Share

บทที่ 49

Author: ซูเหยียน
เดิมที คำสั่งที่เหลิ่งเย่ได้รับก็คือหากตระกูลไป๋ไม่ลงมือ เขาก็จะไม่ลงมือ

เรื่องที่ไป๋เส้าเจี๋ยถูกทำร้าย จวินจิ๋วอิ่นปิดข่าวเอาไว้แล้ว

แต่เมื่อไม่ได้รับข่าวจากไป๋เส้าเจี๋ยหลายวันติดต่อกัน บวกกับข่าวที่ไป๋เส้าเจี๋ยส่งกลับมาก่อนหน้านี้

ไป๋คังเจี้ยนลูกชายของไป๋เส้าเจี๋ยจึงพอจะเดาได้ว่าท่านพ่อของเขาอาจจะเกิดเรื่องแล้ว

ดังนั้น จึงรีบติดต่อทุกคนในตระกูลไป๋ และยังเชิญผู้อาวุโสตระกูลไป๋ลงจากเขา

พวกเขาอยากจะคุมตัวไป๋เฉินเอาไว้ เพื่อใช้ข่มขู่ไป๋ซวง

เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าขณะที่พวกเขาพยายามจะพาตัวไป๋เฉินไป

ทันใดนั้นกลับมียอดฝีมือคนหนึ่งปรากฏตัว แล้วเริ่มแย่งคนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ตระกูลไป๋รู้ว่านี่อาจเป็นคนของไป๋ซวง

ดังนั้นจึงเริ่มต่อสู้กัน

พวกไป๋คังเจี้ยนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลิ่งเย่

สุดท้ายผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ต้องออกหน้า ถึงค่อยคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

เหลิ่งเย่ถือกระบี่คมกริบ ยืนอย่างมั่นคงอยู่กลางเรือน

ด้านหลังของเขาคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ซูบผอม

เสื้อผ้าชายหนุ่มไม่เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเหลืองซีด

ทั่วทั้งตัวมีบาดแผลมากมาย บางจุดยังมีเลือดซึมออกมา

ริมฝีปากของเขาแห้งผาก ดวงตาว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 50

    พายุที่หมุนด้วยความเร็วสูง เพิ่มพลังของคมกระบี่ให้แข็งแกร่งขึ้นสุดขีดสองมือของเหลิ่งเย่ เริ่มสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าซื่อจื่อน้อยพูดถูกต้องเขาเป็นไก่อ่อน!แม้แต่ตาเฒ่ากลุ่มหนึ่งก็ยังรับมือไม่ได้เหลิ่งเย่กัดฟันอย่างไม่ยินยอม จนมุมปากเริ่มมีเลือดซึมส่วนเหล่าผู้อาวุโสตระกูลไป๋ย่อมรู้ว่าพลังวิญญาณของเหลิ่งเย่ใกล้จะผลาญหมดแล้วดังนั้นจึงยกมุมปากขึ้นยิ้มกระหยิ่ม แล้วหันไปสบตากันพวกเขาเพิ่มพลังกดดันและพลังวิญญาณ เพื่อให้พายุหมุนในค่ายกลทวีความรุนแรงขึ้นแกรก แกรก...คมกระบี่ปะทะกับโล่กิเลนฟ้าจนเกิดเป็นเสียงแหลมบาดหูจากนั้นรอยโหว่ก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นหลังจากเสียงปะทะดังกึกก้อง โล่กิเลนฟ้าก็ถูกทำลายจนหมดคมกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่เหลิ่งเย่และไป๋เฉินเหลิ่งเย่เห็นดังนั้น จึงรีบคุ้มกันไป๋เฉินไว้ใต้ร่างโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาเคยกล่าวไว้ หากอยากทำร้ายไป๋เฉิน ต้องข้ามศพเขาไปก่อนเขาหลับตาลง แล้วรอคอยความเจ็บปวดมาเยือนทว่าความเจ็บปวดที่คาดการณ์ไว้กลับไม่มาเยือนเลยตอนเขาลืมตาขึ้นก็เห็นท่านอ๋องและพระชายาร่อนลงมาจากฟ้าจวินจิ๋วอิ่นซัดฝ่ามือ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 51

    เมื่อไป๋เฉินได้ยินคำพูดของพี่สาวที่เต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง เขาก็หยุดร้องไห้ทันทีเขาเช็ดมือที่สกปรกของตัวเองแรง ๆ บนร่างกายจากนั้นถึงค่อยเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากบนใบหน้าพี่สาว สีหน้าดูภาคภูมิใจและหยิ่งทระนงตน“ท่านคือพี่สาวที่ข้ารักมากที่สุดตลอดไป! เรื่องในตอนนั้น ไม่ใช่ความผิดของพี่หญิง คนผู้หนึ่งมีพรสวรรค์ดีเลิศคือความผิดหรือไร? คนที่ผิดคือพวกคนที่ต้องการแย่งชิงรากวิญญาณของพี่หญิงต่างหาก”ไป๋ซวงหัวเราะทันใดถูกต้อง ไม่ใช่ความผิดของนางคนผิดคือบรรดาคนที่หมายปองรากวิญญาณของนางเหล่านั้น“เฉินเอ๋อร์วางใจ ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับในวันนี้ พี่จะเอาคืนให้เจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”ระหว่างที่พูด ไป๋ซวงตบบ่าน้องชายเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนทุกคนในตระกูลไป๋รู้แล้วว่าไป๋ซวงกลับมาแล้วแต่ได้ยินก็อีกเรื่องหนึ่ง ได้มาเห็นก็อีกเรื่องหนึ่งพวกคนหนุ่มสาวยังดี เป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือทว่าคนที่เคยช่วยคนตระกูลไป๋เก็บกวาดซากศพเหล่านั้น ขณะนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะตอนที่ไป๋ซวงยื่นมือออกไป แล้วนำเส้นไหมวิญญาณโลหิตออกมาเมื่อเห็นเส้นไหมวิญญาณสีแดงฉาน หมุนวนที่ปลายนิ้วของไป๋ซ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 52

    ไป๋ฮูหยินพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ หวังเพียงให้ท่านอ๋องเก้าได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของไป๋ซวงหากท่านอ๋องเก้าปกป้องไป๋ซวง เวลาพวกนางลงมือคงไม่ถนัดนักหากท่านอ๋องเก้าเกลียดชังไป๋ซวง พวกนางจะสามารถจัดการนางได้เต็มที่เมื่อไป๋ฮูหยินพูดจบก็มองท่านอ๋องเก้าด้วยแววตาร้อนใจ หวังเพียงได้เห็นความตะลึงและเกลียดชังในแววตาของจวินจิ๋วอิ่นทางที่ดี ขอให้เขาลงโทษไป๋ซวงในฐานหลอกลวงทว่าจวินจิ๋วอิ่นกลับทำเหมือนฟังเรื่องขบขัน ก่อนจะแค่นเสียงเย็นออกมา“แค่นี้หรือ?”เขาหรี่ตาลงอย่างเย็นชา ทว่ากลับปกปิดรัศมีคมกริบไม่ได้“ข้ายังนึกว่าพระชายาไปสังหารใครเข้า? ก็แค่ลงโทษประหารชีวิตพวกเดรัจฉานเท่านั้น ยังจะพูดถึงชีวิตมนุษย์อะไรกัน!”ไป๋ฮูหยินตกตะลึง ใบหน้าเขียนคำว่าไม่อยากจะเชื่อเต็มไปหมดท่านอ๋องเก้าหมายความว่าอย่างไร?หากเป็นคนในยุทธภพก็ว่าไปอย่าง แต่ในสายตาท่านอ๋องเก้า คนของตระกูลไป๋ไม่ต่างจากเดรัจฉานหรือ?แม้แต่คนของตระกูลไป๋ที่กำลังคุกเข่าต่างก็เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงขึ้นมาทว่ากลับไม่กล้าพูดสิ่งใดต่อหน้าท่านอ๋องเก้าคนตระกูลไป๋ไม่กล้า แต่ไป๋ฮูหยินกล้านางเป็นประมุขหญิงของตระกูลไป๋มาหลายปี ย่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 53

    ผู้อาวุโสใหญ่มองดูเส้นไหมวิญญาณโลหิตที่เปล่งประกายสีแดงเหนือหัว ในใจพลันหวาดกลัวไม่หยุดเขารวบรวมพลังวิญญาณโดยไม่รู้ตัว เพื่อต่อต้านพลังกดดันที่เกิดจากเส้นไหมวิญญาณโลหิตแรงกดดันดุจขุนเขาพุ่งตรงมาที่กลางกระหม่อมของผู้อาวุโสใหญ่หัวเข่าสองข้างรับน้ำหนักไม่ไหว จึงคุกเข่าลงพื้นดังตุบแผ่นหินบนพื้น แตกร้าวเป็นรอยใยแมงมุมทันทีเขากระอักเลือดพรวดออกมา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดผวาไป๋ซวงร้ายกาจถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?แค่พลังกดดันก็ทำให้เขาแพ้ไม่เป็นท่าเลยหรือ?ไป๋ซวงมองแววตาหวาดกลัวของผู้อาวุโสใหญ่ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ เดินเข้าไปใกล้“ผู้อาวุโสใหญ่จะใจร้อนไปไย? กลัวข้าจะขุดรากวิญญาณของท่านแล้วปลูกถ่ายให้ท่านพ่อหรือ?”ระหว่างที่พูด กระบี่เสินอิ่นปรากฏขึ้นในมือไป๋ซวงบนกระบี่เสินอิ่นมีแสงสีเงินวิบวับ ปลายกระบี่ชี้ไปตรงไปยังชีพจรหัวใจของผู้อาวุโสใหญ่“ไป๋ซวง เรื่องรากวิญญาณของพ่อเจ้าไม่เกี่ยวกับข้าแม้แต่น้อย!”ผู้อาวุโสใหญ่กลัวสุดขีด อยากจะรีบถอยหนีแต่ทำอะไรไม่ได้ พลังกดดันของไป๋ซวงยิ่งใหญ่เกินไปเขาขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย“ไม่เกี่ยวข้องหรือ?”ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็น ปลายกระบี่วา

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 54

    เมื่อพูดจบ นิ้วมือของนางกำหมัดแน่นชายหนุ่มคนนั้นร้องโหยหวน ถูกเส้นไหมวิญญาณโลหิตฟันเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีทุกคนในตระกูลไป๋ตะลึงก่อน จากนั้นก็พากันหวาดผวาหากวันนี้มีเพียงไป๋ซวงคนเดียว บางทีพวกเขาอาจจะต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิตทว่ายามนี้ ท่านอ๋องเก้าอยู่ข้างกายนางหนำซ้ำดูจากท่าทีของเขา ท่านอ๋องเก้าต้องเข้าข้างไป๋ซวงแน่นอนทุกคนในตระกูลไป๋กล้าโกรธแต่ไม่กล้าปริปากไป๋ซวงโกรธจัด ทำให้พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างปะทุออกมาทันทีพลังกดดันอันยิ่งใหญ่ปกคลุมเหนือหัวทุกคนเส้นไหมวิญญาณโลหิตค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นราวกับเลือดปกคลุมทุกคนในตระกูลไป๋ให้อยู่ภายใต้พลังกดดัน“ไป๋ซวง ใช่ว่าทุกคนในตระกูลไป๋จะเคยทำผิด พวกเรายินดีมอบคนที่เคยล่วงเกินพวกเจ้าให้กับเจ้า ขอเจ้าโปรดละเว้นผู้บริสุทธิ์คนอื่น ๆ ในตระกูลไป๋ด้วย”ผู้อาวุโสทั้งเก้าคนรวบรวมพลังวิญญาณ ต้านทานพลังกดดันจากเส้นไหมวิญญาณโลหิตผู้อาวุโสสามถูกบีบจนใบหน้าแดงเถือก เอ่ยวิงวอนอย่างยากเย็น“ผู้อาวุโสสาม!”ผู้อาวุโสเก้ามองผู้อาวุโสสามอย่างร้อนใจ ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโส เขาจะผลักไสคนในตระกูลไป๋ออกไปได้อย่างไร?“ผู้อาวุโสเก้า เดิมทีเรื่องนี้เกิดขึ้

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 55

    เมื่อไป๋ซวงพูดจบ กระบี่เสินอิ่นพุ่งออกไปตรงตำแหน่งชีพจรหัวใจของไป๋คังเจี้ยนมีรอยแผลเพิ่มขึ้นทันทีจากนั้น รากวิญญาณธาตุดินของเขาก็ถูกขุดออกมารากวิญญาณธาตุดินนั้นถูกไป๋ซวงเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของไป๋ฮูหยินจนกระทั่งรากวิญญาณธาตุดินนั้นสลายไปจากใต้ฝ่าเท้าของไป๋ซวง นางถึงค่อยยกเท้าขึ้นมา“นังแพศยา!”ไป๋ฮูหยินด่าทอย่างเกรี้ยวกราด ยกมือขึ้นรวบรวมพลังวิญญาณโจมตีใส่ไป๋ซวงไป๋ซวงเชยตาขึ้นอย่างดูแคลน ก่อนจะพลิกข้อมือกระบี่เดียวแทงลำคอ!ไป๋ฮูหยินกุมลำคอตัวเองอย่างตะลึง ไม่อาจเปล่งเสียงก่นด่าด้วยความโกรธเกรี้ยวได้อีกต่อไปส่วนไป๋คังเจียนที่เพิ่งฟื้นขึ้นเพราะความเจ็บปวด ตื่นมาก็เห็นว่าทั่วทั้งร่างของตนเองเต็มไปด้วยเลือดหนำซ้ำข้างกายยังมีมารดาที่ถูกปาดคอในกระบี่เดียวเขารับความสะเทือนใจนี้ไม่ไหว จึงหมดสติไปอีกครั้งไป๋ซวงมองคนตระกูลไป๋ที่ตัวสั่นงันงกขดตัวอยู่ในมุม“ข้าไป๋ซวง แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ ข้านึกว่าพวกเจ้าควรจะรู้ผ่านจากเหตุการณ์เมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว น่าเสียดาย พวกเจ้ากลับไม่รับรู้เรื่องนี้เลย ไป๋เฉิน ความแค้น

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 56

    “อืม”จวินจิ๋วอิ่นตอบเชื่องช้า ในดวงตามีความผิดหวังอย่างชัดเจน“ข้าไม่เคยเห็นภาพที่ฮูหยินลงมืออย่างดุดันเด็ดเดี่ยวมาก่อน ไม่ง่ายกว่าจะได้เห็นสักครั้ง แม้แต่วิธีเก็บกวาดจากนี้ก็คิดไว้เสร็จแล้ว แต่กลับหมดสนุกเสียก่อน”“เช่นนั้นคงต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว แม้ข้าจะได้ชื่อว่าเป็นนางมาร แต่ไม่ได้กระหายการฆ่าจนเป็นนิสัย”“อืม ฮูหยินจิตใจดีที่สุด หากเป็นข้า จะต้องทำให้ตระกูลไป๋ล้มตายมลายไปสิ้น ยังจะปล่อยให้พวกเขากระโดดโลดเต้นอีกหรือ”“คงกระโดดโลดเต้นไปได้ไม่กี่วันหรอก อย่างไรพวกเขาก็ต้องชดใช้”“อืม ฮูหยินพูดถูก”ท่าทางของจวินจิ๋วอิ่นที่โอนอ่อนผ่อนตามฮูหยินทุกอย่าง ทำให้ไป๋ซวงส่ายหน้าอย่างระอานางจึงไม่พูดอีกเลย แล้วหลับตาพักผ่อนหลังจากระหกระเหินอยู่บนรถม้าตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงจวนอ๋องเก้าหลังจากไป๋เฉินทำความเข้าใจมาตลอดทาง บวกกับคำชี้แนะจากจวินจิ๋วอิ่นเขายอมรับเรื่องที่มีพี่เขยเป็นท่านอ๋อง มีพี่สาวเป็นพระชายาได้แล้วได้ยินพี่เขยบอกว่าพวกเขายังมีลูกชายอีกหนึ่งคนนิสัยแปลกประหลาด เป็นเด็กดีน่ารักเขาแทบจะอดทนรอไม่ไหวนิดหน่อยแล้วเมื่อรถม้าจอดสนิท จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวงลงจากรถ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 57

    ภายในวังหลวง ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดคือฮองเฮาเจียงเถียนแต่ผู้ที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดของฮ่องเต้ คงไม่พ้นพระสนมเอกจีหรงงานวันเกิดทุกปีของจีหรง แทบจะเทียบเท่างานของฮองเฮาปีนี้ จู่ ๆ จีหรงมีหลานชายเพิ่มมาหนึ่งคน หนำซ้ำยังฉลาดหลักแหลม มีพรสวรรค์เป็นเลิศจวินฉงยิ่งแทบอยากจะแนะนำซวี่เป่าให้ทุกคนได้รู้จักดังนั้นจึงส่งเทียบเชิญไปทั่ว แม้แต่แคว้นข้างเคียงยังได้รับเชิญหลังจากเข้ามาในวัง แขกที่มาร่วมงานแบ่งแยกเขตชายหญิงส่วนซวี่เป่าถูกจวินฉงสั่งให้คนมาพาตัวไปทันทีไป๋ซวงถูกพาไปที่ตำหนักเฟิ่งหลินของฮองเฮา ไปรวมกับเหล่าสตรีท่านอื่น เพื่อรอเวลางานเลี้ยงเริ่มเมื่อไป๋ซวงเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ภายในตำหนักเฟิ่งหลิน ผู้คนที่ครึกครื้นเงียบลงทันใดแต่ละคนหันไปมองหน้ากัน จากนั้นก็หันไปมองไป๋ซวง“พระชายาองค์ชายเก้ามาแล้ว รีบนั่งเถอะ”ฮองเฮาอยู่ในชุดหงส์หรูหรา ยิ้มอ่อน ๆ นั่งอยู่บนบัลลังก์ตำแหน่งประธาน“ขอบพระทัยฮองเฮา”ไป๋ซวงไม่ได้สนใจสายตาสงสัยหรือดูแคลนของผู้คนภายใต้การนำทางของหงเยว่และจื่อชวน นางเข้าไปนั่งประจำที่พระชายาหงเยว่กับจื่อชวนเป็นสาวใช้ที่จวินจิ๋วอิ่นโยกมาจากหออู๋เซิงเพื่อ

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status