เมื่อฮูหยินรองตระกูลชีกลับมาถึงจวนตระกูลชี ม้าเหงื่อโลหิตพร้อมกับของกำนัลไถ่โทษจำนวนมากจากจวนอ๋องโจว ก็ถูกส่งมาถึงก่อนหน้าแล้วเมื่อมองไปยังม้าเหงื่อโลหิตที่เปล่งประกายเป็นสีทองภายใต้แสงแดดนั้น ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆขันทีน้อยจากจวนอ๋องโจวมองพวกเขาแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลชีจะเลี้ยงดูคุณหนูที่เก่งกาจอย่างคุณหนูใหญ่ชีได้ ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวเองก็เป็นคนสุขุมและนิ่งมากของจำนวนมากถูกส่งมาขนาดนี้ แต่ทั้งสองท่านกลับไม่ถามหาเหตุผลแม้แต่คำเดียวชีเจิ้นรู้สึกชาไปหมด เขามีสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อเห็นหลิวจงเดินไปส่งขันทีน้อยออกไปด้วยท่าทางสุภาพเขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่าแล้วพูดว่า: “ในบรรดาม้าเหงื่อโลหิตห้าตัวที่เขตตะวันตกส่งถวายมาให้ฮ่องเต้ ฝ่าบาทพระราชทานให้อ๋องเจิ้งหนึ่งตัว อ๋องฉีหนึ่งตัว และอ๋องโจวอีกหนึ่งตัว…...”แต่ตอนนี้เจ้าสิ่งนี้ถูกชีหยวนนำกลับมาที่จวนแล้วชีเจิ้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด: “นางไปทำอะไรอีกแล้ว?”ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า ชีหยวนฆ่าอ๋องโจว คาดว่าเขาก็คงไม่ตกใจเกินไปเพราะถูกทำให้ตกใจมาม
คุณหนูใหญ่หลิ่วไม่เหมือนกับใครคนอื่นก่อนหน้า!นี่คือบุตรสาวแห่งจวนกั๋วกง และยังเป็นหลานสาวของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยด้วย!ฮูหยินรองตระกูลชีรีบส่ายหัวอย่างเร็วพลัน: “ไม่เจ้าค่ะ ไม่เจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตาลง ถอนหายใจยาว ทันใดนั้นก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ในใจ กระทำกับชีหยวนเช่นนี้ แต่ชีหยวนกลับไม่ทำอะไรคุณหนูหลิ่วเลยหรือ?เป็นไปได้อย่างไร!ยังดีที่ท่านโหวผู้เฒ่าตอบสนองค่อนข้างเร็ว เขาถามต่อ: “แล้วหลังจากนั้นเล่า?”“หลังจากนั้น หยวนหยวนขึ้นไปบนหลังม้าของคุณหนูใหญ่หลิ่ว ไม่รู้ทั้งสองทะเลาะกันอย่างไร คุณหนูใหญ่หลิ่วก็พลัดตกจากหลังม้า…...”จะว่าไป ความอัดอั้นในใจมานานของชีเจิ้นถึงกับคลายลงทันทีอ้อ ก็ดี เป็นนิสัยของชีหยวนจริงๆเขาว่าแล้ว ชีหยวนจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่ายกถ้วยชาขึ้นจิบ ยังไม่ทันได้วางถ้วยชา แม่บ้านหญิงที่อยู่ด้านนอกก็รายงานผ่านม่านว่า: “ท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหว ฮูหยินผู้เฒ่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”มาในเวลานี้ คงไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าเพื่อเรื่องอะไรท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นสบตากัน พร้อมใจลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วเดินออกไปคนที่มาเป็นคุณชายรอ
ชีเจิ้นจะไม่เสียใจได้อย่างไร?เขาแค่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเลยเท่านั้น” ทำหน้าเคร่งขรึมพลางจิบชา เขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่า “ท่านพ่อ เด็กคนนี้ออมมือไว้แล้ว”ไม่อย่างนั้น คงไม่ใช่แค่ทำให้หลิ่วหมิงจูล้มเจ็บจนเกือบตาย หากนางอยากทำจริงๆ คงสามารถเหวี่ยงหลิ่วหมิงจูให้ตายตรงนั้นได้เลยท่านโหวผู้เฒ่าลูบหนวดของตัวเอง “ไปกันเถอะ ไปถามนางให้รู้เรื่อง”ชีหยวนเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วและไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าชีฮูหยินรองชีที่ตกใจจนเกินไป ถูกฮูหยินผู้เฒ่าชีสั่งให้กลับไปพักผ่อนแล้วทันทีที่นางเข้าประตูไป เห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าชี ท่านโหวผู้เฒ่า และชีเจิ้นนั่งอยู่สามคนเมื่อเห็นนางเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็กวักมือเรียก “หยวนหยวน มานั่งข้างย่านี่”ชีหยวนเดินไปนั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่าชีเหลือบมองชีเจิ้นที่เอาแต่มองตนเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ก่อนจะเลิกคิ้วถาม “คนของตระกูลหลิ่วมาที่นี่แล้วหรือเจ้าคะ?”ชีเจิ้นมีสีหน้าซับซ้อนพร้อมตอบรับเสียงอืม “เรื่องคราวนี้ มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเจ้าถึงไปยุ่งกับตระกูลหลิ่ว?”“เป็นคนของตระกูลหลิ่วที่ให้จวนอ๋องโจวส่งเทียบเชิญมาให้ข้า” ชีหยวนพูดรวบรัด
ชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าก็เข้าใจแล้ว!ชีหยวนจะพูดว่านางถูกองค์หญิงใหญ่รับตัวไป แต่ความจริงแล้วนางกลับเปลี่ยนเส้นทางกลางทางด้วยเหตุนี้ อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วจึงอาจคิดว่านางมีเจตนาแอบแฝง สงสัยว่านางรู้เรื่องข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูก จึงไปหาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกชีเจิ้นหัวใจเต้นรัว ลดเสียงลงแล้วถามว่า “ข้าต้องทำอะไร?”“ทูลรายงานฝ่าบาท แล้วออกจากเมืองหลวงในคืนนี้” ชีหยวนมองเขา “ท่านพ่อ นี่เป็นโอกาสเดียวของท่าน หาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกให้พบ แล้วพาพวกเขากลับมาเมืองหลวง มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ท่านถึงจะหลุดพ้นจากอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้”จากที่ดูมา ชีหยวนมั่นใจจริงๆ ว่าการที่พระชายาหลิ่วกับลูกเกิดเรื่องในปีนั้นไม่ใช่ฝีมือตระกูลเฝิงไม่อย่างนั้นจากความสัมพันธ์ของชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อฝ่ายองค์รัชทายาทชีเจิ้นสูดหายใจลึก “ได้! แต่ถ้าพระชายาหลิ่วเกลียดชังตระกูลเฝิงมากกว่าเดิม…...”ชีหยวนยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอกเจ้าค่ะ นางเป็นลูกของภรรยาเอก ตระกูลหลิ่วที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีเพียงนางผู้เดียวที่เกิดเรื่องร้าย ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแต่สุขสบายร่ำรวย นางไม่ใช่คนโง่ นางย่อมว่าจ
เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก ทั้งที่คำบรรยายของชีหยวนก็ระบุไว้ชัดเจนว่า อ๋องฉีเป็นคนดุร้าย และอ๋องฉีก็เป็นศัตรูของชีหยวน เหตุใดอ๋องฉีกลับทำร้ายชีหยวนไม่ลง? ที่ต้องรู้ เว้นเรื่องอดีตชาติเลื่อนลอยว่างเปล่าไร้หลักฐานไปก่อน พูดถึงเรื่องที่ใกล้ที่สุดนี้ ชีหยวนให้ชีเจิ้นจับตัวหานเยว่เอ๋อร์ออกมา เพื่อให้อ๋องฉีเสียหน้าครั้งใหญ่ จากนั้นยังทำให้อ๋องฉีสูญเสียทุกสิ่งไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋อง และตัดเส้นทางการเงินของอ๋องฉีไปจนหมดสิ้น หากเป็นเช่นนี้ที่อ๋องฉีลงมือทำร้ายชีหยวนไม่ลง เช่นนั้นหมายความว่าอะไรก็ชัดเจนมากแล้ว แต่ก็เพราะเข้าใจชัดเจน เซียวอวิ๋นถิงมองท่าทางมั่นใจของชีหยวนก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันใด: “ในเมื่อตัวเจ้ามั่นใจว่าเขาจะไม่สังหารเจ้า ไยจะต้องมาผูกพันธมิตรกับข้าด้วย?” ในเมื่ออ๋องฉีปฏิบัติกับชีหยวนพิเศษเพียงนี้ และชีหยวนเองก็มีความสามารถเช่นนี้แล้ว ก็น่าจะไปพึ่งพิงอ๋องฉีดีกว่า ปาเป่าซึ่งอยู่ด้านนอกตบศีรษะลิ่วจินไปแรง ๆ หนึ่งที เดิมทีลิ่วจินกำลังขี่ม้าอยู่ดี ๆ เขากำลังคิดว่าประเดี๋ยวควรจะพาตัวคุณหนูใหญ่ชีไปฝูเจี้ยนอย่างไรให้ดูยิ่งใหญ่แต่ไม่เอิกเกริก พอถูกตบศีรษะ
เซียวอวิ๋นถิงมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก: “คิดถึงสกุลเซี่ยให้มากเข้าไว้เถิด ในเมื่อเจ้ารู้สึกลึกซึ้งผูกพันกับสกุลเซี่ยมากถึงเพียงนี้แล้ว เช่นนั้นจงรักษาชีวิตของเจ้าให้ดี เพื่อยามนั้นจะได้พานพบกับคนสกุลเซี่ยอีกครา” หนนี้ชีหยวนเองก็ช้อนสายตาขึ้นสบตากับเขา ก่อนจะกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ: “ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง ท่านอ๋องโปรดวางใจ พวกเราจะต้องสมปรารถนาทุกสิ่งอย่างแน่นอน” รถม้ามิได้หยุดที่ภูเขาป๋ายอวิ๋นซาน แต่กลับเคลื่อนตรงต่อไปบนทางหลวง มุ่งตรงไปยังเหอหนาน กลุ่มคนสองฝ่ายที่ติดตามรถม้ามาตลอดแยกจากกันทันที ภายในจวนอ๋องฉี อ๋องฉีกำลังพินิจมองเกาทัณฑ์แขนเสื้อคันนั้น แววตามืดครึ้มไร้ประกายสว่าง ขันทีสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุด ก่อนจะก้มศีรษะลงและกล่าวรายงานว่า: “ท่านอ๋อง พวกเขากลับมาแล้วขอรับ” อ๋องฉีรับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะโบกมืออย่างเย็นชา: “ให้พวกเขาเข้ามา” ขันทีสวีเดินนำองครักษ์คนหนึ่งเข้ามาด้านใน จากนั้นตนเองก็ออกไปจัดการปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ภายในห้องพลันมืดลงทันใด “ท่านอ๋อง!” องครักษ์คุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นก่อน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว: “คุณหนูใหญ่ช
ความจริงอ๋องฉีเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะเหตุใด ถึงได้ยึดติดกับชีหยวนถึงเพียงนี้ ทั้งที่ชาติก่อนตอนเขาสิ้นลมหายใจตายในมือของชีหยวน สิ่งที่คิดไว้ในใจคือต่อให้ลงนรกก็จะไม่มีวันปล่อยนางชั้นต่ำผู้นี้ไปเด็ดขาด แต่เมื่อถึงคราวได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง จิตใต้สำนึกของเขาก็ยังคงเป็นการรีบตามหาตัวชีหยวนให้เจอโดยเร็ว เขาเองก็ส่งคนไปที่ชนบทเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ช้าไปก้าวเดียว กว่าคนของเขาจะหาตัวเจอ ชีหยวนก็กลับมาถึงจวนโหวแล้ว มิหนำซ้ำยังสร้างความวุ่นวายให้จวนโหวไปไม่น้อยด้วย เพียงแต่ เขาก็ยังคงมิได้รู้สึกว่าเรื่องนี้จะมีอะไรเลวร้าย กลับมาจวนโหวได้แล้วก็ดี เขาจะได้ให้หานเยว่เอ๋อร์จับตาดูนางเอาไว้ เพียงแต่น่าเสียดาย ที่ชีหยวนยังคงดื้อรั้นหัวแข็งเหมือนชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน หลังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นางก็ยังเลือกที่จะผูกพันธมิตรกับเซียวอวิ๋นถิงเพื่อมาจัดการเขา ก่อนหน้านี้เขาโกรธมาก และอยากจะสังหารชีหยวนให้ตายเช่นกัน อันที่จริง ตอนอยู่ที่จวนอ๋องโจว เขาเกิดจิตสังหารขึ้นมาแล้วจริง ๆ สังหารชีหยวนแล้ว ท่าทีของชีหยวนที่มีต่อสกุลหลิ่ว ก็คือท่าทีแบบเดียวกันที่มีต่อเขา! นางยังเคีย
ว่าตามเหตุผลแล้ว อ๋องฉีควรอยู่แต่ในเรือนอย่างสงบเรียบร้อยถึงจะเป็นการดีที่สุด แต่ชัดเจนว่าอ๋องฉีไม่มีความคิดนี้อยู่เลย คิดได้ถึงตรงนี้ สายตาของหลิ่วจิงหงก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามอย่างทนไม่ไหว: “ท่านอ๋อง เมื่อวานท่านไปที่จวนอ๋องโจวมาใช่หรือไม่ขอรับ?” สีหน้าของอ๋องฉีพลันเปลี่ยนไปทันใด ก็หันขวับกลับมาขึงตาจ้องหลิ่วจิงหง หลิ่วจิงหงสืบเท้าถอยไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ แต่ไหนแต่ไรมาเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับหลานชายคนนี้มาโดยตลอด อยู่ใต้อิทธิพลของหลิ่วกุ้ยเฟย เฉกเช่นเดียวกับอ๋องฉี ส่งผลให้พวกเขาซึ่งเป็นญาติกันทางฝ่ายมารดาสนิทสนมใกล้ชิดกันมากเป็นที่สุด ทว่าระยะนี้ เขามีความรู้สึกอยู่เสมอว่าอ๋องฉีดูคล้ายเปลี่ยนไปแล้ว ในทุกการกระทำรวมถึงทัศนคติที่มีต่อสกุลหลิ่ว ล้วนเผยให้เห็นถึงความห่างเหินชัดเจน การเปลี่ยนแปลงนี้ หลิ่วจิงหงเองก็ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด และเพราะว่าไม่รู้ จึงรู้สึกกังวลและเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก หลิ่วจิงหงเริ่มเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวขององครักษ์ลับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้น เมื่อวานครั้นได้ยินฮูหยินใหญ่หลิ่วบอกว่าชีหยวนประจันหน้ากับนักฆ่าที่จวนอ๋อง
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก
วันขึ้นปีใหม่ ทั่วทั้งเมืองต่างพากันจุดประทัดและดอกไม้ไฟเสียงประทัดดังสนั่นทำให้ชีหยวนนอนไม่หลับ นางตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าโดยปกติแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปคำนับผู้ใหญ่ตอนเช้าและเย็น แต่เพราะวันนี้เป็นวันปีใหม่ อีกทั้งนางก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในตระกูลชี ดังนั้นนางจึงไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าชีที่เรือนเมื่อเห็นนางมา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ดีใจเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไรดีทั้งยังรู้สึกโชคดีในใจ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นั้นต้องค่อย ๆ สร้างขึ้นจริง ๆดังนั้นเมื่อชีหยวนบอกว่าอยากไปที่บ้านพักชนบทของตระกูล ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใดเดิมทีชีหยวนก็แตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปอยู่แล้ว นางจึงไม่ใช้ข้อบังคับแบบเดียวกันกับชีหยวนนางไม่เพียงแต่อนุญาตโดยไม่ลังเล อีกยังเตรียมข้าวของให้นางมากมาย พร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ถ้าเจ้าชอบเด็กสาวสองคนที่นั่นจริง ๆ ก็พาพวกนางกลับมาก็ย่อมได้”ชีหยวนปฏิเสธเสียงแข็งทันทีบางทีสำหรับหลีฮวาและชิงเถา นี่อาจเป็นทางออกที่ดีแต่ในเมื่อมีวาสนาพบเจอกันแล้ว นางก็ไม่อยากให้พวกนางต้องเป็นทาสรับใช้ใคร มีชีวิตที่ไร้อิสระ มิเช่นนั้นคงไม่ให้พวกนางอ่านเขียนตั้งแต
ผู่อู๋ย่งจึงหันมามองเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “เจ้าเป็นหลานของขันทีสวี”ขันทีน้อยยิ้มพลางตอบรับผู่อู๋ย่งพยักหน้าเบา ๆ “เมื่อองค์หญิงเสด็จไปแล้ว เจ้าก็มาติดตามข้า ดีหรือไม่?”คำพูดมีเหตุมีผล ถ่ายทอดสารได้ชัดถ้อยชัดคำ ดูท่าแล้วน่าจะเคยเรียนหนังสือมาก่อน เป็นต้นกล้าดีที่สามารถเก็บไว้ฝึกฝนข้างกายได้จะปล่อยให้พวกโจรสลัดตงอิ๋งได้ไปง่าย ๆ ทำไมกัน?เสี่ยวสวีจื่อ รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะทันที “ขอบพระคุณปู่บุญธรรมที่เมตตา ข้าน้อยจะฟังแต่บัญชาขององค์หญิงและคำสั่งของท่านเท่านั้นขอรับ!”ผู่อู๋ย่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สุดท้ายก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์หญิงเป่าหรงแต่ก่อนยามพบองค์หญิงผู้นี้ นางมักทรงภูษาล้ำค่า ระยิบระยับด้วยไข่มุกและอัญมณี งามสง่าเกินผู้ใดทว่ายามนี้ นางเพียงปล่อยผมหลุดลุ่ย ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ไม่แม้แต่จะเผยแววอารมณ์ใดมากนักกลับทำให้ผู่อู๋ย่งมององค์หญิงผู้นี้ใหม่อีกครั้ง “องค์หญิงไม่กลัวหรือ?”“กลัวแล้วมีประโยชน์ใด?” องค์หญิงเป่าหรงลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วหันมาจ้องผู่อู๋ย่ง “ไม่ต้องพูดพร่ำให้มากความ ทั้งข้าและจวนกั๋วกงต้องตกต่ำถ
ผู่อู๋ย่งยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาไปสืบเรื่องราวในอดีตของชีหยวนปีใหม่นี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดนักปีก่อนๆ เขาเคยได้ติดตามไปไหว้บรรพชนที่ศาลบูรพกษัตริย์ เป็นผู้ถวายธูปและส่งธูปให้ฮ่องเต้หย่งชาง แต่ปีนี้กลับกลายเป็นขันทีเซี่ยก็ช่างเถิด พอฮ่องเต้หย่งชางเสด็จกลับวัง เรียกขุนนางใหญ่ของสำนักขุนนางหลวงเข้าเฝ้า แต่ก็ยังไม่ได้เรียกเขาไปด้วยนี่ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!ผู่อู๋ย่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าเหตุใดตนจึงถูกฮ่องเต้หย่งชางเมินเฉยเช่นนี้เมื่อก่อนเขามีความสัมพันธ์อันดีกับจวนฉู่กั๋วกง เมื่อครั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน เขาก็เคยเอ่ยวาจาช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้งเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้โปรดปรานทั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและจวนฉู่กั๋วกง เรื่องนี้ได้นำพาผลประโยชน์มาให้เขาไม่น้อยแต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นมลทินของตัวเขาผู่อู๋ย่งสีหน้ามืดหม่น สวมผ้าคลุมเดินไปตามเส้นทางยาวเหยียดกำลังจะกลับเรือนพักของตน ก็เห็นขันทีน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตารอเขาอยู่ที่หัวมุมอย่างนอบน้อม เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขันทีน้อยพอเห็นเขาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยเสียงประ
สำหรับนางแล้ว ปีนี้คือปีแห่งการเกิดใหม่ สองขาแข็งแรงดียังไม่ถูกตัดทิ้ง เป็นปีที่มิได้ถูกชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงดูแคลนเป็นจุดจบที่สวยงาม และการเริ่มต้นที่งดงามนางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเหลียนเฉียวรับเงินไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วอุทานว่า “คุณหนู นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”ชีหยวนอุ้มอาหวงเงยหน้ามอง เห็นโคมลอยดวงหนึ่งลอยละลิ่วลงมาตรงกับศีรษะนางพอดีนางขมวดคิ้วทันที ระแวงโดยสัญชาตญาณว่าในนั้นอาจมีผงยาไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงลอยมาตกในเรือนของนางพอดิบพอดีถึงเพียงนี้?นางรีบสั่งให้ทุกคนแยกตัวออกห่างใครจะรู้ว่าโคมลอยนั้นแค่ลอยละล่องแล้วร่วงลงมา ไป๋จื่อร้องอุทาน หยิบพู่หยกที่เปล่งประกายเรืองรองชิ้นหนึ่งจากในโคมขึ้นมา “คุณหนู นี่คือเครื่องรางของอารามไป๋อวิ๋นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?!”ในเหมืองแร่บนเขาไป๋อวิ๋นมีหยกเรืองแสงเช่นนี้ แต่ได้ยินว่าขุดได้ยากนัก ดังนั้นแล้ว ทุกปีที่มีผู้คนไปขอเครื่องรางในช่วงปีใหม่ น้อยคนนักที่จะขอได้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในโคมลอยเล่า?ชีหยวนหลุบตาลง เอ่ยเสียงขรึมกับไป๋จื่อว่า “เก็บใส่กล่องไว้เถิด”เมื่ออ๋องฉีกลับถึงจวนอ๋องแล้ว มองเห็นโคมไฟแขวนอยู่เ