เมืองโม่เหอ?หลี่ว์เซียงได้ยินแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันมองไปทางจักรพรรดิอู่อันอย่างยากจะเชื่อองค์ชายเว่ยหัวเราะเยาะ “พื้นที่ขนาดใหญ่นั่นล้วนเป็นบึงน้ำดำ ปลูกสิ่งใดก็ล้มตายหมด แล้วก็เป็นเมืองร้างที่ทั้งเมืองรวมกันแล้วมีมิกี่สิบครอบครัวมิใช่หรือ?”“เสด็จพ่อ ข้อตกลงนี้มิใช่ข้อตกลงที่ดี อย่าตกลงเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อครู่องค์ชายคังมิเข้าใจความหมายของจักรพรรดิอู่อัน เมื่อจ้าวฮุยเตือนขึ้นมาก็คิดอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนพูดโม่เหอออกมา เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงตัวของตนเองแล้ว“เสด็จพี่ใหญ่ ท่านพูดเช่นนี้ก็มิถูก! โม่เหอนี้ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นเมืองแห่งสมบัติ!”องค์ชายคังก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน จึงเอามาแสดงความรู้ของตนเอง“ว่ากันว่ามีสมบัติมากมายฝังอยู่ใต้บึงน้ำอันมืดมิดนั้น! ภูเขาหินที่อยู่รอบ ๆ ก็น่าจะเป็นเหมืองถ่านหินทั้งหมด!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็หมดคำพูด ฝังสมบัติใต้บึงน้ำ? องค์ชายคังผู้นี้มีสมองหรือไม่?แต่บึงน้ำอันมืดมิดนี้กลับทำให้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง หรือว่านี่อาจเป็นแหล่งน้ำมันในสมัยใหม่?นั่นจะเป็นสมบัติจริง ๆ เลยทีเดียว!แต่จักรพรรดิอู่อันมิ
องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สิ่งที่พวกเขาสองคนคิดมิใช่ว่าจะทำงานร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อชนะการแข่งขันนี้ได้เยี่ยงไรทั้งสองคนต่างคนต่างคิดกันเองทั้งสองนำทัพมิดีเท่าเซียวหลินเทียน เช่นนั้นเหตุใดต้องไปหาเรื่องใส่ตัวเล่า นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ด้วยความสามารถของพวกเขามิสามารถเอาชนะฉีตะวันออกได้หรอกหากแพ้ก็จะถูกจักรพรรดิอู่อันรังเกียจและลงโทษเอาได้!องค์ชายเว่ยคิดจนแน่ชัดแล้วจึงชิงเอ่ยขึ้นมา “เสด็จพ่อ ลูกนำทัพมิดีเท่ากับน้องสี่ ครั้งนี้จะมิเข้าร่วมการแข่งขันล้อมเมืองพ่ะย่ะค่ะ เพื่อมิให้ฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเอาได้! ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายคังเห็นแล้วก็เข้าใจความคิดขององค์ชายเว่ยทันที เขาชั่งน้ำหนักความสามารถของตนครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ย “เสด็จพ่อ วรยุทธของลูกมิดีเท่าน้องสี่ จะมิเข้าร่วมการแข่งขันเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองทั้งสองคนด้วยรู้สึกผิดหวังในใจเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เพิ่งถูกลอบสังหารมา อาการบาดเจ็บยังมิหายดีเลยแต่องค์
แต่คำพูดถัดไปของหลี่ว์เซียง ทำให้หลิงอวี๋เปลี่ยนความคิดของตนที่มีต่อเขาไปทันที ทั้งยังหน้าแดงเพราะสิ่งนี้ด้วยหลี่ว์เซียงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “กระหม่อมเห็นด้วยว่าคำมั่นสัญญาทางทหารสามารถกระตุ้นให้ท่านอ๋องอี้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ได้ แต่กระหม่อมรู้สึกว่าในเมื่อมีการลงโทษ จึงควรมีรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท มีการลงโทษสามารถกระตุ้นให้กลุ่มของท่านอ๋องอี้ออกไปคว้าชัยชนะได้อย่างเต็มกำลัง! ดังนั้น กระหม่อมขอแนะนำว่า ควรเขียนรางวัลไว้ในคำมั่นสัญญาทางทหารด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่หลี่ว์เซียงพูดสิ่งนี้ออกไป องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังก็เริ่มกังวลขึ้นมา มิใช่ว่าเสด็จพ่อคงจะทนความตื่นเต้นได้ แล้วจะต้องเขียนตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นรางวัลในคำมั่นสัญญาทางทหารกระมัง!“หลี่ว์เซียง สิ่งที่เจ้าพูดมานั้น อ๋องอี้ไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อนำความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น หรือว่าไปเพื่อรางวัลเล่า?”องค์ชายเว่ยจ้องหลี่ว์เซียงอย่างดุร้าย ชายชราผู้นี้กล้าพูดแทนเซียวหลินเทียน เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมังองค์ชายคังยิ้มแล้วเอ่ย “ก็จริง... น้องสี่ทำเพื่อความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! หากเขียนรางว
องค์ชายคังก็สามารถคิดจนเข้าใจเหตุผลได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนฉลาดถึงเพียงนี้ มีหรือจะมิเข้าใจ!แต่ทั้งสองคนก็มิได้เผยออกมา เซียวหลินเทียนรับคำมั่นสัญญาทางทหารแล้วออกจากวังไปพร้อมกับหลิงอวี๋“คนเจ้าเล่ห์!”บนรถม้ามีเพียงเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยคำนี้ออกมาน้ำเสียงนี้ครึ่งหนึ่งจนใจ อีกครึ่งหนึ่งชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้ม นางนึกถึงบึงน้ำมืดมิดเหล่านั้น จักรพรรดิอู่อันนึกถึงเพียงเหมืองถ่านหินที่โม่เหอ แต่กลับคิดมิถึงว่ายังมีสิ่งนี้!นางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหมาย “อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อนเลยเพคะ! โม่เหอนี้หากชนะมันจะเป็นโชคลาภที่มิคาดคิด ท่านยังมิเคยไปเห็นสถานที่จริงเลย บางทีที่โม่เหออาจมีเรื่องประหลาดใจรอท่านอยู่ก็เป็นได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋ปลอบใจตนก็มิใส่ใจอะไร ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ค่ายทหารเสียหน่อย การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก ข้าจะต้องเตรียมตัวให้ดี!”“เพคะ ท่านไปเถิด!”เซียวหลินเทียนส่งหลิงอวี๋กลับตำหนักอ๋องอี้แล้วไปที่ค่ายทหารหลิงอวี๋ยังคงนึกถึงเรื่องหลี่ว์กังอยู่ และส่งเถาจื่อไปส่งโอสถบำรุงหัวใจหลายข
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของมู่หรงชิ่งก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางมองมู่หรงชิ่งอย่างสงสัยนี่มันหมายความว่าอะไร?มู่หรงชิ่งรู้จักแม่ของตนจริง ๆ หรือ?มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?แต่แล้วหลิงอวี๋ก็นึกถึงจี้หยกจากราชวงศ์มู่หรงชิ้นนั้นที่อยู่ในของที่ระลึกของหลานฮุ่ยจวน หรือว่ามู่หรงชิ่งก็รู้ถึงการมีอยู่ของจี้หยกนี้ด้วยเช่นกัน?“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เวลานี้ยังมิสะดวกที่จะพูด จึงทำได้เพียงหาเวลาอื่นการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มของแต่ละแคว้นล้วนต้องการชัยชนะ ทำได้ดีกันทีเดียวกลุ่มของเซียวหลินเทียนเป็นกลุ่มสุดท้ายเวลาที่สามกลุ่มแรกข้ามแม่น้ำนั้นถูกควบคุมอยู่ภายในเวลาธูปดอกเดียว และทุกกลุ่มต่างมีคนที่ตกน้ำเมื่อคำนวณเช่นนี้แล้ว ช่องว่างของแต่ละกลุ่มมิได้ใหญ่มาก เซียวหลินเทียนแอบคำนวณอยู่ในใจว่าคะแนนรวมของฉีตะวันออกนั้นมากกว่าของเยวี่ยใต้เพียงห้าแต้ม ปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งการข้ามแม่น้ำนั้นขอเพียงร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในเวลานั้นก็จะมิเสียคะแนนมากเกินไปขอเพียงคนของตนระวังมิให้ตกน้ำ ห้าแต้มนี้สามารถแซงหน้าฉีตะวันออกและเป็นที่หนึ่งในรายก
น้ำที่ไหลเชี่ยวพุ่งมาซัดเข้าที่ตัวของกลุ่มเซียวหลินเทียนอย่างท่วมท้น ทำเอาพวกเขาโซเซไป“ระวัง!”“ยึดไว้!”คนจำนวนมากบนฝั่งกรีดร้องออกมาแล้วก็เหงื่อออกอย่างเป็นห่วงพวกของเซียวหลินเทียนกระแสน้ำเช่นนี้หากยืนมิอยู่ ในชั่วพริบตาสามารถซัดพาสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนตกลงไปในน้ำได้เลยแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกลับดูแลกันและกัน แม้ว่าจะโดนกระแสน้ำเชี่ยวซัดสาดแต่ก็ไม่มีใครตกลงไปในน้ำจักรพรรดิอู่อันเห็นสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนจับมือกันต้านทานคลื่นไว้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“องค์ชายสี่มีความสามารถจริง ๆ เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็ยังสามารถสงบได้เช่นนี้…”คำชมของจักรพรรดิอู่อันทำให้องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังรู้สึกมิเห็นด้วยนักรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขององค์ชายคัง ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้กระมัง!องค์ชายเว่ยยิ้มเยาะในใจอย่างดูถูก เสด็จพ่อชื่นชมเขามาก ประเดี๋ยวมาดูกันว่าเขาจะเสียหน้าอย่างไรเป็นดังที่คาด ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะพูดจบ ก็เห็นกลุ่มของเซียวหลินเทียนที่ด้านล่างนั้น จู่ ๆ สมาชิกหลายคนในกลุ่มที่ยืนอยู่บนกระดานไม้ก็ก้าวพลาดตกลงไปในน้ำในมุมมองของคนบ
เซียวหลินเทียนมองกล้ามเนื้อของมู่เหลิงแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย “หัวหน้ามู่ อยากจะประลองก็มีโอกาสมากมาย ข้าจะให้โอกาสนั้นแก่เจ้าอย่างแน่นอน!”องค์ชายอิงมองคนสองคนเอ่ยคุยกันด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังที่ดุร้าย แต่ก็มิใช่คนไร้สมองเขารู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายหนิงถึงเอาโม่เหอเดิมพันมากับจักรพรรดิอู่อัน!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะชนะแล้วได้รับโม่เหอไป เขาก็มิกลัว สถานที่ผีเช่นโม่เหอได้คร่าชีวิตคนของตนไปมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามิเชื่อว่าเซียวหลินเทียนสามารถอยู่รอดในโม่เหอได้สำหรับเหมืองถ่านหินเหล่านั้น องค์ชายอิงก็มิได้อิจฉาตาร้อนเช่นกัน หากเซียวหลินเทียนสามารพาคนไปขุดได้ก็ต้องขนส่งออกมาเขายังหวังว่าจะมีคนช่วยตนไปขุด เช่นนี้เขาจะได้ขวางทางแล้วแย่งชิงมันได้ราษฎรของเว่ยเหนือมิได้มากเท่าฉินตะวันตก แรงงานจึงขาดแคลน แทนที่จะทำเอง เขาชอบที่จะได้อะไรมาโดยมิต้องออกแรงมากกว่า!องค์ชายหนิงอยู่ในเพิงพักผ่อนข้าง ๆ เขามิได้ซ้ำเติมในสถานการณ์ยากลำบากของเซียวหลินเทียน เพียงแค่มองเซียวหลินเทียนอย่างครุ่นคิดเท่านั้นคนนอกดูเอาสนุก ส่วนคนในมองที่หนทางองค์ชายหนิงเองก็เป็นผู้นำทัพ
“กระดานไม้เป็นอะไรไป? เหตุใดมิตรวจสอบก่อนการแข่งขัน?”เซียวหลินเทียนกับสมาชิกกลุ่มเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็มาซักถามอันเจ๋อด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอันเจ๋อรับผิดชอบเรื่องกองหนุน เขาเองก็รู้สึกละอายใจเช่นกันที่เป็นเพราะกระดานไม้แผ่นเดียวที่ทำส่งผลกับการเป็นที่หนึ่งของพวกเขา เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าละอายจริง ๆ!“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นความผิดของกระหม่อมเอง! กระหม่อมจัดการมิดี พบปัญหาของกระดานไม้มิทันเวลา!”อันเจ๋อต้องการตบตนเองสองสามครั้ง มันเป็นเพราะกระดานไม้พังเสียหาย ถึงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้ เขาไม่มีหน้าจะโต้แย้งเลย“นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ามิสามารถเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้!”“อีกอย่าง น้ำที่ต้นน้ำไหลมาอย่างอธิบายมิได้ นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของตัวข้าเอง ข้าจะทบทวนตัวเอง!”ความผิดที่น่าจะเป็นของตนเองเซียวหลินเทียนก็มิสามารถเลี่ยงได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา“วันนี้มันเป็นความผิดของตัวข้ากับอันเจ๋อที่ทำให้ทุกคนพ่ายแพ้ ข้ากับอันเจ๋อจะจดการโบยไม้ทหารไว้สิบไม้! หลังจากจบการแข่งขันแล้วเรามาว่ากัน!”“เรื่องที่ประมาทกันในวันนี้ทุกคนต้องถือเป็นบทเรียน ในการแข่งขันอีกหลายว