เมืองโม่เหอ?หลี่ว์เซียงได้ยินแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันมองไปทางจักรพรรดิอู่อันอย่างยากจะเชื่อองค์ชายเว่ยหัวเราะเยาะ “พื้นที่ขนาดใหญ่นั่นล้วนเป็นบึงน้ำดำ ปลูกสิ่งใดก็ล้มตายหมด แล้วก็เป็นเมืองร้างที่ทั้งเมืองรวมกันแล้วมีมิกี่สิบครอบครัวมิใช่หรือ?”“เสด็จพ่อ ข้อตกลงนี้มิใช่ข้อตกลงที่ดี อย่าตกลงเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อครู่องค์ชายคังมิเข้าใจความหมายของจักรพรรดิอู่อัน เมื่อจ้าวฮุยเตือนขึ้นมาก็คิดอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนพูดโม่เหอออกมา เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงตัวของตนเองแล้ว“เสด็จพี่ใหญ่ ท่านพูดเช่นนี้ก็มิถูก! โม่เหอนี้ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นเมืองแห่งสมบัติ!”องค์ชายคังก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน จึงเอามาแสดงความรู้ของตนเอง“ว่ากันว่ามีสมบัติมากมายฝังอยู่ใต้บึงน้ำอันมืดมิดนั้น! ภูเขาหินที่อยู่รอบ ๆ ก็น่าจะเป็นเหมืองถ่านหินทั้งหมด!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็หมดคำพูด ฝังสมบัติใต้บึงน้ำ? องค์ชายคังผู้นี้มีสมองหรือไม่?แต่บึงน้ำอันมืดมิดนี้กลับทำให้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง หรือว่านี่อาจเป็นแหล่งน้ำมันในสมัยใหม่?นั่นจะเป็นสมบัติจริง ๆ เลยทีเดียว!แต่จักรพรรดิอู่อันมิ
องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สิ่งที่พวกเขาสองคนคิดมิใช่ว่าจะทำงานร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อชนะการแข่งขันนี้ได้เยี่ยงไรทั้งสองคนต่างคนต่างคิดกันเองทั้งสองนำทัพมิดีเท่าเซียวหลินเทียน เช่นนั้นเหตุใดต้องไปหาเรื่องใส่ตัวเล่า นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ด้วยความสามารถของพวกเขามิสามารถเอาชนะฉีตะวันออกได้หรอกหากแพ้ก็จะถูกจักรพรรดิอู่อันรังเกียจและลงโทษเอาได้!องค์ชายเว่ยคิดจนแน่ชัดแล้วจึงชิงเอ่ยขึ้นมา “เสด็จพ่อ ลูกนำทัพมิดีเท่ากับน้องสี่ ครั้งนี้จะมิเข้าร่วมการแข่งขันล้อมเมืองพ่ะย่ะค่ะ เพื่อมิให้ฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเอาได้! ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายคังเห็นแล้วก็เข้าใจความคิดขององค์ชายเว่ยทันที เขาชั่งน้ำหนักความสามารถของตนครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ย “เสด็จพ่อ วรยุทธของลูกมิดีเท่าน้องสี่ จะมิเข้าร่วมการแข่งขันเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองทั้งสองคนด้วยรู้สึกผิดหวังในใจเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เพิ่งถูกลอบสังหารมา อาการบาดเจ็บยังมิหายดีเลยแต่องค์
แต่คำพูดถัดไปของหลี่ว์เซียง ทำให้หลิงอวี๋เปลี่ยนความคิดของตนที่มีต่อเขาไปทันที ทั้งยังหน้าแดงเพราะสิ่งนี้ด้วยหลี่ว์เซียงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “กระหม่อมเห็นด้วยว่าคำมั่นสัญญาทางทหารสามารถกระตุ้นให้ท่านอ๋องอี้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ได้ แต่กระหม่อมรู้สึกว่าในเมื่อมีการลงโทษ จึงควรมีรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท มีการลงโทษสามารถกระตุ้นให้กลุ่มของท่านอ๋องอี้ออกไปคว้าชัยชนะได้อย่างเต็มกำลัง! ดังนั้น กระหม่อมขอแนะนำว่า ควรเขียนรางวัลไว้ในคำมั่นสัญญาทางทหารด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่หลี่ว์เซียงพูดสิ่งนี้ออกไป องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังก็เริ่มกังวลขึ้นมา มิใช่ว่าเสด็จพ่อคงจะทนความตื่นเต้นได้ แล้วจะต้องเขียนตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นรางวัลในคำมั่นสัญญาทางทหารกระมัง!“หลี่ว์เซียง สิ่งที่เจ้าพูดมานั้น อ๋องอี้ไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อนำความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น หรือว่าไปเพื่อรางวัลเล่า?”องค์ชายเว่ยจ้องหลี่ว์เซียงอย่างดุร้าย ชายชราผู้นี้กล้าพูดแทนเซียวหลินเทียน เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมังองค์ชายคังยิ้มแล้วเอ่ย “ก็จริง... น้องสี่ทำเพื่อความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! หากเขียนรางว
องค์ชายคังก็สามารถคิดจนเข้าใจเหตุผลได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนฉลาดถึงเพียงนี้ มีหรือจะมิเข้าใจ!แต่ทั้งสองคนก็มิได้เผยออกมา เซียวหลินเทียนรับคำมั่นสัญญาทางทหารแล้วออกจากวังไปพร้อมกับหลิงอวี๋“คนเจ้าเล่ห์!”บนรถม้ามีเพียงเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยคำนี้ออกมาน้ำเสียงนี้ครึ่งหนึ่งจนใจ อีกครึ่งหนึ่งชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้ม นางนึกถึงบึงน้ำมืดมิดเหล่านั้น จักรพรรดิอู่อันนึกถึงเพียงเหมืองถ่านหินที่โม่เหอ แต่กลับคิดมิถึงว่ายังมีสิ่งนี้!นางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหมาย “อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อนเลยเพคะ! โม่เหอนี้หากชนะมันจะเป็นโชคลาภที่มิคาดคิด ท่านยังมิเคยไปเห็นสถานที่จริงเลย บางทีที่โม่เหออาจมีเรื่องประหลาดใจรอท่านอยู่ก็เป็นได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋ปลอบใจตนก็มิใส่ใจอะไร ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ค่ายทหารเสียหน่อย การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก ข้าจะต้องเตรียมตัวให้ดี!”“เพคะ ท่านไปเถิด!”เซียวหลินเทียนส่งหลิงอวี๋กลับตำหนักอ๋องอี้แล้วไปที่ค่ายทหารหลิงอวี๋ยังคงนึกถึงเรื่องหลี่ว์กังอยู่ และส่งเถาจื่อไปส่งโอสถบำรุงหัวใจหลายข
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของมู่หรงชิ่งก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางมองมู่หรงชิ่งอย่างสงสัยนี่มันหมายความว่าอะไร?มู่หรงชิ่งรู้จักแม่ของตนจริง ๆ หรือ?มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?แต่แล้วหลิงอวี๋ก็นึกถึงจี้หยกจากราชวงศ์มู่หรงชิ้นนั้นที่อยู่ในของที่ระลึกของหลานฮุ่ยจวน หรือว่ามู่หรงชิ่งก็รู้ถึงการมีอยู่ของจี้หยกนี้ด้วยเช่นกัน?“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เวลานี้ยังมิสะดวกที่จะพูด จึงทำได้เพียงหาเวลาอื่นการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มของแต่ละแคว้นล้วนต้องการชัยชนะ ทำได้ดีกันทีเดียวกลุ่มของเซียวหลินเทียนเป็นกลุ่มสุดท้ายเวลาที่สามกลุ่มแรกข้ามแม่น้ำนั้นถูกควบคุมอยู่ภายในเวลาธูปดอกเดียว และทุกกลุ่มต่างมีคนที่ตกน้ำเมื่อคำนวณเช่นนี้แล้ว ช่องว่างของแต่ละกลุ่มมิได้ใหญ่มาก เซียวหลินเทียนแอบคำนวณอยู่ในใจว่าคะแนนรวมของฉีตะวันออกนั้นมากกว่าของเยวี่ยใต้เพียงห้าแต้ม ปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งการข้ามแม่น้ำนั้นขอเพียงร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในเวลานั้นก็จะมิเสียคะแนนมากเกินไปขอเพียงคนของตนระวังมิให้ตกน้ำ ห้าแต้มนี้สามารถแซงหน้าฉีตะวันออกและเป็นที่หนึ่งในรายก
น้ำที่ไหลเชี่ยวพุ่งมาซัดเข้าที่ตัวของกลุ่มเซียวหลินเทียนอย่างท่วมท้น ทำเอาพวกเขาโซเซไป“ระวัง!”“ยึดไว้!”คนจำนวนมากบนฝั่งกรีดร้องออกมาแล้วก็เหงื่อออกอย่างเป็นห่วงพวกของเซียวหลินเทียนกระแสน้ำเช่นนี้หากยืนมิอยู่ ในชั่วพริบตาสามารถซัดพาสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนตกลงไปในน้ำได้เลยแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกลับดูแลกันและกัน แม้ว่าจะโดนกระแสน้ำเชี่ยวซัดสาดแต่ก็ไม่มีใครตกลงไปในน้ำจักรพรรดิอู่อันเห็นสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนจับมือกันต้านทานคลื่นไว้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“องค์ชายสี่มีความสามารถจริง ๆ เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็ยังสามารถสงบได้เช่นนี้…”คำชมของจักรพรรดิอู่อันทำให้องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังรู้สึกมิเห็นด้วยนักรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขององค์ชายคัง ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้กระมัง!องค์ชายเว่ยยิ้มเยาะในใจอย่างดูถูก เสด็จพ่อชื่นชมเขามาก ประเดี๋ยวมาดูกันว่าเขาจะเสียหน้าอย่างไรเป็นดังที่คาด ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะพูดจบ ก็เห็นกลุ่มของเซียวหลินเทียนที่ด้านล่างนั้น จู่ ๆ สมาชิกหลายคนในกลุ่มที่ยืนอยู่บนกระดานไม้ก็ก้าวพลาดตกลงไปในน้ำในมุมมองของคนบ
เซียวหลินเทียนมองกล้ามเนื้อของมู่เหลิงแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย “หัวหน้ามู่ อยากจะประลองก็มีโอกาสมากมาย ข้าจะให้โอกาสนั้นแก่เจ้าอย่างแน่นอน!”องค์ชายอิงมองคนสองคนเอ่ยคุยกันด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังที่ดุร้าย แต่ก็มิใช่คนไร้สมองเขารู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายหนิงถึงเอาโม่เหอเดิมพันมากับจักรพรรดิอู่อัน!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะชนะแล้วได้รับโม่เหอไป เขาก็มิกลัว สถานที่ผีเช่นโม่เหอได้คร่าชีวิตคนของตนไปมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามิเชื่อว่าเซียวหลินเทียนสามารถอยู่รอดในโม่เหอได้สำหรับเหมืองถ่านหินเหล่านั้น องค์ชายอิงก็มิได้อิจฉาตาร้อนเช่นกัน หากเซียวหลินเทียนสามารพาคนไปขุดได้ก็ต้องขนส่งออกมาเขายังหวังว่าจะมีคนช่วยตนไปขุด เช่นนี้เขาจะได้ขวางทางแล้วแย่งชิงมันได้ราษฎรของเว่ยเหนือมิได้มากเท่าฉินตะวันตก แรงงานจึงขาดแคลน แทนที่จะทำเอง เขาชอบที่จะได้อะไรมาโดยมิต้องออกแรงมากกว่า!องค์ชายหนิงอยู่ในเพิงพักผ่อนข้าง ๆ เขามิได้ซ้ำเติมในสถานการณ์ยากลำบากของเซียวหลินเทียน เพียงแค่มองเซียวหลินเทียนอย่างครุ่นคิดเท่านั้นคนนอกดูเอาสนุก ส่วนคนในมองที่หนทางองค์ชายหนิงเองก็เป็นผู้นำทัพ
“กระดานไม้เป็นอะไรไป? เหตุใดมิตรวจสอบก่อนการแข่งขัน?”เซียวหลินเทียนกับสมาชิกกลุ่มเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็มาซักถามอันเจ๋อด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอันเจ๋อรับผิดชอบเรื่องกองหนุน เขาเองก็รู้สึกละอายใจเช่นกันที่เป็นเพราะกระดานไม้แผ่นเดียวที่ทำส่งผลกับการเป็นที่หนึ่งของพวกเขา เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าละอายจริง ๆ!“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นความผิดของกระหม่อมเอง! กระหม่อมจัดการมิดี พบปัญหาของกระดานไม้มิทันเวลา!”อันเจ๋อต้องการตบตนเองสองสามครั้ง มันเป็นเพราะกระดานไม้พังเสียหาย ถึงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้ เขาไม่มีหน้าจะโต้แย้งเลย“นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ามิสามารถเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้!”“อีกอย่าง น้ำที่ต้นน้ำไหลมาอย่างอธิบายมิได้ นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของตัวข้าเอง ข้าจะทบทวนตัวเอง!”ความผิดที่น่าจะเป็นของตนเองเซียวหลินเทียนก็มิสามารถเลี่ยงได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา“วันนี้มันเป็นความผิดของตัวข้ากับอันเจ๋อที่ทำให้ทุกคนพ่ายแพ้ ข้ากับอันเจ๋อจะจดการโบยไม้ทหารไว้สิบไม้! หลังจากจบการแข่งขันแล้วเรามาว่ากัน!”“เรื่องที่ประมาทกันในวันนี้ทุกคนต้องถือเป็นบทเรียน ในการแข่งขันอีกหลายว
เมืองหลวงแดนเทพเกิดความปั่นป่วน หลิงอวี๋และหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็คาดมิถึงว่า พวกตนเพิ่งออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปเพียงคืนเดียวก็กลับเกิดเรื่องมากมายขึ้นเช่นนี้เสียแล้วหลายคนรีบเดินทางมาถึงเมืองเล็กที่อยู่หน้าภูเขาอนันต์ หลงเพ่ยเพ่ยก็ถูกมู่หยางหัวหน้าองครักษ์เงาของจวนเจ้าห่งทิศใต้สกัดไว้มู่หยางคือบิดาของมู่ตง หัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ย อายุสี่สิบกว่าปี สูงกว่ามู่ตงหนึ่งช่วงศีรษะ“ท่านหญิง คนของมหาปราชญ์และตำหนักหมาป่าสวรรค์ปิดล้อมเชิงเขาอนันต์ไว้หมดแล้ว พวกเราขึ้นไปช่วยคนบนเขามิได้แล้วขอรับ!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งคนไปสืบดูแล้ว หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนช่วยหวงฝู่หมิงจูออกมาได้ แต่ถูกเจ้าสำนักซิงหลัวทำร้ายจนบาดเจ็บ พวกเขาจำต้องหลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย!”ระหว่างทาง หลิงอวี๋ได้ฟังหลงเพ่ยเพ่ยเล่าถึงตำหนักใต้ดินแห่งความตายในตำนานนี้แล้วเมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ หลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจโล่งอกไปชั่วคราว ขอเพียงมิตกไปอยู่ในมือของเจ้าสำนักซิงหลัว จากนี้ย่อมต้องมีวิธีช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอนหลงเพ่ยเพ่ยก็คิดเช่นเดียวกัน จึงกล่าวว่า “ท่านล
เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระหน่ำทั่ว!ท่านผู้เฒ่าเย่มองเย่ซื่อเจียงออกไปแล้ว ก็หันไปมองเย่หมิงเย่หมิงถูกเขามองจนรู้สึกผิด ก้มหน้าลงต่ำ “ท่านปู่ ข้า... ข้าในฐานะพี่ใหญ่ทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าทำให้พวกท่านผิดหวังในความไว้วางใจ!”ท่านผู้เฒ่าเย่ส่ายหน้า “มิใช่แค่เจ้าทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าในฐานะปู่ก็ทำหน้าที่ได้มิดีพอเช่นกัน แต่ยามนี้หากจะเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว!”“เย่หมิง เหตุใดท่านปู่ของเจ้าถึงเรียกเจ้ามา? เจ้าล่วงรู้ถึงความตั้งใจอันดีของเขาหรือไม่?”เย่หมิงมองเย่ซงเฉิง พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านปู่ทั้งสองล้วนต้องการให้ข้าได้ยินกับหูตนเองว่า เย่ซวินเสื่อมทรามลงได้อย่างไร เพื่อให้ข้าตื่นตัวระมัดระวัง ต่อไปจะได้มิถูกผู้อื่นชักจูงให้เดินไปบนเส้นทางเดียวกับเย่ซวินขอรับ!”เย่ซงเฉิงพยักหน้า “นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง คือเพื่อให้เจ้าเข้ามามีส่วนร่วมด้วย!”“ท่านพ่อของเจ้าเป็นผู้นำตระกูลเย่ ทว่าความสามารถของเขาเพียงคนเดียวย่อมมีจำกัด เขามิอาจดูแลได้รอบด้านไปเสียทุกสิ่ง!”“เย่หมิง เจ้าบรรลุเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านพ่อและท่านปู่ของเจ้าฝากความหวังไว้กับเจ้าอย่
หลงจิ้งมีความรับผิดชอบเช่นนี้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิพอใจได้อย่างไรกัน!เมื่อเห็นความรุนแรงของไฟลุกไหม้ขึ้นมา และเหล่าผู้คุ้มกันของสำนักซิงหลัวต่างก็ยุ่งอยู่กับการดับไฟและรักษาทรัพย์สิน เจ้าแห่งทิศใต้ก็ยิ้มเยาะขึ้นมาทันทีทำร้ายลูกชายของตนจนเป็นเช่นนี้ พวกเขายังคิดว่าจะหนีรอดไปได้อีกหรือ?หลงจิ้งและเย่หรงได้ทำในสิ่งที่พวกเขาควรทำแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือความรับผิดชอบของตน“จิ้งเอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด! ที่เหลือปล่อยให้พ่อจัดการเอง!”หลงจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็ทักทายเย่หรงแล้วจะกลับไปเย่หรงมิเห็นหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามออกไป “เจ้าแห่งทิศใต้ เสี่ยวชีกลับไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิได้ปิดบังเย่หรง จึงกระซิบไป “เซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ของสำนักซิงหลัว สิงอวี๋และเพ่ยเพ่ยพาคนกลุ่มหนึ่งไปช่วยพวกเขาแล้ว!”“มหาปราชญ์ก็พาคนไปเช่นกัน เขาคิดจะจับตัวเซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลิน!”ว่ากระไรนะ?สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนใจ “เช่นนั้นกระหม่อมก็จะไปช่วยด้วย! เจ้าแห่งทิศใต้ กระหม่อมขอยืมม้าท่านสักตัวเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลงจิ้งยังมิได้ไป เ
“ไฟไหม้ หนีเร็วเข้า!”“รีบดับไฟเร็ว!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งออกไปแล้ว ก็ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างดังผู้คุ้มกันเหล่านั้นมิสนใจที่จะจัดการกับคุณชายเหล่านี้แล้ว พวกเขารีบกระจายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อหาน้ำมาดับไฟเมื่ออากาศแห้ง หากความรุนแรงของไฟที่ห้องบัญชีมากเกินไป เช่นนั้นไฟก็จะลามไปยังห้องอื่น ๆ หรืออาจจะเชื่อมไปจนหมดทั้งบ่อนก็เป็นได้บรรดาแขกที่กำลังเล่นพนันอยู่ในบ่อนส่วนหน้า เมื่อพวกเขาได้ยินว่าไฟไหม้ก็มิสนใจเล่นพนันแล้ว ต่างก็พากันหนีไปข้างนอกเจ้าแห่งทิศใต้อยู่ในบ้านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของหลงจิ้งและเย่หรงอยู่ตลอด เมื่อนั่งมิติดจึงเป็นคนพารองแม่ทัพไปที่เรือนที่ใช้ชั่วคราวแห่งหนึ่งที่อยู่แถว ๆ สำนักซิงหลัวด้วยตนเองเมื่อเห็นแขกเหล่านั้นต่างพากันหนีออกมาข้างนอก เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิรู้ว่าเกิดกระไรขึ้น แต่ในขณะที่กำลังกังวลอยู่นั้นสายลับผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามารายงาน“องค์ชาย ด้านในบ่อนพนันเกิดไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ ท่านชายสามเป็นผู้นำบุกเข้าไปในห้องบัญชีแล้วก่อความวุ่นวายขึ้นมา!”“ท่านชายสามยังอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเราเห็นท่านชายสามเดินไปทางด้านหลัง คาดว่าจะไปจุดไฟเผาพ่ะย่ะค่ะ!”อ
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต