มีชีเจิ้นคอยออกคำสั่ง แม่นมจางก็ยิ้มอย่างแสแสร้งให้กับชีหยวน พลางพูดจาเหน็บแนม “คุณหนูใหญ่ ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านอย่าได้ดิ้นรนอีกเลยเจ้าค่ะ บ่าวเห็นมากับตา จะพลาดได้เช่นไรกันเจ้าคะ?”ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความพึงพอใจทำอันใดไม่ได้แล้ว นางยืนอยู่ฝั่งชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นในเมื่อเลือกข้างแล้ว ย่อมต้องหวังให้ชีหยวนไปให้พ้นยิ่งไกลเท่าใดยิ่งดีชีหยวนมองนางอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า! ไปให้พ้น!”แม่นมจางอับอายขายหน้าไปชั่วขณะ ยืดอกเข้าขวางด้วยความหุนหันพลันแล่น “คุณหนูใหญ่ บ่าวแค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ท่านอย่ามัวโต้เถียงกับบ่าวอยู่ที่นี่อีกเลยเจ้าค่ะ… ”นางถึงขั้นเตรียมเอื้อมมือจะไปดึงชุดของชีหยวนเสียด้วยซ้ำชีเจิ้นกับนางหวังไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อยชีหยวนสีหน้าไร้ความรู้สึก ยกมือขึ้นทั้งซ้ายและขวา แล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าของแม่นมจางทั้งสองข้างกลางดึกอันเงียบสงัด เสียงตบทั้งสองครั้งดังชัดเจนเป็นพิเศษแม่นมจางถูกตบจนมึนงง ไม่คิดไม่ฝันว่าชีหยวนจะหยาบคายได้ถึงเพียงนี้!นางเด็กบ้านนอกสมควรตายผู้นี้!มิน่าเล่าทั้งตระกูลถึงไม่มีใครชื่นชอบนางแม้แต่คนเดียว!ไม่มีความเป็นกุ
นางหวังถามอย่างกราดเกรี้ยว “เป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง! ไปค้นได้แล้วสินะ?!”ชีหยวนพยักหน้า พลางหลีกทางให้อย่างไม่ลังเล “ค้นเถิดเจ้าค่ะ”บนต้นพุทรามีโคมไฟแขวนไว้อยู่สองสามดวง ยามนี้มันกำลังกวัดแกว่งไปมาสีหน้าของชีหยวนถูกซ่อนอยู่ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟ เห็นไม่ชัดว่านางมีสีหน้าอย่างไรกันแน่ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ชีเจิ้นมักจะรู้สึกว่านางไม่มีความกังวลใด ๆ อยู่เลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่อาจจะกำลังยิ้มอยู่ ในขณะที่กำลังรอแม่นมจางค้นหาเสียด้วยซ้ำเขาเบนสายตาไปมองไปที่แม่นมจางแม่นมจางนำบ่าวรับใช้สองสามคนมาเริ่มขุดที่ด้านหน้าต้นพุทราอย่างกระตือรือร้นเป็นอย่างมากทว่าไม่ว่าจะกี่จอบที่ฟันลงไป ดินก็ยังคงเป็นดิน นอกจากรากของต้นพุทราไม่กี่รากที่โผล่ออกมาแล้ว ก็มองไม่เห็นอันใดทั้งสิ้นแม่นมจางสับสนเล็กน้อย หรือว่าตนเองฝังไว้ลึกเกินไปกระนั้นหรือ?นางขุดลงไปอีกหลายครั้ง ทันใดนั้นเหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มไหลออกมายังไม่มีอันใดอยู่อีกงั้นหรือ!เป็นไปได้อย่างไรกัน?!นางเป็นคนเอาตุ๊กตามาวางไว้กับมือชัด ๆ!และสถานที่ก็ไม่ได้ผิด!สัญลักษณ์ล้วนยังอยู่!ไยของถึงหายไปได้เล่า?ผ่านไปไม่นาน นาง
นางโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว “ท่านโหว! จะต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนขุดตุ๊กตาออกไป แล้วเอาไปซ่อนไว้ที่อื่นเป็นแน่เจ้าค่ะ! จะต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ!”นางหวังหันหน้าไปมองชีหยวนชีหยวนมีสีหน้าเย้ยหยัน พลางถามนางหวังด้วยสีหน้าประชดประชัน “ท่านแม่คงจะไม่ฟังคำที่นางพูดอีกแล้วกระมัง? ข้าเพิ่งจะมาที่นี่ แม้แต่ชื่อของบ่าวรับใช้พวกนี้ยังจำไม่ได้เลย และข้าก็ไม่รู้ว่าพวกท่านจะมาค้นที่นี่ด้วย ข้าจะเอาของไปซ่อนไว้ที่ใดได้เล่า?” คำพูดนี้ทำให้นางหวังละอายใจอยู่บ้างจริง ๆ นางทำเช่นนี้กับบุตรสาวแท้ ๆ ฟังดูแล้วไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ชีเจิ้นก็ถูกคำพูดของชีหยวนทำให้เสียหน้าไปบ้างเช่นกันด้วยความโกรธแค้น เขาจึงยกเท้าขึ้นแล้วถีบไปที่หน้าอกของแม่นมจางเขาเกิดมาในกองทัพ เคยไปออกรบเข่นฆ่าศัตรู การถีบในครั้งนี้ ทำให้แม่นมจางกระอักเลือดออกมาในทันที และเกือบจะสิ้นสติชีเจิ้นถามอย่างกราดเกรี้ยว “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เกิดอันใดขึ้นกันแน่?!”สมองของแม่นมจางงุนงงสับสนไปหมดทว่าแม้จะสับสนสักเพียงใด นางก็รู้ตนเองดีว่าเวลานี้จะต้องไม่ยอมรับเป็นอันขาดว่าตนเองใส่ร้ายชีหยวนมิเช่นนั้น
สีหน้าของชีเจิ้นมืดมนลงอย่างฉับพลันนางหวังตวาดในทันที “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน?!”แม่นมจางร่ำไห้พลางคลานอยู่บนพื้น “ฮูหยิน เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ คุญชายใหญ่เป็นคนสั่งให้บ่าวทำ! ทั้งหมดนี้คุณชายใหญ่เป็นคนสั่งให้บ่าวทำเจ้าค่ะ!”ชีหยวนค่อย ๆ ยิ้มให้กับชีเจิ้น “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าท่านคงต้องสืบสวนคนข้างกายของท่านพี่ให้ดีเสียหน่อยแล้วนะเจ้าคะ”ในขณะนั้นนางหวังจิตใจสับสนเป็นอย่างมากหมายความว่ากระไร?หมายความว่า อาการป่วยของชีอวิ๋นถิงทั้งหมด เป็นการเสแสร้งอย่างนั้นหรือ?เป็นเพราะจงใจจะใส่ความชีหยวนอย่างนั้นหรือ?!เขา เขาเสียสติไปแล้วหรือไร!ชีเจิ้นรีบสั่งการหลิวจงโดยไม่รอช้า “เอาตัวแม่นมจางไปมัดไว้ แล้วพาตัวไปที่อุทยานฉางชิง!”หลิวจงเหลือบมองไปที่ชีหยวนอย่างไม่รู้ตัว ตัดสินใจแล้วว่า ในภายภาคหน้าจะต้องไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องอึดอัดใจเป็นอันขาด!คนผู้นี้มิอาจล่วงเกินได้เมื่อกำชับหลิวจงเสร็จ ชีเจิ้นก็กล่าวกับชีหยวนว่า “ข้าจะให้คำอธิบายแก่เจ้า!”หลังพูดจบ ก็มุ่งตรงไปที่อุทยานฉางชิงในทันทีนางหวังอยากจะตำหนิชีหยวนอีกหลายประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทางของสามีเป็นเช่นนี้แล้ว ก็กลัวว่าสามีจะค
ชีเจิ้นโกรธเกรี้ยวราวกับถูกไฟเผาก่อนหน้านี้เขามักจะคิดว่าชีอวิ๋นถิงเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญอยู่บ้างเท่านั้น ทว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรมากนักมีชายหนุ่มคนใดที่ไม่มีจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมบ้างเล่า? เมื่อความสับสนกับพละกำลังผ่านพ้นไป ย่อมสามารถกลับมายืนบนทางที่ถูกที่ควรได้ทว่าผู้ใดจะคิดว่าชีอวิ๋นถิงจะสารเลวถึงเพียงนี้!กินยาพิษด้วยตนเอง แล้วใช้วิชาคาถามาใส่ความน้องสาวแท้ ๆ ของตน! ช่างคิดขึ้นมาได้เสียเหลือเกิน!หากว่าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ชื่อเสียงของชีอวิ๋นถิงคงจะต้องย่อยยับ! ความไม่กตัญญูและไม่ซื่อสัตย์จะถูกตีตราให้กับเขาเป็นที่เรียบร้อย!โง่เง่า!เขาจับจ้องไปที่บุตรชายผู้นี้ของตนด้วยสายตาที่น่ากลัว “พูด! ผู้ใดให้เจ้าทำเช่นนี้?!”เขารู้ดีว่าชีอวิ๋นถิงเป็นคนที่มีความประพฤติเช่นไร ถึงเจ้าโง่นี่จะหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะทำเรื่องเลว ๆ ความคิดที่คดเคี้ยวเช่นนี้ เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครคอยยุยงอยู่เบื้องหลังตอนที่ถามคำถามนี้ เขายังจงใจเหลือบมองไปชีจิ่นด้วยชั่วขณะนั้นทำให้ชีจิ่นรู้สึกหนาวไปทั่วร่าง หัวใจสั่นสะท้านนางกัดริมฝีปาก จนแทบจะได้กลิ่นเลือดที่อยู่ในปา
เรื่องในครั้งนี้ แม้ชีอวิ๋นถิงจะออกตัวรับผิดชอบทั้งหมด หัวเด็ดตีนขาดก็บอกว่าเขาทำเอง แต่ในความคิดของนางหวัง เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับชีจิ่นเป็นแน่ เพราะสองคนนี้ ตั้งแต่เด็กก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าชีจิ่นต้องการสิ่งใด แต่ไรมาก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ล้วนเป็นชีอวิ๋นถิงช่วยออกหน้าแทนนางตลอด ไม่ว่าจะถูกตำหนิหรือลงโทษ ชีอวิ๋นถิงก็พุ่งออกไปรับแทนนางทั้งหมด เมื่อก่อนไม่เคยก่อปัญหาใหญ่ ล้วนเป็นเพียงเรื่องเล็ก นางหวังจึงถือว่าเป็นความสนิทสนมระหว่างเด็กๆ ได้ หลับตาข้างลืมตาข้าง ทำเป็นไม่เห็นอย่างเป็นสุข แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน! ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงอนาคตและชะตาชีวิตของชีอวิ๋นถิง! ชีจิ่นไม่อยากเชื่อ มองตนเองที่ถูกสะบัดออก ร้องเรียกออกมาอย่างตกตะลึง “ท่านแม่…” จากนั้น น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูลงมา ชีอวิ๋นถิงเห็นแล้วก็ปวดใจอย่างที่สุด รู้สึกขุ่นเคืองและไม่ยอมรับ “ท่านแม่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาจิ่น ท่านจะตีจะว่าก็มาลงที่ข้าสิขอรับ…” นางหวังโกรธจัด ถลึงตาใส่ชีอวิ๋นถิงเขม็ง “หุบปาก! หากเจ้ายังพูดอีกคำ ก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่อีก ข้าจะถือเสียว่าเจ้าตายไปแล้ว!” บางทีอา
หลังจากจัดการข้ารับใช้แล้ว ต่อมาก็คือคนในเรื่องแล้ว ชีเจิ้นมองนางหวัง “ต่อจากนี้ไป ต้องอบรมชีอวิ๋นถิงอย่างเข้มงวดแล้ว! หากปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจไร้ความกริ่งเกรงเช่นนี้อีก จะเป็นการทำร้ายเขาแล้ว!” คำพูดเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่นางหวังคิดจะพูดเช่นกัน ตัวนางเองก็พูดสนับสนุนว่า “ใช่เจ้าค่ะ เขาใช้ไม่ได้เกินไปแล้วจริงๆ…” “ส่วนซีจิ่น ก็ส่งไปที่บ้านพักชานเมืองเถอะ” ชีเจิ้นไม่รอให้นางหวังพูดจบ เขาตัดบทคำพูดของนาง ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในชั่วขณะหนึ่ง นางหวังยังไม่ทันประมวลผลคำพูดเขา รอจนได้สติกลับมา จึงเบิกตากว้าง “ท่านโหว!” นางไม่อยากเชื่อ! พวกนางเลี้ยงดูชีจิ่นมานานหลายปีถึงเพียงนี้!ไม่ว่าจะเป็น พิณ หมากล้อม อักษร หรือภาพวาด ล้วนไม่มีเรื่องใดที่ชีจิ่นไม่ชำนาญ และยามพาออกไปข้างนอก ก็เป็นตัวแทนของหน้าตาและศักดิ์ศรีของจวนโหว จวนหย่งผิงโหวก็บอกกับบุคคลภายนอกว่า ในอดีตนั้น ที่คลอดออกมาเป็นฝาแฝด เพียงแต่ผู้เป็นพี่หายไปและหาพบแล้วเท่านั้น แต่เวลานี้กลับจะส่งตัวชีจิ่นออกไป? นางรู้สึกลังเลและตัดใจไม่ได้อยู่บ้าง “ท่านโหว เรื่องนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นอาจิ่นที่…” ชีเจิ้นมองนางอย่างผิดหวัง “ผู้
ทว่าชีหยวนที่รู้แต่แรก กลับไม่ยอมเปิดโปง แต่ใช้แผนซ้อนแผน ล่อเสือออกจากถ้ำ หลอกล่อแม่นมจางและชีอวิ๋นถิงให้ตกสู่กับดักทีละก้าว นางจงใจทำเช่นนั้น จงใจให้ชีเจิ้นได้เห็นว่า เพื่อชีจิ่นแล้ว ชีอวิ๋นถิงสามารถทำได้ถึงขั้นใด และก็จงใจให้ชีเจิ้นได้เห็นว่า ชีอวิ๋นถิงซึ่งเป็นบุตรชายคนโตผู้ถือกำเนิดจากภริยาเอก ที่จะกลายเป็นผู้สืบทอดจวนโหวในอนาคตนั้น ขาดคุณสมบัติอันเหมาะสมเพียงใด นี่มัน… จิตใจเย็นชาเกินไปแล้วจริงๆ! ทว่ายามนี้ เมื่อชีเจิ้นพูดถึงชีหยวน ก็เต็มไปด้วยคำชื่นชมและความชอบใจ ทำให้นางหวังไม่อาจพูดสิ่งใดได้มากนัก ได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยว่า “เจ้าค่ะ ท่านโหววางใจเถอะ ข้ารู้แล้ว” จากนั้น ชีเจิ้นก็แยกจากนางหวังและตรงไปที่หอหมิงเยว่ ที่หอหมิงเยว่ ไป๋เจ๋อวิ่งร่างกายสั่นสะท้านเข้ามา คุกเข่าผลุบลงเบื้องหน้าชีหยวน น้ำเสียงยังคงสั่นเทาด้วยความประหม่า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเห็นคนลากแม่นมจางไปแล้วเจ้าค่ะ แม่นมจางแม้แต่พูดก็พูดไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!” ชีหยวนกำลังอ่านหนังสือ นางราวกับคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋จื่อ ก็ทำเพียงหัวเราะเท่านั้น
ท่านโหวผู้เฒ่าชีตบมือหัวเราะลั่นดี!ดี! ดี!เขาชมอยู่สามคำติดต่อกันส่วนพระชายาหลิ่ว ราชบุตรเขยลู่ และองค์หญิงใหญ่ ทั้งสามคนมองไปที่ชีหยวน ต่างพากันตะลึงโดยเฉพาะราชบุตรเขยลู่ เขาเคยเห็นฝีมือการฆ่าคนของชีหยวนมาก่อน หากสามารถสังหารได้ในดาบเดียว นางจะไม่มีวันฟันซ้ำเป็นครั้งที่สองความแข็งแกร่งและความศรัทธาของเด็กสาวผู้นี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตเขาตามความคิดและการกระทำของคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ไม่ทันเสียแล้วเซียวอวิ๋นถิงยืนกอดอกยิ้มมองชีหยวนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันสังเกต ว่ารอยยิ้มนั้นเจิดจ้าราวดวงดารา สาดส่องไปทั่วทุกหนแห่งเขาไม่เคยพบสตรีเช่นนี้มาก่อนทะนงในศักดิ์ศรี เคารพตนเอง แข็งแกร่งและพึ่งพาตัวเองนางไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะตัวนางคือผู้ช่วยเหลือตนเองกลีบเหมยที่ร่วงโรยปลิวขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะโปรยปรายลงบนศีรษะและอาภรณ์ของทุกคน ชั่วขณะนั้น เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายกับว่าเคยเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในความฝันยามสนธยาแต่ความคิดนี้ก็เพียงแค่แวบเข้ามาแล้วก็จางหายไปชีเจิ้นถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วเอ่ยว่า “แล้วเรื่องตรงหน้านี้จะ
ชีเจิ้นรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของตนคงตกต่ำอย่างถึงที่สุดไม่สิ แต่เดิมดวงของเขาก็คงไม่ดีอยู่แล้วมิฉะนั้น เหตุใดในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เขาถึงได้พบกับสตรีที่น่าสะพรึงกลัวถึงสองคน และแต่ละคนก็น่ากลัวไม่แพ้กัน!ชีหยวนก็ไม่ต้องพูดถึง เขาเห็นกับตาตัวเองว่านางบิดคอคนเหมือนบิดผ้า วิธีฆ่าของนางก็แปลกประหลาด วิธีที่ใช้บ่อยที่สุดคือปาดคอหรือแทงเข้าหัวใจ คนที่ถูกฆ่าล้วนไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำพูดสุดท้ายส่วนองค์หญิงเป่าหรง ฟังดูก็ไม่ใช่คนที่จะยุ่งด้วยได้ง่าย ๆตั้งแต่ยังเด็ก นางก็อ้างว่าตัวเองถูกสาป ทำให้พระภิกษุ นักพรต และชาวบ้านล้มตายไปไม่รู้เท่าไรสองคนนี้คิดจะแข่งกันว่าใครฆ่าคนได้มากกว่ากันหรือ?ถ้าหากต้องแข่งกันจริง ๆ แม้ว่าชีหยวนจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา และตัวเขาเองก็อยู่ข้างชีหยวน แต่เขาต้องบอกไว้ก่อน หากต้องเดิมพันแพ้ชนะ เขาก็ยังต้องลงเดิมพันให้กับองค์หญิงเป่าหรงอยู่ดีชีวิตคนเราไม่เคยยุติธรรม สิ่งที่เจ้าต้องใช้ความพยายามมหาศาลเพื่อให้ได้มา บางคนกลับสามารถยกนิ้วกวักมือเรียกแล้วแย่งไปได้ง่าย ๆ เพียงเพราะเกิดมาต่างชนชั้น นี่แหละคือชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาแล้วสีหน้าของเขาดูแปลกประหลาดไปชั่วขณะ ไ
ทว่าในขณะเดียวกันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ในโลกปัจจุบันนางคือคุณหนูใหญ่ที่ใครต่างก็จับตามอง ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในต้าโจว เห็นไหมล่ะคนชั้นสูงอยู่ที่ไหนก็เป็นคนชั้นสูงอยู่วันยังค่ำ บิดาของนางเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมารดาของนางก็เป็นอาจารย์ชั้นพิเศษ นางเคยชินกับการมีแค่พี่เลี้ยงและเงินทองอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว จึงเรียนรู้ที่จะพูดแบบคนเมื่ออยู่ต่อหน้าคน และพูดแบบผีเมื่ออยู่ต่อหน้าผีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครจะปิดบังความรู้สึกของตนเองได้เก่งไปมากกว่านางแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันนางยังสามารถกลั่นแกล้งพวกปรสิตชั้นต่ำที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นให้ตายไปทีละคนได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโลกยุคโบราณ? นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ นางฆ่าคนก็ไม่อะไรต่างจากฆ่ามดปลวกให้ตาย และตอนนี้ก็ถึงคราวของชีหยวนเจ้ามดปลวกตัวนี้แล้ว นางเดาะลิ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูสิ ทั้งที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนกัน อ๋องฉีกลับไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ทว่ากลับกันคนอย่างชีหยวนยังสามารถก่อเมฆลมปลุกปั่นสถานการณ์ได้เลย แต่ว่า ถึงจะเป็นเช
ฮ่องเต้หย่งชางแทบจะหมดหนทางกับธิดาพระองค์นี้ของตนจริง ๆ หลังจากส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า: “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากล่าวถึงชีหยวนคนนั้นขึ้นมาหรือ?” สองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งคือจันทรากระจ่างบนฟากฟ้ามิอาจแตะต้อง ส่วนอีกคนเป็นแค่ดอกหญ้าทั่วไปบนพื้นดินที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมื่อใดก็ได้ ชีหยวนมีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนอย่างเป่าหรงจดจำได้ องค์หญิงเป่าหรงเม้มปาก ดูคล้ายว่ากำลังงุนงงสับสน และก็คล้ายว่ามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ในที นางลืมตากว้างด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา เม้มริมฝีปากพลางมองฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า: “เสด็จพ่อ ลูกจำนางได้ มิใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นเพราะเสด็จป้าองค์หญิงใหญ่และอวิ๋นถิง” เอ่ยถึงเรื่องนี้ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางมืดครึ้มลง ก่อนจะเปล่งเสียงโอ้ออกมาเพียงหนึ่งคำ และถามอย่างคลุมเครือ: “พวกเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันหรือ?” “เสด็จพ่อไม่ทราบหรือเพคะ? ตอนที่คุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้เพิ่งกลับมาจากบ้านในชนบท คนในตระกูลของพวกเขาต่างไม่โปรดปรานนางเลยสักคน จนสุดท้ายในตอนที่จัดงานเลี้ยงรับญาติ ก็มีพระปิตุจฉาองค์หญิง
สถานการณ์ในตอนนี้ พระชายาหลิ่วโกรธเกลียดเคียดแค้นทุกคนในสกุลหลิ่ว หากว่าองค์หญิงเป่าหรงและเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าไปยุ่งด้วย จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? องค์หญิงเป่าหรงผุดยิ้มอย่างลำพองตนในใจ จะว่าไป ความรักของบุรุษอยู่ที่ใด ความลำเอียงย่อมอยู่ที่นั่นด้วย บางทีเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ว่าเขามีใจเอนเอียงไปทางเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาพระโอรสพระธิดาที่นางให้กำเนิดโดยสมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเป่าหรงก็ยิ่งอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง: “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า นางเป็นฮองเฮาองค์แรกของท่าน ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องเสด็จกลับเข้าวัง พวกหม่อมฉันจะหลบหนีไปได้ชั่วชีวิตหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางเงียบไป องค์หญิงเป่าหรงน้ำตาร่วงเผาะพลางเอ่ยด้วยเสียงเบา: “เสด็จพ่อ ให้พวกหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ให้พวกหม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอภัยจากนางเถิดเพคะ หากทุกฝ่ายเปลี่ยนอาวุธเป็นผ้าไหมและเครื่องหยก ไม่ดีหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ท้ายที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง: “อดทนไหวหรือ?” องค์หญิงเป
นางเล่นมีดในมือไปมา ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แว่วมาจากด้านนอก ก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคู่นั้นพลันส่องประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที ยามที่เห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามา นางสะอื้นออกมาเบา ๆ : “เสด็จพ่อ!” ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ฮ่องเต้หย่งชางใจอ่อนยวบลงโดยพลัน เขาทั้งรักและเอ็นดูธิดาพระองค์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ธิดาพระองค์นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะถามว่า: “เจ็บหรือไม่?” เงียบไปเนิ่นนาน องค์หญิงเป่าหรงน้ำตารื้นพลางเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะน้อย ๆ : “ไม่เจ็บเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว” แม้ปากบอกว่าไม่เจ็บ ทว่ามือของนางกลับเอื้อมไปกดแผ่นหลังตนเอง เพียงเสี้ยวพริบตาโลหิตสีสดก็ไหลออกมากอีกครั้ง โลหิตหยดลงบนหลังมือของฮ่องเต้หย่งชาง สีหน้าของฮ่องเต้หย่งชางเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากดุอย่างอดไม่ได้: “ไม่เจ็บอะไร เจ้าดูสิบาดแผลของเจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว! เซียวโม่เขาสติไม่สมประกอบตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนปกติได้ เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม
ชีหยวนแอบเดาะลิ้นในใจ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่สามารถเอาตัวรอดจากการถูกตามล่าอย่างหนักหน่วงได้และยังสามารถปกป้องบุตรจนรอดชีวิตมาได้ ต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างเด็ดขาด จริงดังคาด อีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างชัดอย่างดี องค์หญิงใหญ่กัดริมฝีปากอย่างอดไม่ไหว: “เช่นนั้น พระเชษฐภคินีทรงพระกันแสงกับเสด็จพี่…” ใครเล่าจะไม่รู้จักร้องไห้! มีแต่พวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเท่านั้นหรือที่รู้จักร่ำไห้! ทว่าทันใดนั้นพระชายาหลิ่วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา นางปรายสายตามององค์หญิงใหญ่อย่างราบเรียบ ใบหน้าแม้ประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงแววตาแม้แต่น้อย: “คนอื่นยามร่ำไห้คงเหมือนหญิงงามประคองใจ ยามนี้ข้าไปร่ำไห้บ้างคงเป็นได้แค่คนโง่เขลาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างน่ารังเกียจ ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างเก็บศักดิ์ศรีไว้ดีกว่า” องค์หญิงใหญ่คิดจะโต้แย้ง แต่ก็หมดหนทางโต้แย้ง ถ้อยคำที่พระชายาหลิ่วเอ่ยออกมาโหดร้ายมากก็จริง ทว่าความโหดร้ายก็คือความจริงของโลกใบนี้ ใช่แล้ว อีกฝ่ายร่ำไห้ดังบุปผาหลี่ต้องสายพิรุณ แต่กับพระชายาหลิ่วที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนจะไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร? นางวางตะเกียบลงเสียงดัง
เกี๊ยวของทางเหนือและทางใต้ความจริงแล้วแตกต่างกันมาก อย่างน้อยทางใต้ความจริงแล้วก็มิได้นิยมกินเกี๊ยวที่ทำจากที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้นในตอนแรกพระชายาหลิ่วจึงไม่ได้สนใจเกี๊ยวนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่กล่าวขอบคุณต่อชีหยวนอย่างจริงใจ แม้ว่านางจะเข้าใจมานานแล้ว ว่าเหตุผลที่ชีหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อตามนางกลับมา และช่วยนางจัดการกับพวกฉู่กั๋วกง จะเป็นเพราะว่าตัวชีหยวนเองก็อยู่ในสถานการณ์เป็นอริศัตรูกับอ๋องฉีอย่างอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันไม่ได้ ทว่าเมื่อมาถึงวัยอย่างนางตอนนี้ ก็มิใช่เวลาจะมัวลังเลกับจุดหมายอีกต่อไปแล้ว นางมองเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น และผลลัพธ์ก็คือชีหยวนได้ช่วยเหลือนางไว้อย่างมาก นางสามารถคืนสู่เมืองหลวง และกลับเข้าวังได้อย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นยังสามารถกำจัดจวนฉู่กั๋วกงที่เคยกดขี่สูบเลือดสูบเนื้อนางและมารดาให้กลับคืนสู่ขุมนรกที่ควรอยู่อีกครั้ง จุดนี้สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวงแล้ว กระทั่งเกี๊ยวร้อน ๆ ถูกยกมา มันมิได้มีสีขาวเหมือนอย่างเกี๊ยวทั่วไป แต่กลับเป็นสีเหลืองใสเกือบคล้ายอำพันที่มาพร้อมน้ำแกงร้อน ๆ ในชามใหญ่ พระชายาหลิ่วพลันเหลือบมองชีหยวนปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ค
จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที