ความผิดร่ายยาวที่ท่านอดีตเสนาบดีพูดออกมาทำให้หวางซือหน้าถอดสีไปเลย ในใจนางมีเพียงแค่สองคำเท่านั้น...แย่แล้ว!ใจของหลิงเสียงเซิงก็กระตุกไปเช่นกัน เขามองไปทางหลิงอวี๋อย่างเคร่งเครียดเขาเพิ่งจะวางแผนที่จะสานสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงอวี๋ ทว่าหากหาไปถึงความตายของหลานฮุ่ยจวนแล้วหลิงอวี๋ยังจะยอมเอนเอียงมาหาตระกูลหลิงหรือ?“ท่านพ่อ อยู่ดี ๆ พูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาด้วยเหตุใดกัน! ใคร ๆ ก็รู้กันว่าหลานฮุ่ยจวนป่วยตาย...”ยังมิทันที่หลิงเสียงเซิงจะพูดจบ ท่านอดีตเสนาบดีก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้าหุบปาก! แล้วไปยืนด้านข้างนั่นเสีย วันนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด!”“เหตุใดจะไม่มี! ข้าเป็นสามีของหลานฮุ่ยจวน เป็นพ่อของอาอวี๋ ข้า...”ท่านอดีตเสนาบดีหยิบกระดานไม้ขึ้นมาทันทีอย่างมิรีรอการกระทำนี้ทำเอาหลิงเสียงเซิงตกใจหุบปากไปทันที จากนั้นก็ไปนั่งนิ่ง ๆหวางซือคิดหามาตรการรับมืออย่างรวดเร็ว หลานฮุ่ยจวนตายไปตั้งหลายปีแล้ว คนที่ควรจะจัดการก็ถูกตนจัดการไปแล้ว ไม่มีทางมีหลักฐานใดหลงเหลืออยู่แน่นอน!ขอเพียงตนยืนกรานมิยอมรับ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทำอย่างไรกับตนได้เล่า ตอนนี้ตนเป็นฮูหยินหลิง และมีพระราชโองการแต่งตั้
“แม่ของข้าต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนั้นอยู่ทั้งคืน เสียเลือดไปตั้งมากมาย...”“กระทั่งตอนเช้าตรู่เด็กทั้งสองถึงได้หลุดออกมา ส่วนแม่ของข้าก็แทบจะสิ้นลมหายใจแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงหลานฮุ่ยจวนที่ต้องเจ็บปวดอยู่ตลอดทั้งคืนโดยไม่มีผู้ใดสนใจ นางจะรู้สึกสิ้นหวังเพียงใดหนอในยามนั้นที่นางไร้หนทางจะขอความช่วยเหลือ!นางพูดร้องเรียนออกไปโดยมิสามารถควบคุมน้ำตาอันแสนเจ็บปวดใจของตนได้เลย จากนั้นก็ตวาดหวางซือ “หวางซือ เป็นสตรีเช่นเดียวกันแท้ ๆ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายวางยาพิษกับสตรีนางหนึ่งอย่างใจร้ายได้ถึงเพียงนี้?”“เจ้าเห็นหลิงเยี่ยนต้องแท้งลูกเจ้ายังปวดใจกับสิ่งที่นางได้รับถึงเพียงนั้นเลย เช่นนั้นท่านแม่ของข้าเล่า? ในยามที่นางร้องขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวดและสิ้นหวังนั้นเจ้าทำสิ่งใดอยู่รึ?”“ฟังเสียงร้องไห้ของนางด้วยความยินดีอยู่ใช่หรือไม่? หวางซือ หากพระชายาเว่ยทำกับหลิงเยี่ยนเช่นนี้ เจ้าจะทำเยี่ยงไร?”ป้าสะใภ้ใหญ่กับหลิงหว่านเพิ่งได้ยินสาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนเป็นครั้งแรก เมื่อได้ยินว่าหวางซือทำเรื่องเหล่านี้ทั้งสองก็รู้สึกขนลุกระคนอกสั่นขวัญแขวนทันที พวกนางมิอาจจินตนาการได้เลยว่า สตรีเช่นหวางซือจ
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งความเยือกเย็นที่เสียดแทงไปถึงกระดูกและความโหดร้ายที่มิอาจอธิบายเป็นคำพูดได้...ทำเอาหวางซือฝันร้ายถึงดวงตาคู่นั้นทุกคืนอยู่ช่วงหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!ส่วนผลที่ตามมาก็คือทำให้ลูกที่หวางซือตั้งครรภ์อยู่ในตอนนั้นหลุดออกมา แล้วจากนั้นมาก็มีลูกมิได้อีกเลยนั่นเป็นเด็กผู้ชายที่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้วด้วย!หวางซือรู้ว่าเป็นเพราะถูกหลานฮุ่ยจวนสาปแช่งไว้จึงทำให้ตนสูญเสียลูกชายและโอกาสการตั้งครรภ์อีกไป!มีเพียงต้องทำให้หลานฮุ่ยจวนหายไปจากใต้หล้านี้เท่านั้นนางจึงจะหยุดฝันร้ายนี้ได้เสียที และนางจะได้นั่งในตำแหน่งฮูหยินหลิงอย่างมั่นคง!หวางซือกำลังครุ่นคิดตกอยู่ในภวังค์แล้วก็ได้ยินเสียงหลิงอวี๋ตวาด “หวางซือ เจ้าวางยาพิษท่านแม่ของข้า หลักฐานความผิดเป็นที่ประจักษ์ชัด เจ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”หวางซือใจสั่นแล้วรีบปัดความคิดสับสนวุ่นวายออกไป จากนั้นก็เอ่ยโต้แย้ง “อาอวี๋ ข้ามิเคยทำเรื่องพวกนี้เลย! ตอนนั้นหลานฮุ่ยจวนลักลอบมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นจริง ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าต่างหากที่สั่งให้คนเอายาทำแท้งไปให้นาง...”“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังก
“เจ้าดูสิ่งนี้อีกที เจ้าจะบอกกับจวนขุนนางเยี่ยงไรว่า เหตุใดรายการสินสอดของหลิงเยี่ยนจึงมาปรากฎอยู่ในสินสอดของท่านแม่ข้าได้?”หลิงอวี๋เอารายการสินสอดของหลิงเยี่ยนที่ค้นหามาโยนไปที่ตัวหวางซือด้วยปัญหาที่เข้ามาติด ๆ กันนี้ทำให้หวางซือรับมือมิไหว มีหรือที่นางจะมิรู้ว่าตนเองยักยอกสินสอดของหลานฮุ่ยจวนไปเท่าใด สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในสินสอดทั้งหมด หากนำไปให้จวนขุนนางเทียบดูก็มิอาจปฏิเสธได้เลย“หลิงอวี๋ เจ้าเนรคุณ ต่อให้ข้าจะนำสินสอดของแม่เจ้าไปสมทบให้หลิงเยี่ยนแล้วจะอย่างไรเล่า?”“หลังจากที่แม่เจ้าตาย ตระกูลหลิงของเราก็เลี้ยงดูพวกเจ้าสองพี่น้องจนเติบโตมา ที่ข้านำสินสอดของแม่เจ้ามาก็แค่นำมาชดเชยความเสียหายของตระกูลหลิงเท่านั้นเอง!”“เหลวไหล!”ท่านอดีตเสนาบดีอดมิได้ที่จะโพล่งขึ้นมา เขาโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัวแล้ว“ตอนนั้นที่ท่านอัครเสนาบดีหลานจากไป ก็ได้ให้เงินก้อนโตไว้ให้ฮูหยินของข้าแล้วบอกว่าเป็นค่าเลี้ยงดูหลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยง เงินเหล่านี้มากพอที่จะเลี้ยงทุกคนในตระกูลหลิงด้วยซ้ำ ไหนเลยต้องเอาสินสอดของหลานฮุ่ยจวนไปเลี้ยงดูสองพี่น้องอีก!”“หวางซือ เจ้าช่างทำให้ตระกูลหลิงเสียหน้าจริง ๆ ช่างน
หวางซือร้องไห้ต่อไปมิไหวแล้ว นางมองหลิงอวี๋อย่างงุนงง นางรู้ได้อย่างไรว่าในห้องนอนของตนมีรูลับอยู่?อีกอย่าง หลักฐานที่อยู่ในมือแม่นมเหมาก็ถูกคนที่ต้องการจะข่มขู่ตนเอาไปแล้ว หลิงอวี๋ยังมีอยู่ได้เยี่ยงไร?นางจึงตะโกนขึ้นมา “ไม่ เป็นไปมิได้! เจ้าจะมีหลักฐานที่แม่นมเหมาให้ได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ เจ้าช่างชั่วร้ายจริง ๆ เจ้าจงใจสร้างหลักฐานเท็จเพื่อใส่ร้ายข้า!”หลิงอวี๋ก้มมองหวางซือแล้วมุมปากก็กระตุกขึ้นอย่างเยาะเย้ย “คนเจ้าเล่ห์ย่อมมีแผนรับมือหลายทาง แม่นมเหมาอยู่กับเจ้ามาทั้งชีวิต ทำเรื่องเลว ๆ ให้เจ้ามาตั้งมากมาย นางเตรียมการป้องกันเจ้าวางแผนชั่วร้ายสังหารนางไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว! แต่คิดมิถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วก็ยังต้องมาพบกับการสังหารของเจ้าอยู่ดี!”“นางรู้ว่าชีวิตของตนเองจะมิยืนยาว และรู้ว่าเจ้ารู้ความสัมพันธ์ของนางกับหลิงผิง ดังนั้นของที่นางทิ้งไว้ให้หลิงผิงก็แค่เพื่อให้เจ้าสับสนเท่านั้น!”ตอนนั้นหลิงผิงสารภาพว่า แม่นมเหมาเป็นยายของตน ก่อนตายแม่นมเหมาได้ทิ้งหลักฐานไว้ให้หลิงผิงเพียงแต่ตอนนั้นหลิงผิงอยากจะหนีไปจึงโกหกหลิงอวี๋ว่านางซ่อนหลักฐานเอาไว้ที่อื่น ให้หลิงอวี๋เอาเงินมาให้นางก้
“สารเลว นี่เจ้าจะทำลายตระกูลหลิงของเราให้ตายกันหมดเลยรึ?”หลิงเสียงเซิงโกรธจนโพล่งด่าออกมา “ข้าจะหย่ากับคนสารเลวเช่นเจ้า! เจ้ามิคู่ควรที่จะเป็นแม่ของเฟิงเอ๋อร์ เยี่ยนเอ๋อร์เลย!”หวางซือร้องออกมาแบบจะเป็นจะตาย “หลิงอวี๋ เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าถูกข่มขู่ที่ไหนกัน เงินเหล่านั้น...เงินเหล่านั้นเป็นค่าใช้จ่ายปกติของจวนเสนาบดีอยู่แล้ว! จริงอยู่ มีส่วนใหญ่เป็นค่านสินสอดให้หลิงเยี่ยนไปแล้ว!” “หากเจ้ามีความสามารถก็ไปเอากลับมาจากตำหนักองค์ชายเว่ยสิ! ถึงอย่างไรเจ้าก็อย่าได้คิดที่จะเอาความคิดฐานสมคบคิดกับแคว้นศัตรูมากดหัวข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้มดูถูก “คนที่ต้องการเงินจากเจ้าทุกครั้งคือคนของตำหนักองค์ชายเว่ยมิใช่รึะ?”“เงินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนที่ยักยอกไปหลังจากที่หลิงผิงตายแล้ว ข้ารู้เรื่องนี้ ข้าหาคนคอยจับตามองเจ้าอยู่!”“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า นั่นคือคนของตำหนักองค์ชายเว่ย? ข้าบอกเจ้าได้เลยว่านั่นคือสายลับของฉีตะวันออก… ซึ่งก็คืออิงเหนียงอนุชายาขององค์ชายเว่ยในตอนนี้!”“เงินเหล่านั้นที่เจ้าส่งให้นางมันผ่านมือนางไปใช้เลี้ยงดูสายลับของฉีตะวันออก! หวางซือ ข้ามิได้เปิดโปงเจ้า แต่ข้าอยากจับ
หวางซือก็เคยมีความคิดที่จะฆ่าเช่นกัน อยากจะฆ่าอิงเหนียงปิดปากไปเสียแต่อิงเหนียงผู้นี้เก่งกาจเกินกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก คนที่นางส่งไปมิใช่คู่ต่อสู้ของอิงเหนียงเลย ทั้งยังถูกอิงเหนียงจัดการทั้งหมดอีกด้วยตอนนี้เมื่อได้ยินหลิงอวี๋พูดตัวตนที่แท้จริงของอิงเหนียงออกมา หวางซือก็รู้ว่าตนพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าแล้วนางคุกเข่าลงกับพื้น จนปัญญาไปในทันทีนางรู้ว่าการที่หลิงอวี๋เลือกที่จะเปิดเผยตนกับในครอบครัวก็เพราะมิอยากให้เรื่องนี้ใหญ่โตและส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผู้ที่หลิงอวี๋ต้องการปกป้องก็คือชื่อเสียงของท่านอดีตเสนาบดี และครอบครัวหลิงหว่านแต่หวางซือเองก็มีผู้ที่ต้องการปกป้องเช่นกัน ลูก ๆ ของนางและตระกูลหวางล้วนเป็นความอ่อนแอของนาง! พอกันที! พอแล้ว! พอได้แล้ว!ก็เหมือนกับที่หลิงเสียงเซิงบอก ตนตายเพียงผู้เดียวสามารถปกป้องพวกเขาทั้งหมดได้ มันก็คุ้มค่าแล้วหวางซือก้มหน้าพลางเอ่ยเสียงต่ำ “ข้ายอมรับ ข้ายักยอกเงินของท่านอดีตเสนาบดีเอง แล้วข้าก็ให้แม่นมเหมาวางยาพิษหลานฮุ่ยจวนด้วย… ข้ายอมรับทั้งหมด ทั้งหมดนั้นข้าทำเอง!”หลิงเสียงเซิงทอดถอนใจพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “อาอวี๋ ข้
“การตายของแม่ข้าเกี่ยวข้องกับตำราการแพทย์ซือคงชวิ่นหรือไม่?”“เจ้าสั่งให้หลิงหลานไปขโมยของที่เรือนบุหงาของข้า เป้าหมายก็คือตำราเล่มนี้กระมัง?”หลิงอวี๋ยิงคำถามออกไปติด ๆ กัน นางจ้องตาของหวางซือเขม็ง เมื่อเห็นความมิมั่นคงในแววตาของนางก็รู้เลยว่าตนเองเดามิผิด!“คนที่สั่งเจ้าให้วางยาพิษท่านแม่ของข้าคือคนที่อยู่ในวัง… พระชายาเส้าใช่หรือไม่?”อย่าว่าแต่หวางซือเลย แม้แต่เซียวหลินเทียนที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปด้วย หลิงอวี๋คิดเชื่อมโยงไปจนถึงตัวของพระชายาเส้าได้เยี่ยงไร?“พระชายาเส้าสงสัยว่า ท่านแม่ของข้าได้รับตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นมา แต่เมื่อถามท่านแม่ข้าแล้วนางมิได้ยอมรับ!”“นางจึงมิพอใจให้เจ้าวางยาท่านแม่ของข้า และยาพิษชนิดนี้หมอโดยทั่วไปมิสามารถแก้พิษได้ด้วยซ้ำ!”หลิงอวี๋นึกถึงยาแก้พิษสามเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวนที่อยู่ในมิติแล้วก็เอ่ยอย่างโกรธ ๆ “หากแม่ข้ามีตำราของซือคงชวิ่น นางจะต้องแก้พิษให้ตนเองได้!”“แต่นางไม่มี ดังนั้นจึงถูกพิษทำลายร่างกายอย่างช้า ๆ จนตาย!”หลิงอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็เห็นว่าท่านอดีตเสนาบดีมองมาที่ตนอย่างประหลาดใจนางรู้ดีถึงความสับสนของท่านอดีตเสนาบดีท่านอดีตเ
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่