“สารเลว นี่เจ้าจะทำลายตระกูลหลิงของเราให้ตายกันหมดเลยรึ?”หลิงเสียงเซิงโกรธจนโพล่งด่าออกมา “ข้าจะหย่ากับคนสารเลวเช่นเจ้า! เจ้ามิคู่ควรที่จะเป็นแม่ของเฟิงเอ๋อร์ เยี่ยนเอ๋อร์เลย!”หวางซือร้องออกมาแบบจะเป็นจะตาย “หลิงอวี๋ เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าถูกข่มขู่ที่ไหนกัน เงินเหล่านั้น...เงินเหล่านั้นเป็นค่าใช้จ่ายปกติของจวนเสนาบดีอยู่แล้ว! จริงอยู่ มีส่วนใหญ่เป็นค่านสินสอดให้หลิงเยี่ยนไปแล้ว!” “หากเจ้ามีความสามารถก็ไปเอากลับมาจากตำหนักองค์ชายเว่ยสิ! ถึงอย่างไรเจ้าก็อย่าได้คิดที่จะเอาความคิดฐานสมคบคิดกับแคว้นศัตรูมากดหัวข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้มดูถูก “คนที่ต้องการเงินจากเจ้าทุกครั้งคือคนของตำหนักองค์ชายเว่ยมิใช่รึะ?”“เงินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนที่ยักยอกไปหลังจากที่หลิงผิงตายแล้ว ข้ารู้เรื่องนี้ ข้าหาคนคอยจับตามองเจ้าอยู่!”“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า นั่นคือคนของตำหนักองค์ชายเว่ย? ข้าบอกเจ้าได้เลยว่านั่นคือสายลับของฉีตะวันออก… ซึ่งก็คืออิงเหนียงอนุชายาขององค์ชายเว่ยในตอนนี้!”“เงินเหล่านั้นที่เจ้าส่งให้นางมันผ่านมือนางไปใช้เลี้ยงดูสายลับของฉีตะวันออก! หวางซือ ข้ามิได้เปิดโปงเจ้า แต่ข้าอยากจับ
หวางซือก็เคยมีความคิดที่จะฆ่าเช่นกัน อยากจะฆ่าอิงเหนียงปิดปากไปเสียแต่อิงเหนียงผู้นี้เก่งกาจเกินกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก คนที่นางส่งไปมิใช่คู่ต่อสู้ของอิงเหนียงเลย ทั้งยังถูกอิงเหนียงจัดการทั้งหมดอีกด้วยตอนนี้เมื่อได้ยินหลิงอวี๋พูดตัวตนที่แท้จริงของอิงเหนียงออกมา หวางซือก็รู้ว่าตนพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าแล้วนางคุกเข่าลงกับพื้น จนปัญญาไปในทันทีนางรู้ว่าการที่หลิงอวี๋เลือกที่จะเปิดเผยตนกับในครอบครัวก็เพราะมิอยากให้เรื่องนี้ใหญ่โตและส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผู้ที่หลิงอวี๋ต้องการปกป้องก็คือชื่อเสียงของท่านอดีตเสนาบดี และครอบครัวหลิงหว่านแต่หวางซือเองก็มีผู้ที่ต้องการปกป้องเช่นกัน ลูก ๆ ของนางและตระกูลหวางล้วนเป็นความอ่อนแอของนาง! พอกันที! พอแล้ว! พอได้แล้ว!ก็เหมือนกับที่หลิงเสียงเซิงบอก ตนตายเพียงผู้เดียวสามารถปกป้องพวกเขาทั้งหมดได้ มันก็คุ้มค่าแล้วหวางซือก้มหน้าพลางเอ่ยเสียงต่ำ “ข้ายอมรับ ข้ายักยอกเงินของท่านอดีตเสนาบดีเอง แล้วข้าก็ให้แม่นมเหมาวางยาพิษหลานฮุ่ยจวนด้วย… ข้ายอมรับทั้งหมด ทั้งหมดนั้นข้าทำเอง!”หลิงเสียงเซิงทอดถอนใจพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “อาอวี๋ ข้
“การตายของแม่ข้าเกี่ยวข้องกับตำราการแพทย์ซือคงชวิ่นหรือไม่?”“เจ้าสั่งให้หลิงหลานไปขโมยของที่เรือนบุหงาของข้า เป้าหมายก็คือตำราเล่มนี้กระมัง?”หลิงอวี๋ยิงคำถามออกไปติด ๆ กัน นางจ้องตาของหวางซือเขม็ง เมื่อเห็นความมิมั่นคงในแววตาของนางก็รู้เลยว่าตนเองเดามิผิด!“คนที่สั่งเจ้าให้วางยาพิษท่านแม่ของข้าคือคนที่อยู่ในวัง… พระชายาเส้าใช่หรือไม่?”อย่าว่าแต่หวางซือเลย แม้แต่เซียวหลินเทียนที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปด้วย หลิงอวี๋คิดเชื่อมโยงไปจนถึงตัวของพระชายาเส้าได้เยี่ยงไร?“พระชายาเส้าสงสัยว่า ท่านแม่ของข้าได้รับตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นมา แต่เมื่อถามท่านแม่ข้าแล้วนางมิได้ยอมรับ!”“นางจึงมิพอใจให้เจ้าวางยาท่านแม่ของข้า และยาพิษชนิดนี้หมอโดยทั่วไปมิสามารถแก้พิษได้ด้วยซ้ำ!”หลิงอวี๋นึกถึงยาแก้พิษสามเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวนที่อยู่ในมิติแล้วก็เอ่ยอย่างโกรธ ๆ “หากแม่ข้ามีตำราของซือคงชวิ่น นางจะต้องแก้พิษให้ตนเองได้!”“แต่นางไม่มี ดังนั้นจึงถูกพิษทำลายร่างกายอย่างช้า ๆ จนตาย!”หลิงอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็เห็นว่าท่านอดีตเสนาบดีมองมาที่ตนอย่างประหลาดใจนางรู้ดีถึงความสับสนของท่านอดีตเสนาบดีท่านอดีตเ
หวางซือยังพูดมิทันจบก็สิ้นลมหายใจไปเสียแล้วที่มุมปากของนางยังมีรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่เลย หลิงอวี๋มองแล้วก็ขมวดคิ้วแม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้หวังที่จะพึ่งคำสารภาพของหวางซือมาโค่นล้มพระชายาเส้า แต่อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มหมากในการต่อสู้กับพระชายาเส้าไปได้อีกหนึ่งไหนเลยจะคิดว่าหวางซือจะหวาดหวั่นพระชายาเส้าเช่นนี้ป้าสะใภ้ใหญ่สะดุ้งตกใจกับการตายของหวางซือ นางมองอยู่นิ่งมิรู้ว่าควรจะเห็นใจหวางซือหรือว่าควรจะโกรธเกลียดที่นางทำเรื่องเลวร้ายกับหลานฮุ่ยจวนหลิงเสียงเซิงกลัวเพียงว่า ความชั่วร้ายของหวางซือจะดึงตนเข้าไปเกี่ยวด้วย และไปทำให้ท่านอ๋องอี้กับหลิงอวี๋เกลียดตนเองเขารีบเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “อาอวี๋ หวางซือกลัวความผิดฆ่าตัวตายไปแล้ว นางเองก็รับโทษที่ควรจะได้รับแล้ว! เจ้าอย่าได้โกรธเกลียดนางอีกเลย!”“พ่อขอโทษเจ้ากับแม่ของเจ้าที่แม้แต่หวางซือทำเรื่องที่เลวร้ายเหล่านี้ก็ยังมิรู้… วันข้างหน้าพ่อจะย้ายหลุมศพของแม่เจ้าเข้าไปที่หลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลหลิง...”“มิต้อง! ท่านแม่ของข้าจากไปอย่างสงบไปนานแล้ว ข้าเชื่อว่านางก็คงมิอยากให้ฝังนางไว้ในหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลหลิงหรอก!”หลิงอวี๋พูดตัด
หลิงอวี๋เห็นว่าป้าสะใภ้ใหญ่รับปากแล้วก็โล่งอกเช่นกันคนที่ทำผิดต่อตนคือหลิงเสียงเซิงกับหวางซือ นางแก้แค้นก็มิสามารถนิ่งดูดายมิสนใจจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนได้มีป้าสะใภ้ใหญ่ช่วยดูแลท่านอดีตเสนาบดี นางก็วางใจหลิงอวี๋เอ่ยกับหลิงเสียงเซิงตรง ๆ “ท่านพ่อ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ถือโอกาสตอนที่ท่านยังมิไป พาคนไปเอาสินสอดของหลิงเยี่ยนคืนจากตำหนักองค์ชายเว่ยเถิด!”“ท่านอ๋อง ท่านจัดองครักษ์ไปกับท่านพ่อสักกลุ่มหนึ่งเถิด! หม่อมฉันมิอาจปล่อยสินสอดของท่านแม่หม่อมฉันให้องค์ชายเว่ยเปล่า ๆ ได้เพคะ!”หลิงเสียงเซิงยอมรับว่า ตนเป็นลูกสาวต่อหน้าองค์จักรพรรดิแล้ว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะทำให้เสียคำพูด การเรียกท่านพ่อนี้ก็นับว่าเป็นการปรองดองกันแล้วกระมัง!ขอเพียงต่อไปหลิงเสียงเซิงมิทำสิ่งใดเกินเหตุ หลิงอวี๋เองก็เห็นแก่หน้าของท่านอดีตเสนาบดี มิอยากจะขัดแย้งกับหลิงเสียงเซิงอีก“เอ่อ...”หลิงเสียงเซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “อาอวี๋ ในเมื่อเจ้าส่งคนไปมาคอยจับตาดูหวางซือ เหตุใดเจ้าจึงทนมองนางเอาเงินของท่านปู่เจ้าไปให้สายลับได้เล่า! นั่นมันหลายแสนเชียวนะ!”หลิงอวี๋อ่านความคิดของหลิงเสียงเซิงออก นี่เขาทำ
นางรับใช้คำนับหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างตื่นเต้น “บ่าวจะเอาคำพูดของคุณหนูใหญ่ไปแจ้งแม่นางกู่เจ้าค่ะ บ่าวขอบพระคุณคุณหนูใหญ่แทนแม่นางกู่ด้วยนะเจ้าคะ!”นางรับใช้ผู้นี้เป็นคนที่กู่ซุ่ยพาเข้ามา นางภักดีต่อกู่ซุ่ยมาก น้ำเสียงตื่นเต้นนี้ก็มาจากใจจริงเช่นกัน...เจ้านายอยู่ที่นี่ พวกนางก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายไปกับนางได้ด้วยเช่นกันเซียวหลินเทียนเห็นนางรับใช้ออกไปอย่างมีความสุขก็หันไปทางหลิงอวี๋พลางยิ้มอย่างปลื้มใจ แล้วจับมือหลิงอวี๋ไว้เซียวหลินเทียนเอ่ยปลอบโยน “แก้แค้นให้ท่านแม่ของเจ้าแล้ว เจ้าเองก็หมดปัญหาทางใจไปได้อีกอย่างแล้ว!”“ทางด้านพระชายาเส้า… เราค่อยเป็นค่อยไปกันเถิด! สักวันหนึ่งจะต้องทำให้นางชดใช้!”“เพคะ!”หลิงอวี๋พยักหน้า ครั้นนึกถึงอิงเหนียงจึงเอ่ย “เรื่องอิงเหนียงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดนะเพคะ องค์ชายเว่ยเสียผลประโยชน์ไป ยากมากที่จะสร้างตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง หากอิงเหนียงเห็นว่าเขาไม่มีผลประโยชน์ที่คู่ควรแล้ว มิรู้ว่าจะจงใจสร้างเรื่องอะไรอีกหรือไม่!”“ยิ่งไปกว่านั้น หากการตายของหวางซือแพร่ออกไป อิงเหนียงจะต้องระวังตัวยิ่งกว่าเดิม พวกเรามิสามารถปล่อยโอกาสให้นางสร้างเรื่องได
นี่เป็นการเสียสละแบบใดกัน มีบ้านก็กลับมิได้ มีบิดามารดาก็มิสามารถรู้จักกันได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมานานแรมปีเซียวหลินเทียนเองก็มีองครักษ์เงา แต่มิได้โหดเช่นนี้ เขามิสามารถเข้าใจได้ว่าหงเลี่ยงคิดเช่นไรถึงได้เลือกเส้นทางนี้“ลองคิดถึงอายุขององค์หญิงใหญ่กับหงเลี่ยงดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีเซี่ยเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิเข้าใจจึงแนะให้อีกอย่างหวังดีอายุเท่ากัน!เซียวหลินเทียนราวกับตื่นรู้ขึ้นมาทันที องค์หญิงใหญ่กับหงเลี่ยงอายุพอ ๆ กัน หรือว่าจะมีความสนิทสนมกันในระหว่างพวกเขาสองคน?องค์หญิงใหญ่เสียสามีไปตั้งแต่อายุยังน้อย ว่ากันว่าจนกระทั่งก่อนตายหงเลี่ยงก็มิได้แต่งงาน!ที่แท้นี่ก็คือความลับที่องค์หญิงใหญ่สามารถยื่นมือเข้าไปในค่ายกองทหารเสือได้อย่างราบรื่นนี่เองก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนมิเคยคิดออกเลย ค่ายกองทหารเสืออยู่ในการควบคุมของเสด็จพ่อ แม้ว่าตอนนั้นราชองครักษ์ของค่ายกองทหารเสือจะเป็นเฮ่อจิ้นผู้นำตระกูลเฮ่อแต่เฮ่อจิ้นก็เกษียณไปตั้งหลายปีแล้ว องค์หญิงใหญ่จะควบคุมค่ายกองทหารเสือได้อย่างไรอีก?ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง!เซียวหลินเทียนตกใจมาก หงเลี่ยงต้องชอบองค์หญิงใหญ่มากแค่ไห
เซียวหลินเทียนนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในห้องทรงพระอักษรของจักรพรรดิอู่อันหนึ่งชั่วยามกว่า ๆ แล้วจึงออกไปนอกจากขันทีเซี่ยแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าทั้งสองคุยสิ่งใดกันในห้องทรงพระอักษรพระชายาเส้าอยู่ที่ตำหนักของตนแล้วได้รับข่าวจากสายลับ นางกระตุกยิ้มมุมปาก นี่หมายความว่าจักรพรรดิอู่อันเลือกที่จะใช้เซียวหลินเทียนแล้วสินะวันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายในพิธีอภิเษกสมรสจวนอ๋องหรง แม้ว่าพระชายาเส้ามิได้ไป แต่ข่าวที่นางควรรู้ นางก็มิได้ขาดหายไปเลยได้ยินว่า แม้ว่าจะตรวจค้นเจอทางใต้ดินกับเงินที่จวนอ๋องหรง จักรพรรดิอู่อันก็มิได้จัดการอย่างไรกับอ๋องหรงนอกจากการถอดตำแหน่งของเฮ่อหรง ในใจของพระชายาเส้าก็มิพอใจเท่าไรนักแต่ข่าวที่เฮ่อจู้กับพระชายาคังถูกประหารนั้นทำให้พระชายาเส้ามีความสุขขึ้นมาอำนาจของตระกูลเฮ่อและตระกูลเว่ยค่อย ๆ ถูกลดทอนลงตามลำดับ เช่นนั้นตำแหน่งของตนเองก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นเพียงแต่สิ่งที่ทำให้พระชายาเส้ากังวลก็คือ นี่แสดงให้เห็นว่า นับวันอ๋องอี้จะอยู่ในสายตาของจักรพรรดิอู่อันมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนองค์ชายคังก็จะถูกลืมเลือนออกไปจากสมองของจักรพรรดิอู่อันเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับค่ายกองทหารเสือ ก็
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ