แชร์

บทที่ 1056

ผู้เขียน: กานเฟย
เผยอวี้จะกลับแล้ว หลิงหว่านจึงส่งเขากลับ

แต่เมื่อหลิงหว่านนึกถึงเรื่องฉินรั่วซือ ก็ดึงเผยอวี้ให้หยุดก่อน

“ท่านพี่เผย มีบางเรื่องที่ข้ารู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย มิรู้ว่าควรจะบอกท่านอ๋องอี้ดีหรือไม่ ท่านแนะนำข้าที!”

“เรื่องอะไรหรือ?”

เผยอวี้เอ่ยถามไปอย่างสบาย ๆ

“ตอนที่พวกท่านยังมิมา ฉินรั่วซือมาเยี่ยมท่านพี่หลิงหลิง นางบอกว่าองค์ชายเย่มีโสมโลหิตที่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์ช่วยบำรุงโลหิต ท่านอ๋องอี้จึงไปขอยา!”

แล้วหลิงหว่านก็เอ่ยด้วยความโกรธ “แต่ท่านอ๋องอี้ไปเสียเที่ยว มิได้ยามาเจ้าค่ะ!”

เผยอวี้เลิกคิ้วอย่างสงสัย “เรื่องนี้มีอะไรแปลกหรือ? บางทีนางอาจจะได้ยินมาผิดก็เป็นได้!”

“หว่านเอ๋อร์ เจ้าโกรธนางเพราะฮองเฮาเว่ยต้องการจะประทานงานแต่งงานให้ฉินรั่วซือกับท่านอ๋องอี้หรือ?”

หลิงหว่านเบิกตากลมโตจ้องมองเผยอวี้อย่างโกรธเคืองทันที “ท่านหมายความว่าเยี่ยงไร? ท่านจะบอกว่าข้าใจแคบหรือ? หากฉินรั่วซือมีจิตใจดีจริง ๆ ข้าก็มีแต่จะขอบคุณนางก็เท่านั้น!”

“แต่ท่านมิรู้เรื่องราวภายในเลย ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าว่าข้าโกรธนาง! ข้าเป็นคนใจแคบเช่นนี้หรือ?”

“หึ หากรู้ว่าท่านจะคิดเช่นนี้ ข้าก็มิพูดแล้ว!”

เมื่อเผยอว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Alisorn LAp
แอบแพงยู่นะ
goodnovel comment avatar
พัชรี
อัพทีละเยอะๆได้มั้ยคะ ......
goodnovel comment avatar
Rawisuda Nobig
อยากอ่านต่อยาวๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1057

    เผยอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการกระทำของฉินรั่วซือมีเจตนาแอบแฝง เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะไปคุยกับท่านอ๋อง!”เผยอวี้หันกลับไปอีกครั้งแล้วเรียกเซียวหลินเทียนออกมาทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในห้องตำรา เผยอวี้ก็เอ่ยถามอย่างกังวล“อาเทียน ข้าได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เจ้าไปขอยาที่ตำหนักองค์ชายเย่ องค์ชายเย่ตอบเจ้าเยี่ยงไรหรือ?”ทันใดนั้นใบหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนลง เรื่องมิดีระหว่างพี่น้องของพวกเขา เขาไม่มีหน้าจะไปบอกเผยอวี้เลยจริง ๆ“เจ้ามิจำเป็นต้องปิดบังอะไรจากข้าหรอก เรื่องนี้ยังมีเรื่องราวที่แอบแฝงอยู่ภายในอีก เจ้าบอกข้าก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องอื่นกัน!”เผยอวี้เอ่ยเร่งเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องที่ตนไปที่ตำหนักองค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็ตัดสัมพันธ์กับองค์ชายเย่ไปให้เขาฟังเขากัดฟันอย่างดุร้ายพลางเอ่ย “ข้ามั่นใจว่าเขาต้องมีโสมโลหิตอยู่ในมือเป็นแน่! เขานิ่งดูดายมิยอมช่วยเหลือ ตอบแทนคุณด้วยความแค้นเช่นนี้ ข้าจะจดจำความเนรคุณนี้ไว้!”“จากนี้ไป นับว่าข้าไม่มีน้องชายผู้นี้อีก!”เผยอวี้เชื่อการตัดสินใจของเซียวหลินเทียน เขาบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ ก็ต้องเป็นเช่นนั้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1058

    หลิงอวี๋หลับสนิท นางฉวยโอกาสตอนที่เซียวหลินเทียนออกไป และเข้าไปดื่มน้ำในมิติเพื่อเร่งการสมานแผลกระทั่งนางตื่นขึ้นมากลางดึก อาการบาดเจ็บของนางก็มิเจ็บปวดถึงเพียงนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมามากแล้วเมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนกายหลับอยู่ข้างเตียงไฟในห้องยังคงสว่างอยู่แสงสลัวส่องลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียน ร่องรอยใต้ดวงตาของเขาดำคล้ำเขามิได้นอนทั้งคืนแล้วเฝ้าตนอยู่เช่นนี้หรือ?หัวใจของหลิงอวี๋อบอุ่นขึ้นมา นางมิกล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะรบกวนการนอนหลับของเขานางมองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่เช่นนี้แล้วคำพูดที่เซียวหลินเทียนเอ่ยกับตนก็แวบขึ้นมาในหัว“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีหรือไม่?”เริ่มต้นใหม่แล้วลืมความแค้นที่ผ่านมาหรือ?ลืมการลงแส้ห้าสิบครั้งนั้นหรือ? แล้วความเกลียดชังที่เขามีต่อตนเล่า?หลิงอวี๋เดินทางข้ามเวลามา นางมิได้มีความเกลียดชังฝังใจกับการลงแส้เฆี่ยนตีห้าสิบครั้งนั้นมากนัก เพราะมันเกิดจากเรื่องโง่ ๆ มากมายที่หลิงอวี๋คนก่อนทำเอาไว้นางยอมรับว่าในตอนแรกนางก็เกลียดเซียวหลินเทียนเช่นกันเขาเป็นคนที่ถือชายเป็นใหญ่ ทั้งเผด็จการ ทั้งไร้ความเม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1059

    “จะมาเกรงใจอะไรข้าเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “ข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ดูแลข้าเช่นกันมิใช่หรือ? ข้าแค่กลัวว่าข้าจะซุ่มซ่ามแล้วดูแลเจ้าได้มิดี!”“ดีมากแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วดึงเขาไว้ “ขึ้นมานอนเถิดเพคะ! ฟ้ายังมิสางเลย!”“มิต้องหรอก ข้านั่งตรงนี้ก็ได้!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าเขาจะเบียดนางหลิงอวี๋ค่อย ๆ ขยับเข้าไปข้างในแล้วตบเตียงตรงที่ว่าง“ขึ้นมาเถิดเพคะ… หม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ มิสามารถดูแลท่านได้! หากท่านล้มป่วยไป หม่อมฉันอุ้มท่านมิไหวหรอกเพคะ!”เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงถอดรองเท้าแล้วนอนลงข้าง ๆ นางอย่างระมัดระวังทั้งยังยกมือข้างหนึ่งไปช่วยห่มผ้าห่มให้หลิงอวี๋อย่างอ่อนโยนด้วย“ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว!”หลิงอวี๋นอนหลับมากแล้วจึงมิง่วง และกระซิบ “หม่อมฉันได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เสด็จพ่อทรงนำโอสถบำรุงโลหิตอันล้ำค่ามาช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้! วันหลังหม่อมฉันจะเตรียมโอสถบำรุงโลหิตให้เสด็จพ่อสักหน่อย ท่านก็เก็บไว้บ้างบางส่วน เผื่อไว้ในยามจำเป็น!”“อืม! ข้าลืมไปว่าเสด็จพ่อยังมีโอสถบำรุงโลหิตอยู่ ครั้งนี้ที่พระองค์พระทัยกว้างถึงเพียงนี้ข้าเองก็คิดมิถึงเช่นกัน! วันหลังข้าต้อ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1060

    หลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เซียวหลินเทียนบอก นางลืมไปว่านี่เป็นสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาและอนุหลายคน นี่มันก็เท่ากับนิสัยการนอกใจของบุรุษสมัยใหม่มิใช่หรอกหรือแต่นางก็ยังคงมิยอมทิ้งความคิดนี้ จึงยิ้มพลางเอ่ย “บางที่คนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่เขามิสะดวกที่จะแต่งงานเข้าตำหนักก็ได้กระมัง?”ความคิดของหลิงอวี๋เปิดกว้างพลางเอ่ย “บางทีนางอาจเป็นภรรยาของผู้อื่น… เขาใช้เงินจำนวนมากช่วยภรรยาของคนอื่น หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เขามีชื่อเสียงที่มิดี!”“เป็นไปมิได้!”เซียวหลินเทียนนึกมิออกเลยว่าน้องชายของตนจะไปกะลิ้มกะเหลี่ยภรรยาของคนอื่นได้ ใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย เหตุใดต้องทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ด้วย!หลิงอวี๋ยังรู้สึกว่า สิ่งที่ตนคิดนั้นเหลือเชื่อเกินไป แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว นางก็คิดมิออกจริง ๆ ว่าจะมีใครที่ทำให้องค์ชายเย่ปกปิดไว้ได้“มิพูดถึงเขาแล้ว ข้าให้เผยอวี้ไปตรวจสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าได้กังวลเรื่องเขาเลย!”เซียวหลินเทียนวางมือใหญ่ไว้บนดวงตาของหลิงอวี๋อย่างเอาแต่ใจ“นอนเถิด! มิให้คิดฟุ้ง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1061

    เซียวหลินเทียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทูลองค์จักรพรรดิอู่อัน จึงเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋แล้ววางแผนเข้าวัง“เซียวหลินเทียน หลังจากที่ท่านคุยกับองค์จักรพรรดิแล้วก็ไปเยี่ยมไทเฮาเสียหน่อยเถิดเพคะ ดูว่าอาการของไทเฮาดีขึ้นแล้วหรือไม่!”หลิงอวี๋ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่ จึงเอ่ยกำชับออกไป“ได้… เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเสียเถิด ข้าไปก่อน...”เซียวหลินเทียนเข้าวังไปด้วยหัวใจที่หนักหน่วงแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ เรื่องที่องค์ชายเย่มีโสมโลหิตแต่กลับนิ่งดูดายมิช่วยเหลือได้แพร่กระจายไปทั่วราชสำนักในชั่วข้ามคืนบางคนยังเล่าเรื่องที่ตอนแรกหลิงอวี๋ช่วยเหลือพระชายาเย่กับลูกชายอย่างเติมไข่ใส่สีด้วยความคิดเห็นของราษฎรทั้งหมดต่างมุ่งตรงไปที่องค์ชายเย่ ดุด่าหาว่าเขาไร้ความเมตตาและเนรคุณเรื่องนี้ไปถึงหูจักรพรรดิอู่อันก่อนที่เซียวหลินเทียนจะเข้าวังเสียอีกจักรพรรดิอู่อันโกรธจัดทันที ก็แค่โสมโลหิตมูลค่าหนึ่งแสนมิใช่หรือ?หากองค์ชายเย่มอบมันให้กับเซียวหลินเทียน ก็มิจำเป็นที่ตนต้องเอาโอสถบำรุงโลหิตที่มีมูลค่ามากกว่าโสมโลหิตออกมาช่วยหลิงอวี๋น่ะสิ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมาก ยังมิทันที่เซ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1062

    โสมโลหิตอยู่ในมือของเซียวหลินมู่หรือไม่นั้น จักรพรรดิอู่อันก็มิสามารถตรวจสอบได้แต่เมื่อคิดว่าต้นโสมโลหิตต้นเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งแสนนั้น ดูจากการเงินของเซียวหลินมู่แล้วก็ใช่ว่าจะให้มิได้เซียวหลินมู่คงมิจำเป็นต้องทำให้ตนเองมาตกอยู่ในสถานะของการเป็นคนไร้ความเมตตาและเนรคุณเช่นนี้เพราะโสมโลหิตหรอกจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดของเซียวหลินมู่อยู่มากทีเดียวเมื่อนึกถึงท่าทีร้อนรนของเซียวหลินเทียนในตอนนั้น เขาเองก็มิสามารถโกรธเซียวหลินเทียนได้เช่นกัน จึงเอ่ย “ในเมื่อโสมโลหิตมิได้อยู่ในมือเจ้า เช่นนั้นวันหลังเจ้ากับพี่ของเจ้าก็คุยกันให้ชัดเจนเสีย!”“อย่าต้องให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ส่วนทางด้านพี่ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าอธิบายกับเขาด้วย!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”เซียวหลินมู่ถอนหายใจโล่งอก ขอเพียงเสด็จพ่อมิสงสัยในตัวเขาก็พอแล้วแต่เรื่องโสมโลหิตแพร่สะพัดออกไปแล้ว เขาต้องคิดหาทาง โยนเรื่องที่ตนครอบครองโสมโลหิตไปไว้ที่ตัวของคนอื่นให้หมดสิ้นมิเช่นนั้นหากให้ข่าวลือแพร่ต่อไป มิช้าก็เร็วเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดเผย!เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่ความผิดที่ตนหลอกลวงองค์จั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1063

    ฮองเฮาเว่ยมิสบายใจเพราะเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษนางมิคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะสามารถช่วยไทเฮาได้แล้วบอกเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษ ทั้งยังทำให้จักรพรรดิอู่อันเกิดความสงสัยต่อตนอีกด้วยตอนนี้พระตำหนักเหยียนฝูได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และคนของนางมิสามารถสืบข่าวใด ๆ ได้เลยส่วนองค์ชายเว่ยก็ถูกพวกองค์ชายบดขยี้ในการแข่งขันสี่แคว้น ทำให้จักรพรรดิอู่อันยิ่งผิดหวังในตัวเขามากขึ้นไปอีกบารมีของเซียวหลินเทียนก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป องค์ชายเว่ยก็จะยิ่งห่างไกลจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปมากขึ้นเรื่อย ๆ!นางกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่งเซี่ยเฉียวนางกำนัลใหญ่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พลางกระซิบ “ฮองเฮาเพคะ บ่าวได้ข่าวมาว่าองค์ชายเย่ซื้อต้นโสมโลหิตในราคาสูงเพคะ!”“เมื่อวานท่านอ๋องอี้กับภรรยาถูกลอบสังหารมิใช่หรือเพคะ? ได้ยินว่าพระชายาอ๋องอี้กำลังจะตาย ท่านอ๋องอี้จึงไปขอโสมโลหิตนี้ที่ตำหนักองค์ชายเย่! ผลคือองค์ชายเย่ปฏิเสธบอกว่าไม่มีเพคะ!”“มันมีอะไรแปลกกัน ตอนนี้ท่านอ๋องอี้กับภรรยาได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิอย่างลึกซึ้ง ใครจะมิอยากให้พวกเขาซวยเล่า!”ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะอย่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1064

    ครั้งที่แล้วหลิงอวี๋ฆ่าจ่างหนิง เดิมทีมั่นใจแล้วว่าจะตัดหัวได้ก็เป็นพระสนมฮุ่ยกับลูกชายของนางที่ช่วยหลิงอวี๋ขอร้ององค์จักรพรรดิ ถึงทำให้หลิงอวี๋รอดพ้นไปได้ฮองเฮาเว่ยเกลียดพระสนมฮุ่ยมาก แต่มิเคยจับจุดอ่อนอะไรได้เลย ไหนเลยจะคิดว่าพระสนมฮุ่ยจะมาส่งให้เองถึงหน้าประตู“มิน่า องค์ชายเย่ถึงพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดว่าตนมิได้มีโสมโลหิตอยู่ในมือ ที่แท้ก็มิอยากเปิดเผยเรื่องนี้นี่เอง!”ฮองเฮาเว่ยรู้สึกว่าการเดาของนางนั้นใกล้เคียงมากแน่นอน จึงยิ้มอย่างยินดีพลางเอ่ย “ข้าจะดูว่าครั้งนี้ใครจะช่วยนางได้!”แม่นมเจิ้งแนะนำ “ฮองเฮา หากจะจับชู้ต้องจับให้ได้ทั้งคู่เพคะ หากนางตั้งครรภ์จริง ๆ เช่นนั้นใครคือชายชู้เล่าเพคะ?”ฮองเฮาเว่ยถูกเตือนจึงนึกถึงจุดสำคัญนี้ได้แล้วก็เอ่ยอย่างเร่งรีบ “แม่นมเจิ้ง เจ้ารีบออกไปสืบดูทีว่า ในหลายเดือนมานี้ใครไปมาหาสู่ใกล้ชิดกับพระสนมฮุ่ย!”นอกจากขันทีในวังแล้ว ก็แทบไม่มีชายใดกล้าเข้าไปในวังหลังแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเลยผู้ที่สามารถเข้าไปได้มีเพียงแค่กองทัพหลวงเท่านั้นแต่กองทัพหลวงก็ทำได้เพียงลาดตระเวนอยู่ที่ศาลาในสวนเท่านั้น แทบไม่มีใครกล้าเข้าไปในตำหนักของนางสนมแบบสุ่มส

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status