เมื่อราชองครักษ์ผางเห็นฮองเฮาเว่ยบิดเบือนคำพูดของตนครั้งแล้วครั้งเล่า คิดจะยุยงให้องค์จักรพรรดิโกรธตนยิ่งขึ้นเขาก็มิสามารถควบคุมความโกรธของตนได้อีกต่อไป จึงตะคอกใส่ฮองเฮาเว่ย“ฮองเฮา ผางเซิงมิได้จะทวงบุญคุณ ผางเซิงมั่นคงแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ!”“แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปทำเรื่องผิดพลาด ขุนนางที่สอบสวนคดีก็ยังให้โอกาสเขาได้พูด! กระหม่อมผางเซิงมิได้มีความดีความชอบต่อฉินตะวันตกแต่ก็ทำงานอย่างหนัก!”“หรือกระหม่อมจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโต้แย้งให้ตัวกระหม่อมเองเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ฮองเฮา ท่านมิทรงทราบว่าอะไรถูกอะไรผิดเช่นนี้ แต่ยืนกรานที่จะตำหนิผางเซิง ท่านมีเจตนาอันใดหรือ?”“อ๋อ หรือว่าผางเซิงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์กองทัพหลวงแล้วไปทำให้ท่านเสียเรื่อง? หากกำจัดกระหม่อมไป ท่านก็สามารถเลื่อนตำแหน่งเฮ่อจู้ให้เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ได้กระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”คำพูดของผางเซิงทำให้ฮองเฮาเว่ยโกรธและใจมิเป็นสุข เฮ่อจู้เองได้ยินดังนั้นก็เหงื่อตกเช่นกันนี่มิได้เป็นการบอกว่าตนกับฮองเฮาเว่ยสมรู้ร่วมคิดกันใส่ร้ายราชองครักษ์ผางหรอกหรือ?“ผางเซิง จะพูดอะไรก็พูดมา ท่านจะลากข้าไปเกี่ยวเพื่อ
ความจริงแล้วจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดส่วนใหญ่ของผางเซิงแล้วเพราะผางเซิงติดตามตนมาหลายปี เขารู้จักผางเซิงดีหากมิถึงที่สุดของชีวิตแล้วจริง ๆ ผางเซิงจะบอกความลับอันยิ่งใหญ่นี้ได้เยี่ยงไร!แต่เพื่อให้ตนได้วางใจ จักรพรรดิอู่อันยังคงตัดสินใจที่จะให้ผางเซิงยอมแพ้เขาไปเสีย“ถังถีเตี่ยนกับขันทีฉาง พาตัวราชองครักษ์ผางไปตรวจร่างกาย!”ถังถีเตี่ยนรู้สึกหวาดกลัวกับภาพนี้ เขาเชื่อผางเซิง ในใจจึงรู้สึกสงสารขึ้นมาต้องมายืนยันว่าผางเซิงไร้สมรรถภาพทางเพศต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปขุนนางในราชสำนักจะมองผางเซิงเยี่ยงไรเล่า!ทว่าก็เป็นการยากที่จะฝ่าฝืนพระราชโองการ ถังถีเตี่ยนจึงพาผางเซิงไปที่ห้องโถงด้านข้างผางเซิงเหลือบมองพระสนมฮุ่ยอย่างมิให้ใครสังเกตเห็นแต่พระสนมฮุ่ยก้มหัวลง มองมิชัดเจนว่าสีหน้าของนางเป็นเยี่ยงไรผางเซิงแอบเอ่ยในใจ ‘ฮุ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้ามิสามารถฟันฝ่าความทุกข์ยากกับเจ้าได้!’‘หากวันนี้เจ้าหนีหายนะนี้มิได้ เจ้าก็จากไปได้อย่างสบายใจ ข้าสัญญาว่าภายในหนึ่งปี คนที่ทำร้ายเจ้าจะถูกส่งตัวไปที่น้ำพุเหลือง(1)ตามเจ้าไป...’‘วันนี้พวกเขาทำให้เจ้าอับอายเยี
“ผางเซิง เหตุใดเจ้ามิโต้แย้งเล่า?”ฮองเฮาเว่ยอดมิได้ที่จะเอ่ยถามราชองครักษ์ผางยังคงมิพูดอะไรฮองเฮาเว่ยตะคอกด้วยความโกรธ “หรือว่าข้าพูดถูก เจ้าจึงมิสามารถโต้แย้งได้ก็เลยมิพูดอะไรกระนั้นรึ?”จักรพรรดิอู่อันคิดถึงเมื่อครู่ที่กล่าวหาผางเซิงอย่างมิยุติธรรม ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงเอ่ยเรียบ ๆ “ผางเซิง ข้าอนุญาตให้เจ้าโต้แย้งให้ตัวเอง เจ้ามีอะไรจะบอกก็บอกมา!”ราชองครักษ์ผางหรี่ตาลง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่อง 'จือจือสงสัยเพื่อนบ้าน' หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? มีขวานของคนคนหนึ่งหล่นหายไป มิว่าเขาจะมองอย่างไรก็คิดว่าเพื่อนบ้านขโมยขวานของตนไป!”“ในใจของฮองเฮาได้ตัดสินไปแล้วว่าผางเซิงเป็นคนผิด เช่นนั้นมิว่าผางเซิงจะอธิบายเยี่ยงไร ฮองเฮาก็ยังคิดว่าผางเซิงเถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผางเซิงจะมิพูดอะไร และขอโปรดฝ่าบาทจัดการลงโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันกับฮองเฮาเว่ยต่างพูดมิออกกับคำพูดของผางเซิงจักรพรรดิอู่อันฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของราชองครักษ์ผางออกผางเซิงได้บอกความลับที่เขามิสามารถบอกคนอื่นได้ออกมาแล้ว แต่ตนกับฮองเฮาเว่ยก็ยังคงสงสัยในตัวเข
‘ฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าไปอย่างสบายใจเถิด เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ข้าจะทำให้ได้!’ผางเซิงกล่าวลาพระสนมฮุ่ยอย่างเงียบ ๆ ในใจ...“จับนางไว้...”ฮองเฮาเว่ยไหนเลยจะยอมให้พระสนมฮุ่ยตายไปเช่นนี้ นางต้องให้ผางเซิงตายไปพร้อมกันด้วย นางจึงตะโกนขึ้นมา“เสด็จแม่...”ในเวลาเดียวกัน เซียวหลินมู่ที่กองทัพหลวงกันไว้ก็เดินเข้ามาเขาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ตกใจจนสิ้นสติทันทีพลันพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง...เพียงแต่เซียวหลินมู่ช้าไปเล็กน้อย พระสนมฮุ่ยชนเสาไปแล้ว หัวของนางเลือดออกมาทันทีเลือดกระเซ็นไปบนใบหน้าของเซียวหลินมู่ แม้ว่าเขาจะคว้าอาภรณ์ของพระสนมฮุ่ยเอาไว้ แต่ก็ได้แต่มองพระสนมฮุ่ยทรุดลงกับพื้น“เสด็จแม่...”เซียวหลินมู่กรีดร้องออกมาอย่างใจสลาย กอดพระสนมฮุ่ยที่ทรุดลงมาได้ทันเวลา พร้อมกับน้ำตาไหลอาบหน้า...“เสด็จแม่… เสด็จแม่… ถังถีเตี่ยน รีบมาช่วยพระนางที…”เซียวหลินมู่มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นถังถีเตี่ยนเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไร้สติถังถีเตี่ยนมองไปทางจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันเองก็มิคาดคิดมาก่อนว่าพระสนมฮุ่ยที่อ่อนแอมาโดยตลอดจู่ ๆ จะแกร่งกร้าวเพียงนี้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“เสด็จพ่อ ไม่มีเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จแม่ป่วย มิได้ตั้งครรภ์แน่นอน!”เซียวหลินมู่ตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ “เสด็จพ่อ มีคำกล่าวในหมู่ราษฎรว่า เป็นสามีภรรยาหนึ่งคืนเป็นบุญคุณกันไปร้อยวัน เสด็จแม่อยู่กับเสด็จพ่อมาหลายปีแล้ว เสด็จพ่อยังมิเชื่อในนิสัยของพระนางอีกหรือ?”“พระนางกำลังจะตาย… เสด็จพ่อจะใจร้ายดูพระนางตายเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“บังอาจ!”ขันทีฉางมิเคยมีโอกาสได้แสดงออกเลย เมื่อเห็นเซียวหลินมู่กล่าวหาองค์จักรพรรดิเช่นนี้ จึงตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา“องค์ชายเย่ ผู้ใดอนุญาตให้ท่านตะโกนใส่ฝ่าบาท ความกตัญญูของท่านอยู่ที่ใดกัน?”จักรพรรดิอู่อันมองเซียวหลินมู่อย่างเย็นชา เขามิชอบวิธีที่เซียวหลินมู่ตะโกนใส่ตนเช่นนี้เลยคำพูดเหล่านั้นเขากล่าวหาตนว่าโหดเหี้ยมไร้ความเมตตาหรือ?“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าพระสนมฮุ่ยกำลังจะตายจริง ๆ หากยังพูดมากความกันเช่นนี้ จะให้พระสนมฮุ่ยตายไปเช่นนี้หรือจะรักษานางต่อพ่ะย่ะค่ะ?”ถังถีเตี่ยนปฏิบัติตามคำสอนของท่านฮั๋ว คือมิเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างนางสนมในวังแต่มิรู้ว่าเมื่อครู่ตกใจกับการตรวจร่างกายของผางเซิงหรือไม่ หรือว่าเห็นว่าชีวิตหนึ่งกำลังจะห
ราชองครักษ์ผางลังเลไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพระสนมฮุ่ยกำลังจะตาย แต่ทรราชผู้นี้ยังจะบังคับเซียวหลินมู่เช่นนี้อีก ทรราชเช่นนี้ มิต้องรับใช้ก็ได้!เขากำหมัดแน่น หางตากวาดมององครักษ์กองทัพหลวงเหล่านั้นอย่างรวดเร็วองครักษ์เหล่านั้นไปขวางเซียวหลินมู่ไว้ ตรงหน้าของจักรพรรดิอู่อันมีเพียงขันทีฉางเพียงคนเดียวเท่านั้นขอเพียงตนจับจักรพรรดิอู่อันไว้เป็นตัวประกันได้ วันนี้เขากับเซียวหลินมู่ก็จะสามารถพาพระสนมฮุ่ยออกไปได้อย่างปลอดภัย และแม้กระทั่งพาครอบครัวของตนไปด้วยกระทั่งออกจากเมืองหลวง ไปอยู่ในที่ที่ท้องฟ้าสูงทะเลกว้างใหญ่ นับแต่นี้พวกเขาก็จะหนีไปไกลโดยไม่มีจุดหมายได้ ดีกว่าการติดตามทรราชเช่นจักรพรรดิอู่อันเป็นร้อยเท่า!“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะไร้หัวใจเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินมู่หันหน้ากับตะโกนใส่จักรพรรดิอู่อันอย่างเคียดแค้นชิงชังจักรพรรดิอู่อันอยากจะดูว่า เมื่อเซียวหลินมู่ถูกบีบจนอับจนหนทางแล้วเขาจะต่อต้านหรือไม่ ดวงตาสีดำใต้คิ้วหนาของเขาจ้องมองเซียวหลินมู่ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เป็นการบีบอย่างเย็นชาไร้ความปรานี“ลูกเนรคุณ นี่คือท่าทีของเจ้าที่คุยกับข้ารึ?”“หากวันนี้ข้ามิปล่อ
“พี่...”เซียวหลินมู่อุ้มพระสนมฮุ่ยแล้วคุกเข่าให้เซียวหลินเทียน น้ำเสียงของเขามีทั้งความคับข้องใจ ซาบซึ้งใจและความรู้สึกผิดแต่จะมีความคับข้องใจมากหน่อย จนยังมิทันได้เอ่ยวิงวอนอะไรเซียวหลินมู่ก็น้ำตาไหลออกมาอย่างรู้สึกว่าใจสู้มิไหวเสียก่อน เขาสะอื้นพลางเอ่ย “พี่สี่ รีบให้พี่สะใภ้มาช่วยเสด็จแม่ของข้าที… จากนี้ไปหากพวกท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็จะตอบแทนพวกท่านทุกอย่าง!”เซียวหลินมู่เป็นราวกับเด็กที่ได้รับความอยุติธรรม ครั้นเห็นญาติที่สามารถปกป้องตนได้ความโศกเศร้าและสิ้นหวังในใจมิอาจแสดงออกมาได้จึงกลายมาเป็นน้ำตาการเรียก “พี่” นี้ทำให้หัวใจของเซียวหลินเทียนสั่นไหวในราชวงศ์เรียกว่าเสด็จพี่ตลอด!คนทั่วไปต่างหากถึงจะเรียกพี่!แม้ว่าการเรียกว่าพี่มันจะเรียบง่าย แต่ในชั่วพริบตาก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องที่แท้จริงได้เขามามิทันได้วิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นในพระตำหนักฮุ่ยจู๋ จึงเอ่ยกับเซียวหลินมู่อย่างปลอบใจ “พี่สะใภ้ของเจ้าจะเข้ามาบัดเดี๋ยวนี้!”ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หลิงอวี๋ก็ถูกเถาจื่อประคองเข้ามา“พี่สะใภ้ โปรดช่วยเสด็จแม่ของข้าด้วย!”เซียวหลินมู่ยังมิลุกข
เซียวหลินมู่เอ่ยอย่างจริงใจ “เสด็จพ่อ หรือว่าหากเป็นไทเฮาได้รับบาดเจ็บ เสด็จพ่อจะมิช่วยได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เมื่อครู่ลูกถึงได้หุนหันพลันแล่นไปหน่อย ใช้น้ำเสียงรุนแรงกับเสด็จพ่อ ลูกประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินมู่คว่ำหน้าลงกับพื้นแล้วคำนับจักรพรรดิอู่อันเอาหัวกระแทกไปหลายครั้งคำพูดเช่นนี้ทำให้ความโกรธที่ระงับไว้ของจักรพรรดิอู่อันคลายไปมากเมื่อลองคิดดู หากวันนี้ใครกล้าขัดขวางตนมิให้ช่วยไทเฮา เขาจะทนดูไทเฮาตายไปได้หรือ?แม่ลูกมีสายใยเชื่อมกัน ลูกชายรีบร้อนที่จะช่วยแม่คือความกตัญญู เขาจะยังลงโทษเซียวหลินมู่ได้หรือ?‘หากเป็นเสด็จพ่อได้รับบาดเจ็บ ลูกก็จะเสี่ยงชีวิตฝ่าออกไปแล้วพาเสด็จพ่อไปหาหมอเช่นกัน…’คำพูดของเซียวหลินมู่ทำให้จักรพรรดิอู่อันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก หากลูกชายของตนมิสนใจตนเพราะอำนาจ มันจะมิเจ็บปวดยิ่งกว่าการกบฏหรือ?แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่จักรพรรดิอู่อันยังคงมิสามารถกล้ำกลืนความโกรธไปเช่นนี้ได้ เขามองเซียวหลินมู่ แล้วมองเซียวหลินเทียน จากนั้นก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม“เจ้าสองคนพี่น้องรักกันมากนะ เมื่อวานยังทะเลาะตัดขาดกันอยู่เลย แค่พริบตาเดียวก็รักใคร่ปรองดองกันแล้ว!”“องค์