่อเห็นองค์ชายอิงเปิดโปงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของจ้าวฮุยออกมาอย่างมิปิดบังเขากำลังกังวลมิรู้ว่าควรจะตรวจสอบพฤติกรรมทรยศต่อแคว้นของจ้าวฮุยอย่างไรดี ไหนเลยจะคาดคิดว่าองค์ชายอิงจะพูดออกมาเช่นนี้เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “องค์ชายอิง ข้ามีคำขอ เราเพิ่มหนึ่งข้อในการเดิมพันของเราได้หรือไม่…”“ข้าให้เจ้าห้ากระบวนท่า หากเจ้าแพ้ ก็จงเปิดเผยต่อหน้าทหารของข้าว่าจ้าวฮุยได้ทรยศต่อฉินตะวันตก!”“องค์ชายอิง เจ้ามิสามารถทนต่อคนทรยศแคว้นแสวงหาความรุ่งเรืองเช่นนี้ได้ ฉินตะวันตกของข้าก็ทนมิได้เช่นกัน!”“ห้ากระบวนท่าแลกกับคำให้การของเจ้า เช่นนี้เป็นประโยชน์และมิเป็นอันตรายต่อเจ้า!"เซียวหลินเทียนพยายามโน้มน้าวองค์ชายอิงสีหน้าขององค์ชายอิงเปลี่ยนไป เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ได้ ข้าตกลงเพิ่มเงื่อนไขนี้!” แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้องค์ชายอิง
ท่าทางออกรบที่น่าเกรงขามของเซียวหลินเทียนสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารฉินตะวันตก ภายใต้การนำของจ้าวซวน พวกเขาต่างก็โห่ร้องและโบกกระบี่ไปพร้อมกัน“องค์จักรพรรดิทรงอำนาจ!”“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”เมื่อทหารจากเว่ยเหนือได้ยินสิ่งนี้ ก็ตะโกนมาอย่างมิแสดงความอ่อนแอ “จักรพรรดิของเราทรงอำนาจ... เว่ยเหนือจะต้องคว้าชัย!”ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งขันกัน คนหนึ่งตะโกนอีกคนหนึ่งก็ตะโกนให้ดังกว่า“ฉินตะวันตกต้องคว้าชัย!”“เว่ยเหนือต้องคว้าชัย!”เสียงตะโกนดังเพิ่มขึ้นทีละนิด ทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนกันจนหน้าแดงคอเกร็ง แต่ก็ยังคงตะโกนกันต่อไปหลังจากตะโกนกันไปหลายสิบครั้ง สีหน้าขององค์ชายอิงก็เปลี่ยนไปแม้ว่าเสียงทหารฝ่ายตนจะดัง แต่ก็ค่อย ๆ มิสม่ำเสมอเป็นเสียงเดียวกัน ราวกับพวกอันธพาลที่อยู่ตามท้องถนนที่ตะโกนส่งเสียงดังแต่ทางฝั่งฉินตะวันตก เสียงมีความสม่ำเสมอพร้อมเพรียง ในบรรดาปากนับมิถ้วนนั้นราวกับสื่อสารด้วยสมองเดียวกัน มีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ต้นจนจบแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเสียงตะโกน แต่ก็สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของทหารได้กองทัพของฉินตะวันตกมีความเข้มงวดในการบัญชาการกองทัพ มีความตั้งใจให้สมบ
จ้าวฮุยมองไปทางลู่หนานอย่างเคียดแค้น แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ปากก็ยังคงตะโกนออกไปอย่างเข้มแข็ง“แม่ทัพลู่ ข้าทำให้องค์จักรพรรดิต้องทรงผิดหวังในความไว้วางพระทัยนี้ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเว่ยเหนือ ความเป็นความตายของข้ามิเพียงพอให้เอ่ยถึง แม่ทัพลู่บอกองค์จักรพรรดิเถิดว่าให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมก่อน!”องค์ชายอิงก็ตะโกนไปเช่นกัน “แม่ทัพลู่ ข้าเคารพจักรพรรดิของพวกเจ้าในฐานะบุรุษ ในเมื่อเขาเสนอให้แข่งขัน เช่นนั้นก็มาแข่งขันกัน!”“ยามเที่ยงในวันพรุ่ง เราจะประลองกันต่อหน้ากองทัพทั้งสอง!”“หากข้าแพ้ ข้าจะปล่อยอัครเสนาบดีจ้าวกลับไปตามคำขอของจักรพรรดิพวกเจ้า!”“ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิของพวกเจ้าจะพูดคำไหนคำนั้นเช่นกัน!”องค์ชายอิงไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมรับคำท้าของเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้เขาได้นัดหมายกับองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออกให้มาจัดการกับเซียวหลินเทียนด้วยกันแล้ว แต่องค์ชายหนิงถูกเซียวหลินเทียนกับคนของจักรพรรดิเยี่ยนหนานโจมตีจนมิสามารถดูแลตนเองได้ จึงทรยศต่อความภักดีมิมาช่วยเหลือตนแล้วส่วนทางด้านเยวี่ยใต้ได้ยึดครองป้อมยุทธศาสตร์สำคัญไว้ ในช่วงเวลานี้มิสามารถโจมตีไ
ขันทีโม่เห็นใบหน้าหดหู่ของหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมา “สาวน้อย ข้าหาได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ากลัวไม่ อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิ!”“ตระกูลเหล่านี้ก็เหมือนกับตระกูลใหญ่ในฉินตะวันตกของพวกเจ้า มิแน่ว่าทุกตระกูลที่จะมีความทะเยอทะยานที่จะครองแผ่นดิน และมิใช่ทุกตระกูลจะเป็นศัตรูของเจ้า!”“อีกอย่าง หยกหล้าสุขาวดีก็เข้ากันได้กับสายเลือดของเจ้า มิใช่ว่าสังหารเจ้าแล้วจะเอาหยกหล้าสุขาวดีไปได้ดังที่เจ้าคิด!”แม่นมอูก็เหลือบมองหลิงอวี๋อย่างดูถูกเช่นกัน “รู้จักเศษพระธาตุหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้าโดยมิรู้ตัวว่ากันว่าเศษพระธาตุเป็นการตกผลึกของพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงหลังจากละสังขารโดยการนั่งสมาธิหรือหลังจากการเผาศพแม่นมอูเอ่ยอย่างเย็นชา “ความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีกับเศษพระธาตุก็คือ มันมิได้มาจากการเผาศพของท่าน!”“หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณ จะต้องละลายเลือดเนื้อของท่านด้วยโอสถในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จึงจะได้มา มิเช่นนั้น หยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของท่าน!”“กุญแจสำคัญในการได้รับหยกหล้าสุขาวดีก็คือโอสถ โอสถชนิดนี้จะพบได้ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อีกทั
แดนปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพ ในช่วงมิกี่ร้อยปีที่มานี้พวกตระกูลใหญ่ ๆ ในแดนปีศาจยอมจำนนต่อการควบคุมของตระกูลหลง ซึ่งก็เพราะเกรงกลัวมหาเทพที่มีสถานะดั่งเทพเจ้าหากข่าวว่ามหาเทพสวรรคตแล้วแพร่ออกไป เหล่าปีศาจและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นผู้ใดจะยังเชื่อฟังตระกูลหลงอีก!ถึงเวลานั้น ห้าตระกูลใหญ่ในแดนปีศาจล้วนต้องจะตกอยู่ในการต่อสู้ดังนั้น เพื่อปกป้องอำนาจทางราชสำนัก หลงหมิงกับตระกูลเก๋อจึงมิยอมให้หยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไปและเปิดโปงการมีอยู่ของมหาเทพต่อให้หลงหมิงจะชอบหลานฮุ่ยจวนมากเพียงใด ก็มิสำคัญสำหรับเขาเท่ากับตระกูลของตน ดังนั้นเขาจึงมีส่วนร่วมในการสกัดกั้นและสังหารหลานฮุ่ยจวนด้วยตนเอง“เมื่อดูจากที่หลานฮุ่ยจวนหนีออกจากแดนปีศาจพร้อมกับหยกหล้าสุขาวดีในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แล้ว ในแดนปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หลงหมิงกับตระกูลเก๋อรักษาความลับได้ดี!”แม่นมอูหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “แต่เก๋อเทียนซือถูกท่านโจมตีได้รับบาดเจ็บหนีกลับไป พวกเขาทุกคนจะรู้ว่าหยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน!”“หลิงอวี๋ ความสามารถของท่านในตอนนี้หากปะทะกับพวกเขาก็เป็นเช่นไข่กะเทาะกับก้อนหิน ช่างเป
แต่สิ่งที่แม่นมอูพูดต่อไปทำให้หลิงอวี๋รู้ว่าตนมีมุมมองที่คับแคบไปแล้วเนื่องจากผู้บำเพ็ญตนมากมายในแดนปีศาจมีชีวิตที่ยืนยาวได้ จึงมีความอดทนต่อข้อกำหนดในการแต่งงานมากเช่นนั้นจึงมีบุรุษที่มีภรรยาหลายคนมากจนนับมิถ้วน หลงหมิงอายุสิบห้าปีก็แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์แล้ว เขาแต่งงานกับคุณหนูจากตระกูลเก๋อที่มีอำนาจอีกตระกูลหนึ่งมาเป็นภรรยาหลวงครั้นเมื่อหลานฮุ่ยจวนกับแม่นมอูตกหลุมรักหลงหมิง หลงหมิงก็มีลูกชายสองคนแล้วแต่สตรีสองคนนี้ก็ยังคงหลงใหลหลงหมิง และกระโจนเข้าใส่เขาราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟแม่นมอูเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เหนือจากตระกูลใหญ่ทั้งห้า ตระกูลอูเป็นตระกูลของนักบวชหญิงในแดนปีศาจเผ่านักบวชหญิงมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งในแดนปีศาจ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้สามารถจัดหาเครื่องยาสมุนไพรของแดนปีศาจที่ผู้บำเพ็ญตนต้องการได้ดังนั้นเผ่านักบวชจึงได้รับความเคารพจากเหล่าตระกูลใหญ่แม่นมอูมีสถานะสูงตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก ครอบครัวใหญ่เห็นนางก็จะต้องคำนับนางด้วยเหตุนี้นางจึงเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่เมื่อพบหลงหมิงในคราแรกก็ตกหลุมรักเสียแล้วนักบวชหญิงทุกคน