หลิงอวี๋เหลือบมองไท่เฟยเส้าอย่างเฉียบคม พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “ไท่เฟยเส้าเข้าใจข้าผิดมาครั้งสองครั้ง ข้าคุ้นชินแล้ว!”“ไท่เฟยเส้า มิใช่ว่าการพูดขออภัยทุกครั้งจะสามารถทำให้เรื่องจบลงได้ คราวก่อนทุกคนล้วนจำได้ที่ใต้เท้าเถี่ยลงโทษเรื่องของนางซุน หากไท่เฟยเส้าจำมิได้ ก็รอหาโอกาสซักถามใต้เท้าเถี่ยดูเถิด!”“ข้าหวังว่าไท่เฟยเส้าจะถือว่านางซุนเป็นคำเตือน ต่อไปให้ระวังคำพูดและการกระทำ...”พูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินเข้าไปในห้องโถงที่ตั้งศพก่อนหลิงอวี๋เอ่ยถึงนางซุนขึ้นมาก็เพื่อเตือนไท่เฟยเส้าอย่างจริงจังสตรีบรรดาศักดิ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยล้วนเข้าใจคำเตือนของหลิงอวี๋นางซุนที่เป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของหลิงอวี๋ใส่ร้ายนาง ใต้เท้าเถี่ยสามารถสั่งลงโทษตามกฎหมายได้อย่างเคร่งครัดแม้ว่าไท่เฟยเส้าจะมิถูกลงโทษใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนน ทว่าหากทำให้หลิงอวี๋โกรธ หลิงอวี๋ก็สามารถไปฟ้องร้องว่านางใส่ร้ายและให้ราชสำนักฝ่ายในลงโทษนางได้ตามกฎหมาย… ไท่เฟยเส้าถูกหลิงอวี๋ตักเตือนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ก็เสียหน้าจนอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากหลิงอวี๋เสียทว่าหลิงอวี๋มิได้เห็นไท่เฟยเส้าอยู่สายตา นางคุกเข่าลงบนเบาะแล้วแอบสาบานว่า
กระทั่งสั่งการเสร็จ หลิงอวี๋ก็เอ่ยถาม “หลิงซวน ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”หลิงซวนคุกเข่าลงแล้วเอ่ยตอบ “ฮองเฮา หลังจากที่ท่านเสด็จออกไป พวกเราคอยใส่ใจดูแลเรื่องพระกระยาหารการเสวยของไทฮองไทเฮาตามคำสั่งของท่านทุกวัน มิพบสิ่งผิดปกติใดเลยเพคะ!”“หลังจากพระกระยาหารเย็นเมื่อวาน ไทฮองไทเฮายังเสด็จออกไปเดินเล่นที่ศาลาในสวนกับแม่นมเว่ยอยู่เลยเพคะ กระทั่งเสด็จกลับไทฮองไทเฮาก็สรงน้ำ หาได้สิ่งใดผิดปกติไม่เพคะ”“เมื่อยามบรรทมไทฮองไทเฮาจึงได้ตรัสว่ารู้สึกมิสบายตรงอก แม่นมเว่ยเองก็มิกล้าประมาท รีบไปรายงานองค์จักรพรรดิและบอกถังถีเตี่ยน!”“แม่นมเว่ยยังให้ไทฮองไทเฮากินโอสถช่วยชีวิตที่ท่านให้ไว้ด้วย ไหนเลยจะรู้ว่าอาการของไทฮองไทเฮาจะยิ่งแย่ลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งถังถีเตี่ยนมาถึง ไทฮองไทเฮาก็มีแต่ลมหายใจออกมิหายใจเข้าแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ได้ฟังก็ใจสั่น จึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าเก็บโอสถช่วยชีวิตไว้หรือไม่? เคยถูกผู้ใดแตะต้องมาก่อนหรือไม่?”หลิงซวนยิ้มขมขื่น “โอสถช่วยชีวิตไม่มีปัญหาเพคะ ถังถีเตี่ยนตรวจสอบแล้ว หลังจบเรื่องก็มอบให้องค์จักรพรรดิเก็บรักษาไว้แล้วเพคะ!“จริงสิ ฮองเฮาเพคะ
เซียวหลินเทียนเองก็รู้ความสำคัญของเรื่องนี้ จึงพยักหน้าพลางเอ่ย “ยามกลางคืนแล้วกัน! ข้าจะพยายามคิดหาวิธี!”หลิงอวี๋พยักหน้าทางด้านเซียวหลินเทียนยังมีธุระจึงต้องไปจัดการก่อนหลิงอวี๋เรียกผู้ดูแลแต่ละคนมาแล้วจัดการเรื่องที่ต้องเตรียมในพิธีศพต่อ แม้ว่าจะมีประสบการณ์จัดพิธีศพมาหนึ่งครั้ง แต่รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงก็ยังจำเป็นต้องจัดการหลังจากจัดการงานต่าง ๆ จนถึงตอนอาหารเย็น หลิงอวี๋ก็สั่งให้คนเตรียมห้องอาหารที่โถงด้านข้างของพระตำหนักฉือหนิง นางมิวางใจจึงไปตรวจสอบที่ครัวหลวงอีกครั้งเซียวหลินเทียนจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จก็ไปเฝ้าศพของไทฮองไทเฮาต่อแขกทั้งบุรุษและสตรีเหมือนกับเมื่อครั้งพิธีศพของจักรพรรดิอู่อัน ตรงกลางจะใช้ผ้าม่านหนา ๆ กั้นเอาไว้เซียวหลินเทียนคุกเข่าลงบนเบาะ แล้วครุ่นคิดว่าจะกันคนเหล่านี้ออกไปได้อย่างไรจึงจะเปิดโลงให้หลิงอวี๋ได้ชันสูตรศพได้สะดวกทางด้านแขกสตรี ไท่เฟยเส้าคุกเข่าอยู่จนทนมิค่อยไหวแล้ว นางมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเงียบ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยรับปากไว้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมิใช่หรือ?เหตุใดจึงยังมิเกิดขึ้นอีกเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงส่งสายตาให้นางใจเย็น ๆจ้าวหรุ่ยหร
ไท่เฟยเส้าอยู่ด้านข้างก็ตะโกนขึ้นมาอย่างก้าวร้าวเช่นกัน “ฝ่าบาท… ท่านต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับพวกเรา เหตุใดหีบพระศพของไทฮองไทเฮาจึงมีเลือดไหลออกมาได้?”องค์ชายคังก็ตะโกนใส่ทุกคนอย่างแค้นเคือง “ไทฮองไทเฮาคือเสด็จย่าที่พวกเราให้ความเคารพอย่างสูง ก่อนหน้านี้กระหม่อมคิดว่าพระนางพระทัยวายจริง ๆ ในเมื่อมีเลือดไหลออกมา เช่นนั้นก็แสดงว่าเสด็จย่าสิ้นพระชนม์โดยมิยุติธรรม!”“กระหม่อมต้องการเปิดโลงชันสูตรศพ เพื่อทวงความยุติธรรมให้เสด็จย่า!”“เซียวหลินเทียน ยามนี้กระหม่อมมิใช่ขุนนางของท่าน แต่อยู่ในฐานะของสมาชิกราชวงศ์ ในฐานะพี่ชายของท่าน ข้าขอตั้งคำถามกับท่านว่าเสด็จย่าสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุใดกันแน่?”เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อวานเขาเห็นไทฮองไทเฮาสิ้นลมหายใจไปด้วยตาตนเอง ยามนั้นไทฮองไทเฮามิได้กระอักเลือด และมิได้มีร่องรอยของการถูกวางยาพิษ แล้วเลือดเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?“ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ยินข่าวลือมาว่า คำสั่งเสียเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิในตอนนั้นเป็นของปลอม หรือไทฮองไทเฮาทรงพบความจริงเข้าจึงถูกสังหารปิดปาก!”ขุนนางที่หลบอยู่กลุ่มคนพึมพำขึ้นมาด้วยเสียงที่มิได
“แต่ก่อนที่ท่านอ๋องเฉิงจะพาขุนนางชันสูตรมา ผู้ใดกล้าพูดเหลวไหลหรือคาดเดาถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮาอย่างไร้สาระ จะถือเสียว่าเป็นการสร้างปัญหาในวัง บ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของฉินตะวันตก จะมีโทษเช่นการก่อกบฏ!”เซียวหลินเทียนยืนอยู่บนขั้นบันไดอย่างมีอำนาจแล้วตะโกนเสียงแข็งไท่เฟยเส้ากับองค์ชายคังรวมถึงเหล่าขุนนางที่เป็นผู้นำการก่อเรื่องเมื่อครู่จึงหุบปากไปหลิงอวี๋มิได้เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น แต่จากที่นางรู้จักไท่เฟยเส้ากับองค์ชายคังก็รู้ว่าเมื่อครู่สองคนนี้จะต้องตะโกนโวยวายไปแค่ไหนหลิงอวี๋ดีใจที่เซียวหลินเทียนควบคุมกองทัพหลวงกับค่ายกองทหารเสือไว้ในมืออย่างมั่นคงแล้วมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ หากองค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าคิดจะก่อเรื่องก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้นแต่สาเหตุการตายของไทฮองไทเฮายังมิแน่ชัด ตำแหน่งจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนก็จะตกอยู่ในอันตรายก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ยังคิดอยู่ว่าจะหาโอกาสเปิดโลงชันสูตรศพ ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่จากฝ่ายกระทำกลับกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ เห็นได้ชัดเลยว่าสถานการณ์มิได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาท่ามกลางสายตาจ้องมองของทุกคน นางกับเซียวหลิ
ตอนนี้แม่ทัพเว่ยยังมิได้แสดงออกถึงตำแหน่งอย่างโจ่งแจ้งนักเพราะความสงบเสงี่ยมขององค์ชายรุ่ย แต่เซียวหลินเทียนมิอาจวางใจกับเขาได้เต็มที่องค์ชายรุ่ยเห็นเลือดแล้วมิได้แสดงท่าทีก้าวร้าวเช่นองค์ชายคัง แต่พ่อตาของเขาเข้าร่วมกำกับดูแลการพิจารณาคดีนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ดูจะชอบ“ฝ่าบาทคงจะมิคัดค้านใช่หรือไม่?”องค์ชายคังมองไปทางเซียวหลินเทียนด้วยท่าทีที่ว่าหากเจ้ามิร้อนตัวก็อย่าได้คัดค้านเมื่อกระทำในสิ่งที่ถูกต้องย่อมมิต้องกลัว!เซียวหลินเทียนมิได้เก็บการยั่วยุเช่นนี้มาใส่ใจแม้แต่น้อย เขากับหลิงอวี๋ต่างก็เคารพไทฮองไทเฮา พวกเขามิเคยมีจิตคิดสังหารไทฮองไทเฮา แล้วเหตุใดจะต้องกลัวว่าผู้ใดไต่สวนคดีหลังจากกำหนดรายชื่อของผู้ที่กำกับดูแลการพิจารณาคดีแล้ว เซียวหลินเทียนก็พาทุกคนเข้าไปหลิงอวี๋ก็ตามเข้าไปโดยมิลังเลเช่นกันองค์ชายคังก็คัดค้านทันที “ฮองเฮาเข้าไปมิได้! ท่านเป็นผู้ต้องสงสัย ควรจะเลี่ยงความสงสัย!”“หึ!”คราวนี้เซียวหลินเทียนมิทนองค์ชายคังแล้ว เขายิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ เจ้ายังกังวลว่าฮองเฮาจะทำสิ่งใดอีกหรือ?”“ฮองเฮาเป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวง นา
องค์ชายเย่กับองค์ชายรุ่ยที่อยู่ข้างนอกได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อยู่มิเป็นสุข รีบพุ่งเข้าไปพร้อมกันองค์ชายเย่ก้าวไปตรงหน้าโลงศพ เมื่อเห็นไทฮองไทเฮาที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจนก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างตกใจและโกรธเกรี้ยว“เสด็จย่ามิได้สิ้นพระชนม์เพราะพระทัยวายเฉียบพลัน เซียวหลินเทียน หากท่านไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล กระหม่อมจะไม่มีทางเคารพท่านในฐานะจักรพรรดิอีก!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเห็นท่าทางของไทฮองไทเฮาที่นอนอยู่ในโลงศพ ทั้งสองต่างก็รู้สึกตกใจและโกรธเช่นกัน!เพียงแต่จุดของความโกรธนั้นต่างกัน!สิ่งที่เซียวหลินเทียนโกรธก็คือ มีคนมาทำร้ายศพของไทฮองไทเฮาใต้จมูกของตนเช่นนี้!นี่มิใช่การทำให้ไทฮองไทเฮาตายไปแล้วยังต้องได้รับความทรมานหรือ?ส่วนสิ่งที่หลิงอวี๋โกรธคือ เพื่อที่จะโค่นล้มพวกเขา องค์ชายคังกับไท่เฟยเส้ามิละเว้นแม้แต่คนตายเดิมทีไทฮองไทเฮาควรจะได้นอนอยู่ในโลงศพอย่างสงบ แต่ยามนี้กลับมิเป็นเช่นนั้นใบหน้าของไทฮองไทเฮาถูกบางอย่างกัดจนเป็นชิ้น ๆ อาภรณ์ก็ถูกกัดขาดเสียหายมิเป็นอันดีรูปลักษณ์และอาภรณ์เช่นนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามิใช่การตายแบ
คำถามผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ ล้วนรอให้นางแก้ไขความสงสัยไปทีละเรื่องว่านฉีซานหาหนูจากในโลงออกมาได้สิบห้าตัว และหนูเหล่านี้ล้วนเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตายองค์ชายคังเห็นแล้วก็อดมิได้ที่จะเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิง ยังต้องตรวจสอบอีกหรือ? ไทฮองไทเฮาถูกวางยาพิษ หนูเหล่านี้เจาะเข้าไปกัดกินศพของไทฮองไทเฮาจึงถูกพิษจนตาย!”“เซียวหลินเทียน ท่านยังคิดจะโต้แย้งอย่างไรอีก? เมื่อครู่กระหม่อมถามมาแล้ว เมื่อวานเย็นท่านไปเสวยพระกระยาหารกับไทฮองไทเฮา ต้องเป็นท่านแน่นอนที่วางยาพิษไทฮองไทเฮา!”เซียวหลินเทียนเห็นองค์ชายคังอยากจะเอาความผิดในการวางยาพิษไทฮองไทเฮามาใส่ตนเช่นนี้ ก็อดมิได้ที่จะเรียกชื่อเขาออกไปแล้วตะคอกเสียงดัง“เซียวหลินอี้ เจ้ามิจำจากบทเรียนบ้างเลยหรือ? คราก่อนเจ้าใส่ร้ายฮองเฮาจึงถูกโบยไปสามสิบไม้ หนนี้ไม่มีหลักฐานก็ยังกล้าใส่ร้ายข้าอีก!”“ท่านอ๋องเฉิง พวกท่านต่างก็ได้ยินแล้ว มิใช่ว่าข้าไม่มีสายสัมพันธ์พี่น้อง แต่ความเป็นจริงคือองค์ชายคังรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”“หากครานี้พิสูจน์ได้ว่าการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮามิเกี่ยวข้องกับข้า… เซียวหลินอี้ก็จะมีความผิด การพูดเท็จนั้นมิอาจ
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป