โจวหวันฉี่ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แต่หางตาของนางก็เหลือบมองจวินจิ๋วอิ่นเป็นระยะ ๆ “ทูลฝ่าบาท หวันฉี่อยากแต่งงานกับท่านอ๋องเก้าเพคะ”“หึหึ...”จวินจิ๋วอิ่นหัวเราะเยาะออกมา ไม่ได้ให้เกียรติโจวหวันฉี่แม้แต่น้อย“ขออภัย ข้ามีครอบครัวแล้ว องค์หญิงใหญ่โปรดเลือกคนอื่นเถิด”พูดจบ เขายังจงใจจับมือไป๋ซวงต่อหน้าทุกคนอีกด้วย“ข้าไม่สนใจ!”โจวหวันฉี่กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยแววตากล้าหาญบุรุษผู้นี้ เพียงแค่มองแวบเดียว นางก็หลงใหลไปชั่วชีวิตองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสตรีเพียงคนเดียวนางไม่สนใจว่าข้างกายจวินจิ๋วอิ่นจะมีสตรีมากน้อยเพียงใด ขอแค่มีที่ว่างสำหรับนางสักที่หนึ่งก็เพียงพอแล้ว“ข้าให้นางเป็นพระชายารองได้ และจะเลี้ยงดูองค์ชายน้อยเหมือนลูกของตัวเอง”“แม้แต่การเป็นพระชายาเอก ข้ายังรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับนางเลย แล้วจะให้นางเป็นพระชายารองได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ ในใจของข้ามีเพียงซวงเอ๋อร์ผู้เดียว ท่านเลือกคนอื่นเถอะ”จวินจิ๋วอิ่นไม่แม้แต่จะมองโจวหวันฉี่ ยื่นมือไปหยิบถ้วยชาข้าง ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ “น้องเก้าระวังคำพูดด้วย เสด็จพ่อยังอยู่นะ!” องค์ชา
หากเขาปฏิเสธอีก เกรงว่าจะไม่สามารถให้คำอธิบายกับแคว้นโจวอู้ได้ท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นโจวอู้ผู้สูงศักดิ์ ก็แทบจะถูกบีบให้ต้องเป็นพระชายารองแล้วความแข็งแกร่งของแคว้นโจวอู้นั้นเหนือกว่าแคว้นเทียนจีมากหากสู้รบกันขึ้นมา เกรงว่าแคว้นเทียนจีของพวกเขาจะต้านทานไม่ไหว“องค์หญิงใหญ่ไม่เข้าใจคำพูดของข้าหรือ? ชีวิตนี้ข้ามีเพียงพระชายาผู้เดียว หากองค์หญิงใหญ่ยืนกรานที่จะแต่งงาน เช่นนั้นวัดอันเหยียนก็เป็นสถานที่ที่ดี”จวินจิ๋วอิ่นพูดจบ ก็จูงมือไป๋ซวงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกเห็นว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดนี้ก็ดำเนินมาจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ลูกและพระชายาขอตัวกลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซวี่เป่าเห็นดังนั้น ก็ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของจวินฉงทันที“ท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่กลับไปแล้ว ซวี่เป่าก็ขอตัวกลับก่อน ซวี่เป่าอยู่กับท่านแม่มาตั้งแต่เด็ก แยกจากท่านแม่ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ในเมื่อมีท่านป้าคนสวยจะแต่งงานกับท่านพ่อ เช่นนั้นซวี่เป่าก็จะกลับไปอยู่บนเขากับท่านแม่ ให้ท่านพ่อมีหลานชายที่น่ารักคนใหม่มาให้ท่านปู่เล่นก็แล้วกัน”พูดจบ ซวี่เป่าก็ยังคำนับจวินฉงอย่างองอาจมากอีกด้วย
เมื่อจวินฉงได้ยินดังนั้น เขาก็มองไปยังหวังหยวนรองเจ้ากรมอาญาด้วยสายตาลึกล้ำยากจะคาดเดา“หวังหยวน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?”หวังหยวนตัวสั่นเทา รีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงกลางท้องพระโรง“ทะ...ทูลฝ่าบาท มีเรื่องแบบนี้จริงพ่ะย่ะค่ะ!”“เหตุใดถึงไม่รายงานข้า?”สีหน้าของจวินฉงดำคล้ำ แสดงความโกรธเล็กน้อยหวังหยวนรีบคุกเข่าโขกศีรษะ ร่างกายสั่นเทา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้“พูดมา!”น้ำเสียงของจวินฉงเยือกเย็น แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจทัดทานได้หวังหยวนจึงตัดสินใจ กล่าวอย่างตะกุกตะกัก“ทูลฝ่าบาท เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระชายาองค์ชายเก้า กระหม่อมมิกล้า...มิกล้ากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่กล้า? หากกรมอาญาของแคว้นเทียนจีของพวกเรา ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจขุนนางและราชวงศ์ ไม่สามารถทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนได้ แล้วจะมีไว้เพื่ออะไร?”จวินฉงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ ขุนนางคนอื่น ๆ ในท้องพระโรงต่างพากันคุกเข่าลงทันทีมีเพียงจวินจิ๋วอิ่น ไป๋ซวง โจวหวันฉี่ และโจวหลิงซางเท่านั้นที่ไม่ได้คุกเข่า “กระหม่อมผิดไปแล้ว ฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หวังหยวนหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไ
เมื่อฉู่ฮูหยินเห็นดังนั้น ก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าจวินจิ๋วอิ่นและไป๋ซวง ร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด“ท่านอ๋องเก้าและพระชายา โปรดไว้ชีวิตท่านโหวด้วยเถิด พวกเรา...พวกเราไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่หนิงเซวียนถูกตัดแขนอีกแล้ว”ฉู่ฮูหยินรู้ว่าตราบใดที่จวินฉงยังอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ซวี่เป่าฆ่าอันเล่อโหวอย่างแน่นอนดังนั้น ในเวลานี้นางจึงทำสีหน้าหวาดกลัวในทางกลับกัน จะยิ่งทำให้เรื่องที่ไป๋ซวงชอบฆ่าฟันดูแย่ลงไปอีกไป๋ซวงและจวินจิ๋วอิ่น ไม่ได้มองฉู่ฮูหยินเลยแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่กลับมองซวี่เป่าด้วยความเอ็นดูดวงตานั้นยังแฝงไปด้วยความชื่นชมสายตาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงหรือว่าข่าวลือเหล่านั้นจะเป็นจริง จวินจิ๋วอิ่นและไป๋ซวงไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจริง ๆ และมีนิสัยชอบฆ่าฟันจนถึงขั้นนี้แล้ว?ในเวลานี้ ซวี่เป่าก็ใช้ท่าไม้ตายออกมาอย่างกะทันหันเพียงแค่โบกมือ จิ้งจอกเก้าหางก็ได้รับคำสั่งให้โจมตีอันเล่อโหวคราวนี้ ไม่ใช่แค่อันเล่อโหวที่กลัวทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างพากันหวาดกลัวนั่นเป็นจิ้งจอกเก้าหางเชียวนะ จิ้งจอกเก้าหางที่ใครเห็นเป็นต้องตาย สมองของอันเล่อโหวว่างเปล่า ตอนนี้น
“หากองค์หญิงใหญ่อิจฉา ก็ไปมีลูกเองสักคนหนึ่ง แต่ว่าไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ ฉลาดหลักแหลม และที่สำคัญที่สุดคือ รู้จักห่วงใยปกป้องมารดาเหมือนอย่างซวี่เป่า”ไป๋ซวงยิ้มอย่างโอ้อวด แล้วกวักมือเรียกซวี่เป่าเมื่อซวี่เป่าเห็นดังนั้น เขาก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋ซวงทันทีไป๋ซวงเหลือบมองจวินฉง จากนั้นก็กวาดสายตาเย็นชามองทุกคนในท้องพระโรง“ซวี่เป่าพูดถูก ถึงแม้ไป๋ซวงจะมีชื่อเสียงไม่ดี แต่คนที่ฆ่า ล้วนเป็นคนที่สมควรตาย และไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์แม้แต่คนเดียว”“เจ็ดปีก่อน ประมุขตระกูลไป๋ใช้ชีวิตท่านพ่อท่านแม่และน้องชายของข้ามาข่มขู่ ต้องการขุดรากวิญญาณของไป๋ซวง สุดท้ายทำให้ท่านแม่ของข้าต้องตายท้องกลม ทำให้น้องชายและท่านพ่อของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและหายสาบสูญไป ข้าฆ่าคนในตระกูลไป๋กว่าร้อยคน เพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่และน้องชายที่ยังไม่เกิดของข้า”“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไป๋ซวงฆ่าคนในตระกูลไป๋หลายคน แต่พวกเขาจับตัวน้องชายและท่านพ่อของไป๋ซวงไป ขุดรากวิญญาณของพวกเขา ทำลายพลังวิญญาณของพวกเขา และยังดูถูกเหยียดหยามและทรมานสารพัด ข้าฆ่าพวกเขา เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อและน้องชายของข้า”“ส่วนที่เหลือ
เมื่อจวินจิ๋วอิ่นมองไปยังคนผู้นั้นที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ในดวงตายังแฝงไปด้วยความอาลัยและความเสียดายอยู่บ้างนั่นคือแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดของเขาเชียวนะ แต่กลับถูกศัตรูวางแผนจนบาดเจ็บสาหัส หายใจรวยรินเช่นนี้จวินฉงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันมืดมนเขามองไปที่หลิ่วกงกง หลิ่วกงกงเข้าใจในทันที จึงสั่งให้คนไปนำถุงเก็บของใบนั้นมาแต่ชายผู้นั้นที่กำลังหมดสติอยู่อย่างเห็นได้ชัด พอรู้สึกได้ว่ามีคนมาแตะต้องถุงเก็บของของตน ก็เบิกตาโพลงขึ้นมาทันทีกำถุงเก็บของไว้แน่น ไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของใครขันทีน้อยคนนั้นออกแรงมากขึ้นแล้ว ก็ยังไม่สามารถนำถุงเฉียนคุนออกมาจากตัวของคนโชกเลือดผู้นั้นได้จวินจิ๋วอิ่นขอบตาแดงเล็กน้อย เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ฉีเซียว“เป็นข้าเอง ภารกิจของเจ้าสำเร็จแล้ว”น้ำเสียงของเขา มีความแหบพร่าเล็กน้อยฉีเซียวได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะเอ่ยปากพูดอะไรได้อีก หลังจากที่ยืนยันว่าคนตรงหน้าคือจวินจิ๋วอิ่น ก็หมดสติไปอย่างสิ้นเชิงจวินจิ๋วอิ่นยื่นมือออกไปแตะชีพจรของเขา แต่ชีพจรนั้นอ่อน
จวินฉงโมโหอย่างยิ่ง แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วท้องพระโรงในทันทีทุกคนหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“จวินเทียนเจ๋อ!”จวินฉงตะโกนด้วยความโกรธ จวินเทียนเจ๋อตัวสั่นเล็กน้อย รีบก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม“เสด็จพ่อ ลูกอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“อย่าเรียกข้าว่าเสด็จพ่อ หากจิ๋วอิ่นไม่สืบพบแผนการร้ายของเจ้า แคว้นเทียนจีนี้คงจะเปลี่ยนผู้ปกครองไปแล้ว”แววตาของจวินฉงเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและความโกรธเกรี้ยวที่ไป๋ซวงไม่เคยเห็นมาก่อนจวินเทียนเจ๋อเหงื่อแตกพลั่ก เงยหน้ามองจวินฉงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ“เสด็จพ่อโปรดทรงพิจารณา ลูกโปรดทรงพิจารณา ลูกถูกปรักปรำนะพ่ะย่ะค่ะ!”“ปรักปรำ?”จวินฉงหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างเย็นชา เพียงแค่ยกมือขึ้น หลักฐานเหล่านั้นก็ถูกเหวี่ยงไปกระแทกหน้าผากของจวินเทียนเจ๋อ“เจ้าดูสิ จิ๋วอิ่นปรักปรำเจ้าตรงไหน!”นั่นคือจดหมายเลือด!เป็นจดหมายเลือดที่แม่ทัพฉี่หยวน แม่ทัพรักษาการณ์เขตชายแดนตำบลหุยไห่ เขียนขึ้นด้วยตนเอง ในจดหมายนั้น บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับการลอบโจมตีของแคว้นตงหมิงหลายครั้งแม่ทัพรักษาการณ์ของแคว้นตงหมิง รู้จักการจัดวางกำลังทหารของพวกเขาเป็นอย่างดี สามารถหลีกเลี่
ทหารที่อยู่ในชุดเกราะเตะไปหนึ่งที หลิวหย่งก็ล้มลงคุกเข่ากับพื้นเสียงดังตุบ“พูดในสิ่งที่เจ้าสารภาพออกมา อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว”เสียงของทหารคนนั้นทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยความโกรธแค้นอย่างมากถึงแม้จะไม่ได้พูดจาข่มขู่ใด ๆ แต่สายตานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้หลิวหย่งหวาดกลัวคนของจวินจิ๋วอิ่นโหดเหี้ยมเกินไปแล้วตั้งแต่จับตัวเขาได้ ก็ไม่เคยให้เขาได้อยู่อย่างสงบสุขแม้แต่น้อยทุกวันคิดหาวิธีทรมานเขาสารพัด แต่กลับไม่ทำให้ร่างกายของเขามองเห็นความผิดปกติใด ๆ มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ดีว่าร่างกายของเขาเจ็บปวดทรมานราวกับถูกเข็มทิ่มแทงและถูกไฟเผาทุกวัน เหมือนถูกสัตว์ร้ายเหยียบย่ำเขาเบื่อหน่ายกับชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้วจริง ๆ!“ข้าพูด ข้าจะพูดทุกอย่าง”หลิวหย่งกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก รีบหมอบลงกับพื้นต่อหน้าจวินฉง“กราบทูลฝ่าบาท ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลิวซื่อข่าย เสนาบดีกรมกลาโหม หนึ่งปีก่อน ท่านอาได้ย้ายข้าไปประจำการที่ตำบลหุยไห่ เป็นรองแม่ทัพของแม่ทัพฉี่หยวน ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็ถือโอกาสในช่วงตรวจตราการฝึกซ้อม ส่งข้อมูลการจัดวางกำลังทหารของตำบลหุยไห่ให้กับรุ่ยอ๋อง...”เดิมทีหลิวหย่งก
รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่
ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ
“พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู
ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ
“รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท
“เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม
จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ
พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ