ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก แต่นางหวังกลับตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ช้าก่อน!”นางวางชีอวิ๋นถิงลงที่พื้นอย่างแผ่วเบา ให้แม่นมอู๋มาดูแลเขาอย่างดี ส่วนตนเองจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เม้มริมฝีปากพลางกล่าวว่า “ข้าจะไปกับท่าน!”มีคนกล้าทำร้ายบุตรชายของนาง นั่นก็หมายความว่าเป็นศัตรูของนางด้วย!ต่อให้คนผู้นั้นคือชีหยวน เป็นบุตรสาวที่นางเพิ่งจะพาตัวกลับมาก็เช่นเดียวกันความอดทนของนางที่มีต่อชีหยวนได้ถึงขีดจำกัดแล้ว เดิมทีหากว่าชีหยวนตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เหลี่ยม ต่อให้นางจะไม่ชอบบุตรที่นางไม่คุ้นเคยผู้นี้สักเท่าใดนัก แต่ก็จะเลี้ยงดูนางต่อไปเพลานี้ เป็นชีหยวนเองที่มองข้ามความดีของผู้อื่น!หรือนางคิดอย่างไร้เดียงสาว่า จะอาศัยวิธีการสกปรกชั้นต่ำพวกนี้มาทำร้ายชีอวิ๋นถิงจนตาย แล้วตนเองจะได้เอ็นดูนางขึ้นมาบ้างอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเสียเถิด!ชีเจิ้นไม่มีความเห็นใด ๆ รอจนนางหวังจัดที่จัดทางให้ชีอวิ๋นถิงเสร็จแล้ว ก็รีบพาพวกนางมุ่งหน้าไปที่หอหมิงเยว่ชีจิ่นกัดริมฝีปาก ราวกับว่าเพิ่งจะตระหนักได้ในภายหลังทว่าในใจของนางรู้ดี ว่านี่เป็นแผนการร้ายที่ชีอวิ๋นถิงมุ่งเป้าไปที่ชีหยวนก็เท่านั้นเล่ห์กลเช่นนี้ พ
ชีหยวนขมวดคิ้ว และยื่นมือออกมาคว้ามือของนางหวังเอาไว้นึกไม่ถึงว่าการตบของนางหวังจะล้มเหลว และในทางกลับกันข้อมือของนางยังถูกชีหยวนจับเอาไว้แน่นเสียจนรู้สึกเจ็บนางเด็กสารเลวคนนี้!นางหวังรู้สึกเจ็บปวดและอับอายจนเกิดโทสะ ไม่รู้ว่าเหตุใด ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องตอนนั้นที่ชีอวิ๋นถิงจะตีชีหยวน แต่กลับถูกชีหยวนหลบได้ และกลับเป็นตนเองที่ล้มลงและบาดเจ็บไปทั่วร่างตอนนั้นชีอวิ๋นถิงบอกว่านางมีวรยุทธ์ มีพลังมหาศาลนางเริ่มรู้สึกว่าชีหยวนแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของตน ต่อให้เป็นบุตรสาวแท้ ๆ แล้วอย่างไรเล่า?ถูกเลี้ยงดูจากภายนอกมาสิบกว่าปี ไม่รู้ไส้รู้พุง ขนาดนิสัยของนางยังไม่รู้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อในของนางเป็นเช่นไรกันแน่ก็ยิ่งไม่รู้เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงไม่มีความเมตตาอ่อนโยนต่อชีหยวนอีกต่อไป มีแค่เพียงความเกลียดชังเท่านั้นนางจับจ้องไปที่ชีหยวนอย่างขุ่นเคือง “พวกไม่มีผู้ใดสั่งสอน! มารดาของเจ้าตีเจ้า เจ้าถึงกลับกล้ากันเอาไว้เชียวหรือ!”เหลียนเฉียวที่อยู่ด้านข้างร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ ทว่านางรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนต่ำต้อย คำพูดย่อมไม่มีน
มีชีเจิ้นคอยออกคำสั่ง แม่นมจางก็ยิ้มอย่างแสแสร้งให้กับชีหยวน พลางพูดจาเหน็บแนม “คุณหนูใหญ่ ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านอย่าได้ดิ้นรนอีกเลยเจ้าค่ะ บ่าวเห็นมากับตา จะพลาดได้เช่นไรกันเจ้าคะ?”ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความพึงพอใจทำอันใดไม่ได้แล้ว นางยืนอยู่ฝั่งชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นในเมื่อเลือกข้างแล้ว ย่อมต้องหวังให้ชีหยวนไปให้พ้นยิ่งไกลเท่าใดยิ่งดีชีหยวนมองนางอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า! ไปให้พ้น!”แม่นมจางอับอายขายหน้าไปชั่วขณะ ยืดอกเข้าขวางด้วยความหุนหันพลันแล่น “คุณหนูใหญ่ บ่าวแค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ท่านอย่ามัวโต้เถียงกับบ่าวอยู่ที่นี่อีกเลยเจ้าค่ะ… ”นางถึงขั้นเตรียมเอื้อมมือจะไปดึงชุดของชีหยวนเสียด้วยซ้ำชีเจิ้นกับนางหวังไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อยชีหยวนสีหน้าไร้ความรู้สึก ยกมือขึ้นทั้งซ้ายและขวา แล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าของแม่นมจางทั้งสองข้างกลางดึกอันเงียบสงัด เสียงตบทั้งสองครั้งดังชัดเจนเป็นพิเศษแม่นมจางถูกตบจนมึนงง ไม่คิดไม่ฝันว่าชีหยวนจะหยาบคายได้ถึงเพียงนี้!นางเด็กบ้านนอกสมควรตายผู้นี้!มิน่าเล่าทั้งตระกูลถึงไม่มีใครชื่นชอบนางแม้แต่คนเดียว!ไม่มีความเป็นกุ
นางหวังถามอย่างกราดเกรี้ยว “เป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง! ไปค้นได้แล้วสินะ?!”ชีหยวนพยักหน้า พลางหลีกทางให้อย่างไม่ลังเล “ค้นเถิดเจ้าค่ะ”บนต้นพุทรามีโคมไฟแขวนไว้อยู่สองสามดวง ยามนี้มันกำลังกวัดแกว่งไปมาสีหน้าของชีหยวนถูกซ่อนอยู่ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟ เห็นไม่ชัดว่านางมีสีหน้าอย่างไรกันแน่ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ชีเจิ้นมักจะรู้สึกว่านางไม่มีความกังวลใด ๆ อยู่เลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่อาจจะกำลังยิ้มอยู่ ในขณะที่กำลังรอแม่นมจางค้นหาเสียด้วยซ้ำเขาเบนสายตาไปมองไปที่แม่นมจางแม่นมจางนำบ่าวรับใช้สองสามคนมาเริ่มขุดที่ด้านหน้าต้นพุทราอย่างกระตือรือร้นเป็นอย่างมากทว่าไม่ว่าจะกี่จอบที่ฟันลงไป ดินก็ยังคงเป็นดิน นอกจากรากของต้นพุทราไม่กี่รากที่โผล่ออกมาแล้ว ก็มองไม่เห็นอันใดทั้งสิ้นแม่นมจางสับสนเล็กน้อย หรือว่าตนเองฝังไว้ลึกเกินไปกระนั้นหรือ?นางขุดลงไปอีกหลายครั้ง ทันใดนั้นเหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มไหลออกมายังไม่มีอันใดอยู่อีกงั้นหรือ!เป็นไปได้อย่างไรกัน?!นางเป็นคนเอาตุ๊กตามาวางไว้กับมือชัด ๆ!และสถานที่ก็ไม่ได้ผิด!สัญลักษณ์ล้วนยังอยู่!ไยของถึงหายไปได้เล่า?ผ่านไปไม่นาน นาง
นางโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว “ท่านโหว! จะต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนขุดตุ๊กตาออกไป แล้วเอาไปซ่อนไว้ที่อื่นเป็นแน่เจ้าค่ะ! จะต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ!”นางหวังหันหน้าไปมองชีหยวนชีหยวนมีสีหน้าเย้ยหยัน พลางถามนางหวังด้วยสีหน้าประชดประชัน “ท่านแม่คงจะไม่ฟังคำที่นางพูดอีกแล้วกระมัง? ข้าเพิ่งจะมาที่นี่ แม้แต่ชื่อของบ่าวรับใช้พวกนี้ยังจำไม่ได้เลย และข้าก็ไม่รู้ว่าพวกท่านจะมาค้นที่นี่ด้วย ข้าจะเอาของไปซ่อนไว้ที่ใดได้เล่า?” คำพูดนี้ทำให้นางหวังละอายใจอยู่บ้างจริง ๆ นางทำเช่นนี้กับบุตรสาวแท้ ๆ ฟังดูแล้วไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ชีเจิ้นก็ถูกคำพูดของชีหยวนทำให้เสียหน้าไปบ้างเช่นกันด้วยความโกรธแค้น เขาจึงยกเท้าขึ้นแล้วถีบไปที่หน้าอกของแม่นมจางเขาเกิดมาในกองทัพ เคยไปออกรบเข่นฆ่าศัตรู การถีบในครั้งนี้ ทำให้แม่นมจางกระอักเลือดออกมาในทันที และเกือบจะสิ้นสติชีเจิ้นถามอย่างกราดเกรี้ยว “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เกิดอันใดขึ้นกันแน่?!”สมองของแม่นมจางงุนงงสับสนไปหมดทว่าแม้จะสับสนสักเพียงใด นางก็รู้ตนเองดีว่าเวลานี้จะต้องไม่ยอมรับเป็นอันขาดว่าตนเองใส่ร้ายชีหยวนมิเช่นนั้น
สีหน้าของชีเจิ้นมืดมนลงอย่างฉับพลันนางหวังตวาดในทันที “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน?!”แม่นมจางร่ำไห้พลางคลานอยู่บนพื้น “ฮูหยิน เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ คุญชายใหญ่เป็นคนสั่งให้บ่าวทำ! ทั้งหมดนี้คุณชายใหญ่เป็นคนสั่งให้บ่าวทำเจ้าค่ะ!”ชีหยวนค่อย ๆ ยิ้มให้กับชีเจิ้น “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าท่านคงต้องสืบสวนคนข้างกายของท่านพี่ให้ดีเสียหน่อยแล้วนะเจ้าคะ”ในขณะนั้นนางหวังจิตใจสับสนเป็นอย่างมากหมายความว่ากระไร?หมายความว่า อาการป่วยของชีอวิ๋นถิงทั้งหมด เป็นการเสแสร้งอย่างนั้นหรือ?เป็นเพราะจงใจจะใส่ความชีหยวนอย่างนั้นหรือ?!เขา เขาเสียสติไปแล้วหรือไร!ชีเจิ้นรีบสั่งการหลิวจงโดยไม่รอช้า “เอาตัวแม่นมจางไปมัดไว้ แล้วพาตัวไปที่อุทยานฉางชิง!”หลิวจงเหลือบมองไปที่ชีหยวนอย่างไม่รู้ตัว ตัดสินใจแล้วว่า ในภายภาคหน้าจะต้องไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องอึดอัดใจเป็นอันขาด!คนผู้นี้มิอาจล่วงเกินได้เมื่อกำชับหลิวจงเสร็จ ชีเจิ้นก็กล่าวกับชีหยวนว่า “ข้าจะให้คำอธิบายแก่เจ้า!”หลังพูดจบ ก็มุ่งตรงไปที่อุทยานฉางชิงในทันทีนางหวังอยากจะตำหนิชีหยวนอีกหลายประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทางของสามีเป็นเช่นนี้แล้ว ก็กลัวว่าสามีจะค
ชีเจิ้นโกรธเกรี้ยวราวกับถูกไฟเผาก่อนหน้านี้เขามักจะคิดว่าชีอวิ๋นถิงเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญอยู่บ้างเท่านั้น ทว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรมากนักมีชายหนุ่มคนใดที่ไม่มีจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมบ้างเล่า? เมื่อความสับสนกับพละกำลังผ่านพ้นไป ย่อมสามารถกลับมายืนบนทางที่ถูกที่ควรได้ทว่าผู้ใดจะคิดว่าชีอวิ๋นถิงจะสารเลวถึงเพียงนี้!กินยาพิษด้วยตนเอง แล้วใช้วิชาคาถามาใส่ความน้องสาวแท้ ๆ ของตน! ช่างคิดขึ้นมาได้เสียเหลือเกิน!หากว่าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ชื่อเสียงของชีอวิ๋นถิงคงจะต้องย่อยยับ! ความไม่กตัญญูและไม่ซื่อสัตย์จะถูกตีตราให้กับเขาเป็นที่เรียบร้อย!โง่เง่า!เขาจับจ้องไปที่บุตรชายผู้นี้ของตนด้วยสายตาที่น่ากลัว “พูด! ผู้ใดให้เจ้าทำเช่นนี้?!”เขารู้ดีว่าชีอวิ๋นถิงเป็นคนที่มีความประพฤติเช่นไร ถึงเจ้าโง่นี่จะหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะทำเรื่องเลว ๆ ความคิดที่คดเคี้ยวเช่นนี้ เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครคอยยุยงอยู่เบื้องหลังตอนที่ถามคำถามนี้ เขายังจงใจเหลือบมองไปชีจิ่นด้วยชั่วขณะนั้นทำให้ชีจิ่นรู้สึกหนาวไปทั่วร่าง หัวใจสั่นสะท้านนางกัดริมฝีปาก จนแทบจะได้กลิ่นเลือดที่อยู่ในปา
เรื่องในครั้งนี้ แม้ชีอวิ๋นถิงจะออกตัวรับผิดชอบทั้งหมด หัวเด็ดตีนขาดก็บอกว่าเขาทำเอง แต่ในความคิดของนางหวัง เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับชีจิ่นเป็นแน่ เพราะสองคนนี้ ตั้งแต่เด็กก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าชีจิ่นต้องการสิ่งใด แต่ไรมาก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ล้วนเป็นชีอวิ๋นถิงช่วยออกหน้าแทนนางตลอด ไม่ว่าจะถูกตำหนิหรือลงโทษ ชีอวิ๋นถิงก็พุ่งออกไปรับแทนนางทั้งหมด เมื่อก่อนไม่เคยก่อปัญหาใหญ่ ล้วนเป็นเพียงเรื่องเล็ก นางหวังจึงถือว่าเป็นความสนิทสนมระหว่างเด็กๆ ได้ หลับตาข้างลืมตาข้าง ทำเป็นไม่เห็นอย่างเป็นสุข แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน! ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงอนาคตและชะตาชีวิตของชีอวิ๋นถิง! ชีจิ่นไม่อยากเชื่อ มองตนเองที่ถูกสะบัดออก ร้องเรียกออกมาอย่างตกตะลึง “ท่านแม่…” จากนั้น น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูลงมา ชีอวิ๋นถิงเห็นแล้วก็ปวดใจอย่างที่สุด รู้สึกขุ่นเคืองและไม่ยอมรับ “ท่านแม่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาจิ่น ท่านจะตีจะว่าก็มาลงที่ข้าสิขอรับ…” นางหวังโกรธจัด ถลึงตาใส่ชีอวิ๋นถิงเขม็ง “หุบปาก! หากเจ้ายังพูดอีกคำ ก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่อีก ข้าจะถือเสียว่าเจ้าตายไปแล้ว!” บางทีอา
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท
กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้
เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง
เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นแน่นอนคนเหล่านี้น่าจะเป็นครอบครัวทหารจี้โจวจริง ที่มาของพวกเขาคงไม่ปลอมแปลง มิฉะนั้นจะเอาอะไรมาปรักปรำตระกูลชีได้ล่ะ?”ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาถึงได้วางแผนกันใหญ่โตถึงขนาดบุกมาลอบสังหารนางในวันขึ้นปีใหม่ ยังบุกเข้าบ้านพักตระกูลชีเพื่อสังหารหมู่ นี่เป็นการจงใจทำให้เรื่องใหญ่โต“พวกมันไม่กลัวตระกูลชีแจ้งทางการ กลัวแค่ตระกูลชีไม่แจ้งเท่านั้น!”พอแจ้งทางการไปแล้ว เรื่องถึงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องที่ตระกูลชีแอบลักลอบขนอาวุธเหล็กไปขายให้เผ่าหว่าล่าถึงจะถูกเปิดโปงวันขึ้นปีใหม่ทั้งที ให้ตระกูลชีไปตายเสียก็ดูสมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะ?ผู่อู๋ย่งแค่นหัวเราะเบา ๆ “แจ้งทางการแล้วหรือ?”เสี่ยวสวีจื่อมือไม้กะล่อยกะหลิบ รีบยื่นมือไปรับถ้วยในมือเขา แล้วเปลี่ยนมานวดไหล่ทุบหลังอย่างเป็นธรรมชาติ พลางกระซิบว่า “คนของเราตามติดอยู่ตลอดขอรับ ตั้งแต่ต้นก็แจ้งทางการแล้ว เพียงแต่ว่า......”ผู่อู๋ย่งเลิกคิ้วขึ้น “เพียงแต่ว่าอะไร?”“เพียงแต่ว่าไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีจะเก่งขนาดนี้ ระหว่างทางนางคนเดียวฆ่าคนของเราไปแปดคนแล้วขอรับ แม้แต่ลิ่วจื่อที่ฝีมือดีที่สุดก็
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก