จุดแดงเล็กเช่นนี้อาจเกิดจากยุงกัดก็ได้ หากมิใช่ว่าหลิงอวี๋สังเกตอย่างละเอียดมาก ๆ ก็ไม่มีทางพบหลิงอวี๋ลูบอย่างเงียบ ๆ ผิวหนังใกล้กับจุดแดงเล็กนั้นแข็งไปแล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?หรือที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเข้าวังวันนั้นก็ใช้วิธีที่มิให้รู้ตัวทิ้งจุดแดงนี้ไว้ที่บนตัวของไทฮองไทเฮาแล้ว?หลิงอวี๋อยากใช้มีดผ่าตัดผ่าจุดแดงนี้เพื่อดูเนื้อเยื่อผิวหนังรอบ ๆ แต่มีผู้คนจับจ้องอยู่นางจึงมิสามารถลงมือได้คราก่อนที่จักรพรรดิอู่อันหัวใจวายจากไป หลิงอวี๋ก็มิสามารถผ่าศพเพื่อตรวจสาเหตุการตายของเขาให้แน่ชัดได้หรือครานี้ก็จะถูกสถานการณ์จำกัดไว้อีกแล้ว?หลิงอวี๋มิยอมแพ้ นางกวาดสายตามองไปตรงผิวหนังเทียมที่ยังใช้มิหมด หลิงอวี๋จึงรีบหยิบมีดขึ้นมาแล้วส่งสายตาไปให้หลิงซวนหลิงซวนกับหลิงอวี๋รู้ใจกันเป็นอย่างมากจึงรีบเข้าไปประคองไทฮองไทเฮาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนผ้าห่มศพหลิงอวี๋อาศัยตอนที่พวกแม่นมมองมิเห็นข้างหลังใช้มีดตัดที่จุดแดงบนตัวไทฮองไทเฮานั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ติดผิวหนังเทียมลงไปจากนั้นหลิงอวี๋ก็อาศัยตอนที่จัดผ้าห่อศพให้ไทฮองไทเฮาโยนผิวหนังที่ตัดออกมาเข้าไปในมิติความเร็วนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห
“เชิญท่านอ๋องเฉิงไต่สวนคดีต่อ!”เซียวหลินเทียนมิได้ให้ไท่เฟยเส้าลุกขึ้น ไท่เฟยเส้าจึงทำได้เพียงคุกเข่าอยู่เช่นนั้นท่านอ๋องเฉิงเองก็ทำเป็นมิเห็นแล้วเอ่ยต่อ “ที่ข้าบอกว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกพิษนั้นมีหลักฐาน ว่านฉีซาน หยิบหนูขึ้นมา!”ว่านฉีซานจึงยกพวกหนูที่ยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมาท่านอ๋องเฉิงอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังว่าได้ป้อนเลือดของไทฮองไทเฮาให้หนูเหล่านี้แล้วเมื่อเห็นพวกหนูยังมีชีวิตอยู่ดี แม้แต่ผู้ตรวจการพันเองก็หาคำพูดมาค้านมิได้ส่วนองค์ชายคังก็พะวงกับคำขู่ของเซียวหลินเทียนเมื่อครู่ มิกล้าค้านออกไปท่านอ๋องเฉิงให้ว่านฉีซานเอาผ้าไหมที่หนูกัดกินไปขึ้นมา รวมทั้งหนูกลุ่มหลังที่ได้ทำการป้อนน้ำแช่ผ้าไหมให้กินแล้วตายเพราะพิษด้วย“ความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์จากพระอาการพระทัยวายเฉียบพลัน และพระศพของพระนางถูกทำลาย ทั้งนี้เพราะมีคนจงใจเปลี่ยนเป็นผ้าไหมที่แช่น้ำหอมพิษกันหนูนี้ไว้ ทั้งยังเจาะฝาโลงใส่หนูเข้าไปด้วย!”ท่านอ๋องเฉิงพูดถึงตรงนี้ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ไท่เฟยเส้าที่คุกเข่าอยู่“ข้าได้สอบสวนรองหัวหน้าที่จัดการเรื่องพระราชพิธีพระศพแล้ว ตามที่บอกมาก็คือเป็นผ้าไหมห่อ
องครักษ์พาตัวพวกแม่นมเข้ามา แม่นมเหล่านี้ก็เป็นแม่นมที่รับผิดชอบในการห่อศพให้ไทฮองไทเฮาเช่นกันหลิงอวี๋มองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเถี่ยได้ทำการสอบสวนพวกนางแล้ว แต่พวกแม่นมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามิได้ปล่อยหนูเข้าไปในโลงตอนนั้นยังมิพบว่าผ้าไหมมีปัญหา หลังจากที่พบแล้ว หลิงอวี๋มิสามารถเชื่อได้ว่าแม่นมเหล่านี้มิรู้เรื่อง!“พวกเจ้านำผ้าไหมไปให้พร้อมกับเถิงเซียง เห็นว่านางเปลี่ยนผ้าไหมหรือไม่?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยเรื่องการลงโทษด้วยการถูกงูนับหมื่นกัดกินมาพูดอีกรอบ พลางเอ่ยอย่างไร้ความปรานี “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากมิพูดความจริงแล้วข้าตรวจสอบออกมาได้ พวกเจ้าจะได้รับการทรมานโดยการถูกงูนับหมื่นกัดกินจนตายไปด้วยกันกับเถิงเซียง!”พวกแม่นมมองหน้ากัน แม้ว่าการถูกงูนับหมื่นกัดกันจะน่ากลัวมาก ๆ แต่ก็ยังยืนกรานเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านอ๋องเฉิง พวกเรามิเห็นเถิงเซียงเปลี่ยนผ้าไหมจริง ๆ เพคะ!”“ผ้าไหมเหล่านี้จะต้องเป็นคนของกรมวังที่เปลี่ยนแน่นอน!”“มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นคนเหล่านี้ดื้อรั้นเช่นนี้ก็ตะคอกอย่างทนมิไหว “ผ้าไหมเท่านั้น เถิงเซียงเพียงผู้เดียวไม่ม
ส่วนหนูกลุ่มหลังที่ว่านฉีซานปล่อยเข้ามา ทันทีที่ได้รับอิสระก็รีบพุ่งตรงไปที่เถิงเซียงกับพวกแม่นมทันทีดูเหมือนว่าบนร่างกายของเถิงเซียงกับเหล่าแม่นมจะมีจุดที่พวกมันสนใจ หนูพวกนั้นกระโดดไปบนตัวของเถิงเซียงกับพวกแม่นมทันทีพวกนางมีหรือจะเคยเจอเรื่องเช่นนี้จึงตกใจจนกรีดร้องออกมาทันทีในความตกใจและผลักกันไปมา เถิงเซียงกับแม่นมสองคนก็ล้มลงไปที่พื้นแต่หนูมิได้สนใจ พวกมันกัดกินที่เสื้อผ้า ใบหน้าและผิวหนังของพวกนางอย่างบ้าคลั่ง...เถิงเซียงกับแม่นมเหล่านั้นล้วนถูกหนูกัดจนกรีดร้องออกภาพนี้มิเพียงแต่ทำให้เหล่าขุนนางตกตะลึง แม้แต่ไท่เฟยเส้ากับเหล่าสตรีทั้งหลายก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ต่างก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวศพของไทฮองไทเฮาก็ถูกกัดกินเช่นนี้!เซียวหลินเทียนโกรธมาก พยายามที่จะระงับความโกรธของตนไว้ เขากลัวว่าจะควบคุมตนเองมิอยู่แล้วผลักไท่เฟยเส้าเข้าไปในกรงให้นางได้สัมผัสความเจ็บปวดของการถูกหนูกัดกินดู“ช่วยด้วย!”เถิงเซียงกับพวกแม่นมรีบมิไหวต่างก็ร้องออกมาองค์ชายคังขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะทนมองพวกเถิงเซียงถูกทรมานเช่นนี้มิค่อยไหวนักผู้ตรวจการพันเองก็ทนมิไหวจึงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องเฉิง นี่ท่
องค์ชายคังเห็นว่าเซียวหลินเทียนมุ่งเป้าไปที่ไท่เฟยเส้าเช่นนี้ก็ทนมิได้ จึงก้าวเข้าไปพลางเอ่ย “ฝ่าบาท ผู้ใดก็มิอาจหลีกเลี่ยงมิให้ข้างกายมีคนมิดี การที่ไท่เฟยเส้ามิรู้เรื่องเหล่านี้ที่เถิงเซียงทำอยู่เบื้องหลังของพระนางก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เช่นนี้ก็หมายความว่าคนในตำหนักไท่เฟยเส้าล้วนน่าสงสัยมิใช่หรือ!”เซียวหลินเทียนมองเขา กำลังรอให้เขาเอ่ยปากอยู่เลย!“องค์ชายคัง ข้ายังพูดมิจบ! เมื่อครู่ท่านอ๋องเฉิงตรวจสอบความจริงเรื่องการตายของหนูแล้ว! แต่ยังมีคนที่ทำลายฝาโลงแล้วใส่หนูเข้าไปที่เป็นคนร้ายเช่นกัน!”“และคนที่จัดการเรื่องการเฝ้าศพเมื่อคืนก็คือคนที่ไท่เฟยเส้าส่งมา ละเลยเถิงเซียงไปคนหนึ่งเรียกว่าละเลย แต่ต่อมาก็มีการกระทำผิดทำลายฝาโลงอยู่ใต้จมูกอีก นี่ยังใช้คำว่าละเลยมาอธิบายได้อีกหรือ?”เซียวหลินเทียนตะคอกอย่างโมโห “ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการพระทัยวายเฉียบพลันอยู่ชัด ๆ ก็ยังมีคนต้องการให้ขุนนางเข้าใจผิดว่าพระนางถูกวางยาพิษ อีกทั้งยังประสงค์ที่จะระบุมาที่ข้ากับฮองเฮาอีก หากนี่มิใช่เจตนาร้ายแล้วจะเป็นสิ่งใดเล่า?”“ตอนนี้ท่านอ๋องเฉิงได้ตรวจสอบสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮาแน่ช
แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอดทนมิพูดอะไรสักคำ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋จนปัญญาเช่นกันหลิงอวี๋มิรู้ ในใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็เสียใจเป็นอย่างมาก วางหมากพลาดตัวเดียวกลับต้องแพ้ทั้งกระดาน!เจตนาเดิมในครานี้คือทำให้ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ ซึ่งนางทำสำเร็จแล้ว!ผลก็คือไท่เฟยเส้าทำเรื่องที่มิจำเป็นเพิ่มขึ้นมาเพื่อจะใส่ร้ายหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน จึงทำให้ตนต้องมาร่วมมือด้วยหากก่อนหน้าไท่เฟยเส้าบอกกับตนก่อนว่าจะอาศัยเรื่องการตายของไทฮองไทเฮามาใส่ร้ายหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน เช่นนั้นนางก็จะมิใช้วิธีการเช่นนี้ แล้วจะวางยาพิษไทฮองไทเฮาไปเลยให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนไม่มีข้อแก้ตัวนี่คือความผิดพลาดที่หนึ่ง!และเรื่องน้ำหอมพิษกันหนูคือความผิดพลาดที่สอง!นางแพ้เดิมพันแล้ว ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋เก่งกาจยิ่งกว่าที่ตนจินตนาการไว้มากนัก!ใจที่คิดว่าตนเหนือกว่าผู้อื่นมาตลอดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกโจมตีเข้าอย่างจัง!แต่นางก็ยังมิยอมรับว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าตน!เมื่อนับรวมครานี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่นางลงมือกับหลิงอวี๋แล้วล้มเหลวในขั้นสุดท้าย ครั้งที่สามที่ข้าลงมืออีกครั้ง จะไม่มีทางล้มเหลวอย่างแน่นอน!ใจ
องค์ชายคังโกรธจนตัวสั่น กำลังคิดจะพุ่งเข้าไปช่วยมารดาพูดก็ถูกแม่ทัพฟางห้ามไว้“องค์ชายคัง ใจเย็นพ่ะย่ะค่ะ… ยังจำคำที่องค์จักรพรรดิตรัสไว้เมื่อครู่ได้หรือไม่?”แม่ทัพฟางเอ่ยเตือนเรียบ ๆ “ท่านทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธไปแล้ว หากออกหน้าอีกที ยศองค์ชายของท่านก็จะรักษาไว้มิอยู่จริง ๆ แล้ว!”“ตราบใดที่มีชีวิตก็ย่อมมีความหวัง ขอเพียงท่านมีอำนาจอยู่ ไท่เฟยเส้าจะกลับมาได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ท่านเอ่ยปากได้มิใช่หรือ?”องค์ชายคังจึงใจเย็นลง แล้วเหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม พร้อมกับกำหมัดแน่นเพื่อหมู่เฟย เพื่อตนเอง เขาจะต้องแย่งตำแหน่งนั้นมาให้ได้!เซียวหลินเทียน เจ้าไร้ความเมตตา ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความชอบธรรม!คดีเรื่องไทฮองไทเฮาถูกวางยาพิษจึงจบลงตรงนี้ จากนั้นหลิงอวี๋ก็หาคนมาจัดการห้องโถงที่ตั้งศพใหม่เซียวหลินเทียนก็พาเหล่าขุนนางและสตรีบรรดาศักดิ์ออกไปกินอาหารหนึ่งชั่วยามผ่านไป ห้องโถงที่ตั้งศพก็กลับคืนสู่การเฝ้าศพ และทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นระเบียบไท่เฟยเส้าโกรธจนกัดฟันแทบแตก นางอดทนเฝ้าศพอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงอ้างว่าปวดหัวมากแล้วไปพักผ่อนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนหยัดเฝ
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าของจูหลานจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับหลิงอวี๋อย่างอธิบายมิถูก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มจนตาเป็นขีดเดียวและเผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งขึ้นมาหลิงอวี๋รับเขามา เสี่ยวเป่าก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นเสี่ยวเป่าใกล้ชิดกับตนเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจและเมื่อเห็นเสี่ยวเป่ามีอาการท้องเสียและหัวพาดที่บนบ่าของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง หลิงอวี๋ก็กังวลใจนางจับชีพจรเสี่ยวเป่า แล้วหลิงอวี๋ก็ไปเอาน้ำตาลมาป้อนเสี่ยวเป่าไปพร้อมกับยาจูหลานมองอยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลิงอวี๋ก็มิได้คลางแคลงใจกับตน ยังคงพยายามรักษาเสี่ยวเป่าอย่างเต็มที่ คนที่จิตใจดีเช่นนี้เหตุใดไท่เฟยเส้าจึงต้องบีบคั้นให้ตายด้วยเล่าพูดไปพูดมาก็เพื่อตำแหน่งนั้นมิใช่หรือ?“เจ้าเก็บน้ำตาลเหล่านี้ไว้ เสี่ยวเป่าท้องเสียจนขาดน้ำ ในทุกครึ่งชั่วยามให้ป้อนน้ำตาลนี้กับเขา หากยังคงท้องเสียมิหยุดก็ให้คนไปตามข้ามาอีกที!”หลิงอวี๋ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก จึงอธิบายให้จูหลานฟังแล้วออกไปเสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้คนสนิทของจูหลานเห็นว่าหลิงอวี๋ไปแล้วก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “พระชายา ท่านว
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน