เผยอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการกระทำของฉินรั่วซือมีเจตนาแอบแฝง เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะไปคุยกับท่านอ๋อง!”เผยอวี้หันกลับไปอีกครั้งแล้วเรียกเซียวหลินเทียนออกมาทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในห้องตำรา เผยอวี้ก็เอ่ยถามอย่างกังวล“อาเทียน ข้าได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เจ้าไปขอยาที่ตำหนักองค์ชายเย่ องค์ชายเย่ตอบเจ้าเยี่ยงไรหรือ?”ทันใดนั้นใบหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนลง เรื่องมิดีระหว่างพี่น้องของพวกเขา เขาไม่มีหน้าจะไปบอกเผยอวี้เลยจริง ๆ“เจ้ามิจำเป็นต้องปิดบังอะไรจากข้าหรอก เรื่องนี้ยังมีเรื่องราวที่แอบแฝงอยู่ภายในอีก เจ้าบอกข้าก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องอื่นกัน!”เผยอวี้เอ่ยเร่งเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องที่ตนไปที่ตำหนักองค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็ตัดสัมพันธ์กับองค์ชายเย่ไปให้เขาฟังเขากัดฟันอย่างดุร้ายพลางเอ่ย “ข้ามั่นใจว่าเขาต้องมีโสมโลหิตอยู่ในมือเป็นแน่! เขานิ่งดูดายมิยอมช่วยเหลือ ตอบแทนคุณด้วยความแค้นเช่นนี้ ข้าจะจดจำความเนรคุณนี้ไว้!”“จากนี้ไป นับว่าข้าไม่มีน้องชายผู้นี้อีก!”เผยอวี้เชื่อการตัดสินใจของเซียวหลินเทียน เขาบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ ก็ต้องเป็นเช่นนั้
หลิงอวี๋หลับสนิท นางฉวยโอกาสตอนที่เซียวหลินเทียนออกไป และเข้าไปดื่มน้ำในมิติเพื่อเร่งการสมานแผลกระทั่งนางตื่นขึ้นมากลางดึก อาการบาดเจ็บของนางก็มิเจ็บปวดถึงเพียงนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมามากแล้วเมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนกายหลับอยู่ข้างเตียงไฟในห้องยังคงสว่างอยู่แสงสลัวส่องลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียน ร่องรอยใต้ดวงตาของเขาดำคล้ำเขามิได้นอนทั้งคืนแล้วเฝ้าตนอยู่เช่นนี้หรือ?หัวใจของหลิงอวี๋อบอุ่นขึ้นมา นางมิกล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะรบกวนการนอนหลับของเขานางมองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่เช่นนี้แล้วคำพูดที่เซียวหลินเทียนเอ่ยกับตนก็แวบขึ้นมาในหัว“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีหรือไม่?”เริ่มต้นใหม่แล้วลืมความแค้นที่ผ่านมาหรือ?ลืมการลงแส้ห้าสิบครั้งนั้นหรือ? แล้วความเกลียดชังที่เขามีต่อตนเล่า?หลิงอวี๋เดินทางข้ามเวลามา นางมิได้มีความเกลียดชังฝังใจกับการลงแส้เฆี่ยนตีห้าสิบครั้งนั้นมากนัก เพราะมันเกิดจากเรื่องโง่ ๆ มากมายที่หลิงอวี๋คนก่อนทำเอาไว้นางยอมรับว่าในตอนแรกนางก็เกลียดเซียวหลินเทียนเช่นกันเขาเป็นคนที่ถือชายเป็นใหญ่ ทั้งเผด็จการ ทั้งไร้ความเม
“จะมาเกรงใจอะไรข้าเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “ข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ดูแลข้าเช่นกันมิใช่หรือ? ข้าแค่กลัวว่าข้าจะซุ่มซ่ามแล้วดูแลเจ้าได้มิดี!”“ดีมากแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วดึงเขาไว้ “ขึ้นมานอนเถิดเพคะ! ฟ้ายังมิสางเลย!”“มิต้องหรอก ข้านั่งตรงนี้ก็ได้!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าเขาจะเบียดนางหลิงอวี๋ค่อย ๆ ขยับเข้าไปข้างในแล้วตบเตียงตรงที่ว่าง“ขึ้นมาเถิดเพคะ… หม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ มิสามารถดูแลท่านได้! หากท่านล้มป่วยไป หม่อมฉันอุ้มท่านมิไหวหรอกเพคะ!”เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงถอดรองเท้าแล้วนอนลงข้าง ๆ นางอย่างระมัดระวังทั้งยังยกมือข้างหนึ่งไปช่วยห่มผ้าห่มให้หลิงอวี๋อย่างอ่อนโยนด้วย“ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว!”หลิงอวี๋นอนหลับมากแล้วจึงมิง่วง และกระซิบ “หม่อมฉันได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เสด็จพ่อทรงนำโอสถบำรุงโลหิตอันล้ำค่ามาช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้! วันหลังหม่อมฉันจะเตรียมโอสถบำรุงโลหิตให้เสด็จพ่อสักหน่อย ท่านก็เก็บไว้บ้างบางส่วน เผื่อไว้ในยามจำเป็น!”“อืม! ข้าลืมไปว่าเสด็จพ่อยังมีโอสถบำรุงโลหิตอยู่ ครั้งนี้ที่พระองค์พระทัยกว้างถึงเพียงนี้ข้าเองก็คิดมิถึงเช่นกัน! วันหลังข้าต้อ
หลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เซียวหลินเทียนบอก นางลืมไปว่านี่เป็นสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาและอนุหลายคน นี่มันก็เท่ากับนิสัยการนอกใจของบุรุษสมัยใหม่มิใช่หรอกหรือแต่นางก็ยังคงมิยอมทิ้งความคิดนี้ จึงยิ้มพลางเอ่ย “บางที่คนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่เขามิสะดวกที่จะแต่งงานเข้าตำหนักก็ได้กระมัง?”ความคิดของหลิงอวี๋เปิดกว้างพลางเอ่ย “บางทีนางอาจเป็นภรรยาของผู้อื่น… เขาใช้เงินจำนวนมากช่วยภรรยาของคนอื่น หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เขามีชื่อเสียงที่มิดี!”“เป็นไปมิได้!”เซียวหลินเทียนนึกมิออกเลยว่าน้องชายของตนจะไปกะลิ้มกะเหลี่ยภรรยาของคนอื่นได้ ใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย เหตุใดต้องทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ด้วย!หลิงอวี๋ยังรู้สึกว่า สิ่งที่ตนคิดนั้นเหลือเชื่อเกินไป แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว นางก็คิดมิออกจริง ๆ ว่าจะมีใครที่ทำให้องค์ชายเย่ปกปิดไว้ได้“มิพูดถึงเขาแล้ว ข้าให้เผยอวี้ไปตรวจสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าได้กังวลเรื่องเขาเลย!”เซียวหลินเทียนวางมือใหญ่ไว้บนดวงตาของหลิงอวี๋อย่างเอาแต่ใจ“นอนเถิด! มิให้คิดฟุ้ง
เซียวหลินเทียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทูลองค์จักรพรรดิอู่อัน จึงเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋แล้ววางแผนเข้าวัง“เซียวหลินเทียน หลังจากที่ท่านคุยกับองค์จักรพรรดิแล้วก็ไปเยี่ยมไทเฮาเสียหน่อยเถิดเพคะ ดูว่าอาการของไทเฮาดีขึ้นแล้วหรือไม่!”หลิงอวี๋ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่ จึงเอ่ยกำชับออกไป“ได้… เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเสียเถิด ข้าไปก่อน...”เซียวหลินเทียนเข้าวังไปด้วยหัวใจที่หนักหน่วงแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ เรื่องที่องค์ชายเย่มีโสมโลหิตแต่กลับนิ่งดูดายมิช่วยเหลือได้แพร่กระจายไปทั่วราชสำนักในชั่วข้ามคืนบางคนยังเล่าเรื่องที่ตอนแรกหลิงอวี๋ช่วยเหลือพระชายาเย่กับลูกชายอย่างเติมไข่ใส่สีด้วยความคิดเห็นของราษฎรทั้งหมดต่างมุ่งตรงไปที่องค์ชายเย่ ดุด่าหาว่าเขาไร้ความเมตตาและเนรคุณเรื่องนี้ไปถึงหูจักรพรรดิอู่อันก่อนที่เซียวหลินเทียนจะเข้าวังเสียอีกจักรพรรดิอู่อันโกรธจัดทันที ก็แค่โสมโลหิตมูลค่าหนึ่งแสนมิใช่หรือ?หากองค์ชายเย่มอบมันให้กับเซียวหลินเทียน ก็มิจำเป็นที่ตนต้องเอาโอสถบำรุงโลหิตที่มีมูลค่ามากกว่าโสมโลหิตออกมาช่วยหลิงอวี๋น่ะสิ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมาก ยังมิทันที่เซ
โสมโลหิตอยู่ในมือของเซียวหลินมู่หรือไม่นั้น จักรพรรดิอู่อันก็มิสามารถตรวจสอบได้แต่เมื่อคิดว่าต้นโสมโลหิตต้นเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งแสนนั้น ดูจากการเงินของเซียวหลินมู่แล้วก็ใช่ว่าจะให้มิได้เซียวหลินมู่คงมิจำเป็นต้องทำให้ตนเองมาตกอยู่ในสถานะของการเป็นคนไร้ความเมตตาและเนรคุณเช่นนี้เพราะโสมโลหิตหรอกจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดของเซียวหลินมู่อยู่มากทีเดียวเมื่อนึกถึงท่าทีร้อนรนของเซียวหลินเทียนในตอนนั้น เขาเองก็มิสามารถโกรธเซียวหลินเทียนได้เช่นกัน จึงเอ่ย “ในเมื่อโสมโลหิตมิได้อยู่ในมือเจ้า เช่นนั้นวันหลังเจ้ากับพี่ของเจ้าก็คุยกันให้ชัดเจนเสีย!”“อย่าต้องให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ส่วนทางด้านพี่ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าอธิบายกับเขาด้วย!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”เซียวหลินมู่ถอนหายใจโล่งอก ขอเพียงเสด็จพ่อมิสงสัยในตัวเขาก็พอแล้วแต่เรื่องโสมโลหิตแพร่สะพัดออกไปแล้ว เขาต้องคิดหาทาง โยนเรื่องที่ตนครอบครองโสมโลหิตไปไว้ที่ตัวของคนอื่นให้หมดสิ้นมิเช่นนั้นหากให้ข่าวลือแพร่ต่อไป มิช้าก็เร็วเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดเผย!เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่ความผิดที่ตนหลอกลวงองค์จั
ฮองเฮาเว่ยมิสบายใจเพราะเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษนางมิคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะสามารถช่วยไทเฮาได้แล้วบอกเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษ ทั้งยังทำให้จักรพรรดิอู่อันเกิดความสงสัยต่อตนอีกด้วยตอนนี้พระตำหนักเหยียนฝูได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และคนของนางมิสามารถสืบข่าวใด ๆ ได้เลยส่วนองค์ชายเว่ยก็ถูกพวกองค์ชายบดขยี้ในการแข่งขันสี่แคว้น ทำให้จักรพรรดิอู่อันยิ่งผิดหวังในตัวเขามากขึ้นไปอีกบารมีของเซียวหลินเทียนก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป องค์ชายเว่ยก็จะยิ่งห่างไกลจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปมากขึ้นเรื่อย ๆ!นางกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่งเซี่ยเฉียวนางกำนัลใหญ่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พลางกระซิบ “ฮองเฮาเพคะ บ่าวได้ข่าวมาว่าองค์ชายเย่ซื้อต้นโสมโลหิตในราคาสูงเพคะ!”“เมื่อวานท่านอ๋องอี้กับภรรยาถูกลอบสังหารมิใช่หรือเพคะ? ได้ยินว่าพระชายาอ๋องอี้กำลังจะตาย ท่านอ๋องอี้จึงไปขอโสมโลหิตนี้ที่ตำหนักองค์ชายเย่! ผลคือองค์ชายเย่ปฏิเสธบอกว่าไม่มีเพคะ!”“มันมีอะไรแปลกกัน ตอนนี้ท่านอ๋องอี้กับภรรยาได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิอย่างลึกซึ้ง ใครจะมิอยากให้พวกเขาซวยเล่า!”ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะอย่
ครั้งที่แล้วหลิงอวี๋ฆ่าจ่างหนิง เดิมทีมั่นใจแล้วว่าจะตัดหัวได้ก็เป็นพระสนมฮุ่ยกับลูกชายของนางที่ช่วยหลิงอวี๋ขอร้ององค์จักรพรรดิ ถึงทำให้หลิงอวี๋รอดพ้นไปได้ฮองเฮาเว่ยเกลียดพระสนมฮุ่ยมาก แต่มิเคยจับจุดอ่อนอะไรได้เลย ไหนเลยจะคิดว่าพระสนมฮุ่ยจะมาส่งให้เองถึงหน้าประตู“มิน่า องค์ชายเย่ถึงพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดว่าตนมิได้มีโสมโลหิตอยู่ในมือ ที่แท้ก็มิอยากเปิดเผยเรื่องนี้นี่เอง!”ฮองเฮาเว่ยรู้สึกว่าการเดาของนางนั้นใกล้เคียงมากแน่นอน จึงยิ้มอย่างยินดีพลางเอ่ย “ข้าจะดูว่าครั้งนี้ใครจะช่วยนางได้!”แม่นมเจิ้งแนะนำ “ฮองเฮา หากจะจับชู้ต้องจับให้ได้ทั้งคู่เพคะ หากนางตั้งครรภ์จริง ๆ เช่นนั้นใครคือชายชู้เล่าเพคะ?”ฮองเฮาเว่ยถูกเตือนจึงนึกถึงจุดสำคัญนี้ได้แล้วก็เอ่ยอย่างเร่งรีบ “แม่นมเจิ้ง เจ้ารีบออกไปสืบดูทีว่า ในหลายเดือนมานี้ใครไปมาหาสู่ใกล้ชิดกับพระสนมฮุ่ย!”นอกจากขันทีในวังแล้ว ก็แทบไม่มีชายใดกล้าเข้าไปในวังหลังแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเลยผู้ที่สามารถเข้าไปได้มีเพียงแค่กองทัพหลวงเท่านั้นแต่กองทัพหลวงก็ทำได้เพียงลาดตระเวนอยู่ที่ศาลาในสวนเท่านั้น แทบไม่มีใครกล้าเข้าไปในตำหนักของนางสนมแบบสุ่มส