Share

บทที่ 60

Author: ซูเหยียน
“ฮ่องเต้ทรงเกรงพระทัยเกินไปแล้ว พวกเราสองพี่น้องเจอปัญหาระหว่างทาง จึงทำให้มาช้าไปหลายวัน โชคดีที่ยังทันงานวันเกิดพระสนมเอก ไม่อย่างนั้นพวกเราสองพี่น้อง คงไม่รู้จะกลับไปรายงานเสด็จพ่ออย่างไร”

องค์ชายสามโจวหลิงซางเอ่ยพลางยิ้ม โจวหวันฉี่ที่อยู่ข้างกันยิ้มอย่างเหนียมอาย

“องค์ชายสามเกรงใจเกินไปแล้ว รีบนั่งเถอะ”

“ขอบพระทัยฮ่องเต้”

โจวหลิงซางกับโจวหวันฉี่ค่อย ๆ เข้าไปนั่งประจำที่ จากนั้นของขวัญที่พวกเขานำมาก็ถูกยกมาไว้ใจกลางตำหนัก

“ฮ่องเต้ นี่คือของขวัญที่พวกเราเลือกมาให้พระสนมเอกจีโดยเฉพาะ หวังว่าพระสนมเอกจีจะชื่นชอบ”

เมื่อโจวหลิงซางพูดจบ องครักษ์ที่แบกกรงเข้ามา ดึงผ้าสีแดงที่คลุมกรงออก

ภายในนั้นมีจิ้งจอกเก้าหางขนสีแดงเลือดตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที

รูปร่างของมันใหญ่โต น่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่โตเต็มวัยแล้ว

หางที่ทั้งใหญ่และยาว ส่ายไปมากลางอากาศ

ดวงตากลมโตของมันเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

เมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจิ้งจอกเก้าหางอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนในตำหนักตกตะลึง

นี่น่าจะเป็นสัตว์พันธสัญญาสินะ?

หนำซ้ำยังเป็นสัตว์พันธสัญญาระดับสูง

ทั่วทั้งดินแดนฮุ่นตุ้น สัตว์พันธสัญญาหาได้ย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Patricia Thip
ซวี่เป่า เก่งมาก.........
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 61

    “ซวี่เป่า!”จวินฉงตกตะลึงกับปฏิกิริยาของซวี่เป่า เมื่อตั้งสติได้ก็ตะโกนเสียงดัง แล้วเตรียมจะคว้าตัวซวี่เป่าไว้แต่ซวี่เป่ากลับไม่สนใจท่านปู่เลย แถมยังโคจรพลังวิญญาณเพียงชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าจิ้งจอกเก้าหางมุมปากของโจวหลิงซางเผยรอยยิ้มเหยียดหยามเล็กน้อย จากนั้นก็แอบโคจรพลังวิญญาณ แล้วเปิดกุญแจแห่งฟ้าดินที่กรงเหล็กออกเสียงกริ๊กดังขึ้น กรงเหล็กก็ถูกจิ้งจอกเก้าหางพุ่งชนจนเปิดออกร่างกายที่อ้วนท้วน พุ่งพรวดออกมาอ้าปากกว้างเห็นฟันน่ากลัว พร้อมกับยื่นกรงเล็บอันแหลมคมพุ่งโจมตีซวี่เป่าสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที กำลังอยากจะลงมือไป๋ซวงจึงยื่นมือออกไป ดึงตัวคนไว้นางมองซวี่เป่าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเหยียดหยามแค่จิ้งจอกเก้าหางกระจอก ๆ ตัวหนึ่ง จะทำร้ายซวี่เป่าได้อย่างไร?จีหรงตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตื่นตระหนกนางอยากจะวิ่งไปหาซวี่เป่า แต่ถูกจวินฉงดึงเอาไว้วินาทีแรกที่ซวี่เป่าเพิ่งจะพุ่งลงไป เขาก็มองไปยังไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่นเวลานี้ทั้งสองคนยังคงไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งแววตาของไป๋ซวงยังดูสงบนิ่ง ไม่มีความตึงเครียดและตื่นต

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 62

    ซวี่เป่าหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วโบกมือให้ไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่นด้วยความตื่นเต้น“ท่านพ่อ ท่านแม่ ซวี่เป่ามีสัตว์พันธสัญญาแล้วนะ”“เก่งมาก”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มอย่างเอ็นดู ส่วนไป๋ซวงก็ยิ้มพลางชูนิ้วโป้งให้ซวี่เป่าดีใจมากขึ้นไปอีก เห็นเพียงมือเล็ก ๆ ของเขาโบกไปโบกมาเบา ๆ ตรงหน้าจิ้งจอกเก้าหางจากนั้นยันต์สีทองก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ“ปรมาจารย์ยันต์? เขาเป็นปรมาจารย์ยันต์หรือนี่?” ไม่รู้ว่าใครร้องอุทานออกมา สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เด็กน้อยคนนั้น“ไม่เพียงเท่านั้น...”มีคนอุทานด้วยความตกใจเบา ๆ อีกครั้งจากนั้นก็เห็นซวี่เป่านำยันต์ไปประทับลงบนหน้าผากของจิ้งจอกเก้าหางจิ้งจอกเก้าหางดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ สงบลงภายใต้การทำงานของยันต์เมื่อมองไปที่ซวี่เป่าอีกครั้ง สายตาก็เต็มไปด้วยความเคารพ“ปรมาจารย์ฝึกสัตว์! เขายังเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์ด้วย!”เมื่อทุกคนมองไปที่ซวี่เป่าอีกครั้ง สายตาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยเฉพาะขุนนางของแคว้นเยาฮู่ พวกเขารู้ว่าซวี่เป่าเป็นอัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสามธาตุเวลานี้ยังได้เห็นความสามารถในการวาดยันต์และฝึกสัตว

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 63

    โจวหวันฉี่ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แต่หางตาของนางก็เหลือบมองจวินจิ๋วอิ่นเป็นระยะ ๆ “ทูลฝ่าบาท หวันฉี่อยากแต่งงานกับท่านอ๋องเก้าเพคะ”“หึหึ...”จวินจิ๋วอิ่นหัวเราะเยาะออกมา ไม่ได้ให้เกียรติโจวหวันฉี่แม้แต่น้อย“ขออภัย ข้ามีครอบครัวแล้ว องค์หญิงใหญ่โปรดเลือกคนอื่นเถิด”พูดจบ เขายังจงใจจับมือไป๋ซวงต่อหน้าทุกคนอีกด้วย“ข้าไม่สนใจ!”โจวหวันฉี่กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยแววตากล้าหาญบุรุษผู้นี้ เพียงแค่มองแวบเดียว นางก็หลงใหลไปชั่วชีวิตองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสตรีเพียงคนเดียวนางไม่สนใจว่าข้างกายจวินจิ๋วอิ่นจะมีสตรีมากน้อยเพียงใด ขอแค่มีที่ว่างสำหรับนางสักที่หนึ่งก็เพียงพอแล้ว“ข้าให้นางเป็นพระชายารองได้ และจะเลี้ยงดูองค์ชายน้อยเหมือนลูกของตัวเอง”“แม้แต่การเป็นพระชายาเอก ข้ายังรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับนางเลย แล้วจะให้นางเป็นพระชายารองได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ ในใจของข้ามีเพียงซวงเอ๋อร์ผู้เดียว ท่านเลือกคนอื่นเถอะ”จวินจิ๋วอิ่นไม่แม้แต่จะมองโจวหวันฉี่ ยื่นมือไปหยิบถ้วยชาข้าง ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ “น้องเก้าระวังคำพูดด้วย เสด็จพ่อยังอยู่นะ!” องค์ชา

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 64

    หากเขาปฏิเสธอีก เกรงว่าจะไม่สามารถให้คำอธิบายกับแคว้นโจวอู้ได้ท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นโจวอู้ผู้สูงศักดิ์ ก็แทบจะถูกบีบให้ต้องเป็นพระชายารองแล้วความแข็งแกร่งของแคว้นโจวอู้นั้นเหนือกว่าแคว้นเทียนจีมากหากสู้รบกันขึ้นมา เกรงว่าแคว้นเทียนจีของพวกเขาจะต้านทานไม่ไหว“องค์หญิงใหญ่ไม่เข้าใจคำพูดของข้าหรือ? ชีวิตนี้ข้ามีเพียงพระชายาผู้เดียว หากองค์หญิงใหญ่ยืนกรานที่จะแต่งงาน เช่นนั้นวัดอันเหยียนก็เป็นสถานที่ที่ดี”จวินจิ๋วอิ่นพูดจบ ก็จูงมือไป๋ซวงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกเห็นว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดนี้ก็ดำเนินมาจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ลูกและพระชายาขอตัวกลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซวี่เป่าเห็นดังนั้น ก็ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของจวินฉงทันที“ท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่กลับไปแล้ว ซวี่เป่าก็ขอตัวกลับก่อน ซวี่เป่าอยู่กับท่านแม่มาตั้งแต่เด็ก แยกจากท่านแม่ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ในเมื่อมีท่านป้าคนสวยจะแต่งงานกับท่านพ่อ เช่นนั้นซวี่เป่าก็จะกลับไปอยู่บนเขากับท่านแม่ ให้ท่านพ่อมีหลานชายที่น่ารักคนใหม่มาให้ท่านปู่เล่นก็แล้วกัน”พูดจบ ซวี่เป่าก็ยังคำนับจวินฉงอย่างองอาจมากอีกด้วย

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 65

    เมื่อจวินฉงได้ยินดังนั้น เขาก็มองไปยังหวังหยวนรองเจ้ากรมอาญาด้วยสายตาลึกล้ำยากจะคาดเดา“หวังหยวน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”หวังหยวนตัวสั่นเทา รีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงกลางท้องพระโรง“ทะ...ทูลฝ่าบาท มีเรื่องแบบนี้จริงพ่ะย่ะค่ะ!”“เหตุใดถึงไม่รายงานข้า?”สีหน้าของจวินฉงดำคล้ำ แสดงความโกรธเล็กน้อยหวังหยวนรีบคุกเข่าโขกศีรษะ ร่างกายสั่นเทา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้“พูดมา!”น้ำเสียงของจวินฉงเยือกเย็น แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจทัดทานได้หวังหยวนจึงตัดสินใจ กล่าวอย่างตะกุกตะกัก“ทูลฝ่าบาท เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระชายาองค์ชายเก้า กระหม่อมมิกล้า...มิกล้ากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่กล้า? หากกรมอาญาของแคว้นเทียนจีของพวกเรา ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจขุนนางและราชวงศ์ ไม่สามารถทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ แล้วจะมีไว้เพื่ออะไร?”จวินฉงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ ขุนนางคนอื่น ๆ ในท้องพระโรงต่างพากันคุกเข่าลงทันทีมีเพียงจวินจิ๋วอิ่น ไป๋ซวง โจวหวันฉี่ และโจวหลิงซางเท่านั้นที่ไม่ได้คุกเข่า “กระหม่อมผิดไปแล้ว ฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หวังหยวนหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 66

    เมื่อฉู่ฮูหยินเห็นดังนั้น ก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าจวินจิ๋วอิ่นและไป๋ซวง ร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด“ท่านอ๋องเก้าและพระชายา โปรดไว้ชีวิตท่านโหวด้วยเถิด พวกเรา...พวกเราไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่หนิงเซวียนถูกตัดแขนอีกแล้ว”ฉู่ฮูหยินรู้ว่าตราบใดที่จวินฉงยังอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ซวี่เป่าฆ่าอันเล่อโหวอย่างแน่นอนดังนั้น ในเวลานี้นางจึงทำสีหน้าหวาดกลัวในทางกลับกัน จะยิ่งทำให้เรื่องที่ไป๋ซวงชอบฆ่าฟันดูแย่ลงไปอีกไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่น ไม่ได้มองฉู่ฮูหยินเลยแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่กลับมองซวี่เป่าด้วยความเอ็นดูดวงตานั้นยังแฝงไปด้วยความชื่นชมสายตาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงหรือว่าข่าวลือเหล่านั้นจะเป็นจริง จวินจิ๋วอิ่นและไป๋ซวงไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจริง ๆ และมีนิสัยชอบฆ่าฟันจนถึงขั้นนี้แล้ว?ในเวลานี้ ซวี่เป่าก็ใช้ท่าไม้ตายออกมาอย่างกะทันหันเพียงแค่โบกมือ จิ้งจอกเก้าหางก็ได้รับคำสั่งให้โจมตีอันเล่อโหวคราวนี้ ไม่ใช่แค่อันเล่อโหวที่กลัวทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างพากันหวาดกลัวนั่นเป็นจิ้งจอกเก้าหางเชียวนะ จิ้งจอกเก้าหางที่ใครเห็นเป็นต้องตาย สมองของอันเล่อโหวว่างเปล่า ตอนนี้น

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 67

    “หากองค์หญิงใหญ่อิจฉา ก็ไปมีลูกเองสักคนหนึ่ง แต่ว่าไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ ฉลาดหลักแหลม และที่สำคัญที่สุดคือ รู้จักห่วงใยปกป้องมารดาเหมือนอย่างซวี่เป่า”ไป๋ซวงยิ้มอย่างโอ้อวด แล้วกวักมือเรียกซวี่เป่าเมื่อซวี่เป่าเห็นดังนั้น เขาก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋ซวงทันทีไป๋ซวงเหลือบมองจวินฉง จากนั้นก็กวาดสายตาเย็นชามองทุกคนในท้องพระโรง“ซวี่เป่าพูดถูก ถึงแม้ไป๋ซวงจะมีชื่อเสียงไม่ดี แต่คนที่ฆ่า ล้วนเป็นคนที่สมควรตาย และไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์แม้แต่คนเดียว”“เจ็ดปีก่อน ประมุขตระกูลไป๋ใช้ชีวิตท่านพ่อท่านแม่และน้องชายของข้ามาข่มขู่ ต้องการขุดรากวิญญาณของไป๋ซวง สุดท้ายทำให้ท่านแม่ของข้าต้องตายท้องกลม ทำให้น้องชายและท่านพ่อของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและหายสาบสูญไป ข้าฆ่าคนในตระกูลไป๋กว่าร้อยคน เพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่และน้องชายที่ยังไม่เกิดของข้า”“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋ซวงฆ่าคนในตระกูลไป๋หลายคน แต่พวกเขาจับตัวน้องชายและท่านพ่อของไป๋ซวงไป ขุดรากวิญญาณของพวกเขา ทำลายพลังวิญญาณของพวกเขา และยังดูถูกเหยียดหยามและทรมานสารพัด ข้าฆ่าพวกเขา เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อและน้องชายของข้า”“ส่วนที่เหลือ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 68

    เมื่อจวินจิ๋วอิ่นมองไปยังคนผู้นั้นที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ในดวงตายังแฝงไปด้วยความอาลัยและความเสียดายอยู่บ้างนั่นคือแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดของเขาเชียวนะ แต่กลับถูกศัตรูวางแผนจนบาดเจ็บสาหัส หายใจรวยรินเช่นนี้จวินฉงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันมืดมนเขามองไปที่หลิ่วกงกง หลิ่วกงกงเข้าใจในทันที จึงสั่งให้คนไปนำถุงเก็บของใบนั้นมาแต่ชายผู้นั้นที่กำลังหมดสติอยู่อย่างเห็นได้ชัด พอรู้สึกได้ว่ามีคนมาแตะต้องถุงเก็บของของตน ก็เบิกตาโพลงขึ้นมาทันทีกำถุงเก็บของไว้แน่น ไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของใครขันทีน้อยคนนั้นออกแรงมากขึ้นแล้ว ก็ยังไม่สามารถนำถุงเฉียนคุนออกมาจากตัวของคนโชกเลือดผู้นั้นได้จวินจิ๋วอิ่นขอบตาแดงเล็กน้อย เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ฉีเซียว“เป็นข้าเอง ภารกิจของเจ้าสำเร็จแล้ว”น้ำเสียงของเขา มีความแหบพร่าเล็กน้อยฉีเซียวได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะเอ่ยปากพูดอะไรได้อีก หลังจากที่ยืนยันว่าคนตรงหน้าคือจวินจิ๋วอิ่น ก็หมดสติไปอย่างสิ้นเชิงจวินจิ๋วอิ่นยื่นมือออกไปแตะชีพจรของเขา แต่ชีพจรนั้นอ่อน

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status