“เสด็จพ่อ ไม่มีเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จแม่ป่วย มิได้ตั้งครรภ์แน่นอน!”เซียวหลินมู่ตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ “เสด็จพ่อ มีคำกล่าวในหมู่ราษฎรว่า เป็นสามีภรรยาหนึ่งคืนเป็นบุญคุณกันไปร้อยวัน เสด็จแม่อยู่กับเสด็จพ่อมาหลายปีแล้ว เสด็จพ่อยังมิเชื่อในนิสัยของพระนางอีกหรือ?”“พระนางกำลังจะตาย… เสด็จพ่อจะใจร้ายดูพระนางตายเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“บังอาจ!”ขันทีฉางมิเคยมีโอกาสได้แสดงออกเลย เมื่อเห็นเซียวหลินมู่กล่าวหาองค์จักรพรรดิเช่นนี้ จึงตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา“องค์ชายเย่ ผู้ใดอนุญาตให้ท่านตะโกนใส่ฝ่าบาท ความกตัญญูของท่านอยู่ที่ใดกัน?”จักรพรรดิอู่อันมองเซียวหลินมู่อย่างเย็นชา เขามิชอบวิธีที่เซียวหลินมู่ตะโกนใส่ตนเช่นนี้เลยคำพูดเหล่านั้นเขากล่าวหาตนว่าโหดเหี้ยมไร้ความเมตตาหรือ?“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าพระสนมฮุ่ยกำลังจะตายจริง ๆ หากยังพูดมากความกันเช่นนี้ จะให้พระสนมฮุ่ยตายไปเช่นนี้หรือจะรักษานางต่อพ่ะย่ะค่ะ?”ถังถีเตี่ยนปฏิบัติตามคำสอนของท่านฮั๋ว คือมิเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างนางสนมในวังแต่มิรู้ว่าเมื่อครู่ตกใจกับการตรวจร่างกายของผางเซิงหรือไม่ หรือว่าเห็นว่าชีวิตหนึ่งกำลังจะห
ราชองครักษ์ผางลังเลไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพระสนมฮุ่ยกำลังจะตาย แต่ทรราชผู้นี้ยังจะบังคับเซียวหลินมู่เช่นนี้อีก ทรราชเช่นนี้ มิต้องรับใช้ก็ได้!เขากำหมัดแน่น หางตากวาดมององครักษ์กองทัพหลวงเหล่านั้นอย่างรวดเร็วองครักษ์เหล่านั้นไปขวางเซียวหลินมู่ไว้ ตรงหน้าของจักรพรรดิอู่อันมีเพียงขันทีฉางเพียงคนเดียวเท่านั้นขอเพียงตนจับจักรพรรดิอู่อันไว้เป็นตัวประกันได้ วันนี้เขากับเซียวหลินมู่ก็จะสามารถพาพระสนมฮุ่ยออกไปได้อย่างปลอดภัย และแม้กระทั่งพาครอบครัวของตนไปด้วยกระทั่งออกจากเมืองหลวง ไปอยู่ในที่ที่ท้องฟ้าสูงทะเลกว้างใหญ่ นับแต่นี้พวกเขาก็จะหนีไปไกลโดยไม่มีจุดหมายได้ ดีกว่าการติดตามทรราชเช่นจักรพรรดิอู่อันเป็นร้อยเท่า!“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะไร้หัวใจเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินมู่หันหน้ากับตะโกนใส่จักรพรรดิอู่อันอย่างเคียดแค้นชิงชังจักรพรรดิอู่อันอยากจะดูว่า เมื่อเซียวหลินมู่ถูกบีบจนอับจนหนทางแล้วเขาจะต่อต้านหรือไม่ ดวงตาสีดำใต้คิ้วหนาของเขาจ้องมองเซียวหลินมู่ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เป็นการบีบอย่างเย็นชาไร้ความปรานี“ลูกเนรคุณ นี่คือท่าทีของเจ้าที่คุยกับข้ารึ?”“หากวันนี้ข้ามิปล่อ
“พี่...”เซียวหลินมู่อุ้มพระสนมฮุ่ยแล้วคุกเข่าให้เซียวหลินเทียน น้ำเสียงของเขามีทั้งความคับข้องใจ ซาบซึ้งใจและความรู้สึกผิดแต่จะมีความคับข้องใจมากหน่อย จนยังมิทันได้เอ่ยวิงวอนอะไรเซียวหลินมู่ก็น้ำตาไหลออกมาอย่างรู้สึกว่าใจสู้มิไหวเสียก่อน เขาสะอื้นพลางเอ่ย “พี่สี่ รีบให้พี่สะใภ้มาช่วยเสด็จแม่ของข้าที… จากนี้ไปหากพวกท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็จะตอบแทนพวกท่านทุกอย่าง!”เซียวหลินมู่เป็นราวกับเด็กที่ได้รับความอยุติธรรม ครั้นเห็นญาติที่สามารถปกป้องตนได้ความโศกเศร้าและสิ้นหวังในใจมิอาจแสดงออกมาได้จึงกลายมาเป็นน้ำตาการเรียก “พี่” นี้ทำให้หัวใจของเซียวหลินเทียนสั่นไหวในราชวงศ์เรียกว่าเสด็จพี่ตลอด!คนทั่วไปต่างหากถึงจะเรียกพี่!แม้ว่าการเรียกว่าพี่มันจะเรียบง่าย แต่ในชั่วพริบตาก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องที่แท้จริงได้เขามามิทันได้วิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นในพระตำหนักฮุ่ยจู๋ จึงเอ่ยกับเซียวหลินมู่อย่างปลอบใจ “พี่สะใภ้ของเจ้าจะเข้ามาบัดเดี๋ยวนี้!”ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หลิงอวี๋ก็ถูกเถาจื่อประคองเข้ามา“พี่สะใภ้ โปรดช่วยเสด็จแม่ของข้าด้วย!”เซียวหลินมู่ยังมิลุกข
เซียวหลินมู่เอ่ยอย่างจริงใจ “เสด็จพ่อ หรือว่าหากเป็นไทเฮาได้รับบาดเจ็บ เสด็จพ่อจะมิช่วยได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เมื่อครู่ลูกถึงได้หุนหันพลันแล่นไปหน่อย ใช้น้ำเสียงรุนแรงกับเสด็จพ่อ ลูกประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินมู่คว่ำหน้าลงกับพื้นแล้วคำนับจักรพรรดิอู่อันเอาหัวกระแทกไปหลายครั้งคำพูดเช่นนี้ทำให้ความโกรธที่ระงับไว้ของจักรพรรดิอู่อันคลายไปมากเมื่อลองคิดดู หากวันนี้ใครกล้าขัดขวางตนมิให้ช่วยไทเฮา เขาจะทนดูไทเฮาตายไปได้หรือ?แม่ลูกมีสายใยเชื่อมกัน ลูกชายรีบร้อนที่จะช่วยแม่คือความกตัญญู เขาจะยังลงโทษเซียวหลินมู่ได้หรือ?‘หากเป็นเสด็จพ่อได้รับบาดเจ็บ ลูกก็จะเสี่ยงชีวิตฝ่าออกไปแล้วพาเสด็จพ่อไปหาหมอเช่นกัน…’คำพูดของเซียวหลินมู่ทำให้จักรพรรดิอู่อันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก หากลูกชายของตนมิสนใจตนเพราะอำนาจ มันจะมิเจ็บปวดยิ่งกว่าการกบฏหรือ?แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่จักรพรรดิอู่อันยังคงมิสามารถกล้ำกลืนความโกรธไปเช่นนี้ได้ เขามองเซียวหลินมู่ แล้วมองเซียวหลินเทียน จากนั้นก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม“เจ้าสองคนพี่น้องรักกันมากนะ เมื่อวานยังทะเลาะตัดขาดกันอยู่เลย แค่พริบตาเดียวก็รักใคร่ปรองดองกันแล้ว!”“องค์
ฮองเฮาเว่ยตกใจ แล้วมองเซียวหลินเทียนอย่างประหลาดใจเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเซียวหลินมู่มีโสมโลหิต แต่ลังเลที่จะเอามันออกมาช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองจึงมีความแค้นต่อกัน!แต่ตอนนี้ เซียวหลินเทียนกลับใจกว้างช่วยเซียวหลินมู่ปกปิดนี่เป็นความรักของพี่น้องจริง ๆ หรือ? หรือมีการสมรู้ร่วมคิดอะไรกันอีก?“อ๋องอี้ เจ้าคิดจะช่วยองค์ชายเย่กับพระสนมฮุ่ยปกปิดรึ? เจ้าก็รู้ว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ!”ฮองเฮาเว่ยไหนเลยจะยอมให้องค์ชายเย่กับอ๋องอี้มีมิตรภาพลึกซึ้ง และมีความเกลียดชังร่วมกัน นางจึงเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์“อ๋องอี้ เจ้าต้องรู้ พระสนมฮุ่ยลักลอบมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นจนตั้งครรภ์ แล้วแอบใช้ยาทำแท้งจนทำให้เลือดออกมาก!”“โสมโลหิตนี้องค์ชายเย่ให้พระสนมฮุ่ยบำรุงเลือด! เช่นนี้แล้ว... เจ้ายังคิดจะปกปิดให้องค์ชายเย่หรือไม่?”เซียวหลินมู่ได้ยินสิ่งนี้ก็ก้มหน้าลงแล้วกำหมัดแน่นเขานึกถึงสิ่งที่จ้าวซวนมาบอกแทนเซียวหลินเทียน ในเมื่อพี่สี่ให้ตนปิดปากเงียบไว้มิให้ยอมรับว่ามีโสมโลหิต พี่สี่จะต้องมีวิธีจัดการอย่างแน่นอนเขามิสามารถขัดจังหวะได้ มิเช่นนั้นหากพูดอะไรผิดพลาดไปจะทำลายแผนของพี่สี่เป็น
หมอจางโกรธเกลียดหลิงอวี๋มาก ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่นางเปิดโรงเหยียนหลิง ตนทำอะไรก็มิราบรื่นเลยตอนนี้เมื่อมีโอกาสที่จะปรามหลิงอวี๋ได้ มีหรือเขาจะปล่อยไป!“พระชายาอ๋องอี้ นี่ท่านมิมั่นใจหรือ? หากมิให้ข้าดูข้าจะตรวจสอบได้เยี่ยงไรเล่า?”หลิงอวี๋ยิ้มให้เขาอย่างเหยียดหยาม “ข้าบอกหรือว่ามิให้ท่านดู? หากอยากดูก็ถือผ้าเหลืองแล้วตรวจเอาเถิด!”นางวางผ้าสีเหลืองกับโสมโลหิตไว้ในมือของหมอจางอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยด้วยท่าทางที่มิวางใจเป็นอย่างมาก “ดูดี ๆ เถิด! อย่าได้ซุ่มซ่ามทำเสียหายเข้า!”หมอจางกลั้นลมหายใจเอาไว้ในลำคอ ไม่มีการขยับจนรู้สึกมิสบายตัวเขามิสนใจที่จะโต้เถียงกับหลิงอวี๋แล้วรีบตรวจสอบโสมโลหิต ขอเพียงพิสูจน์แล้วว่าโสมโลหิตเป็นของปลอม หลิงอวี๋ก็จะมีความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ!ถึงเวลานั้นค่อยคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่กับนางรวมกันไปเลย!แต่เขามองไปมองมาก็มิพบเบาะแสอะไรเลยโสมโลหิตนี้มีกลิ่นโสมฉุน มีคุณภาพที่ดีเยี่ยมยิ่ง แม้ว่าเขาจะใช้สมองอย่างหนักแต่ก็ยังมิพบตำหนิใด ๆ เลย“หมอจาง ท่านดูมากพอแล้วกระมัง หากท่านมิสามารถแยกแยะได้ก็ให้โอกาสถังถีเตี่ยนเถิด!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นเขาพลิกไปพ
ความเย่อหยิ่งของถังถีเตี่ยนถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยเรียบ ๆ“กระหม่อมแก่แล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ก็กำลังคิดที่จะลาออกกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้าน! ในเมื่อฮองเฮาบอกว่ากระหม่อมไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ องค์จักรพรรดิได้โปรดอนุญาตให้กระหม่อมลาออกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินสิ่งนี้ก็รู้เลยว่าถังถีเตี่ยนรู้สึกท้อแท้แล้วเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านฮั๋ว ท่านฮั๋วเป็นลูกศิษย์ที่สมัครไว้ของตน นับดูแล้วถังถีเตี่ยนก็เป็นลูกศิษย์ของตนเช่นกันหลิงอวี๋จะปล่อยให้ลูกศิษย์ของตนจากไปพร้อมกับได้ชื่อว่าเป็นคนแก่สายตาฝ้าฟางได้เยี่ยงไร!แม้ว่าจะต้องไปก็ต้องไปอย่างสง่าผ่าเผย!“ถังถีเตี่ยน ท่านรีบอะไรกัน? ยังมิชัดเจนเลยว่าใครที่เป็นคนแก่สายตาฝ้าฟาง!”“หมอจางบอกว่าโสมโลหิตข้าเป็นของปลอม ก็แสดงว่าเป็นของปลอมเลยหรือ? ไร้สาระ ใครถือว่าสิ่งที่หมอไร้ฝีมือเช่นนี้พูดเป็นความจริงก็โง่แล้ว!”หลิงอวี๋หมดความอดทนกับฮองเฮาเว่ยไปนานแล้วจึงมิไว้หน้าต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เมื่อพูดคำหยาบคายออกไปจึงมิได้รู้สึกว่าเป็นการเสียมารยาทเซียวหลินเทียนได้ยินแล้วก็เกือบจะหัวเราะออกม
เมื่อขันทีฉางเห็นสิ่งนี้ก็มาขวางหน้าจักรพรรดิอู่อันพลางตะโกน “หยุดนะ… ยังมิได้ตรวจสอบเลยว่าโสมโลหิตนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม ท่านก็กล้ามอบให้องค์จักรพรรดิเสวยเช่นนี้ ท่านมีเจตนาอะไร?”หลิงอวี๋หน้ามืดมนลงทันที พลางดุด่า “เจ้าทาสสุนัขมีตาหามีแววไม่ เจ้ามิเห็นหรือว่าข้ากับท่านอ๋องกินไปแล้ว?”“หากมันมีพิษ พวกเราจะโง่กลืนเข้าไปรึ?”“เสด็จพ่อ วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ? ความกตัญญูของหลิงอวี๋คราแรกก็ถูกหมอจางสงสัย ตอนนี้แม้แต่ทาสผู้นี้ก็สงสัยหลิงอวี๋เช่นกัน!”“หากเสด็จพ่อมิกล้าเสวยก็ช่างเถิดเพคะ ถือเสียว่าหลิงอวี๋ผิดเอง ต่อไปมิว่าจะมีของดีอะไร ก็มิกล้าส่งเข้าวังแล้ว จะได้มิถูกใครสงสัยเข้า!”หลิงอวี๋หันหลัง หยิบโสมโลหิตหนึ่งชิ้นแล้วมอบให้ถังถีเตี่ยนถังถีเตี่ยนรับมากินทันทีโดยมิพูดอะไรเมื่อจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ายังเหลือสองชิ้น ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ใครบอกว่าข้ามิกล้ากิน เอามาสิ!”หลิงอวี๋หยิบขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นให้จักรพรรดิอู่อันพลางเอ่ยยิ้ม ๆ“เสด็จพ่อเพคะ หากเสด็จพ่อนำเข้าพระโอษฐ์ เสด็จพ่อก็จะรู้สึกชุ่มคอและสดชื่นไปสักพักหนึ่งเลยเพคะ…”จักรพรรดิอู่อันหยิบโสมเข
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ครานี้บัณฑิตโวยวายกันจนเป็นเช่นนี้ หากมิไกล่เกลี่ยพวกเขาให้ดี ผลที่ตามมาคงยากเกินจะรับไหวพ่ะย่ะค่ะ!”สองวันมานี้หลี่ว์เซียงติดเชื้อไข้หวัดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเรื่องของหลิงอวี๋ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ก็อยู่บ้านมิได้แล้วจึงรีบมาราชสำนัก“พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะจะหารือเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างปลอบใจ “ข้ามิประหารผู้ใดง่าย ๆ หรอก ทว่าหากมีเจตนาชั่วร้าย คิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้ข้าประนีประนอม เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้!”“วันพรุ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงท้องถนนและชี้แจงเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเจ้าสองคนต้องทำในวันนี้ก็คือ ไกล่เกลี่ยให้บัณฑิตเหล่านั้นกลับไปโดยมิต้องเปลืองแรง!”เซียวหลินเทียนให้แม่ทัพเฉินไปตรวจสอบเรื่องอาคารศึกษาถล่ม หลี่ต้าหนิวเองก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกรมอาญาเป็นการชั่วคราวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนต้องทำให้ชัดเจนก่อนวันพรุ่งเซียวหลินเทียนรู้ดี หากมิเตรียมให้พร้อม งานเลี้ยงท้องถนนในวันพรุ่งก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่ตนพบหลังจากครองบัลลังก์มา“การจัด
กับคนกันเอง หลิงอวี๋มิเคยแล้งน้ำใจได้ลงนี่คือสาเหตุหลักที่หลิงซวนกับพวกหานเหมยยินดีติดตามหลิงอวี๋ด้วยความรักโดยมิเสียใจ“ฮองเฮาเพคะ ครานี้องค์จักรพรรดิทรงทำเพื่อท่าน นับว่าทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยทีเดียว!”หลิงซวนอดมิได้ที่จะเอ่ย “ยามตกทุกข์ได้ยากจะพบความจริงใจ หม่อมฉันรู้สึกว่าฮองเฮาน่าจะให้โอกาสพระองค์ อย่าได้ปิดกั้นพระองค์อีกเลยเพคะ!”คำพูดของหลิงซวนเป็นคำกำกวม พวกนางผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของหลิงอวี๋ ล้วนรู้เรื่องราวภายในที่องค์จักรพรรดิมาพักที่พระตำหนักคุนหนิงในทุกครั้งเป็นอย่างดีว่านั่นเป็นการนอนหลับเฉย ๆ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้นนี่หลิงซวนบอกใบ้ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาที่แท้จริงทำกัน อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลย...หลิงอวี๋ย่อมเข้าใจในการบอกใบ้ของหลิงซวนอยู่แล้ว เหตุใดครานี้นางจึงมิเป็นฝ่ายไปตรวจสอบคดี หนึ่งก็คือรู้สึกผิดหวัง สองก็คือนางต้องการจะดูว่าเซียวหลินเทียนจะสามารถทำอะไรเพื่อตนได้บ้างเห็นได้ชัดว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนในสองวันมานี้ผ่านมาก ๆนี่คือทัศนคติที่ควรมีในฐานะสามี!“ฮองเฮา ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงท้องถนน สิ
จ้าวฮุยมองเซียวหลินเทียนจากไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้แตกต่างจากจักรพรรดิอู่อันโดยสิ้นเชิงภาพในวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หากทำให้เซียวหลินเทียนโกรธ เซียวหลินเทียนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียน เจ้าคิดว่าข่มขู่ขุนนางแล้วจะสามารถปกป้องหลิงอวี๋ไว้ได้เยี่ยงนั้นรึ?มันยังมิจบหรอก!เจ้ามิอาจห้ามปากของทุกคนได้!ขอเพียงเจ้ายังต้องการแผ่นดินฉินตะวันตกและยังต้องการนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคงอยู่วันนี้เจ้าส่งผู้ตรวจการเจียงไปเข้าคุกอย่างไร วันข้างหน้าก็ต้องไปเชิญเขาออกมาอย่างเคารพข้าจะดูว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเจ้าเองอย่างไร!สองวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้สนใจเรื่องภายนอก แต่หลิงซวนก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดภายนอกให้นางฟังอย่างภักดีโดยละเว้นเรื่องนางซุนไว้เมื่อได้ยินเรื่องชาวบ้านเหล่านั้นบอกว่าตนให้พวกเขาเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ตนอาบน้ำ หลิงอวี๋ก็หัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเทียบกับการทรยศของนางซุนผู้เป็นญาติของตน การใส่ร้ายแบบที่มิเห็นความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ช่างเบาบางมากสำหรับหลิงอวี๋แต่แม้ว่าตัวหลิงอวี๋จะมิสนใจ แต่ก็ต้องคิดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตนและเ
เหล่าขุนนางที่ยังคงพูดอยู่ตกใจกลัวจนเงียบกริบและพากันคุกเข่าลงทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนโกรธราวกับฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้นับตั้งแต่ครองบัลลังก์มา“พล่ามกันพอแล้วหรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะคอกด้วยความโกรธ “อย่าเอาคำว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมมาข่มขู่ข้าา! ตัวข้าเข้าสู่สนามรบตั้งแต่เจ็ดขวบ ข้าจะมิเคยเห็นภาพนองเลือดเชียวรึ? ข้าจะกลัวที่พวกเจ้าจะวิ่งชนเสาหรือ?”“วันนี้ข้าจะเอ่ย ณ ที่แห่งนี้ ข้ายอมเผด็จการหากจะต้องปกป้องหลิงอวี๋!”“อย่าว่าแต่ที่หลิงอวี๋มิได้มีความผิดใด ๆ แม้ว่านางคิดอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ของข้าจริง ๆ ข้าก็ยินดีจะหลีกทางให้… เพราะข้าเชื่อว่าหากหลิงอวี๋เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าข้า!”ขุนนางเหล่านั้นล้วนตกใจกับคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียน!นี่… นี่… องค์จักรพรรดิถูกกระตุ้นจนจิตมีปัญหาหรือ?มิฉะนั้นจะพูดคำพูดที่ไร้สาระจนคาดมิถึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!“ราษฎรทำผิดกฎหมายทางจวนขุนนางยังให้โอกาสพวกเขาได้อุทธรณ์! พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักของข้า เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง แต่พวกเจ้าฟังดูว่าพวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”เซียวหลินเทียนตวาด “มิทำการสอบสวน มิรวบรวมหลักฐาน อา