หรือจะบอกว่าเป็นบุตรชายของตนเองที่ทำเรื่องโง่เขลา ไล่ตามบุตรสาวบุญธรรมออกไป ไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งยังถูกหลานสาวของท่านเห็นด้วยกระนั้นหรือ?นางรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นก็มองเห็นชีหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงรีบร้อนดึงชีหยวนออกมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้าง “เด็กคนนี้ปรับตัวยังไม่ค่อยได้ ข้าจะพานางกลับไป...”ฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงเหลือบมองไปที่ชีหยวน มองเห็นนางกำลังยืนสงบนิ่งอยู่อย่างว่านอนสอนง่าย ไม่พูดอันใดมาตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่ากลับไม่เสียมารยาทเลยแม้แต่น้อย จึงรู้สึกพึงใจในทันทีถึงแม้ไม่รู้ว่าชีหยวนมีตรงไหนที่ผิดปกติ ทว่านางหวังพูดอย่างร้อนรนถึงเพียงนี้ นางจึงกระแอมกระไอออกมา “ช่างเถิด ลูกสำคัญกว่า”นางหวังรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย นางต้องรีบไปที่เรือนพักนอกเมืองโดยเร็ว ฉวยโอกาสตอนที่พี่น้องสกุลเซี่ยงยังไม่กลับมา เรื่องนี้ยังไม่ถูกทำใหญ่โต ต้องหยุดเรื่องนี้เอาไว้ก่อนจะต้องไม่ทำให้เรื่องราวใหญ่โตเป็นอันขาด ถ้าหากทำให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของสกุลเซี่ยงรู้เข้าละก็ การแต่งงานในครั้งนี้ก็อาจจะไม่สำเร็จ!ชีเจิ้นพอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้มากนัก ถ้าหากรู้ว่าการแต่งงานคร
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนางมองไปยังนางหวังด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ใบหน้ายิ้มแต่ภายในไม่ยิ้มพลางส่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจเห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ยิ้มมาจากก้นบึ้ง ทว่าน้ำเสียงกลับยังมีความอ่อนโยน พลางตบไปที่มือของเซี่ยงหรงอย่างยิ้มแย้ม “ห้ามพูดจาส่งเดช! ท่านพี่อวิ๋นถิงของเจ้าเป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ ส่วนชีจิ่นก็เป็นไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง ทุกคนต่างก็รู้ดี”ไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง คุณชายตระกูลใหญ่คำเรียกขานสองชื่อนี้ ไม่ว่าชื่อใดก็รู้สึกว่าไพเราะเสนาะหู ทว่าเมื่อออกมาจากปากของฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงในตอนนี้ ไม่สามารถปิดบังกลิ่นอายที่มีนัยของการเหน็บแนมเอาไว้ได้เลยนี่แสดงให้เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากเพียงใดนางหวังยิ้มไม่ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางกล่าวอย่างตื่นตระหนกจนทำอันใดไม่ถูก “จะต้องเป็นเพราะเด็กน้อยไม่รู้ความเป็นแน่…”นางแทบจะร้องไห้เสียงดังภายในใจอยู่แล้ว!เจ้าโง่สองคนนี้! นางปฏิบัติต่อชีจิ่นอย่างสุดใจ ต่อให้รู้ว่านางไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ แต่ก็เป็นบุตรสาวที่นางเอ็นดูและปกป้อง นึกไม่ถึงว่าจะหันกลับมาใช้มีดแทงลงบนหัวใจของนางอย่างโหดเหี้ยม!ชีจิ่นอยู่ที่ตระ
ถ้าสมองของเขายังดีอยู่ ก็ควรรู้ว่าเขามีสถานะเช่นไร!ทว่าสุดท้ายนึกไม่ถึงว่าเขาจะกอดชีจิ่นไว้แล้วประท้วงเซี่ยงหรง บอกเซี่ยงหรงว่าคู่หมั้นไม่นับว่าเป็นอันใดได้! นี่มันหมายความว่ากระไรกัน?!พวกไม่มีสมอง!แต่งงานกับคนประเภทนี้ สู้แต่งงานกับหมูเสียยังดีกว่า!เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยงกล่าวเช่นนี้ นางก็กล่าวออกมาอย่างหมดข้อสงสัยในทันที “ใช่เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่ตระกูลชีช่างทำตัวเหมือนเด็กยิ่งนัก เรื่องเช่นนี้สามารถเอามาล้อเล่นได้กระนั้นหรือ?”ทั้งสองคนต่างก็พูดเช่นนี้แล้ว ก็ถือว่าได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งต่อหน้าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้แล้วว่าตระกูลของพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชีแม้แต่น้อยงานแต่งงานอันใดนั่น เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้ยอมรับอยู่แล้วนางหวังรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ทว่าในเวลานี้พวกเขามีเหตุมีผล ส่วนนางกลับเป็นฝ่ายที่ไร้เหตุผลเสียเอง ย่อมมีความทุกข์ใจที่พูดออกมาไม่ได้อยู่แล้วทว่าในสถานการณ์นี้ ไม่ว่านางจะอธิบายอันใดก็เหมือนกับกำลังช่วยชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นอธิบายท้ายที่สุดนางออกมาจากตระกูลเซี่ยงได้อย่างไรนั้น นางจำได้ไม่ชัดเจนแล้ว จนกระทั่งรถม้าหยุดลง
นางหวังกลับเรือนของตนเองอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ให้หลิวจงมาหาอย่างหงุดหงิดพอหลิวจงเข้าประตูมา นางก็ถามใส่หน้าเขาในทันที “ข้ากำชับไว้แล้วมิใช่หรือ ว่าห้ามให้นายน้อยออกจากจวนโดยเด็ดขาด?! พวกเจ้าทำงานอย่างไรกันแน่ ไยนายน้อยถึงได้ออกจากจวนได้เล่า?!”ช่างไร้สาระเกินไปแล้ว!แล้วดันมาเป็นวันนี้! แล้วยังดันมาถูกเซี่ยงหรงพบเข้า!นางไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากชีเจิ้นรู้เรื่องนี้เข้า จะเดือดดาลมากสักเพียงใด!หลิวจงเองก็เต็มไปด้วยความขมขื่นมากเช่นกัน เจ้านายให้ชีอวิ๋นถิงกักบริเวณไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งหรือสองครั้ง ทว่าปกติผู้ใดจะคิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องเช่นนี้จริง ๆ กันเล่า?ก่อนหน้านี้ชีอวิ๋นถิงก็เป็นเช่นนี้ พอถูกกักบริเวณ ก็หนีไปเช่นกันก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจนี่นา!ตอนนี้พอเกิดเรื่องขึ้น ความรับผิดชอบทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่พวกบ่าวไพร่เสียแล้วเขาอึก ๆอัก ๆ “คือว่า ฮูหยิน…ด้วยนิสัยของนายท่าน…”ยังไม่ทันจะจบ อยู่ ๆ เสวี่ยซงก็ล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ “ฮูหยิน ฮูหยิน! ท่านรีบไปช่วยนายน้อยด้วยเถิดขอรับ ท่านโหวจะตีนายน้อยตายแล้วขอรับ!” ว่าอย่างไรนะ?!นางหวังลุกขึ้นมาจากม้านั่งอย่างฉับ
เข้าไปในเรือนพักนอกเมืองเร่งรีบเมื่อมาถึงประตูโค้งรูปพระจันทร์ ยังมีกำแพงอีกชั้นกั้นอยู่ นางก็ได้ยินเสียงตำหนิของชีเจิ้นลอยออกมาจนกระทั่งนางก้าวข้ามประตูโค้งรูปพระจันทร์ไป ทันใดนั้นก็มองเห็นชีเจิ้นยืนอยู่กลางลานบ้าน ทว่าเวลานี้ชีอวิ๋นถิงกำลัง นอนคว่ำอยู่บนม้านั่ง ถูกชีเจิ้นใช้แส้ม้าเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายชีเจิ้นลงมืออย่างไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย แส้ที่ฟาดลงมาบนร่างในแต่ละครั้ง นำพาเอาลมแรงที่แสนเยือกเย็นออกมาด้วย เสื้อผ้าที่อยู่บนหลังของชีอวิ๋นถิงขาดจนหมดแล้ว เผยให้เห็นรอยบาดแผลเป็นเส้น ๆ โผล่ออกมานางหวังตกใจแทบสิ้นสติ ร่ำไห้พลางโผเข้าไปขวางอยู่เบื้องหน้าชีอวิ๋นถิงในทันที “ท่านโหว! ท่านโหว! อย่าตีอีกเลยนะเจ้าคะ หากยังตีต่อไป ท่านอาจตีเขาจนตายได้นะเจ้าคะท่านโหว!”ชีเจิ้นไม่เคยมีโทสะขนาดนี้มาก่อนเขาจับจ้องไปที่นางหวัง พลางพ่นคำพูดออกมาอย่างเย็นชา “ถอยไป!”นางหวังตกใจเสียใจหัวใจรู้สึกบีบรัด เนื้อตัวสั่นเทา พลางร่ำไห้ขอร้องด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านโหว ข้ารู้ว่าเขาทำความผิดใหญ่หลวง ข้ารู้ทุกอย่าง…แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของพวกเรานะเจ้าคะ!”ในเวลานี้ชีอวิ๋นถิงกำลังนอนคว
เห็นได้ชัดว่าอยู่ในโถงดอกไม้แล้ว ตัดขาดจากลมหนาวภายนอก ทว่าในเวลาเดียวกับที่ชีเจิ้นกล่าวคำพูดนั้นออกมา นางหวังก็รู้สึกว่ามีความเย็นยะเยือกสายหนึ่งค่อย ๆ คืบคลานมาที่สันหลังของนาง ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกลงไปในห้องที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งนางอ้าปากอยู่ชั่วขณะ รู้สึกแต่เพียงว่าลำคอทั้งแห้งผากและทั้งเจ็บ พอจะเอ่ยปากถึงได้รู้ว่าเสียงของตนเองได้แหบแห้งไปหมดแล้ว “เช่นนั้นความหมายของท่านโหวก็คือ…”ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อครู่นางเห็นบุตรชายของตนเองถูกตี ยังเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงขนาดสาปแช่งชีจิ่นอยู่ภายในใจ ทว่าในเวลานี้ เมื่อชีเจิ้นกล่าวประโยคนี้จบ นางก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาอีกถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงดูมากับมือ เป็นลูกที่นางเฝ้าดูและอุ้มชูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย!ชีเจิ้นไม่มีความสองจิตสองใจใด ๆ และไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นนางหวังถามเช่นนี้ เขาก็ถามกลับไปว่า “มิเช่นนั้นฮูหยินคิดว่าข้าหมายความว่าอย่างไรเล่า?”ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความถากถางอยู่บางส่วน “ตอนนี้ทั่วทั้งราชสำนักกำลังวุ่นวายให้เหล่าขุนนางที่กอบโกยผลประโยชน์จากความดีความชอบ พึงสังวรณ์คำพูดและการกระทำของตน
นางหวังรู้อยู่แก่ใจดี ยิ่งเป็นชีเจิ้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสละบรรดาศักดิ์ที่เป็นของเขา หากว่าชีอวิ๋นถิงไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่มีบุตรชายคนอื่นอีกแล้ว ทว่าอนุภรรยาของชีเจิ้นก็ยังมีได้นี่นา!การคาดเดานี้เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น ทว่าก็ทำให้นางหวังสั่นไปทั้งตัวนางกัดฟันพลางหลับตาลง “ท่านโหว ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ!”ชีเจิ้นกวาดตามองนางอยู่ชั่วครู่ ไม่พูดอันใดมากอีก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปภายในเรือนพักนอกเมืองอ้างว้างโดดเดี่ยวขึ้นมาโดยฉับพลันอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ชีอวิ๋นถิงไปแล้ว ชีจิ่นก็ถูกกักขังอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในห้องปีกตะวันออกของเรือนด้านหลัง นางลุกนั่งไม่ติดที่ ไม่รู้แม้กระทั่งด้านนอกเกิดอันใดขึ้นบ้างกันแน่นางประเดี๋ยวลุกประเดี๋ยวนั่ง ภายในใจกำลังคาดเดาท่าทีของตระกูลชีอยู่ตลอดเวลานางอยู่ที่ตระกูลชีตั้งแต่เล็กยันโต ในใจของนางรู้นิสัยของชีเจิ้นกับนางหวังเป็นอย่างดียิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งกระวนกระวายใจเพราะว่านางเข้าใจดีมากว่า คนอย่างชีเจิ้นไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ เขาให้ความสำคัญกับเกียรติของตระกูลและอนาคตมากกว่าสิ่งใดทั้งน
บุตรสาวย่อมเป็นผู้ที่เข้าใจมารดามากที่สุด ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายนางหวังมาสิบกว่าปี ชีจิ่นเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกการกระทำของนางหวังตั้งแต่แรกแล้วเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางหวัง นางแทบจะไม่มีการชะงักแม้เพียงเสี้ยววินาที รีบปิดหน้าพลางคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร่ำไห้อย่างเจ็บปวด “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!หากว่ากระทำผิดแล้วยังใช้ไม้แข็งกับนางหวัง โทสะของนางหวัง ก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกอาจจะคิดแค่เพียงว่าอยากตบเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดก็จะเกิดความวุ่นวายจนถึงขนาดไม่อาจควบคุมได้ทว่าหากยอมรับผิดด้วยท่าทีจริงใจตั้งแต่ต้น แสดงออกว่าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางหวังกะจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง เดิมทีชีจิ่นก็ไม่ได้มีเวลามาคิดใคร่ครวญเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ทำทั้งหมดต่างก็อาศัยสัญชาตญาณในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางคุกเข่าไถลไปข้างหน้าพลางกอดต้นขาของนางหวังเอาไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างปวดใจ “ท่านแม่ ข้ากลัวมากจริง ๆ นะเจ้าคะ! ข้าถูกไล่ออกจากจวน กลัวว่าท่านจะไม่ต้องการข้าแล้วจริง ๆ …”หัวใจคือก้อนเนื้อย่อมมีความรู้สึก นางหวังเห็นนางร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเช่นนี้ ภายในใจทั้งเจ็บแค้น
ท่านโหวผู้เฒ่าชีตบมือหัวเราะลั่นดี!ดี! ดี!เขาชมอยู่สามคำติดต่อกันส่วนพระชายาหลิ่ว ราชบุตรเขยลู่ และองค์หญิงใหญ่ ทั้งสามคนมองไปที่ชีหยวน ต่างพากันตะลึงโดยเฉพาะราชบุตรเขยลู่ เขาเคยเห็นฝีมือการฆ่าคนของชีหยวนมาก่อน หากสามารถสังหารได้ในดาบเดียว นางจะไม่มีวันฟันซ้ำเป็นครั้งที่สองความแข็งแกร่งและความศรัทธาของเด็กสาวผู้นี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตเขาตามความคิดและการกระทำของคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ไม่ทันเสียแล้วเซียวอวิ๋นถิงยืนกอดอกยิ้มมองชีหยวนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันสังเกต ว่ารอยยิ้มนั้นเจิดจ้าราวดวงดารา สาดส่องไปทั่วทุกหนแห่งเขาไม่เคยพบสตรีเช่นนี้มาก่อนทะนงในศักดิ์ศรี เคารพตนเอง แข็งแกร่งและพึ่งพาตัวเองนางไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะตัวนางคือผู้ช่วยเหลือตนเองกลีบเหมยที่ร่วงโรยปลิวขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะโปรยปรายลงบนศีรษะและอาภรณ์ของทุกคน ชั่วขณะนั้น เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายกับว่าเคยเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในความฝันยามสนธยาแต่ความคิดนี้ก็เพียงแค่แวบเข้ามาแล้วก็จางหายไปชีเจิ้นถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วเอ่ยว่า “แล้วเรื่องตรงหน้านี้จะ
ชีเจิ้นรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของตนคงตกต่ำอย่างถึงที่สุดไม่สิ แต่เดิมดวงของเขาก็คงไม่ดีอยู่แล้วมิฉะนั้น เหตุใดในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เขาถึงได้พบกับสตรีที่น่าสะพรึงกลัวถึงสองคน และแต่ละคนก็น่ากลัวไม่แพ้กัน!ชีหยวนก็ไม่ต้องพูดถึง เขาเห็นกับตาตัวเองว่านางบิดคอคนเหมือนบิดผ้า วิธีฆ่าของนางก็แปลกประหลาด วิธีที่ใช้บ่อยที่สุดคือปาดคอหรือแทงเข้าหัวใจ คนที่ถูกฆ่าล้วนไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำพูดสุดท้ายส่วนองค์หญิงเป่าหรง ฟังดูก็ไม่ใช่คนที่จะยุ่งด้วยได้ง่าย ๆตั้งแต่ยังเด็ก นางก็อ้างว่าตัวเองถูกสาป ทำให้พระภิกษุ นักพรต และชาวบ้านล้มตายไปไม่รู้เท่าไรสองคนนี้คิดจะแข่งกันว่าใครฆ่าคนได้มากกว่ากันหรือ?ถ้าหากต้องแข่งกันจริง ๆ แม้ว่าชีหยวนจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา และตัวเขาเองก็อยู่ข้างชีหยวน แต่เขาต้องบอกไว้ก่อน หากต้องเดิมพันแพ้ชนะ เขาก็ยังต้องลงเดิมพันให้กับองค์หญิงเป่าหรงอยู่ดีชีวิตคนเราไม่เคยยุติธรรม สิ่งที่เจ้าต้องใช้ความพยายามมหาศาลเพื่อให้ได้มา บางคนกลับสามารถยกนิ้วกวักมือเรียกแล้วแย่งไปได้ง่าย ๆ เพียงเพราะเกิดมาต่างชนชั้น นี่แหละคือชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาแล้วสีหน้าของเขาดูแปลกประหลาดไปชั่วขณะ ไ
ทว่าในขณะเดียวกันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ในโลกปัจจุบันนางคือคุณหนูใหญ่ที่ใครต่างก็จับตามอง ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในต้าโจว เห็นไหมล่ะคนชั้นสูงอยู่ที่ไหนก็เป็นคนชั้นสูงอยู่วันยังค่ำ บิดาของนางเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมารดาของนางก็เป็นอาจารย์ชั้นพิเศษ นางเคยชินกับการมีแค่พี่เลี้ยงและเงินทองอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว จึงเรียนรู้ที่จะพูดแบบคนเมื่ออยู่ต่อหน้าคน และพูดแบบผีเมื่ออยู่ต่อหน้าผีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครจะปิดบังความรู้สึกของตนเองได้เก่งไปมากกว่านางแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันนางยังสามารถกลั่นแกล้งพวกปรสิตชั้นต่ำที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นให้ตายไปทีละคนได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโลกยุคโบราณ? นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ นางฆ่าคนก็ไม่อะไรต่างจากฆ่ามดปลวกให้ตาย และตอนนี้ก็ถึงคราวของชีหยวนเจ้ามดปลวกตัวนี้แล้ว นางเดาะลิ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูสิ ทั้งที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนกัน อ๋องฉีกลับไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ทว่ากลับกันคนอย่างชีหยวนยังสามารถก่อเมฆลมปลุกปั่นสถานการณ์ได้เลย แต่ว่า ถึงจะเป็นเช
ฮ่องเต้หย่งชางแทบจะหมดหนทางกับธิดาพระองค์นี้ของตนจริง ๆ หลังจากส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า: “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากล่าวถึงชีหยวนคนนั้นขึ้นมาหรือ?” สองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งคือจันทรากระจ่างบนฟากฟ้ามิอาจแตะต้อง ส่วนอีกคนเป็นแค่ดอกหญ้าทั่วไปบนพื้นดินที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมื่อใดก็ได้ ชีหยวนมีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนอย่างเป่าหรงจดจำได้ องค์หญิงเป่าหรงเม้มปาก ดูคล้ายว่ากำลังงุนงงสับสน และก็คล้ายว่ามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ในที นางลืมตากว้างด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา เม้มริมฝีปากพลางมองฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า: “เสด็จพ่อ ลูกจำนางได้ มิใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นเพราะเสด็จป้าองค์หญิงใหญ่และอวิ๋นถิง” เอ่ยถึงเรื่องนี้ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางมืดครึ้มลง ก่อนจะเปล่งเสียงโอ้ออกมาเพียงหนึ่งคำ และถามอย่างคลุมเครือ: “พวกเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันหรือ?” “เสด็จพ่อไม่ทราบหรือเพคะ? ตอนที่คุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้เพิ่งกลับมาจากบ้านในชนบท คนในตระกูลของพวกเขาต่างไม่โปรดปรานนางเลยสักคน จนสุดท้ายในตอนที่จัดงานเลี้ยงรับญาติ ก็มีพระปิตุจฉาองค์หญิง
สถานการณ์ในตอนนี้ พระชายาหลิ่วโกรธเกลียดเคียดแค้นทุกคนในสกุลหลิ่ว หากว่าองค์หญิงเป่าหรงและเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าไปยุ่งด้วย จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? องค์หญิงเป่าหรงผุดยิ้มอย่างลำพองตนในใจ จะว่าไป ความรักของบุรุษอยู่ที่ใด ความลำเอียงย่อมอยู่ที่นั่นด้วย บางทีเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ว่าเขามีใจเอนเอียงไปทางเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาพระโอรสพระธิดาที่นางให้กำเนิดโดยสมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเป่าหรงก็ยิ่งอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง: “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า นางเป็นฮองเฮาองค์แรกของท่าน ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องเสด็จกลับเข้าวัง พวกหม่อมฉันจะหลบหนีไปได้ชั่วชีวิตหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางเงียบไป องค์หญิงเป่าหรงน้ำตาร่วงเผาะพลางเอ่ยด้วยเสียงเบา: “เสด็จพ่อ ให้พวกหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ให้พวกหม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอภัยจากนางเถิดเพคะ หากทุกฝ่ายเปลี่ยนอาวุธเป็นผ้าไหมและเครื่องหยก ไม่ดีหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ท้ายที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง: “อดทนไหวหรือ?” องค์หญิงเป
นางเล่นมีดในมือไปมา ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แว่วมาจากด้านนอก ก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคู่นั้นพลันส่องประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที ยามที่เห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามา นางสะอื้นออกมาเบา ๆ : “เสด็จพ่อ!” ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ฮ่องเต้หย่งชางใจอ่อนยวบลงโดยพลัน เขาทั้งรักและเอ็นดูธิดาพระองค์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ธิดาพระองค์นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะถามว่า: “เจ็บหรือไม่?” เงียบไปเนิ่นนาน องค์หญิงเป่าหรงน้ำตารื้นพลางเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะน้อย ๆ : “ไม่เจ็บเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว” แม้ปากบอกว่าไม่เจ็บ ทว่ามือของนางกลับเอื้อมไปกดแผ่นหลังตนเอง เพียงเสี้ยวพริบตาโลหิตสีสดก็ไหลออกมากอีกครั้ง โลหิตหยดลงบนหลังมือของฮ่องเต้หย่งชาง สีหน้าของฮ่องเต้หย่งชางเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากดุอย่างอดไม่ได้: “ไม่เจ็บอะไร เจ้าดูสิบาดแผลของเจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว! เซียวโม่เขาสติไม่สมประกอบตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนปกติได้ เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม
ชีหยวนแอบเดาะลิ้นในใจ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่สามารถเอาตัวรอดจากการถูกตามล่าอย่างหนักหน่วงได้และยังสามารถปกป้องบุตรจนรอดชีวิตมาได้ ต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างเด็ดขาด จริงดังคาด อีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างชัดอย่างดี องค์หญิงใหญ่กัดริมฝีปากอย่างอดไม่ไหว: “เช่นนั้น พระเชษฐภคินีทรงพระกันแสงกับเสด็จพี่…” ใครเล่าจะไม่รู้จักร้องไห้! มีแต่พวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเท่านั้นหรือที่รู้จักร่ำไห้! ทว่าทันใดนั้นพระชายาหลิ่วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา นางปรายสายตามององค์หญิงใหญ่อย่างราบเรียบ ใบหน้าแม้ประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงแววตาแม้แต่น้อย: “คนอื่นยามร่ำไห้คงเหมือนหญิงงามประคองใจ ยามนี้ข้าไปร่ำไห้บ้างคงเป็นได้แค่คนโง่เขลาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างน่ารังเกียจ ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างเก็บศักดิ์ศรีไว้ดีกว่า” องค์หญิงใหญ่คิดจะโต้แย้ง แต่ก็หมดหนทางโต้แย้ง ถ้อยคำที่พระชายาหลิ่วเอ่ยออกมาโหดร้ายมากก็จริง ทว่าความโหดร้ายก็คือความจริงของโลกใบนี้ ใช่แล้ว อีกฝ่ายร่ำไห้ดังบุปผาหลี่ต้องสายพิรุณ แต่กับพระชายาหลิ่วที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนจะไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร? นางวางตะเกียบลงเสียงดัง
เกี๊ยวของทางเหนือและทางใต้ความจริงแล้วแตกต่างกันมาก อย่างน้อยทางใต้ความจริงแล้วก็มิได้นิยมกินเกี๊ยวที่ทำจากที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้นในตอนแรกพระชายาหลิ่วจึงไม่ได้สนใจเกี๊ยวนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่กล่าวขอบคุณต่อชีหยวนอย่างจริงใจ แม้ว่านางจะเข้าใจมานานแล้ว ว่าเหตุผลที่ชีหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อตามนางกลับมา และช่วยนางจัดการกับพวกฉู่กั๋วกง จะเป็นเพราะว่าตัวชีหยวนเองก็อยู่ในสถานการณ์เป็นอริศัตรูกับอ๋องฉีอย่างอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันไม่ได้ ทว่าเมื่อมาถึงวัยอย่างนางตอนนี้ ก็มิใช่เวลาจะมัวลังเลกับจุดหมายอีกต่อไปแล้ว นางมองเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น และผลลัพธ์ก็คือชีหยวนได้ช่วยเหลือนางไว้อย่างมาก นางสามารถคืนสู่เมืองหลวง และกลับเข้าวังได้อย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นยังสามารถกำจัดจวนฉู่กั๋วกงที่เคยกดขี่สูบเลือดสูบเนื้อนางและมารดาให้กลับคืนสู่ขุมนรกที่ควรอยู่อีกครั้ง จุดนี้สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวงแล้ว กระทั่งเกี๊ยวร้อน ๆ ถูกยกมา มันมิได้มีสีขาวเหมือนอย่างเกี๊ยวทั่วไป แต่กลับเป็นสีเหลืองใสเกือบคล้ายอำพันที่มาพร้อมน้ำแกงร้อน ๆ ในชามใหญ่ พระชายาหลิ่วพลันเหลือบมองชีหยวนปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ค
จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที