“จะมาเกรงใจอะไรข้าเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “ข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ดูแลข้าเช่นกันมิใช่หรือ? ข้าแค่กลัวว่าข้าจะซุ่มซ่ามแล้วดูแลเจ้าได้มิดี!”“ดีมากแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วดึงเขาไว้ “ขึ้นมานอนเถิดเพคะ! ฟ้ายังมิสางเลย!”“มิต้องหรอก ข้านั่งตรงนี้ก็ได้!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าเขาจะเบียดนางหลิงอวี๋ค่อย ๆ ขยับเข้าไปข้างในแล้วตบเตียงตรงที่ว่าง“ขึ้นมาเถิดเพคะ… หม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ มิสามารถดูแลท่านได้! หากท่านล้มป่วยไป หม่อมฉันอุ้มท่านมิไหวหรอกเพคะ!”เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงถอดรองเท้าแล้วนอนลงข้าง ๆ นางอย่างระมัดระวังทั้งยังยกมือข้างหนึ่งไปช่วยห่มผ้าห่มให้หลิงอวี๋อย่างอ่อนโยนด้วย“ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว!”หลิงอวี๋นอนหลับมากแล้วจึงมิง่วง และกระซิบ “หม่อมฉันได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เสด็จพ่อทรงนำโอสถบำรุงโลหิตอันล้ำค่ามาช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้! วันหลังหม่อมฉันจะเตรียมโอสถบำรุงโลหิตให้เสด็จพ่อสักหน่อย ท่านก็เก็บไว้บ้างบางส่วน เผื่อไว้ในยามจำเป็น!”“อืม! ข้าลืมไปว่าเสด็จพ่อยังมีโอสถบำรุงโลหิตอยู่ ครั้งนี้ที่พระองค์พระทัยกว้างถึงเพียงนี้ข้าเองก็คิดมิถึงเช่นกัน! วันหลังข้าต้อ
หลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เซียวหลินเทียนบอก นางลืมไปว่านี่เป็นสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาและอนุหลายคน นี่มันก็เท่ากับนิสัยการนอกใจของบุรุษสมัยใหม่มิใช่หรอกหรือแต่นางก็ยังคงมิยอมทิ้งความคิดนี้ จึงยิ้มพลางเอ่ย “บางที่คนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่เขามิสะดวกที่จะแต่งงานเข้าตำหนักก็ได้กระมัง?”ความคิดของหลิงอวี๋เปิดกว้างพลางเอ่ย “บางทีนางอาจเป็นภรรยาของผู้อื่น… เขาใช้เงินจำนวนมากช่วยภรรยาของคนอื่น หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เขามีชื่อเสียงที่มิดี!”“เป็นไปมิได้!”เซียวหลินเทียนนึกมิออกเลยว่าน้องชายของตนจะไปกะลิ้มกะเหลี่ยภรรยาของคนอื่นได้ ใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย เหตุใดต้องทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ด้วย!หลิงอวี๋ยังรู้สึกว่า สิ่งที่ตนคิดนั้นเหลือเชื่อเกินไป แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว นางก็คิดมิออกจริง ๆ ว่าจะมีใครที่ทำให้องค์ชายเย่ปกปิดไว้ได้“มิพูดถึงเขาแล้ว ข้าให้เผยอวี้ไปตรวจสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าได้กังวลเรื่องเขาเลย!”เซียวหลินเทียนวางมือใหญ่ไว้บนดวงตาของหลิงอวี๋อย่างเอาแต่ใจ“นอนเถิด! มิให้คิดฟุ้ง
เซียวหลินเทียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทูลองค์จักรพรรดิอู่อัน จึงเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋แล้ววางแผนเข้าวัง“เซียวหลินเทียน หลังจากที่ท่านคุยกับองค์จักรพรรดิแล้วก็ไปเยี่ยมไทเฮาเสียหน่อยเถิดเพคะ ดูว่าอาการของไทเฮาดีขึ้นแล้วหรือไม่!”หลิงอวี๋ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่ จึงเอ่ยกำชับออกไป“ได้… เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเสียเถิด ข้าไปก่อน...”เซียวหลินเทียนเข้าวังไปด้วยหัวใจที่หนักหน่วงแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ เรื่องที่องค์ชายเย่มีโสมโลหิตแต่กลับนิ่งดูดายมิช่วยเหลือได้แพร่กระจายไปทั่วราชสำนักในชั่วข้ามคืนบางคนยังเล่าเรื่องที่ตอนแรกหลิงอวี๋ช่วยเหลือพระชายาเย่กับลูกชายอย่างเติมไข่ใส่สีด้วยความคิดเห็นของราษฎรทั้งหมดต่างมุ่งตรงไปที่องค์ชายเย่ ดุด่าหาว่าเขาไร้ความเมตตาและเนรคุณเรื่องนี้ไปถึงหูจักรพรรดิอู่อันก่อนที่เซียวหลินเทียนจะเข้าวังเสียอีกจักรพรรดิอู่อันโกรธจัดทันที ก็แค่โสมโลหิตมูลค่าหนึ่งแสนมิใช่หรือ?หากองค์ชายเย่มอบมันให้กับเซียวหลินเทียน ก็มิจำเป็นที่ตนต้องเอาโอสถบำรุงโลหิตที่มีมูลค่ามากกว่าโสมโลหิตออกมาช่วยหลิงอวี๋น่ะสิ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมาก ยังมิทันที่เซ
โสมโลหิตอยู่ในมือของเซียวหลินมู่หรือไม่นั้น จักรพรรดิอู่อันก็มิสามารถตรวจสอบได้แต่เมื่อคิดว่าต้นโสมโลหิตต้นเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งแสนนั้น ดูจากการเงินของเซียวหลินมู่แล้วก็ใช่ว่าจะให้มิได้เซียวหลินมู่คงมิจำเป็นต้องทำให้ตนเองมาตกอยู่ในสถานะของการเป็นคนไร้ความเมตตาและเนรคุณเช่นนี้เพราะโสมโลหิตหรอกจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดของเซียวหลินมู่อยู่มากทีเดียวเมื่อนึกถึงท่าทีร้อนรนของเซียวหลินเทียนในตอนนั้น เขาเองก็มิสามารถโกรธเซียวหลินเทียนได้เช่นกัน จึงเอ่ย “ในเมื่อโสมโลหิตมิได้อยู่ในมือเจ้า เช่นนั้นวันหลังเจ้ากับพี่ของเจ้าก็คุยกันให้ชัดเจนเสีย!”“อย่าต้องให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ส่วนทางด้านพี่ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าอธิบายกับเขาด้วย!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”เซียวหลินมู่ถอนหายใจโล่งอก ขอเพียงเสด็จพ่อมิสงสัยในตัวเขาก็พอแล้วแต่เรื่องโสมโลหิตแพร่สะพัดออกไปแล้ว เขาต้องคิดหาทาง โยนเรื่องที่ตนครอบครองโสมโลหิตไปไว้ที่ตัวของคนอื่นให้หมดสิ้นมิเช่นนั้นหากให้ข่าวลือแพร่ต่อไป มิช้าก็เร็วเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดเผย!เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่ความผิดที่ตนหลอกลวงองค์จั
ฮองเฮาเว่ยมิสบายใจเพราะเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษนางมิคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะสามารถช่วยไทเฮาได้แล้วบอกเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษ ทั้งยังทำให้จักรพรรดิอู่อันเกิดความสงสัยต่อตนอีกด้วยตอนนี้พระตำหนักเหยียนฝูได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และคนของนางมิสามารถสืบข่าวใด ๆ ได้เลยส่วนองค์ชายเว่ยก็ถูกพวกองค์ชายบดขยี้ในการแข่งขันสี่แคว้น ทำให้จักรพรรดิอู่อันยิ่งผิดหวังในตัวเขามากขึ้นไปอีกบารมีของเซียวหลินเทียนก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป องค์ชายเว่ยก็จะยิ่งห่างไกลจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปมากขึ้นเรื่อย ๆ!นางกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่งเซี่ยเฉียวนางกำนัลใหญ่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พลางกระซิบ “ฮองเฮาเพคะ บ่าวได้ข่าวมาว่าองค์ชายเย่ซื้อต้นโสมโลหิตในราคาสูงเพคะ!”“เมื่อวานท่านอ๋องอี้กับภรรยาถูกลอบสังหารมิใช่หรือเพคะ? ได้ยินว่าพระชายาอ๋องอี้กำลังจะตาย ท่านอ๋องอี้จึงไปขอโสมโลหิตนี้ที่ตำหนักองค์ชายเย่! ผลคือองค์ชายเย่ปฏิเสธบอกว่าไม่มีเพคะ!”“มันมีอะไรแปลกกัน ตอนนี้ท่านอ๋องอี้กับภรรยาได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิอย่างลึกซึ้ง ใครจะมิอยากให้พวกเขาซวยเล่า!”ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะอย่
ครั้งที่แล้วหลิงอวี๋ฆ่าจ่างหนิง เดิมทีมั่นใจแล้วว่าจะตัดหัวได้ก็เป็นพระสนมฮุ่ยกับลูกชายของนางที่ช่วยหลิงอวี๋ขอร้ององค์จักรพรรดิ ถึงทำให้หลิงอวี๋รอดพ้นไปได้ฮองเฮาเว่ยเกลียดพระสนมฮุ่ยมาก แต่มิเคยจับจุดอ่อนอะไรได้เลย ไหนเลยจะคิดว่าพระสนมฮุ่ยจะมาส่งให้เองถึงหน้าประตู“มิน่า องค์ชายเย่ถึงพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดว่าตนมิได้มีโสมโลหิตอยู่ในมือ ที่แท้ก็มิอยากเปิดเผยเรื่องนี้นี่เอง!”ฮองเฮาเว่ยรู้สึกว่าการเดาของนางนั้นใกล้เคียงมากแน่นอน จึงยิ้มอย่างยินดีพลางเอ่ย “ข้าจะดูว่าครั้งนี้ใครจะช่วยนางได้!”แม่นมเจิ้งแนะนำ “ฮองเฮา หากจะจับชู้ต้องจับให้ได้ทั้งคู่เพคะ หากนางตั้งครรภ์จริง ๆ เช่นนั้นใครคือชายชู้เล่าเพคะ?”ฮองเฮาเว่ยถูกเตือนจึงนึกถึงจุดสำคัญนี้ได้แล้วก็เอ่ยอย่างเร่งรีบ “แม่นมเจิ้ง เจ้ารีบออกไปสืบดูทีว่า ในหลายเดือนมานี้ใครไปมาหาสู่ใกล้ชิดกับพระสนมฮุ่ย!”นอกจากขันทีในวังแล้ว ก็แทบไม่มีชายใดกล้าเข้าไปในวังหลังแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเลยผู้ที่สามารถเข้าไปได้มีเพียงแค่กองทัพหลวงเท่านั้นแต่กองทัพหลวงก็ทำได้เพียงลาดตระเวนอยู่ที่ศาลาในสวนเท่านั้น แทบไม่มีใครกล้าเข้าไปในตำหนักของนางสนมแบบสุ่มส
“เสด็จพ่อ มือสังหารจากฉีตะวันตกเหล่านี้กล้าแหกคุกฆ่าคนที่เรือนจำกระทรวงยุติธรรม! คนเหล่านี้มีวรยุทธแข็งแกร่งมาก หากเรามิจับพวกเขา ก็จะเป็นการส่งเสริมความเย่อหยิ่งอวดดีของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”ในห้องทรงพระอักษร เซียวหลินเทียนเอ่ยกับจักรพรรดิอู่อันด้วยความโกรธ“ลูกคิดว่าหากพึ่งแค่นักการของศาลาว่าการนครหลวงเพียงอย่างเดียวมิสามารถจัดการกับคนเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ! ในเวลาสั้น ๆ เพียงสองวัน องครักษ์ของลูกและผู้ใต้บังคับบัญชาของอันเจ๋อ รวมถึงนักการของศาลาว่าการนครหลวงตายไปยี่สิบกว่าคนแล้ว!”“ลูกขอเสนอให้ส่งกองทัพหลวงกับค่ายกองทหารเสือไปช่วยเหลือแม่ทัพเฉินพ่ะย่ะค่ะ ต้องจับมือสังหารเหล่านี้โดยเร็วที่สุด!”ค่ายกองทหารเสือ?จักรพรรดิอู่อันได้ยินเซียวหลินเทียนเอ่ยถึงกองกำลังชั้นยอดนี้ก็ขมวดคิ้วโดยมิรู้ตัวนี่คือกลุ่มกองกำลังลับ!อยู่ภายใต้การควบคุมส่วนพระองค์ของจักรพรรดิอู่อัน ปกติแล้วล้วนเป็นองครักษ์เงาของจักรพรรดิอู่อันมีเพียงจักรพรรดิอู่อันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ระดมพลพวกเขาจำนวนของพวกเขามีมิถึงห้าสิบคน แต่ว่าแต่ละคนมีวรยุทธที่แข็งแกร่งมาก มีความสามารถทั้งทางบุ๋นและบู๊ มีความกล้าหาญและเก่งในกา
จักรพรรดิอู่อันมิยอมรับการมีอยู่ของค่ายกองทหารเสือ เซียวหลินเทียนก็มิสามารถไปบังคับเขาได้ เขาจึงรู้สึกท้อแท้เล็กน้อยศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาถึงเมืองหลวงแล้ว แต่เสด็จพ่อยังคงปกปิดความลับเพื่อผลประโยชน์ของเขาเองอยู่เช่นนี้จะมีความหมายอะไรกัน!“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ เช่นนั้นลูกขอทูลลา!”ได้กองทัพหลวงมาก็ย่อมดีกว่ามิได้อะไรเลย เซียวหลินเทียนเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไปเลือกคนกับหัวหน้าราชองครักษ์ผางอย่างหน้าบึ้งเมื่อราชองครักษ์ผางได้ยินว่าเซียวหลินเทียนต้องการคนก็ยินดีมาก สั่งทหารกองทัพหลวงสิบกว่านายที่ค่อนข้างเก่งวรยุทธ ให้พวกเขาติดตามเซียวหลินเทียนไปสนับสนุนอันเจ๋อเซียวหลินเทียนทำงานเสร็จแล้วกำลังจะไป องครักษ์กองทัพหลวงนายหนึ่งก็เข้ามาพบราชองครักษ์ผางเซียวหลินเทียนจึงถือโอกาสกล่าวลาเขามีเรื่องคิดอยู่ในใจเต็มไปหมด จึงก้มหน้าคิดเรื่องค่ายกองทหารเสือของจักรพรรดิอู่อันความยอดเยี่ยมของกองกำลังนี้ทำให้เขาโหยหามาตลอด แม้ว่าเขาจะมิเคยคิดที่จะควบคุมกองกำลังนี้ แต่ก็อยากเห็นพลังการต่อสู้ของพวกเขาสักหน่อยตอนนี้ถูกองค์จักรพรรดิอู่อันปฏิเสธมา เซียวหลินเทียนจึงโกรธและแอบสาบานว่า เขาจะต้องฝ
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ