“ใครว่าไม่ใช่กันล่ะ?”ฉู่ฮูหยินป้องปากพร้อมถอนหายใจอย่างระอา จากนั้นส่ายหน้าเชื่องช้า“เรื่องนี้จะโทษท่านอ๋องเก้าคงไม่ได้ แม้แต่ลูกก็มีด้วยกันแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อแม่นางไป๋ไม่ใช่หรือ?”“รับผิดชอบหรือ? หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีอำนาจ ให้ตำแหน่งพระชายารองก็ถือเป็นบุญโขแล้ว ตำแหน่งพระชายาเอก ใช่ว่าใครจะอยากเป็นก็ได้”ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงกับฉู่ฮูหยินเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พากันเหน็บแนมไป๋ซวงแม้สตรีนางอื่น ๆ จะไม่ได้เอ่ยปาก แต่ในใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความดูแคลนทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าสตรีคนใดก็ตามล้วนมีชาติกำเนิดที่ดีกว่าไป๋ซวงทั้งนั้นไป๋ซวงเป็นเพียงหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง กลับแย่งตำแหน่งพระชายาองค์ชายเก้าไปจะให้พวกนางสงบใจได้อย่างไรโดยเฉพาะเหล่าหญิงสูงศักดิ์ที่ตามมารดาเข้าวัง ขณะนี้ต่างพากันชูคอเชิดหน้าคล้ายอยากให้ไป๋ซวงเห็นชาติกำเนิดที่สูงศักดิ์ของพวกนาง เพื่อให้นางละอายใจไป๋ซวงยิ้มอย่างใจเย็น บนใบหน้าไม่มีความโกรธแม้แต่น้อยนางจับชายกระโปรง จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน“หากฮองเฮาไม่มีธุระใด หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”เมื่อไป๋ซวงพูดจบก็ลุกจากเก้าอี้“หยุดเดี๋ยวนี้!”ฮูหยินผู้
เมื่อไป๋ซวงพูดจบก็หันหลังเดินจากไปความกำเริบเสิบสานนั้น ทำให้ทุกคนที่เห็นโกรธเคืองอย่างมากแต่จะทำอย่างไรได้ เพราะไม่มีใครกล้าปะทะกับนางจริง ๆนางพูดถูก นางเป็นคนนิสัยไม่ดีจริง ๆ ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเจียงหรือฮองเฮาก็ไม่อยู่ในสายตา อีกทั้งท่านหญิงอันเล่อโหวบอกว่าจะฉีกแขนก็ฉีกเลย“ฮองเฮา ท่านจะปล่อยให้นางจากไปทั้งอย่างนี้หรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองเจียงเถียงอย่างโกรธเคือง!นางเป็นถึงฮองเฮาของแคว้น จะพ่ายแพ้ให้หญิงบ้านนอกเช่นนี้ได้อย่างไร?“ท่านแม่ บัดนี้พระชายาองค์ชายเก้ากำลังเป็นที่โปรดปราน ต่อให้ข้าทนนางไม่ได้แล้วอย่างไร?”นางส่ายหน้าอย่างระอา แล้วประคองมารดาให้ลุกขึ้นอย่างอ่อนโยนทว่าอาศัยจังหวะนั้นกระซิบข้างหูนางเสียงค่อย“ท่านแม่อย่าร้อนใจ ลูกวางแผนไว้แล้ว จะไม่ให้นางแพศยาผู้นี้มีชีวิตรอดออกจากวังหลวงแน่นอน”ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงได้ยินดังนั้น ไฟโกรธที่สุมทรวงจึงค่อย ๆ สลายไปส่วนฉู่ฮูหยินกำหมัดสองมือแน่นนางต้องแก้แค้นให้ลูกสาวแน่นนอน!แน่นอน!ไป๋ซวงเดินออกมาจากตำหนักเฟิ่งหลิน แล้วถอนหายใจยาวสถานที่อึมครึมเช่นนี้ นางไม่อยากจะมาเลยจริง ๆหากไม่ใช่เพราะซวี่เป่าขอร้อง
“ฮ่องเต้ทรงเกรงพระทัยเกินไปแล้ว พวกเราสองพี่น้องเจอปัญหาระหว่างทาง จึงทำให้มาช้าไปหลายวัน โชคดีที่ยังทันงานวันเกิดพระสนมเอก ไม่อย่างนั้นพวกเราสองพี่น้อง คงไม่รู้จะกลับไปรายงานเสด็จพ่ออย่างไร”องค์ชายสามโจวหลิงซางเอ่ยพลางยิ้ม โจวหวันฉี่ที่อยู่ข้างกันยิ้มอย่างเหนียมอาย“องค์ชายสามเกรงใจเกินไปแล้ว รีบนั่งเถอะ”“ขอบพระทัยฮ่องเต้”โจวหลิงซางกับโจวหวันฉี่ค่อย ๆ เข้าไปนั่งประจำที่ จากนั้นของขวัญที่พวกเขานำมาก็ถูกยกมาไว้ใจกลางตำหนัก“ฮ่องเต้ นี่คือของขวัญที่พวกเราเลือกมาให้พระสนมเอกจีโดยเฉพาะ หวังว่าพระสนมเอกจีจะชื่นชอบ”เมื่อโจวหลิงซางพูดจบ องครักษ์ที่แบกกรงเข้ามา ดึงผ้าสีแดงที่คลุมกรงออกภายในนั้นมีจิ้งจอกเก้าหางขนสีแดงเลือดตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันทีรูปร่างของมันใหญ่โต น่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่โตเต็มวัยแล้วหางที่ทั้งใหญ่และยาว ส่ายไปมากลางอากาศดวงตากลมโตของมันเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจิ้งจอกเก้าหางอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนในตำหนักตกตะลึงนี่น่าจะเป็นสัตว์พันธสัญญาสินะ?หนำซ้ำยังเป็นสัตว์พันธสัญญาระดับสูงทั่วทั้งดินแดนฮุ่นตุ้น สัตว์พันธสัญญาหาได้ย
“ซวี่เป่า!”จวินฉงตกตะลึงกับปฏิกิริยาของซวี่เป่า เมื่อตั้งสติได้ก็ตะโกนเสียงดัง แล้วเตรียมจะคว้าตัวซวี่เป่าไว้แต่ซวี่เป่ากลับไม่สนใจท่านปู่เลย แถมยังโคจรพลังวิญญาณเพียงชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าจิ้งจอกเก้าหางมุมปากของโจวหลิงซางเผยรอยยิ้มเหยียดหยามเล็กน้อย จากนั้นก็แอบโคจรพลังวิญญาณ แล้วเปิดกุญแจแห่งฟ้าดินที่กรงเหล็กออกเสียงกริ๊กดังขึ้น กรงเหล็กก็ถูกจิ้งจอกเก้าหางพุ่งชนจนเปิดออกร่างกายที่อ้วนท้วน พุ่งพรวดออกมาอ้าปากกว้างเห็นฟันน่ากลัว พร้อมกับยื่นกรงเล็บอันแหลมคมพุ่งโจมตีซวี่เป่าสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที กำลังอยากจะลงมือไป๋ซวงจึงยื่นมือออกไป ดึงตัวคนไว้นางมองซวี่เป่าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเหยียดหยามแค่จิ้งจอกเก้าหางกระจอก ๆ ตัวหนึ่ง จะทำร้ายซวี่เป่าได้อย่างไร?จีหรงตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตื่นตระหนกนางอยากจะวิ่งไปหาซวี่เป่า แต่ถูกจวินฉงดึงเอาไว้วินาทีแรกที่ซวี่เป่าเพิ่งจะพุ่งลงไป เขาก็มองไปยังไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่นเวลานี้ทั้งสองคนยังคงไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งแววตาของไป๋ซวงยังดูสงบนิ่ง ไม่มีความตึงเครียดและตื่นต
ซวี่เป่าหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วโบกมือให้ไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่นด้วยความตื่นเต้น“ท่านพ่อ ท่านแม่ ซวี่เป่ามีสัตว์พันธสัญญาแล้วนะ”“เก่งมาก”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มอย่างเอ็นดู ส่วนไป๋ซวงก็ยิ้มพลางชูนิ้วโป้งให้ซวี่เป่าดีใจมากขึ้นไปอีก เห็นเพียงมือเล็ก ๆ ของเขาโบกไปโบกมาเบา ๆ ตรงหน้าจิ้งจอกเก้าหางจากนั้นยันต์สีทองก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ“ปรมาจารย์ยันต์? เขาเป็นปรมาจารย์ยันต์หรือนี่?” ไม่รู้ว่าใครร้องอุทานออกมา สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เด็กน้อยคนนั้น“ไม่เพียงเท่านั้น...”มีคนอุทานด้วยความตกใจเบา ๆ อีกครั้งจากนั้นก็เห็นซวี่เป่านำยันต์ไปประทับลงบนหน้าผากของจิ้งจอกเก้าหางจิ้งจอกเก้าหางดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ สงบลงภายใต้การทำงานของยันต์เมื่อมองไปที่ซวี่เป่าอีกครั้ง สายตาก็เต็มไปด้วยความเคารพ“ปรมาจารย์ฝึกสัตว์! เขายังเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์ด้วย!”เมื่อทุกคนมองไปที่ซวี่เป่าอีกครั้ง สายตาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยเฉพาะขุนนางของแคว้นเยาฮู่ พวกเขารู้ว่าซวี่เป่าเป็นอัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสามธาตุเวลานี้ยังได้เห็นความสามารถในการวาดยันต์และฝึกสัตว
โจวหวันฉี่ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แต่หางตาของนางก็เหลือบมองจวินจิ๋วอิ่นเป็นระยะ ๆ “ทูลฝ่าบาท หวันฉี่อยากแต่งงานกับท่านอ๋องเก้าเพคะ”“หึหึ...”จวินจิ๋วอิ่นหัวเราะเยาะออกมา ไม่ได้ให้เกียรติโจวหวันฉี่แม้แต่น้อย“ขออภัย ข้ามีครอบครัวแล้ว องค์หญิงใหญ่โปรดเลือกคนอื่นเถิด”พูดจบ เขายังจงใจจับมือไป๋ซวงต่อหน้าทุกคนอีกด้วย“ข้าไม่สนใจ!”โจวหวันฉี่กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยแววตากล้าหาญบุรุษผู้นี้ เพียงแค่มองแวบเดียว นางก็หลงใหลไปชั่วชีวิตองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสตรีเพียงคนเดียวนางไม่สนใจว่าข้างกายจวินจิ๋วอิ่นจะมีสตรีมากน้อยเพียงใด ขอแค่มีที่ว่างสำหรับนางสักที่หนึ่งก็เพียงพอแล้ว“ข้าให้นางเป็นพระชายารองได้ และจะเลี้ยงดูองค์ชายน้อยเหมือนลูกของตัวเอง”“แม้แต่การเป็นพระชายาเอก ข้ายังรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับนางเลย แล้วจะให้นางเป็นพระชายารองได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ ในใจของข้ามีเพียงซวงเอ๋อร์ผู้เดียว ท่านเลือกคนอื่นเถอะ”จวินจิ๋วอิ่นไม่แม้แต่จะมองโจวหวันฉี่ ยื่นมือไปหยิบถ้วยชาข้าง ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ “น้องเก้าระวังคำพูดด้วย เสด็จพ่อยังอยู่นะ!” องค์ชา
หากเขาปฏิเสธอีก เกรงว่าจะไม่สามารถให้คำอธิบายกับแคว้นโจวอู้ได้ท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นโจวอู้ผู้สูงศักดิ์ ก็แทบจะถูกบีบให้ต้องเป็นพระชายารองแล้วความแข็งแกร่งของแคว้นโจวอู้นั้นเหนือกว่าแคว้นเทียนจีมากหากสู้รบกันขึ้นมา เกรงว่าแคว้นเทียนจีของพวกเขาจะต้านทานไม่ไหว“องค์หญิงใหญ่ไม่เข้าใจคำพูดของข้าหรือ? ชีวิตนี้ข้ามีเพียงพระชายาผู้เดียว หากองค์หญิงใหญ่ยืนกรานที่จะแต่งงาน เช่นนั้นวัดอันเหยียนก็เป็นสถานที่ที่ดี”จวินจิ๋วอิ่นพูดจบ ก็จูงมือไป๋ซวงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกเห็นว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดนี้ก็ดำเนินมาจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ลูกและพระชายาขอตัวกลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซวี่เป่าเห็นดังนั้น ก็ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของจวินฉงทันที“ท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่กลับไปแล้ว ซวี่เป่าก็ขอตัวกลับก่อน ซวี่เป่าอยู่กับท่านแม่มาตั้งแต่เด็ก แยกจากท่านแม่ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ในเมื่อมีท่านป้าคนสวยจะแต่งงานกับท่านพ่อ เช่นนั้นซวี่เป่าก็จะกลับไปอยู่บนเขากับท่านแม่ ให้ท่านพ่อมีหลานชายที่น่ารักคนใหม่มาให้ท่านปู่เล่นก็แล้วกัน”พูดจบ ซวี่เป่าก็ยังคำนับจวินฉงอย่างองอาจมากอีกด้วย
เมื่อจวินฉงได้ยินดังนั้น เขาก็มองไปยังหวังหยวนรองเจ้ากรมอาญาด้วยสายตาลึกล้ำยากจะคาดเดา“หวังหยวน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”หวังหยวนตัวสั่นเทา รีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงกลางท้องพระโรง“ทะ...ทูลฝ่าบาท มีเรื่องแบบนี้จริงพ่ะย่ะค่ะ!”“เหตุใดถึงไม่รายงานข้า?”สีหน้าของจวินฉงดำคล้ำ แสดงความโกรธเล็กน้อยหวังหยวนรีบคุกเข่าโขกศีรษะ ร่างกายสั่นเทา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้“พูดมา!”น้ำเสียงของจวินฉงเยือกเย็น แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจทัดทานได้หวังหยวนจึงตัดสินใจ กล่าวอย่างตะกุกตะกัก“ทูลฝ่าบาท เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระชายาองค์ชายเก้า กระหม่อมมิกล้า...มิกล้ากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่กล้า? หากกรมอาญาของแคว้นเทียนจีของพวกเรา ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจขุนนางและราชวงศ์ ไม่สามารถทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ แล้วจะมีไว้เพื่ออะไร?”จวินฉงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ ขุนนางคนอื่น ๆ ในท้องพระโรงต่างพากันคุกเข่าลงทันทีมีเพียงจวินจิ๋วอิ่น ไป๋ซวง โจวหวันฉี่ และโจวหลิงซางเท่านั้นที่ไม่ได้คุกเข่า “กระหม่อมผิดไปแล้ว ฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หวังหยวนหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไ
รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่
ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ
“พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู
ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ
“รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท
“เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม
จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ
พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ