สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนางมองไปยังนางหวังด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ใบหน้ายิ้มแต่ภายในไม่ยิ้มพลางส่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจเห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ยิ้มมาจากก้นบึ้ง ทว่าน้ำเสียงกลับยังมีความอ่อนโยน พลางตบไปที่มือของเซี่ยงหรงอย่างยิ้มแย้ม “ห้ามพูดจาส่งเดช! ท่านพี่อวิ๋นถิงของเจ้าเป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ ส่วนชีจิ่นก็เป็นไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง ทุกคนต่างก็รู้ดี”ไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง คุณชายตระกูลใหญ่คำเรียกขานสองชื่อนี้ ไม่ว่าชื่อใดก็รู้สึกว่าไพเราะเสนาะหู ทว่าเมื่อออกมาจากปากของฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงในตอนนี้ ไม่สามารถปิดบังกลิ่นอายที่มีนัยของการเหน็บแนมเอาไว้ได้เลยนี่แสดงให้เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากเพียงใดนางหวังยิ้มไม่ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางกล่าวอย่างตื่นตระหนกจนทำอันใดไม่ถูก “จะต้องเป็นเพราะเด็กน้อยไม่รู้ความเป็นแน่…”นางแทบจะร้องไห้เสียงดังภายในใจอยู่แล้ว!เจ้าโง่สองคนนี้! นางปฏิบัติต่อชีจิ่นอย่างสุดใจ ต่อให้รู้ว่านางไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ แต่ก็เป็นบุตรสาวที่นางเอ็นดูและปกป้อง นึกไม่ถึงว่าจะหันกลับมาใช้มีดแทงลงบนหัวใจของนางอย่างโหดเหี้ยม!ชีจิ่นอยู่ที่ตระ
ถ้าสมองของเขายังดีอยู่ ก็ควรรู้ว่าเขามีสถานะเช่นไร!ทว่าสุดท้ายนึกไม่ถึงว่าเขาจะกอดชีจิ่นไว้แล้วประท้วงเซี่ยงหรง บอกเซี่ยงหรงว่าคู่หมั้นไม่นับว่าเป็นอันใดได้! นี่มันหมายความว่ากระไรกัน?!พวกไม่มีสมอง!แต่งงานกับคนประเภทนี้ สู้แต่งงานกับหมูเสียยังดีกว่า!เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงกล่าวเช่นนี้ นางก็กล่าวออกมาอย่างหมดข้อสงสัยในทันที “ใช่เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่ตระกูลชีช่างทำตัวเหมือนเด็กยิ่งนัก เรื่องเช่นนี้สามารถเอามาล้อเล่นได้กระนั้นหรือ?”ทั้งสองคนต่างก็พูดเช่นนี้แล้ว ก็ถือว่าได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งต่อหน้าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้แล้วว่าตระกูลของพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชีแม้แต่น้อยงานแต่งงานอันใดนั่น เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้ยอมรับอยู่แล้วนางหวังรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ทว่าในเวลานี้พวกเขามีเหตุมีผล ส่วนนางกลับเป็นฝ่ายที่ไร้เหตุผลเสียเอง ย่อมมีความทุกข์ใจที่พูดออกมาไม่ได้อยู่แล้วทว่าในสถานการณ์นี้ ไม่ว่านางจะอธิบายอันใดก็เหมือนกับกำลังช่วยชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นอธิบายท้ายที่สุดนางออกมาจากตระกูลเซี่ยงได้อย่างไรนั้น นางจำได้ไม่ชัดเจนแล้ว จนกระทั่งรถม้าหยุดลง
นางหวังกลับเรือนของตนเองอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ให้หลิวจงมาหาอย่างหงุดหงิดพอหลิวจงเข้าประตูมา นางก็ถามใส่หน้าเขาในทันที “ข้ากำชับไว้แล้วมิใช่หรือ ว่าห้ามให้นายน้อยออกจากจวนโดยเด็ดขาด?! พวกเจ้าทำงานอย่างไรกันแน่ ไยนายน้อยถึงได้ออกจากจวนได้เล่า?!”ช่างไร้สาระเกินไปแล้ว!แล้วดันมาเป็นวันนี้! แล้วยังดันมาถูกเซี่ยงหรงพบเข้า!นางไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากชีเจิ้นรู้เรื่องนี้เข้า จะเดือดดาลมากสักเพียงใด!หลิวจงเองก็เต็มไปด้วยความขมขื่นมากเช่นกัน เจ้านายให้ชีอวิ๋นถิงกักบริเวณไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งหรือสองครั้ง ทว่าปกติผู้ใดจะคิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องเช่นนี้จริง ๆ กันเล่า?ก่อนหน้านี้ชีอวิ๋นถิงก็เป็นเช่นนี้ พอถูกกักบริเวณ ก็หนีไปเช่นกันก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจนี่นา!ตอนนี้พอเกิดเรื่องขึ้น ความรับผิดชอบทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่พวกบ่าวไพร่เสียแล้วเขาอึก ๆอัก ๆ “คือว่า ฮูหยิน…ด้วยนิสัยของนายท่าน…”ยังไม่ทันจะจบ อยู่ ๆ เสวี่ยซงก็ล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ “ฮูหยิน ฮูหยิน! ท่านรีบไปช่วยนายน้อยด้วยเถิดขอรับ ท่านโหวจะตีนายน้อยตายแล้วขอรับ!” ว่าอย่างไรนะ?!นางหวังลุกขึ้นมาจากม้านั่งอย่างฉับ
เข้าไปในเรือนพักนอกเมืองเร่งรีบเมื่อมาถึงประตูโค้งรูปพระจันทร์ ยังมีกำแพงอีกชั้นกั้นอยู่ นางก็ได้ยินเสียงตำหนิของชีเจิ้นลอยออกมาจนกระทั่งนางก้าวข้ามประตูโค้งรูปพระจันทร์ไป ทันใดนั้นก็มองเห็นชีเจิ้นยืนอยู่กลางลานบ้าน ทว่าเวลานี้ชีอวิ๋นถิงกำลัง นอนคว่ำอยู่บนม้านั่ง ถูกชีเจิ้นใช้แส้ม้าเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายชีเจิ้นลงมืออย่างไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย แส้ที่ฟาดลงมาบนร่างในแต่ละครั้ง นำพาเอาลมแรงที่แสนเยือกเย็นออกมาด้วย เสื้อผ้าที่อยู่บนหลังของชีอวิ๋นถิงขาดจนหมดแล้ว เผยให้เห็นรอยบาดแผลเป็นเส้น ๆ โผล่ออกมานางหวังตกใจแทบสิ้นสติ ร่ำไห้พลางโผเข้าไปขวางอยู่เบื้องหน้าชีอวิ๋นถิงในทันที “ท่านโหว! ท่านโหว! อย่าตีอีกเลยนะเจ้าคะ หากยังตีต่อไป ท่านอาจตีเขาจนตายได้นะเจ้าคะท่านโหว!”ชีเจิ้นไม่เคยมีโทสะขนาดนี้มาก่อนเขาจับจ้องไปที่นางหวัง พลางพ่นคำพูดออกมาอย่างเย็นชา “ถอยไป!”นางหวังตกใจเสียใจหัวใจรู้สึกบีบรัด เนื้อตัวสั่นเทา พลางร่ำไห้ขอร้องด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านโหว ข้ารู้ว่าเขาทำความผิดใหญ่หลวง ข้ารู้ทุกอย่าง…แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของพวกเรานะเจ้าคะ!”ในเวลานี้ชีอวิ๋นถิงกำลังนอนคว
เห็นได้ชัดว่าอยู่ในโถงดอกไม้แล้ว ตัดขาดจากลมหนาวภายนอก ทว่าในเวลาเดียวกับที่ชีเจิ้นกล่าวคำพูดนั้นออกมา นางหวังก็รู้สึกว่ามีความเย็นยะเยือกสายหนึ่งค่อย ๆ คืบคลานมาที่สันหลังของนาง ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกลงไปในห้องที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งนางอ้าปากอยู่ชั่วขณะ รู้สึกแต่เพียงว่าลำคอทั้งแห้งผากและทั้งเจ็บ พอจะเอ่ยปากถึงได้รู้ว่าเสียงของตนเองได้แหบแห้งไปหมดแล้ว “เช่นนั้นความหมายของท่านโหวก็คือ…”ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อครู่นางเห็นบุตรชายของตนเองถูกตี ยังเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงขนาดสาปแช่งชีจิ่นอยู่ภายในใจ ทว่าในเวลานี้ เมื่อชีเจิ้นกล่าวประโยคนี้จบ นางก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาอีกถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงดูมากับมือ เป็นลูกที่นางเฝ้าดูและอุ้มชูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย!ชีเจิ้นไม่มีความสองจิตสองใจใด ๆ และไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นนางหวังถามเช่นนี้ เขาก็ถามกลับไปว่า “มิเช่นนั้นฮูหยินคิดว่าข้าหมายความว่าอย่างไรเล่า?”ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความถากถางอยู่บางส่วน “ตอนนี้ทั่วทั้งราชสำนักกำลังวุ่นวายให้เหล่าขุนนางที่กอบโกยผลประโยชน์จากความดีความชอบ พึงสังวรณ์คำพูดและการกระทำของตน
นางหวังรู้อยู่แก่ใจดี ยิ่งเป็นชีเจิ้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสละบรรดาศักดิ์ที่เป็นของเขา หากว่าชีอวิ๋นถิงไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่มีบุตรชายคนอื่นอีกแล้ว ทว่าอนุภรรยาของชีเจิ้นก็ยังมีได้นี่นา!การคาดเดานี้เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น ทว่าก็ทำให้นางหวังสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันพลางหลับตาลง “ท่านโหว ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ!”ชีเจิ้นกวาดตามองนางอยู่ชั่วครู่ ไม่พูดอันใดมากอีก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปภายในเรือนพักนอกเมืองอ้างว้างโดดเดี่ยวขึ้นมาโดยฉับพลันอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ชีอวิ๋นถิงไปแล้ว ชีจิ่นก็ถูกกักขังอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในห้องปีกตะวันออกของเรือนด้านหลัง นางลุกนั่งไม่ติดที่ ไม่รู้แม้กระทั่งด้านนอกเกิดอันใดขึ้นบ้างกันแน่นางประเดี๋ยวลุกประเดี๋ยวนั่ง ภายในใจกำลังคาดเดาท่าทีของตระกูลชีอยู่ตลอดเวลานางอยู่ที่ตระกูลชีตั้งแต่เล็กยันโต ในใจของนางรู้นิสัยของชีเจิ้นกับนางหวังเป็นอย่างดียิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งกระวนกระวายใจเพราะว่านางเข้าใจดีมากว่า คนอย่างชีเจิ้นไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ เขาให้ความสำคัญกับเกียรติของตระกูลและอนาคตมากกว่าสิ่งใดทั้งน
บุตรสาวย่อมเป็นผู้ที่เข้าใจมารดามากที่สุด ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายนางหวังมาสิบกว่าปี ชีจิ่นเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกการกระทำของนางหวังตั้งแต่แรกแล้วเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางหวัง นางแทบจะไม่มีการชะงักแม้เพียงเสี้ยววินาที รีบปิดหน้าพลางคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร่ำไห้อย่างเจ็บปวด “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!หากว่ากระทำผิดแล้วยังใช้ไม้แข็งกับนางหวัง โทสะของนางหวัง ก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกอาจจะคิดแค่เพียงว่าอยากตบเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดก็จะเกิดความวุ่นวายจนถึงขนาดไม่อาจควบคุมได้ทว่าหากยอมรับผิดด้วยท่าทีจริงใจตั้งแต่ต้น แสดงออกว่าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางหวังกะจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง เดิมทีชีจิ่นก็ไม่ได้มีเวลามาคิดใคร่ครวญเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ทำทั้งหมดต่างก็อาศัยสัญชาตญาณในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางคุกเข่าไถลไปข้างหน้าพลางกอดต้นขาของนางหวังเอาไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างปวดใจ “ท่านแม่ ข้ากลัวมากจริง ๆ นะเจ้าคะ! ข้าถูกไล่ออกจากจวน กลัวว่าท่านจะไม่ต้องการข้าแล้วจริง ๆ …”หัวใจคือก้อนเนื้อย่อมมีความรู้สึก นางหวังเห็นนางร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเช่นนี้ ภายในใจทั้งเจ็บแค้น
สุดท้ายในช่วงเวลาที่ชี้เป็นชี้ตาย นางหวังก็บีบข้อมือของชีจิ่นเอาไว้แน่น พลางตบปิ่นปักผมทองชิ้นนั้นลงสู่พื้นทุกคนต่างก็ตกตะลึงอวิ๋นเยี่ยนแข้งขาอ่อน ล้มลงกับพื้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว พลางกลืนน้ำลายเข้าไปอย่างตึงเครียดสวรรค์ นางเกือบจะคิดว่าคุณหนูของนางจะต้องตายเช่นนี้เสียแล้วเกาเจียหันไปมองนางหวังพลางขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกเป็นกังวลท่านโหวได้ตัดสินความตายไปแล้ว จะต้องกำจัดชีจิ่นทิ้งให้ได้ คิดว่าชีจิ่นอกตัญญู เจ้าแผนการยากจะคาดเดาฮูหญิงกลับมาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายหากกลับไปในครานี้จะอธิบายกับท่านโหวเช่นไรดี?!ชีจิ่นดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา กระโจนเข้าไปกอดขาของนางหวัง “ท่านแม่!”ทว่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโล่งอกโชคดี โชคดีที่นางเดิมพันชนะ!หากว่าวันนี้คนที่มาเป็นชีเจิ้น ท่าทางเสแสร้งของนางในครั้งนี้คงจะต้องไม่มีประโยชน์อันใดเป็นแน่ทว่าคนที่มาคือนางหวัง ถึงอย่างไรสตรีก็มีความใจอ่อนมากกว่า แผนการทรมานตนเองของนางเป็นการล่าถอยเพื่อที่จะได้ก้าวไปข้างหน้า ทำตรงกันข้ามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนางหวังลูบผมของชีจิ่น พลางยื่นมือไปประคองนางลุกขึ้น “เจ้าไปเถิด!”ชีจิ่นม
ชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าก็เข้าใจแล้ว!ชีหยวนจะพูดว่านางถูกองค์หญิงใหญ่รับตัวไป แต่ความจริงแล้วนางกลับเปลี่ยนเส้นทางกลางทางด้วยเหตุนี้ อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วจึงอาจคิดว่านางมีเจตนาแอบแฝง สงสัยว่านางรู้เรื่องข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูก จึงไปหาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกชีเจิ้นหัวใจเต้นรัว ลดเสียงลงแล้วถามว่า “ข้าต้องทำอะไร?”“ทูลรายงานฝ่าบาท แล้วออกจากเมืองหลวงในคืนนี้” ชีหยวนมองเขา “ท่านพ่อ นี่เป็นโอกาสเดียวของท่าน หาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกให้พบ แล้วพาพวกเขากลับมาเมืองหลวง มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ท่านถึงจะหลุดพ้นจากอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้”จากที่ดูมา ชีหยวนมั่นใจจริงๆ ว่าการที่พระชายาหลิ่วกับลูกเกิดเรื่องในปีนั้นไม่ใช่ฝีมือตระกูลเฝิงไม่อย่างนั้นจากความสัมพันธ์ของชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อฝ่ายองค์รัชทายาทชีเจิ้นสูดหายใจลึก “ได้! แต่ถ้าพระชายาหลิ่วเกลียดชังตระกูลเฝิงมากกว่าเดิม…...”ชีหยวนยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอกเจ้าค่ะ นางเป็นลูกของภรรยาเอก ตระกูลหลิ่วที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีเพียงนางผู้เดียวที่เกิดเรื่องร้าย ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแต่สุขสบายร่ำรวย นางไม่ใช่คนโง่ นางย่อมว่าจ
ชีเจิ้นจะไม่เสียใจได้อย่างไร?เขาแค่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเลยเท่านั้น” ทำหน้าเคร่งขรึมพลางจิบชา เขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่า “ท่านพ่อ เด็กคนนี้ออมมือไว้แล้ว”ไม่อย่างนั้น คงไม่ใช่แค่ทำให้หลิ่วหมิงจูล้มเจ็บจนเกือบตาย หากนางอยากทำจริงๆ คงสามารถเหวี่ยงหลิ่วหมิงจูให้ตายตรงนั้นได้เลยท่านโหวผู้เฒ่าลูบหนวดของตัวเอง “ไปกันเถอะ ไปถามนางให้รู้เรื่อง”ชีหยวนเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วและไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าชีฮูหยินรองชีที่ตกใจจนเกินไป ถูกฮูหยินผู้เฒ่าชีสั่งให้กลับไปพักผ่อนแล้วทันทีที่นางเข้าประตูไป เห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าชี ท่านโหวผู้เฒ่า และชีเจิ้นนั่งอยู่สามคนเมื่อเห็นนางเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็กวักมือเรียก “หยวนหยวน มานั่งข้างย่านี่”ชีหยวนเดินไปนั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่าชีเหลือบมองชีเจิ้นที่เอาแต่มองตนเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ก่อนจะเลิกคิ้วถาม “คนของตระกูลหลิ่วมาที่นี่แล้วหรือเจ้าคะ?”ชีเจิ้นมีสีหน้าซับซ้อนพร้อมตอบรับเสียงอืม “เรื่องคราวนี้ มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเจ้าถึงไปยุ่งกับตระกูลหลิ่ว?”“เป็นคนของตระกูลหลิ่วที่ให้จวนอ๋องโจวส่งเทียบเชิญมาให้ข้า” ชีหยวนพูดรวบรัด
คุณหนูใหญ่หลิ่วไม่เหมือนกับใครคนอื่นก่อนหน้า!นี่คือบุตรสาวแห่งจวนกั๋วกง และยังเป็นหลานสาวของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยด้วย!ฮูหยินรองตระกูลชีรีบส่ายหัวอย่างเร็วพลัน: “ไม่เจ้าค่ะ ไม่เจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตาลง ถอนหายใจยาว ทันใดนั้นก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ในใจ กระทำกับชีหยวนเช่นนี้ แต่ชีหยวนกลับไม่ทำอะไรคุณหนูหลิ่วเลยหรือ?เป็นไปได้อย่างไร!ยังดีที่ท่านโหวผู้เฒ่าตอบสนองค่อนข้างเร็ว เขาถามต่อ: “แล้วหลังจากนั้นเล่า?”“หลังจากนั้น หยวนหยวนขึ้นไปบนหลังม้าของคุณหนูใหญ่หลิ่ว ไม่รู้ทั้งสองทะเลาะกันอย่างไร คุณหนูใหญ่หลิ่วก็พลัดตกจากหลังม้า…...”จะว่าไป ความอัดอั้นในใจมานานของชีเจิ้นถึงกับคลายลงทันทีอ้อ ก็ดี เป็นนิสัยของชีหยวนจริงๆเขาว่าแล้ว ชีหยวนจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่ายกถ้วยชาขึ้นจิบ ยังไม่ทันได้วางถ้วยชา แม่บ้านหญิงที่อยู่ด้านนอกก็รายงานผ่านม่านว่า: “ท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหว ฮูหยินผู้เฒ่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”มาในเวลานี้ คงไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าเพื่อเรื่องอะไรท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นสบตากัน พร้อมใจลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วเดินออกไปคนที่มาเป็นคุณชายรอ
เมื่อฮูหยินรองตระกูลชีกลับมาถึงจวนตระกูลชี ม้าเหงื่อโลหิตพร้อมกับของกำนัลไถ่โทษจำนวนมากจากจวนอ๋องโจว ก็ถูกส่งมาถึงก่อนหน้าแล้วเมื่อมองไปยังม้าเหงื่อโลหิตที่เปล่งประกายเป็นสีทองภายใต้แสงแดดนั้น ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆขันทีน้อยจากจวนอ๋องโจวมองพวกเขาแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลชีจะเลี้ยงดูคุณหนูที่เก่งกาจอย่างคุณหนูใหญ่ชีได้ ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวเองก็เป็นคนสุขุมและนิ่งมากของจำนวนมากถูกส่งมาขนาดนี้ แต่ทั้งสองท่านกลับไม่ถามหาเหตุผลแม้แต่คำเดียวชีเจิ้นรู้สึกชาไปหมด เขามีสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อเห็นหลิวจงเดินไปส่งขันทีน้อยออกไปด้วยท่าทางสุภาพเขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่าแล้วพูดว่า: “ในบรรดาม้าเหงื่อโลหิตห้าตัวที่เขตตะวันตกส่งถวายมาให้ฮ่องเต้ ฝ่าบาทพระราชทานให้อ๋องเจิ้งหนึ่งตัว อ๋องฉีหนึ่งตัว และอ๋องโจวอีกหนึ่งตัว…...”แต่ตอนนี้เจ้าสิ่งนี้ถูกชีหยวนนำกลับมาที่จวนแล้วชีเจิ้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด: “นางไปทำอะไรอีกแล้ว?”ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า ชีหยวนฆ่าอ๋องโจว คาดว่าเขาก็คงไม่ตกใจเกินไปเพราะถูกทำให้ตกใจมาม
ในที่สุดฮูหยินใหญ่หลิ่วก็ทนไม่ไหว: “เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักอายนะ! เรื่องวันนี้......”“เรื่องวันนี้ได้ข้อสรุปแล้ว!” ชีหยวนขัดคำพูดของนาง: “มีสายตามากมายที่มองเห็น ไม่ใช่ว่าพวกท่านจะบอกว่าเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์ก็จะเป็นเรื่องที่ว่าเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์ได้ ไม่มีเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์แล้วต้องการปลิดชีพคน!”ช่างเป็นเด็กสาวที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว!แต่หลิ่วจิงหงยังคงยิ้มมองนาง: “คุณหนูใหญ่ชีช่างองอาจยิ่งนัก แต่หวังว่าจะองอาจแบบนี้ไปตลอดนะ”ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆคิดว่าชนะการแข่งตีคลีหนึ่งครั้ง ชนะคุณหนูใหญ่แห่งจวนฉู่กั๋วกง แล้วจะเก่งมากหรือไงกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคืออำนาจที่แท้จริงแม้แต่ท่านโหวเฒ่าหรือชีเจิ้นแห่งจวนหย่งผิงโหว ยังต้องให้ความเคารพต่อหน้าเขาแต่หญิงบ้าคนนี้กลับคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริงๆน่าขันและน่าสมเพชชีหยวนยังคงยิ้มมองเขา: “ขอรับคำอวยพรของซื่อจื่อ ข้าน้อยคิดว่าข้าน้อยจะองอาจแบบนี้ไปตลอดจริงๆ”ท่าทางของนางนี่ทำให้ฮูหยินใหญ่หลิ่วโมโหจนแทบจะบ้าคลั่งแม้แต่ตอนที่เดินออกไปไกลแล้ว ฮูหยินใหญ่หลิ่วยังรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ไม่วายหันไปถามหลิ่วจิงหง: “เรื่องวั
“ไม่มีอะไร” ชีหยวนไม่ต้องการเอ่ยถึงอ๋องฉีท่าทางของเขาเมื่อครู่ที่ตั้งคำถามนางอย่างมั่นใจว่าทำไมต้องฆ่าเขาช่างน่าขันเหลือเกินนางเพียงตอบด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “เกรงว่าคงต้องเปลี่ยนแผน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้าก็เหมือนกับเขา เป็นคนที่สามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ ถ้าจะให้พ่อของข้าปล่อยข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกอีก เขาก็คงไม่เชื่อแล้ว”วันนี้อ๋องฉีต้องการฆ่านางเป็นเรื่องจริง ต้องการทดสอบนางก็เป็นเรื่องจริงแต่เมื่อคิดๆ ดูก็ไม่น่าแปลกใจเพราะตั้งแต่นางได้เกิดใหม่ นางก็เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ไปมากมายอ๋องฉีในเมื่อเกิดใหม่เช่นกัน การที่จะรู้ว่านางมีบางอย่างผิดปกติก็เป็นเรื่องปกตินางไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากนักเซียวอวิ๋นถิงก็เข้าใจความหมายของชีหยวนทันทีก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนว่าจะเผยข่าวของพระชายาหลิ่วล่วงหน้าให้อ๋องฉีรู้ เพื่อล่อให้อ๋องฉีลงมือ จากนั้นก็จับตัวเขาพร้อมหลักฐานแต่ตอนนี้ในเมื่ออ๋องฉีรู้ถึงไพ่ตายของพวกเขาแล้ว เขาก็คงจะไม่เชื่อถือพวกเขาหรือแม้แต่ชีเจิ้นอีกต่อไปแผนล่อนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาเซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เช่นนั้นก็ให้พ่อของเ
พูดไปแล้ว ชีหยวนคนนี้นับว่าเป็นผู้เล่นการเมืองที่เหมาะสมทีเดียวทั้งหน้าหนาและพลิกสถานการณ์เก่ง ขุนนางอาวุโสในราชสำนักอีกตั้งหลายคนก็ยังไม่หน้าหนาเท่านางแต่ถึงจะชื่นชมในจุดนี้ มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดีเขาพูดปลอบใจลูกสาวไม่กี่คำ แล้วหันไปพูดกับฮูหยินใหญ่หลิ่วว่า: “ไป ไปพบกับคุณหนูใหญ่ชีผู้นี้สักหน่อย”ชีหยวนกำลังพูดคุยอยู่กับเซียวอวิ๋นถิงอันที่จริงอาการบาดเจ็บของนางนั้นหนักมากตอนที่ตกจากหลังม้า นางกระแทกเข้าที่หลังเต็มๆ เมื่อครู่หมอหลวงหูเพิ่งตรวจดู อดเดาะปากไม่ได้ ไม่รู้ว่านางทนมาถึงตอนนี้ได้อย่างไรจนกระทั่งตอนนี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเซียวอวิ๋นถิง สีริมฝีปากของนางยังดูซีดขาวเล็กน้อยเซียวอวิ๋นถิงทำหน้าตึงมองดูนางที่ยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมดื่มชาหมดถ้วยรวดเดียว ในที่สุดก็อดถามไม่ได้: “เจ้าไม่มีอะไรอยากจะพูดกับข้าบ้างเลยหรือ?”ชีหยวนมองเขาอย่างแปลกใจ:“แน่นอนว่ามี ท่านอ๋อง เมื่อครู่นักฆ่าที่แอบซ่อนในห้องมิใช่คนของฮูหยินใหญ่หลิ่วพวกนาง ท่านทราบหรือไม่ว่าเป็นใคร?”......ช่างไม่ตรงประเด็นเลยจริงๆ!เซียวอวิ๋นถิงอดไม่ได้ที่จะลดเสียงลงด้วยถามความโกรธ: “ข้าไม่ได้ถ
น้ำตาของฮูหยินใหญ่หลิ่วยังเกาะอยู่บนใบหน้า นางกำหมัดแน่น กัดฟันพูดอย่างโกรธแค้นว่า: “ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายถึงขนาดนี้มาก่อน!”เสียงของนางสั่นเล็กน้อย: “นางเด็กคนนั้นมันช่างเป็นคนที่ดื้อด้าน ไม่มีความละอายใจเลยสักนิด! พูดจาเสียดแทงก็ไม่สะทกสะท้าน สาดน้ำใส่ก็ไม่ขยับ!”หนาหน้าเหมือนกำแพงเมืองก็ไม่ปาน!ถ้าเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานคนอื่น แม้คำพูดรุนแรงแค่คำเดียวก็แทบรับไม่ไหวแล้วแต่ชีหยวนนั้นกลับไม่ใช่เช่นนั้น ใครด่านางคำหนึ่ง นางก็สวนกลับไปอีกคำ ไม่ว่าจะพูดอย่างมีหลักการหรือด่าอย่างไม่เลือกถ้อยคำ นางก็ตอบโต้ได้แบบเจ็บแสบฮูหยินใหญ่หลิ่วไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน!หลิ่วจิงหงมองดูภรรยา เห็นนางที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย ก็รู้ทันทีว่านางโกรธจนทนไม่ไหวแล้วเขาหรี่ตาลงเล็กน้อย: “ยากรับมือขนาดนั้นเชียวหรือ?”ฮูหยินใหญ่หลิ่วสะอื้น: “ยากกว่าทุกคนที่ข้าเคยเจอ! จะว่าอย่างไรดี…... อย่างไรเสียนางไม่มีความละอายใจเลย และไม่ยอมอยู่ในกฎเกณฑ์…...”กล้าพูดทุกสิ่ง กล้าทำทุกอย่างในใจฮูหยินใหญ่หลิ่วเริ่มเสียใจ ทำไมต้องช่วยองค์หญิงระบายความโกรธจนทำให้ลูกสาวต้องมาเผช
ฮูหยินใหญ่หลิ่วหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา: “คนอย่างเจ้าที่เป็นตัวก่อภัย ผู้ที่อยากฆ่าเจ้าก็คงมีมากมายเหมือนปลาไนที่ข้ามแม่น้ำ ใครจะไปรู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ!”คิดแล้วนางก็กล่าวเย้ยหยัน: “หรือว่า ต่อไปถ้าเจ้ามีเคราะห์ร้ายอะไร ก็จะโทษว่าเป็นพวกเราทั้งหมดให้ได้?!”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” ชีหยวนตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย: “เช่นนั้น ฮูหยินใหญ่หลิ่วควรภาวนาให้ข้ารอดชีวิตไปจนแก่เฒ่า มิอย่างนั้น ข้าเคยมีปัญหากับพวกท่านเท่านั้น คนที่อยากฆ่าข้าก็มีแต่พวกท่าน ถ้าข้าตายขึ้นมา ผู้ต้องสงสัยที่สุดก็ต้องเป็นพวกท่านนั่นแหละเจ้าค่ะ!”……นางชั้นต่ำ! ช่างชั้นต่ำเสียจริง!เซียวอวิ๋นถิงที่ไม่ได้พูดอะไร กระแอมออกมาเบาๆ ทำให้ทุกคนสนใจเขาสำหรับพระราชนัดดาองค์โตที่กำลังเริ่มโดดเด่นในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชาง ทุกคนย่อมไม่กล้าล่วงเกินเขาอ๋องโจวหันมองเซียวอวิ๋นถิง น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย: “เรื่องนี้ ข้าจะให้คนตรวจสอบให้ชัดเจน ถึงเวลานั้นก็จะให้คำตอบที่เหมาะสมแก่คุณหนูใหญ่ชี”เซียวอวิ๋นถิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ: “ท่านปู่น้อย การแข่งตีคลีที่ดีๆ ซึ่งเป็นงานสำคัญประจำปีในเมืองหลวง ควรจะตรวจสอบอย่างจริงจัง มิฉะนั้น หากเกิด