คำพูดนี้ขององค์ชายคังภายนอกดูเป็นการอยากหาตัวมือสังหาร แต่ในความเป็นจริงเป็นการพาดพิงถึงหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยามนี้หลิงอวี๋ดูแลวังหลัง องค์ชายคังย่อมไม่มีทางกล่าวหาว่าไท่เฟยเส้าบงการให้ครัวหลวงและนางกำนัลกับแม่นมวางยาพิษ เช่นนั้นหากได้พาดพิงถึงหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครกัน!เซียวหลินเทียนโมโหมาก องค์ชายคังคิดว่าคราวนี้มิเอ่ยชื่อแล้วตนจะมิสามารถมุ่งเป้าไปที่เขาได้หรือ?เซียวหลินเทียนตำหนิเสียงแข็ง “เซียวหลินอี้ เหตุใดเล่า หาหลักฐานที่ข้าวางยามิได้ก็ยังคิดจะเข้ามาแทนตำแหน่งของข้าหรือ?”“นี่คือวังหลวง เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเมื่อใดกัน?”“ให้ข้ามอบตราหยกให้เจ้าแล้วให้เจ้าออกคำสั่งแทนข้าดีหรือไม่?”แม้ว่าในใจขององค์ชายคังจะต้องการ แต่ไหนเลยจะกล้าพูดออกไป จึงคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมมิกล้า!”“มิกล้า? ข้าเห็นว่าเจ้ากล้ายิ่งนัก!”เซียวหลินเทียนกัดฟันพลางเอ่ย “ขุนนางทั้งสี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงองค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่มิได้แสดงความเห็น ให้ความเคารพท่านอ๋องเฉิงผู้เป็นราชสำนักฝ่ายในในการไต่สวนคดี มีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้!”“ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายข้า ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายครัวหลวง นางกำนัล แม่นม ในสา
หากทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ยังมิถึงขั้นสูงสุด เช่นนั้นคราวนี้ก็พอจะมั่นใจว่าจะทำให้หลิงอวี๋มิสามารถพลิกกลับมาได้อีกตัวแปรก็คือทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิรู้ว่าหลิงอวี๋ร่ำเรียนมาจากที่ใด พวกขั้นตอนวิธีการรักษาของหลิงอวี๋ แม้แต่ในแดนปีศาจก็มิเคยได้ยินแม้ว่าจะมิสามารถมั่นใจได้มาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็จะต้องเดิมพันดูสักครั้งนางมีความมั่นใจเก้าในสิบที่เชื่อว่าหลิงอวี๋จะตรวจมิพบ คนธรรมดาเช่นนี้แม้ว่าจะฉลาดมากแค่ไหน แต่จะสามารถเทียบตนได้หรือ?วิชาพิษของนางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแม้แต่อาจารย์ก็ยังชื่นชม!ขณะที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยภายในห้องโถงที่ตั้งศพว่านฉีซานเห็นว่าเซียวหลินเทียนไล่องค์ชายคังที่เอาก่อเรื่องออกไปแล้ว ก็รีบเอ่ย “เมื่อครู่กระหม่อมยังพูดมิจบ ดูภายนอกไทฮองไทเฮาเหมือนจะถูกวางยาพิษ แต่กระหม่อมกลับมิพบร่องรอยของยาพิษจากผิวและในปากของไทฮองไทเฮาเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“หากจะตรวจสอบว่าหนูถูกพิษจากการกัดกินร่างของไทฮองไทเฮาจริงหรือไม่ ก็ยังต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีก!”“ขอฝ่าบาททรงโปรดให้ส่งคนไปหาหนูมาให้กระหม่อมสักสองสามตัว กระหม่อมจะเก็บเลือดบางส่วนของไทฮองไท
เซียวหลินเทียนวางไทฮองไทเฮาลงบนผ้าห่มข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง เขาเห็นใบหน้าที่ขาดวิ่นของไทฮองไทเฮาก็แสบจมูกและคุกเข่าลง“เสด็จย่า ขอท่านวางพระทัย กระหม่อมไม่มีทางให้ท่านสิ้นพระชนม์ไปอย่างมิยุติธรรมเช่นนี้แน่!”“หากหาพบว่าผู้ใดที่ทำร้ายท่าน กระหม่อมจะประหารมันเก้าชั่วโคตร!”หลิงอวี๋ได้ยินว่าเสียงของเซียวหลินเทียนผิดปกติจึงเดินเข้าไปประคองเขา “รอให้รู้สาเหตุการตายของไทฮองไทเฮาอย่างแน่ชัดก่อน แล้วหม่อมฉันจะช่วยแก้ไขใบหน้าของพระนาง ให้พระนางได้จากไปอย่างสง่างามเพคะ!”“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนจับมือของหลิงอวี๋ไว้แน่น รู้สึกว่าความโกรธที่พลุ่งพล่านในใจเขาถูกคำพูดของนางระงับไว้มิน้อยทั้งสองเดินกลับไป ว่านฉีซานกับใต้เท้าเถี่ยก็กำลังตรวจสอบใต้โลงศพอยู่แต่หลังจากย้ายผ้าห่มและผ้าไหมที่อยู่ด้านล่างออกก็มิพบว่ามีรูใด ๆหลิงอวี๋สังเกตเห็นว่า ที่ผ้าไหมเหล่านั้นก็ถูกพวกหนูกัดอย่างบ้าคลั่งเช่นกันหนูกินผ้าไหมด้วยหรือ?หลิงอวี๋รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ นางจึงหยิบผ้าไหมสองชิ้นแล้วโยนเข้าไปตรวจสอบในมิติในตอนที่ไม่มีใครสนใจบนผ้าไหมที่หยิบมามีกลิ่นจาง ๆ ทั้งยังมีเลือดอยู่ด้วย หลิงอวี๋จึงทำการวิเคราะ
เซียวหลินเทียนกับท่านอ๋องเฉิงและเหล่าขุนนางต่างกำลังมองว่านฉีซานจัดการกับพวกหนูกระทั่งป้อนเสร็จ หนูก็ถูกใส่เข้าไปในกรง และพวกเขาก็คอยเฝ้าดูปฏิกิริยาของหนูทางด้านหลิงอวี๋ได้ผลการทดลองจากในมิติแล้วการวิเคราะห์เลือดบนผ้าไหมเห็นได้ชัดว่ามิใช่เลือดคน แต่เป็นเลือดหนูซึ่งมีสารพิษที่มิรู้จักอยู่เลือดเหล่านั้นมิใช่ของไทฮองไทเฮา ตอนนี้หลิงอวี๋สนใจว่าหนูที่กินเลือดไทฮองไทเฮาไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนางฝืนอาการคลื่นไส้แล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อคอยสังเกตอยู่กับเซียวหลินเทียนช่วงเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป หนูที่กินเลือดของหนูตายก็เริ่มมีปฏิกิริยา แขนขาของพวกมันกระตุกและล้มลงทีละตัว เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้วก็ตายแต่หนูที่กินเลือดของไทฮองไทเฮากลับไม่มีปฏิกิริยาใด กระโดดไปมาอยู่ในกรงทุกคนรอไปอีกช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป หนูพวกนั้นก็ยังคงกระโดดไปมาว่านฉีซานจึงเอ่ย “ฝ่าบาท หนูกินเลือดของไทฮองไทเฮาไปแล้วยังมิตายพ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษ!”องค์ชายคังถูกเซียวหลินเทียนไล่ออกไปแล้ว ผู้ตรวจการพันผู้ซื่อสัตย์ภักดีของเขาจึงเสี่ยงทำให้เซียวหลินเทียนขุ่นเคือง แล้วเอ่ยอย่างกล้าห
ว่านฉีซานจึงได้ตรวจสอบตรงกลางฝาโลง เสียงเคาะที่สะท้อนกลับต่างกันทำให้ทุกคนได้ยินถึงความผิดปกติเซียวหลินเทียนจึงให้จ้าวซวนเรียกพวกองครักษ์เข้ามา แล้วทุกคนก็ร่วมกันออกแรงพลิกฝาโลง ว่านฉีซานก็เคาะตรงจุดที่เคาะเมื่อครู่แล้วก็พบรูเล็ก ๆ รูหนึ่ง เมื่อออกแรงเคาะ ไม้ที่ปิดรูเล็ก ๆ อยู่ก็หลุดออกมารูนั้นมิใหญ่มิเล็ก ขนาดพอเหมาะกับการใส่หนูลงไปแต่รูนั้นเล็กเกินไป และมีรูปร่างเป็นกรวย สีของไม้ก็เหมือนกับรอบ ๆ อย่างสิ้นเชิง หากมิสังเกตก็ไม่มีใครพบว่าโลงศพที่หนาและหนักนี้มีรูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา“เหตุใดจึงมีคนใจร้ายเช่นนี้ ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ยังมิปล่อยแม้แต่พระศพของพระนางไป!”ท่านอ๋องเฉิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“ฮองเฮา แม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่ามีคนใส่หนูเข้าไปทำลายศพของไทฮองไทเฮา! แต่นี่ก็มิสามารถอธิบายได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษนะพ่ะย่ะค่ะ!”ผู้ตรวจการพันยังคงพยายามต่ออย่างมิยอมแพ้หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะใส่เขา “ข้าพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่ามีคนจงใจใส่หนูเข้าไป ต่อไปก็จะบอกสาเหตุการตายของหนู!”หลิงอวี๋เดินไปที่กองผ้าไหมที่ดึงออกมาจากโลงศพ หยิบผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ยผ้าไหม
จุดแดงเล็กเช่นนี้อาจเกิดจากยุงกัดก็ได้ หากมิใช่ว่าหลิงอวี๋สังเกตอย่างละเอียดมาก ๆ ก็ไม่มีทางพบหลิงอวี๋ลูบอย่างเงียบ ๆ ผิวหนังใกล้กับจุดแดงเล็กนั้นแข็งไปแล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?หรือที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเข้าวังวันนั้นก็ใช้วิธีที่มิให้รู้ตัวทิ้งจุดแดงนี้ไว้ที่บนตัวของไทฮองไทเฮาแล้ว?หลิงอวี๋อยากใช้มีดผ่าตัดผ่าจุดแดงนี้เพื่อดูเนื้อเยื่อผิวหนังรอบ ๆ แต่มีผู้คนจับจ้องอยู่นางจึงมิสามารถลงมือได้คราก่อนที่จักรพรรดิอู่อันหัวใจวายจากไป หลิงอวี๋ก็มิสามารถผ่าศพเพื่อตรวจสาเหตุการตายของเขาให้แน่ชัดได้หรือครานี้ก็จะถูกสถานการณ์จำกัดไว้อีกแล้ว?หลิงอวี๋มิยอมแพ้ นางกวาดสายตามองไปตรงผิวหนังเทียมที่ยังใช้มิหมด หลิงอวี๋จึงรีบหยิบมีดขึ้นมาแล้วส่งสายตาไปให้หลิงซวนหลิงซวนกับหลิงอวี๋รู้ใจกันเป็นอย่างมากจึงรีบเข้าไปประคองไทฮองไทเฮาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนผ้าห่มศพหลิงอวี๋อาศัยตอนที่พวกแม่นมมองมิเห็นข้างหลังใช้มีดตัดที่จุดแดงบนตัวไทฮองไทเฮานั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ติดผิวหนังเทียมลงไปจากนั้นหลิงอวี๋ก็อาศัยตอนที่จัดผ้าห่อศพให้ไทฮองไทเฮาโยนผิวหนังที่ตัดออกมาเข้าไปในมิติความเร็วนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห
“เชิญท่านอ๋องเฉิงไต่สวนคดีต่อ!”เซียวหลินเทียนมิได้ให้ไท่เฟยเส้าลุกขึ้น ไท่เฟยเส้าจึงทำได้เพียงคุกเข่าอยู่เช่นนั้นท่านอ๋องเฉิงเองก็ทำเป็นมิเห็นแล้วเอ่ยต่อ “ที่ข้าบอกว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกพิษนั้นมีหลักฐาน ว่านฉีซาน หยิบหนูขึ้นมา!”ว่านฉีซานจึงยกพวกหนูที่ยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมาท่านอ๋องเฉิงอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังว่าได้ป้อนเลือดของไทฮองไทเฮาให้หนูเหล่านี้แล้วเมื่อเห็นพวกหนูยังมีชีวิตอยู่ดี แม้แต่ผู้ตรวจการพันเองก็หาคำพูดมาค้านมิได้ส่วนองค์ชายคังก็พะวงกับคำขู่ของเซียวหลินเทียนเมื่อครู่ มิกล้าค้านออกไปท่านอ๋องเฉิงให้ว่านฉีซานเอาผ้าไหมที่หนูกัดกินไปขึ้นมา รวมทั้งหนูกลุ่มหลังที่ได้ทำการป้อนน้ำแช่ผ้าไหมให้กินแล้วตายเพราะพิษด้วย“ความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์จากพระอาการพระทัยวายเฉียบพลัน และพระศพของพระนางถูกทำลาย ทั้งนี้เพราะมีคนจงใจเปลี่ยนเป็นผ้าไหมที่แช่น้ำหอมพิษกันหนูนี้ไว้ ทั้งยังเจาะฝาโลงใส่หนูเข้าไปด้วย!”ท่านอ๋องเฉิงพูดถึงตรงนี้ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ไท่เฟยเส้าที่คุกเข่าอยู่“ข้าได้สอบสวนรองหัวหน้าที่จัดการเรื่องพระราชพิธีพระศพแล้ว ตามที่บอกมาก็คือเป็นผ้าไหมห่อ
องครักษ์พาตัวพวกแม่นมเข้ามา แม่นมเหล่านี้ก็เป็นแม่นมที่รับผิดชอบในการห่อศพให้ไทฮองไทเฮาเช่นกันหลิงอวี๋มองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเถี่ยได้ทำการสอบสวนพวกนางแล้ว แต่พวกแม่นมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามิได้ปล่อยหนูเข้าไปในโลงตอนนั้นยังมิพบว่าผ้าไหมมีปัญหา หลังจากที่พบแล้ว หลิงอวี๋มิสามารถเชื่อได้ว่าแม่นมเหล่านี้มิรู้เรื่อง!“พวกเจ้านำผ้าไหมไปให้พร้อมกับเถิงเซียง เห็นว่านางเปลี่ยนผ้าไหมหรือไม่?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยเรื่องการลงโทษด้วยการถูกงูนับหมื่นกัดกินมาพูดอีกรอบ พลางเอ่ยอย่างไร้ความปรานี “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากมิพูดความจริงแล้วข้าตรวจสอบออกมาได้ พวกเจ้าจะได้รับการทรมานโดยการถูกงูนับหมื่นกัดกินจนตายไปด้วยกันกับเถิงเซียง!”พวกแม่นมมองหน้ากัน แม้ว่าการถูกงูนับหมื่นกัดกันจะน่ากลัวมาก ๆ แต่ก็ยังยืนกรานเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านอ๋องเฉิง พวกเรามิเห็นเถิงเซียงเปลี่ยนผ้าไหมจริง ๆ เพคะ!”“ผ้าไหมเหล่านี้จะต้องเป็นคนของกรมวังที่เปลี่ยนแน่นอน!”“มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นคนเหล่านี้ดื้อรั้นเช่นนี้ก็ตะคอกอย่างทนมิไหว “ผ้าไหมเท่านั้น เถิงเซียงเพียงผู้เดียวไม่ม
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช