ทันใดนั้นกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงก็พุ่งออกมาจากดวงตาที่หลุบต่ำของผางเซิง…เขาเสี่ยงชีวิตนับครั้งมิถ้วนเพื่อช่วยชีวิตจักรพรรดิอู่อัน!หากทรราชนั่นนึกถึงความดีของตน ก็คงจะใจกว้างเปิดโอกาสให้ตนกับพระสนมฮุ่ยไปแล้วหากทนพระสนมฮุ่ยมิได้จริง ๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องเสี่ยงชีวิตฆ่าเขาเสียก่อน...กลุ่มคนก้าวเดินกันไปที่พระตำหนักฮุ่ยจู๋องครักษ์กองทัพหลวงบางส่วนที่ลาดตระเวนในวังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชองครักษ์ผาง เมื่อเห็นสิ่งนี้ก็ตกใจกันท่าทางของราชองครักษ์ผาง ดูอย่างไรก็เหมือนกำลังถูกรองราชองครักษ์เฮ่อพาตัวไป!นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?กระทั่งราชองครักษ์ผางเดินไปถึงที่พระตำหนักฮุ่ยจู๋ เพิ่งก้าวผ่านประตูไปก็รู้สึกได้ถึงเสียงลมที่มาจากด้านหลัง...วินาทีต่อมา ราชองครักษ์ผางก็ถูกเฮ่อจู้กับองครักษ์กองทัพหลวงหลายคนตรึงลงกับพื้นเฮ่อจู้เอื้อมมือออกไปคว้าดาบของราชองครักษ์ผางออกไปอย่างรวดเร็ว เขากดเข่าลงบนหลังของราชองครักษ์ผาง พลางเอ่ยอย่างแปลก ๆ“ผางเซิง เรื่องของท่านมันแดงแล้ว... องค์จักรพรรดิเห็นแก่ที่ท่านร่วมรบกับเขา จึงให้โอกาสท่านได้อธิบาย... ส่วนดาบนี่ข้าจะเก็บไว้ให้ท่านก่อน!”ราชองค
หมอหลี่ดูแก่ลงกว่าก่อนหน้านี้มาก เขาเหลือบมองราชองครักษ์ผางแล้วคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง“ฝ่าบาท กระหม่อมบอกไปแล้วว่า… พระสนมฮุ่ยกำลังตั้งครรภ์ นางกลัวว่าจะถูกเปิดโปง จึงขอให้กระหม่อมสั่งยาทำแท้งให้ อีกทั้งนางยังให้เงินกระหม่อมแล้วให้ลาออกและกลับบ้านเกิดไปพ่ะย่ะค่ะ…”หมอหลี่กลัวจนตัวสั่น พลางเอ่ยอย่างสะเปะสะปะ “ฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจปิดบังฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แต่ราชองครักษ์ผางบอกว่าหากกระหม่อมกล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเขาจะฆ่าทั้งครอบครัวของกระหม่อม...”“กระหม่อมไม่มีทางเลือก! ขอฝ่าบาทโปรดเข้าใจด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์ผางจ้องมองตรงไป เขาเคยบอกว่าจะฆ่าครอบครัวหมอหลี่เมื่อใดกัน?หากเขาเป็นคนเลวทรามเช่นนั้น เขาจะปล่อยหมอหลี่ไปหรือ?“ปั้ก...”ทันใดนั้นถ้วยชาก็ตกลงมากระแทกหัวราชองครักษ์ผางน้ำชาร้อน ๆ รดลงบนหัวกับใบหน้าของราชองครักษ์ผางทันทีหากเป็นราชองครักษ์ผางสมัยหนุ่ม เขาคงจะโกรธขึ้นมาแล้ว แต่เขามิใช่คนหุนหันพลันแล่นเช่นในตอนนั้นอีกต่อไปแล้วราชองครักษ์ผางแอบกัดฟันแล้วมองจักรพรรดิอู่อันอย่างสงบ พลางเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ฝ่าบาท นี่มันหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดจู่ ๆ ห
หลังจากนั้นมินาน ถังถีเตี่ยนกับหมอจางก็เดินเข้ามาด้วยกันจักรพรรดิอู่อันมิพูดอะไร ถือเป็นการอนุญาตโดยปริยายเขาอารมณ์มิดีมากแล้ว นี่จะทำให้ทุกคนรู้โดยทั่วกันว่าตนถูกสวมเขาหรือ?เขาแค่อยากจะจัดการพระสนมฮุ่ยกับราชองครักษ์ผางอย่างเงียบ ๆแต่ฮองเฮาเว่ยบอกว่า ราชองครักษ์ผางควบคุมกองทัพหลวงมาหลายปี หากฆ่าราชองครักษ์ผางไปโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ รังแต่จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเคียดแค้น...องครักษ์มากมายถึงเพียงนี้ ต่อไปใครไว้วางใจได้หรือไว้วางใจมิได้ เรื่องนี้คือสิ่งที่จะมาทดสอบ!จักรพรรดิอู่อันไม่มีทางที่จะเปลี่ยนองครักษ์กองทัพหลวงทั้งหมดได้ทันที ดังนั้นจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าใครในบรรดาองครักษ์กองทัพหลวงเหล่านี้ที่คู่ควรกับการไว้วางใจ!“ถังถีเตี่ยน หมอจาง พวกท่านผลัดกันขึ้นไปตรวจชีพจรของพระสนมฮุ่ย!”ฮองเฮาเว่ยออกคำสั่งถังถีเตี่ยนกลืนน้ำลายแล้วก้าวไปข้างหน้าแม้ว่าเขาจะถูกกองทัพหลวงเรียกตัวมาจากสถาบันหมอหลวง แต่ก็มิรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หลังจากคลุกคลีอยู่ในวังมาหลายปี ถังถีเตี่ยนได้กลิ่นแปลก ๆเขาเดินไปหาพระสนมฮุ่ย เห็นพระสนมฮุ่ยคุกเข่าอยู่ที่พื้น ถังถีเตี่ยนจึงทำได้เพ
“ถังถีเตี่ยน ท่านมิเก่งนรีเวชวิทยาใช่หรือไม่? มิน่าท่านถึงได้รับผิดชอบในการรักษาองค์จักรพรรดิ…”“ชีพจรของชายและหญิงนั้นแตกต่างกันมาก ถังถีเตี่ยนหากท่านจับแล้วมิรู้ก็ตำหนิอะไรท่านมิได้เช่นกัน!”เมื่อหมอจางได้ยินดังนั้นก็รีบขัดจังหวะถังถีเตี่ยนทันที“ฝ่าบาท ฮองเฮา กระหม่อมได้ศึกษาทางนรีเวชวิทยามาบ้างแล้ว ชีพจรของพระสนมฮุ่ยเลือดลมพร่องเป็นผลมาจากการแท้งบุตรพ่ะย่ะค่ะ!”“เนื่องจากการดูแลที่มิเหมาะสม ทั้งยังมีการอุดตันของน้ำคาวปลา ดังนั้นชีพจรจึงสะดุดดังที่ถังถีเตี่ยนว่าไว้พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเชื่อในการวินิจฉัยของตน แม้ว่าจะหาหมอผู้อื่นมาพวกเขาก็จะต้องเห็นด้วยกับการวินิจฉัยของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาเว่ยแค่อยากจะกดพระสนมฮุ่ยให้ตาย ขอเพียงหมอจางเออออไปกับตนเรื่องที่พระสนมฮุ่ยตั้งครรภ์ นางจะให้พระสนมฮุ่ยไปหาหมอหลวงคนอื่นให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกมาด้วยเหตุใดเล่า“พระสนมฮุ่ย หลักฐานแน่นหนา เจ้ายังจะพูดตลบตะแลงอีกรึ? บอกมา ชายชู้ของเจ้าคือราชองครักษ์ผางใช่หรือไม่?”“เขากับองค์ชายเย่ช่วยเจ้าให้ทำแท้ง คิดจะหลอกลวงองค์จักรพรรดิใช่หรือไม่?”พระสนมฮุ่ยฟังคำที่ฮองเฮาเว่ยพูดยืนยันออกมาอย่างชัดถ้
“ฝ่าบาท! กระหม่อมจงรักภักดีต่อพระองค์ พระองค์จะอาศัยคำพูดที่ไม่มีเหตุผลมาบอกให้กระหม่อมยอมรับในเรื่องตนมิได้ทำหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ผางเซิงมิสนตรงคอที่มีเลือดไหลออกมาแล้วตะคอกด้วยความเศร้าและความโกรธ“กระหม่อมจะไม่มีวันยอมรับผิด… กระหม่อมจะไม่มีวันให้ครอบครัวของกระหม่อมต้องมารับความอัปยศอดสูเช่นนี้ไปกับกระหม่อม!”“คุกเข่าลง...”เฮ่อจู้เห็นว่าเลือดของผางเซิงไหลลงมาที่คอจนเปื้อนเสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดงแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งคอตรงตะโกนใส่องค์จักรพรรดิอยู่เขาทั้งตกใจทั้งกังวล เกรงว่าตนจะปรามผางเซิงมิอยู่แล้วทำให้เขาไปทำร้ายองค์จักรพรรดิได้“ใครก็ได้ ให้เขาคุกเข่าลง!”พวกองครักษ์กองทัพหลวงรีบพุ่งเข้ามา กดหัวและมือของเขาเอาไว้แล้วเตะที่ขาคิดจะกดผางเซิงลงทันใดนั้น ผางเซิงก็ยกแขนขึ้นพลิกให้หลายคนล้มลงไปกับพื้นจักรพรรดิอู่อันเห็นดวงตาของผางเซิงเป็นสีแดงเลือดและท่าทางดุร้ายเช่นนั้นก็ทำให้จักรพรรดิอู่อันตระหนกตกใจ นี่ผางเซิงคิดจะปลงพระชนม์จริง ๆ หรือ?“คุ้มกันเร็วเข้า!”ขันทีฉางที่ดูอยู่ด้านข้างรีบวิ่งไปตรงหน้าจักรพรรดิอู่อัน เหยียดแขนสองข้างออกทำท่าทางป้องกันพระสนมฮุ่ยมองภาพนี้อย่างมึนงง น
เมื่อราชองครักษ์ผางเห็นฮองเฮาเว่ยบิดเบือนคำพูดของตนครั้งแล้วครั้งเล่า คิดจะยุยงให้องค์จักรพรรดิโกรธตนยิ่งขึ้นเขาก็มิสามารถควบคุมความโกรธของตนได้อีกต่อไป จึงตะคอกใส่ฮองเฮาเว่ย“ฮองเฮา ผางเซิงมิได้จะทวงบุญคุณ ผางเซิงมั่นคงแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ!”“แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปทำเรื่องผิดพลาด ขุนนางที่สอบสวนคดีก็ยังให้โอกาสเขาได้พูด! กระหม่อมผางเซิงมิได้มีความดีความชอบต่อฉินตะวันตกแต่ก็ทำงานอย่างหนัก!”“หรือกระหม่อมจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโต้แย้งให้ตัวกระหม่อมเองเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ฮองเฮา ท่านมิทรงทราบว่าอะไรถูกอะไรผิดเช่นนี้ แต่ยืนกรานที่จะตำหนิผางเซิง ท่านมีเจตนาอันใดหรือ?”“อ๋อ หรือว่าผางเซิงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์กองทัพหลวงแล้วไปทำให้ท่านเสียเรื่อง? หากกำจัดกระหม่อมไป ท่านก็สามารถเลื่อนตำแหน่งเฮ่อจู้ให้เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ได้กระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”คำพูดของผางเซิงทำให้ฮองเฮาเว่ยโกรธและใจมิเป็นสุข เฮ่อจู้เองได้ยินดังนั้นก็เหงื่อตกเช่นกันนี่มิได้เป็นการบอกว่าตนกับฮองเฮาเว่ยสมรู้ร่วมคิดกันใส่ร้ายราชองครักษ์ผางหรอกหรือ?“ผางเซิง จะพูดอะไรก็พูดมา ท่านจะลากข้าไปเกี่ยวเพื่อ
ความจริงแล้วจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดส่วนใหญ่ของผางเซิงแล้วเพราะผางเซิงติดตามตนมาหลายปี เขารู้จักผางเซิงดีหากมิถึงที่สุดของชีวิตแล้วจริง ๆ ผางเซิงจะบอกความลับอันยิ่งใหญ่นี้ได้เยี่ยงไร!แต่เพื่อให้ตนได้วางใจ จักรพรรดิอู่อันยังคงตัดสินใจที่จะให้ผางเซิงยอมแพ้เขาไปเสีย“ถังถีเตี่ยนกับขันทีฉาง พาตัวราชองครักษ์ผางไปตรวจร่างกาย!”ถังถีเตี่ยนรู้สึกหวาดกลัวกับภาพนี้ เขาเชื่อผางเซิง ในใจจึงรู้สึกสงสารขึ้นมาต้องมายืนยันว่าผางเซิงไร้สมรรถภาพทางเพศต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปขุนนางในราชสำนักจะมองผางเซิงเยี่ยงไรเล่า!ทว่าก็เป็นการยากที่จะฝ่าฝืนพระราชโองการ ถังถีเตี่ยนจึงพาผางเซิงไปที่ห้องโถงด้านข้างผางเซิงเหลือบมองพระสนมฮุ่ยอย่างมิให้ใครสังเกตเห็นแต่พระสนมฮุ่ยก้มหัวลง มองมิชัดเจนว่าสีหน้าของนางเป็นเยี่ยงไรผางเซิงแอบเอ่ยในใจ ‘ฮุ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้ามิสามารถฟันฝ่าความทุกข์ยากกับเจ้าได้!’‘หากวันนี้เจ้าหนีหายนะนี้มิได้ เจ้าก็จากไปได้อย่างสบายใจ ข้าสัญญาว่าภายในหนึ่งปี คนที่ทำร้ายเจ้าจะถูกส่งตัวไปที่น้ำพุเหลือง(1)ตามเจ้าไป...’‘วันนี้พวกเขาทำให้เจ้าอับอายเยี
“ผางเซิง เหตุใดเจ้ามิโต้แย้งเล่า?”ฮองเฮาเว่ยอดมิได้ที่จะเอ่ยถามราชองครักษ์ผางยังคงมิพูดอะไรฮองเฮาเว่ยตะคอกด้วยความโกรธ “หรือว่าข้าพูดถูก เจ้าจึงมิสามารถโต้แย้งได้ก็เลยมิพูดอะไรกระนั้นรึ?”จักรพรรดิอู่อันคิดถึงเมื่อครู่ที่กล่าวหาผางเซิงอย่างมิยุติธรรม ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงเอ่ยเรียบ ๆ “ผางเซิง ข้าอนุญาตให้เจ้าโต้แย้งให้ตัวเอง เจ้ามีอะไรจะบอกก็บอกมา!”ราชองครักษ์ผางหรี่ตาลง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่อง 'จือจือสงสัยเพื่อนบ้าน' หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? มีขวานของคนคนหนึ่งหล่นหายไป มิว่าเขาจะมองอย่างไรก็คิดว่าเพื่อนบ้านขโมยขวานของตนไป!”“ในใจของฮองเฮาได้ตัดสินไปแล้วว่าผางเซิงเป็นคนผิด เช่นนั้นมิว่าผางเซิงจะอธิบายเยี่ยงไร ฮองเฮาก็ยังคิดว่าผางเซิงเถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผางเซิงจะมิพูดอะไร และขอโปรดฝ่าบาทจัดการลงโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันกับฮองเฮาเว่ยต่างพูดมิออกกับคำพูดของผางเซิงจักรพรรดิอู่อันฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของราชองครักษ์ผางออกผางเซิงได้บอกความลับที่เขามิสามารถบอกคนอื่นได้ออกมาแล้ว แต่ตนกับฮองเฮาเว่ยก็ยังคงสงสัยในตัวเข
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ครานี้บัณฑิตโวยวายกันจนเป็นเช่นนี้ หากมิไกล่เกลี่ยพวกเขาให้ดี ผลที่ตามมาคงยากเกินจะรับไหวพ่ะย่ะค่ะ!”สองวันมานี้หลี่ว์เซียงติดเชื้อไข้หวัดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเรื่องของหลิงอวี๋ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ก็อยู่บ้านมิได้แล้วจึงรีบมาราชสำนัก“พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะจะหารือเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างปลอบใจ “ข้ามิประหารผู้ใดง่าย ๆ หรอก ทว่าหากมีเจตนาชั่วร้าย คิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้ข้าประนีประนอม เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้!”“วันพรุ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงท้องถนนและชี้แจงเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเจ้าสองคนต้องทำในวันนี้ก็คือ ไกล่เกลี่ยให้บัณฑิตเหล่านั้นกลับไปโดยมิต้องเปลืองแรง!”เซียวหลินเทียนให้แม่ทัพเฉินไปตรวจสอบเรื่องอาคารศึกษาถล่ม หลี่ต้าหนิวเองก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกรมอาญาเป็นการชั่วคราวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนต้องทำให้ชัดเจนก่อนวันพรุ่งเซียวหลินเทียนรู้ดี หากมิเตรียมให้พร้อม งานเลี้ยงท้องถนนในวันพรุ่งก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่ตนพบหลังจากครองบัลลังก์มา“การจัด
กับคนกันเอง หลิงอวี๋มิเคยแล้งน้ำใจได้ลงนี่คือสาเหตุหลักที่หลิงซวนกับพวกหานเหมยยินดีติดตามหลิงอวี๋ด้วยความรักโดยมิเสียใจ“ฮองเฮาเพคะ ครานี้องค์จักรพรรดิทรงทำเพื่อท่าน นับว่าทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยทีเดียว!”หลิงซวนอดมิได้ที่จะเอ่ย “ยามตกทุกข์ได้ยากจะพบความจริงใจ หม่อมฉันรู้สึกว่าฮองเฮาน่าจะให้โอกาสพระองค์ อย่าได้ปิดกั้นพระองค์อีกเลยเพคะ!”คำพูดของหลิงซวนเป็นคำกำกวม พวกนางผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของหลิงอวี๋ ล้วนรู้เรื่องราวภายในที่องค์จักรพรรดิมาพักที่พระตำหนักคุนหนิงในทุกครั้งเป็นอย่างดีว่านั่นเป็นการนอนหลับเฉย ๆ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้นนี่หลิงซวนบอกใบ้ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาที่แท้จริงทำกัน อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลย...หลิงอวี๋ย่อมเข้าใจในการบอกใบ้ของหลิงซวนอยู่แล้ว เหตุใดครานี้นางจึงมิเป็นฝ่ายไปตรวจสอบคดี หนึ่งก็คือรู้สึกผิดหวัง สองก็คือนางต้องการจะดูว่าเซียวหลินเทียนจะสามารถทำอะไรเพื่อตนได้บ้างเห็นได้ชัดว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนในสองวันมานี้ผ่านมาก ๆนี่คือทัศนคติที่ควรมีในฐานะสามี!“ฮองเฮา ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงท้องถนน สิ
จ้าวฮุยมองเซียวหลินเทียนจากไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้แตกต่างจากจักรพรรดิอู่อันโดยสิ้นเชิงภาพในวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หากทำให้เซียวหลินเทียนโกรธ เซียวหลินเทียนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียน เจ้าคิดว่าข่มขู่ขุนนางแล้วจะสามารถปกป้องหลิงอวี๋ไว้ได้เยี่ยงนั้นรึ?มันยังมิจบหรอก!เจ้ามิอาจห้ามปากของทุกคนได้!ขอเพียงเจ้ายังต้องการแผ่นดินฉินตะวันตกและยังต้องการนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคงอยู่วันนี้เจ้าส่งผู้ตรวจการเจียงไปเข้าคุกอย่างไร วันข้างหน้าก็ต้องไปเชิญเขาออกมาอย่างเคารพข้าจะดูว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเจ้าเองอย่างไร!สองวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้สนใจเรื่องภายนอก แต่หลิงซวนก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดภายนอกให้นางฟังอย่างภักดีโดยละเว้นเรื่องนางซุนไว้เมื่อได้ยินเรื่องชาวบ้านเหล่านั้นบอกว่าตนให้พวกเขาเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ตนอาบน้ำ หลิงอวี๋ก็หัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเทียบกับการทรยศของนางซุนผู้เป็นญาติของตน การใส่ร้ายแบบที่มิเห็นความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ช่างเบาบางมากสำหรับหลิงอวี๋แต่แม้ว่าตัวหลิงอวี๋จะมิสนใจ แต่ก็ต้องคิดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตนและเ
เหล่าขุนนางที่ยังคงพูดอยู่ตกใจกลัวจนเงียบกริบและพากันคุกเข่าลงทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนโกรธราวกับฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้นับตั้งแต่ครองบัลลังก์มา“พล่ามกันพอแล้วหรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะคอกด้วยความโกรธ “อย่าเอาคำว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมมาข่มขู่ข้าา! ตัวข้าเข้าสู่สนามรบตั้งแต่เจ็ดขวบ ข้าจะมิเคยเห็นภาพนองเลือดเชียวรึ? ข้าจะกลัวที่พวกเจ้าจะวิ่งชนเสาหรือ?”“วันนี้ข้าจะเอ่ย ณ ที่แห่งนี้ ข้ายอมเผด็จการหากจะต้องปกป้องหลิงอวี๋!”“อย่าว่าแต่ที่หลิงอวี๋มิได้มีความผิดใด ๆ แม้ว่านางคิดอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ของข้าจริง ๆ ข้าก็ยินดีจะหลีกทางให้… เพราะข้าเชื่อว่าหากหลิงอวี๋เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าข้า!”ขุนนางเหล่านั้นล้วนตกใจกับคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียน!นี่… นี่… องค์จักรพรรดิถูกกระตุ้นจนจิตมีปัญหาหรือ?มิฉะนั้นจะพูดคำพูดที่ไร้สาระจนคาดมิถึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!“ราษฎรทำผิดกฎหมายทางจวนขุนนางยังให้โอกาสพวกเขาได้อุทธรณ์! พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักของข้า เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง แต่พวกเจ้าฟังดูว่าพวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”เซียวหลินเทียนตวาด “มิทำการสอบสวน มิรวบรวมหลักฐาน อา