องค์ชายคังเห็นว่าเซียวหลินเทียนมุ่งเป้าไปที่ไท่เฟยเส้าเช่นนี้ก็ทนมิได้ จึงก้าวเข้าไปพลางเอ่ย “ฝ่าบาท ผู้ใดก็มิอาจหลีกเลี่ยงมิให้ข้างกายมีคนมิดี การที่ไท่เฟยเส้ามิรู้เรื่องเหล่านี้ที่เถิงเซียงทำอยู่เบื้องหลังของพระนางก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เช่นนี้ก็หมายความว่าคนในตำหนักไท่เฟยเส้าล้วนน่าสงสัยมิใช่หรือ!”เซียวหลินเทียนมองเขา กำลังรอให้เขาเอ่ยปากอยู่เลย!“องค์ชายคัง ข้ายังพูดมิจบ! เมื่อครู่ท่านอ๋องเฉิงตรวจสอบความจริงเรื่องการตายของหนูแล้ว! แต่ยังมีคนที่ทำลายฝาโลงแล้วใส่หนูเข้าไปที่เป็นคนร้ายเช่นกัน!”“และคนที่จัดการเรื่องการเฝ้าศพเมื่อคืนก็คือคนที่ไท่เฟยเส้าส่งมา ละเลยเถิงเซียงไปคนหนึ่งเรียกว่าละเลย แต่ต่อมาก็มีการกระทำผิดทำลายฝาโลงอยู่ใต้จมูกอีก นี่ยังใช้คำว่าละเลยมาอธิบายได้อีกหรือ?”เซียวหลินเทียนตะคอกอย่างโมโห “ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการพระทัยวายเฉียบพลันอยู่ชัด ๆ ก็ยังมีคนต้องการให้ขุนนางเข้าใจผิดว่าพระนางถูกวางยาพิษ อีกทั้งยังประสงค์ที่จะระบุมาที่ข้ากับฮองเฮาอีก หากนี่มิใช่เจตนาร้ายแล้วจะเป็นสิ่งใดเล่า?”“ตอนนี้ท่านอ๋องเฉิงได้ตรวจสอบสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮาแน่ช
แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอดทนมิพูดอะไรสักคำ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋จนปัญญาเช่นกันหลิงอวี๋มิรู้ ในใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็เสียใจเป็นอย่างมาก วางหมากพลาดตัวเดียวกลับต้องแพ้ทั้งกระดาน!เจตนาเดิมในครานี้คือทำให้ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ ซึ่งนางทำสำเร็จแล้ว!ผลก็คือไท่เฟยเส้าทำเรื่องที่มิจำเป็นเพิ่มขึ้นมาเพื่อจะใส่ร้ายหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน จึงทำให้ตนต้องมาร่วมมือด้วยหากก่อนหน้าไท่เฟยเส้าบอกกับตนก่อนว่าจะอาศัยเรื่องการตายของไทฮองไทเฮามาใส่ร้ายหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน เช่นนั้นนางก็จะมิใช้วิธีการเช่นนี้ แล้วจะวางยาพิษไทฮองไทเฮาไปเลยให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนไม่มีข้อแก้ตัวนี่คือความผิดพลาดที่หนึ่ง!และเรื่องน้ำหอมพิษกันหนูคือความผิดพลาดที่สอง!นางแพ้เดิมพันแล้ว ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋เก่งกาจยิ่งกว่าที่ตนจินตนาการไว้มากนัก!ใจที่คิดว่าตนเหนือกว่าผู้อื่นมาตลอดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกโจมตีเข้าอย่างจัง!แต่นางก็ยังมิยอมรับว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าตน!เมื่อนับรวมครานี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่นางลงมือกับหลิงอวี๋แล้วล้มเหลวในขั้นสุดท้าย ครั้งที่สามที่ข้าลงมืออีกครั้ง จะไม่มีทางล้มเหลวอย่างแน่นอน!ใจ
องค์ชายคังโกรธจนตัวสั่น กำลังคิดจะพุ่งเข้าไปช่วยมารดาพูดก็ถูกแม่ทัพฟางห้ามไว้“องค์ชายคัง ใจเย็นพ่ะย่ะค่ะ… ยังจำคำที่องค์จักรพรรดิตรัสไว้เมื่อครู่ได้หรือไม่?”แม่ทัพฟางเอ่ยเตือนเรียบ ๆ “ท่านทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธไปแล้ว หากออกหน้าอีกที ยศองค์ชายของท่านก็จะรักษาไว้มิอยู่จริง ๆ แล้ว!”“ตราบใดที่มีชีวิตก็ย่อมมีความหวัง ขอเพียงท่านมีอำนาจอยู่ ไท่เฟยเส้าจะกลับมาได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ท่านเอ่ยปากได้มิใช่หรือ?”องค์ชายคังจึงใจเย็นลง แล้วเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม พร้อมกับกำหมัดแน่นเพื่อหมู่เฟย เพื่อตนเอง เขาจะต้องแย่งตำแหน่งนั้นมาให้ได้!เซียวหลินเทียน เจ้าไร้ความเมตตา ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความชอบธรรม!คดีเรื่องไทฮองไทเฮาถูกวางยาพิษจึงจบลงตรงนี้ จากนั้นหลิงอวี๋ก็หาคนมาจัดการห้องโถงที่ตั้งศพใหม่เซียวหลินเทียนก็พาเหล่าขุนนางและสตรีบรรดาศักดิ์ออกไปกินอาหารหนึ่งชั่วยามผ่านไป ห้องโถงที่ตั้งศพก็กลับคืนสู่การเฝ้าศพ และทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นระเบียบไท่เฟยเส้าโกรธจนกัดฟันแทบแตก นางอดทนเฝ้าศพอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงอ้างว่าปวดหัวมากแล้วไปพักผ่อนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนหยัดเฝ
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าของจูหลานจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับหลิงอวี๋อย่างอธิบายมิถูก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มจนตาเป็นขีดเดียวและเผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งขึ้นมาหลิงอวี๋รับเขามา เสี่ยวเป่าก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นเสี่ยวเป่าใกล้ชิดกับตนเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจและเมื่อเห็นเสี่ยวเป่ามีอาการท้องเสียและหัวพาดที่บนบ่าของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง หลิงอวี๋ก็กังวลใจนางจับชีพจรเสี่ยวเป่า แล้วหลิงอวี๋ก็ไปเอาน้ำตาลมาป้อนเสี่ยวเป่าไปพร้อมกับยาจูหลานมองอยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลิงอวี๋ก็มิได้คลางแคลงใจกับตน ยังคงพยายามรักษาเสี่ยวเป่าอย่างเต็มที่ คนที่จิตใจดีเช่นนี้เหตุใดไท่เฟยเส้าจึงต้องบีบคั้นให้ตายด้วยเล่าพูดไปพูดมาก็เพื่อตำแหน่งนั้นมิใช่หรือ?“เจ้าเก็บน้ำตาลเหล่านี้ไว้ เสี่ยวเป่าท้องเสียจนขาดน้ำ ในทุกครึ่งชั่วยามให้ป้อนน้ำตาลนี้กับเขา หากยังคงท้องเสียมิหยุดก็ให้คนไปตามข้ามาอีกที!”หลิงอวี๋ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก จึงอธิบายให้จูหลานฟังแล้วออกไปเสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้คนสนิทของจูหลานเห็นว่าหลิงอวี๋ไปแล้วก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “พระชายา ท่านว
ไท่เฟยเส้าถูกลงโทษ ทำให้จิตใจมุ่งร้ายของผู้ที่มิหวังดีล้วนสงบลง การเฝ้าศพในหลายวันที่เหลือจึงเป็นไปอย่างราบรื่นแม้ว่าเมืองหลวงจะระงับงานรื่นเริงและงานมงคลสมรสทั้งหมด แต่การเพาะปลูกในวสันตฤดูก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบนี่คือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวในปีหน้า มิอาจล่าช้าได้เซียวหลินเทียนจึงดำเนินการเรื่องการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิไปพร้อมกันการเฝ้าศพด้วยกระทั่งส่งโลงศพของไทฮองไทเฮาไปที่สุสานจักรพรรดิแล้ว ไท่เฟยเส้าก็ถูกส่งตัวไปที่ศาลบูรพกษัตริย์เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ต่างก็รู้ว่าไท่เฟยเส้ามิได้ไปที่ศาลบูรพกษัตริย์ด้วยใจที่ยินยอม จึงคอยระวังอยู่ตลอดว่าก่อนไปนางจะเล่นลูกไม้อะไรแต่ตลอดเวลาจนถึงตอนไป ไท่เฟยเส้ามิได้มีสร้างเรื่องใด ๆ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติไท่เฟยเส้าจะไปเงียบ ๆ ได้อย่างไรกัน?องค์ชายคังเองก็เช่นกัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้นแต่สายลับที่จับตาดูองค์ชายคังอยู่ตลอดมารายงานว่า องค์ชายคังราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาแนบแน่นอยู่กับพระชายาคังคนใหม่มาก ทั้งยังออกไปเล่นเที่ยวเล่นกับพระชายาคังอยู่บ่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋ก็ยิ่งระวังกับวิธีการข
เรียกได้ว่าการที่เซียวหลินเทียนลงโทษไท่เฟยเส้าให้ไปสวดภาวนาให้ไทฮองไทเฮาที่ศาลบูรพกษัตริย์ครานี้ ถือเป็นการช่วยเหลือตระกูลจ้าวไปโดยมิรู้ตัวด้วยทว่าหลิงอวี๋กลับได้กลิ่นความผิดปกติจากสิ่งนี้หากองค์ชายคังอยากจะทำการใหญ่ การที่ไท่เฟยเส้าอยู่ในวังก็ต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับมิสนใจในจุดนี้!นอกเสียจากว่านางจะมิได้มีความทะเยอทะยานให้องค์ชายคังเป็นจักรพรรดิ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงมิสนใจกับสิ่งที่ไท่เฟยเส้าประสบเล่า!มีเพียงความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิชอบวิธีการของไท่เฟยเส้า จึงอยากจะควบคุมพรรคพวกของจ้าวฮุยไว้ในกำมือของตนเมื่อเห็นองค์ชายคังภักดีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถึงเพียงนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้เก่ง!กอปรกับเรื่องที่คราก่อนจ้าวเจินเจินถูกลากไปตายโดยไม่มีความผิด ทำให้หลิงอวี๋คาดเดาได้ว่าตระกูลจ้าวลังเลใจกับองค์ชายคังแล้วเมื่อเทียบกับการพึ่งพาภูเขาที่ล้ม จะมีสิ่งใดที่ดียิ่งไปกว่าการควบคุมชะตากรรมของตนไว้ในกำมือตนอีกเล่า!องค์ชายคังในตอนนี้กับบทบาทของเขาเมื่อก่อนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เขามิใช่ผู้ที่ออกคำสั่งอีกต่อไปแล้ว แ
เซียวหลินเทียนรู้ว่าวิธีการนี้ค่อนข้างเลวทราม แต่ก็พูดออกไปอย่างมิลังเล“ผลก็คือคนของข้าล้มเหลว ฮูเหยียนเสวี่ยหนีไปได้… นางน่าจะคาดเดาความคิดของข้าได้จึงมิกลับกันกู่ แล้วระหว่างทางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!“สองวันก่อนข้าได้รายงานลับบอกว่า องค์ชายอิงจากเว่ยเหนือพากำลังพลมุ่งหน้าไปที่กันกู่ บอกว่าต่อไปกันกู่จะได้ความคุ้มครองจากเว่ยเหนือ!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตะลึง นี่หมายความว่าฮูเหยียนเสวี่ยหันไปพึ่งองค์ชายอิงแล้วตอนแรกองค์ชายอิงจะขอแต่งงานกับเซียวทง เพราะรู้สึกว่าเซียวทงเปิดเผยตรงไปตรงมาดี ตรงกับรสนิยมของเขาฮูเหยียนเสวี่ยดุร้ายยิ่งกว่าเซียวทงเสียอีก นี่น่าจะถูกรสนิยมขององค์ชายอิงมากกว่าองค์ชายอิงมาเข้าร่วมการแข่งขันทางทหารของสี่แคว้นที่ฉินตะวันตกเมื่อครั้งที่แล้ว แม้ว่ากองกำลังของเขาจะมิได้ชนะ แต่ความสามารถก็มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตกและฉีตะวันออกครานี้เขากล้าเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่าจะคุ้มครองกันกู่ เช่นนั้นก็ประกาศสงครามกับฉินตะวันตกอย่างชัดเจนแล้วยามนี้ฉินตะวันตกส่งผู้แทนพระองค์ไปเป็นทูตที่แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบ หากคนที่ส่งไปเป็นหลี่ว์เซียง เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาคว
การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูคราวนี้เซียวหลินเทียนเป็นผู้ดูแล หากนับเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นขุนนางในครั้งนี้ก็ล้วนเป็นคนที่ได้รับเลือกจากจักรพรรดิทั้งสิ้นสิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความกระตือรือร้นของเหล่าบัณฑิตมากขึ้น พวกเขาแอบสาบานว่าจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี พยายามให้ได้รับคำแนะนำจากจักรพรรดิเซิ่งอู่เองให้ได้การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูสำคัญเช่นนี้ ฉินซานกับเผยอวี้และพวกหลี่ว์เซียงจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูให้สมบูรณ์แบบองค์ชายรุ่ยกับองค์ชายเย่ก็มิอาจว่างได้ เซียวหลินเทียนส่งให้ทั้งสองคนไปทำหน้าที่สำคัญเช่นกัน องค์ชายเย่รับผิดชอบการสอบฝ่ายบู๊ ส่วนองค์ชายรุ่ยรับผิดชอบการสอบฝ่ายบุ๋นองค์ชายคังได้ถอยห่างจากตนไปแล้ว แม้ว่าองค์ชายรุ่ยจะมิได้มีความทะเยอทะยานอย่างเปิดเผย แต่เซียวหลินเทียนก็ยังให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดกับตนหลิงอวี๋เคยบอกไว้ว่า บำเพ็ญร้อยปีจึงจะมีโชคชะตาร่วมกัน ได้เป็นพี่น้องกันในชีวิตนี้จะต้องเป็นโชคชะตาหลายร้อยปีแน่นอนเซียวหลินเทียนมิขอให้พวกเขาซาบซึ้งและมีความรู้สึกลึกซึ้งในความเป็นพี่น้องกับตนเพราะเรื่องนี้ เขารู
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต