ชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าก็เข้าใจแล้ว!ชีหยวนจะพูดว่านางถูกองค์หญิงใหญ่รับตัวไป แต่ความจริงแล้วนางกลับเปลี่ยนเส้นทางกลางทางด้วยเหตุนี้ อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วจึงอาจคิดว่านางมีเจตนาแอบแฝง สงสัยว่านางรู้เรื่องข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูก จึงไปหาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกชีเจิ้นหัวใจเต้นรัว ลดเสียงลงแล้วถามว่า “ข้าต้องทำอะไร?”“ทูลรายงานฝ่าบาท แล้วออกจากเมืองหลวงในคืนนี้” ชีหยวนมองเขา “ท่านพ่อ นี่เป็นโอกาสเดียวของท่าน หาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกให้พบ แล้วพาพวกเขากลับมาเมืองหลวง มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ท่านถึงจะหลุดพ้นจากอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้”จากที่ดูมา ชีหยวนมั่นใจจริงๆ ว่าการที่พระชายาหลิ่วกับลูกเกิดเรื่องในปีนั้นไม่ใช่ฝีมือตระกูลเฝิงไม่อย่างนั้นจากความสัมพันธ์ของชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อฝ่ายองค์รัชทายาทชีเจิ้นสูดหายใจลึก “ได้! แต่ถ้าพระชายาหลิ่วเกลียดชังตระกูลเฝิงมากกว่าเดิม…...”ชีหยวนยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอกเจ้าค่ะ นางเป็นลูกของภรรยาเอก ตระกูลหลิ่วที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีเพียงนางผู้เดียวที่เกิดเรื่องร้าย ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแต่สุขสบายร่ำรวย นางไม่ใช่คนโง่ นางย่อมว่าจ
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเองความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้างเป็นติงเฉิงหย่ง!สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริงแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัวนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวงหลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนางทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อ
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไปที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยากคิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หัวหน้าหม
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี
อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั
สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน
ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย
ชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าก็เข้าใจแล้ว!ชีหยวนจะพูดว่านางถูกองค์หญิงใหญ่รับตัวไป แต่ความจริงแล้วนางกลับเปลี่ยนเส้นทางกลางทางด้วยเหตุนี้ อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วจึงอาจคิดว่านางมีเจตนาแอบแฝง สงสัยว่านางรู้เรื่องข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูก จึงไปหาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกชีเจิ้นหัวใจเต้นรัว ลดเสียงลงแล้วถามว่า “ข้าต้องทำอะไร?”“ทูลรายงานฝ่าบาท แล้วออกจากเมืองหลวงในคืนนี้” ชีหยวนมองเขา “ท่านพ่อ นี่เป็นโอกาสเดียวของท่าน หาพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกให้พบ แล้วพาพวกเขากลับมาเมืองหลวง มีแต่วิธีนี้เท่านั้น ท่านถึงจะหลุดพ้นจากอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้”จากที่ดูมา ชีหยวนมั่นใจจริงๆ ว่าการที่พระชายาหลิ่วกับลูกเกิดเรื่องในปีนั้นไม่ใช่ฝีมือตระกูลเฝิงไม่อย่างนั้นจากความสัมพันธ์ของชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อฝ่ายองค์รัชทายาทชีเจิ้นสูดหายใจลึก “ได้! แต่ถ้าพระชายาหลิ่วเกลียดชังตระกูลเฝิงมากกว่าเดิม…...”ชีหยวนยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอกเจ้าค่ะ นางเป็นลูกของภรรยาเอก ตระกูลหลิ่วที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีเพียงนางผู้เดียวที่เกิดเรื่องร้าย ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแต่สุขสบายร่ำรวย นางไม่ใช่คนโง่ นางย่อมว่าจ
ชีเจิ้นจะไม่เสียใจได้อย่างไร?เขาแค่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเลยเท่านั้น” ทำหน้าเคร่งขรึมพลางจิบชา เขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่า “ท่านพ่อ เด็กคนนี้ออมมือไว้แล้ว”ไม่อย่างนั้น คงไม่ใช่แค่ทำให้หลิ่วหมิงจูล้มเจ็บจนเกือบตาย หากนางอยากทำจริงๆ คงสามารถเหวี่ยงหลิ่วหมิงจูให้ตายตรงนั้นได้เลยท่านโหวผู้เฒ่าลูบหนวดของตัวเอง “ไปกันเถอะ ไปถามนางให้รู้เรื่อง”ชีหยวนเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วและไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าชีฮูหยินรองชีที่ตกใจจนเกินไป ถูกฮูหยินผู้เฒ่าชีสั่งให้กลับไปพักผ่อนแล้วทันทีที่นางเข้าประตูไป เห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าชี ท่านโหวผู้เฒ่า และชีเจิ้นนั่งอยู่สามคนเมื่อเห็นนางเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็กวักมือเรียก “หยวนหยวน มานั่งข้างย่านี่”ชีหยวนเดินไปนั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่าชีเหลือบมองชีเจิ้นที่เอาแต่มองตนเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ก่อนจะเลิกคิ้วถาม “คนของตระกูลหลิ่วมาที่นี่แล้วหรือเจ้าคะ?”ชีเจิ้นมีสีหน้าซับซ้อนพร้อมตอบรับเสียงอืม “เรื่องคราวนี้ มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเจ้าถึงไปยุ่งกับตระกูลหลิ่ว?”“เป็นคนของตระกูลหลิ่วที่ให้จวนอ๋องโจวส่งเทียบเชิญมาให้ข้า” ชีหยวนพูดรวบรัด
คุณหนูใหญ่หลิ่วไม่เหมือนกับใครคนอื่นก่อนหน้า!นี่คือบุตรสาวแห่งจวนกั๋วกง และยังเป็นหลานสาวของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยด้วย!ฮูหยินรองตระกูลชีรีบส่ายหัวอย่างเร็วพลัน: “ไม่เจ้าค่ะ ไม่เจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตาลง ถอนหายใจยาว ทันใดนั้นก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้ในใจ กระทำกับชีหยวนเช่นนี้ แต่ชีหยวนกลับไม่ทำอะไรคุณหนูหลิ่วเลยหรือ?เป็นไปได้อย่างไร!ยังดีที่ท่านโหวผู้เฒ่าตอบสนองค่อนข้างเร็ว เขาถามต่อ: “แล้วหลังจากนั้นเล่า?”“หลังจากนั้น หยวนหยวนขึ้นไปบนหลังม้าของคุณหนูใหญ่หลิ่ว ไม่รู้ทั้งสองทะเลาะกันอย่างไร คุณหนูใหญ่หลิ่วก็พลัดตกจากหลังม้า…...”จะว่าไป ความอัดอั้นในใจมานานของชีเจิ้นถึงกับคลายลงทันทีอ้อ ก็ดี เป็นนิสัยของชีหยวนจริงๆเขาว่าแล้ว ชีหยวนจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่ายกถ้วยชาขึ้นจิบ ยังไม่ทันได้วางถ้วยชา แม่บ้านหญิงที่อยู่ด้านนอกก็รายงานผ่านม่านว่า: “ท่านโหวผู้เฒ่า ท่านโหว ฮูหยินผู้เฒ่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”มาในเวลานี้ คงไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าเพื่อเรื่องอะไรท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นสบตากัน พร้อมใจลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วเดินออกไปคนที่มาเป็นคุณชายรอ
เมื่อฮูหยินรองตระกูลชีกลับมาถึงจวนตระกูลชี ม้าเหงื่อโลหิตพร้อมกับของกำนัลไถ่โทษจำนวนมากจากจวนอ๋องโจว ก็ถูกส่งมาถึงก่อนหน้าแล้วเมื่อมองไปยังม้าเหงื่อโลหิตที่เปล่งประกายเป็นสีทองภายใต้แสงแดดนั้น ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆขันทีน้อยจากจวนอ๋องโจวมองพวกเขาแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลชีจะเลี้ยงดูคุณหนูที่เก่งกาจอย่างคุณหนูใหญ่ชีได้ ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวเองก็เป็นคนสุขุมและนิ่งมากของจำนวนมากถูกส่งมาขนาดนี้ แต่ทั้งสองท่านกลับไม่ถามหาเหตุผลแม้แต่คำเดียวชีเจิ้นรู้สึกชาไปหมด เขามีสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อเห็นหลิวจงเดินไปส่งขันทีน้อยออกไปด้วยท่าทางสุภาพเขาหันไปมองท่านโหวผู้เฒ่าแล้วพูดว่า: “ในบรรดาม้าเหงื่อโลหิตห้าตัวที่เขตตะวันตกส่งถวายมาให้ฮ่องเต้ ฝ่าบาทพระราชทานให้อ๋องเจิ้งหนึ่งตัว อ๋องฉีหนึ่งตัว และอ๋องโจวอีกหนึ่งตัว…...”แต่ตอนนี้เจ้าสิ่งนี้ถูกชีหยวนนำกลับมาที่จวนแล้วชีเจิ้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด: “นางไปทำอะไรอีกแล้ว?”ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า ชีหยวนฆ่าอ๋องโจว คาดว่าเขาก็คงไม่ตกใจเกินไปเพราะถูกทำให้ตกใจมาม
ในที่สุดฮูหยินใหญ่หลิ่วก็ทนไม่ไหว: “เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักอายนะ! เรื่องวันนี้......”“เรื่องวันนี้ได้ข้อสรุปแล้ว!” ชีหยวนขัดคำพูดของนาง: “มีสายตามากมายที่มองเห็น ไม่ใช่ว่าพวกท่านจะบอกว่าเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์ก็จะเป็นเรื่องที่ว่าเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์ได้ ไม่มีเด็กน้อยโมโหใส่อารมณ์แล้วต้องการปลิดชีพคน!”ช่างเป็นเด็กสาวที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว!แต่หลิ่วจิงหงยังคงยิ้มมองนาง: “คุณหนูใหญ่ชีช่างองอาจยิ่งนัก แต่หวังว่าจะองอาจแบบนี้ไปตลอดนะ”ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆคิดว่าชนะการแข่งตีคลีหนึ่งครั้ง ชนะคุณหนูใหญ่แห่งจวนฉู่กั๋วกง แล้วจะเก่งมากหรือไงกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคืออำนาจที่แท้จริงแม้แต่ท่านโหวเฒ่าหรือชีเจิ้นแห่งจวนหย่งผิงโหว ยังต้องให้ความเคารพต่อหน้าเขาแต่หญิงบ้าคนนี้กลับคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริงๆน่าขันและน่าสมเพชชีหยวนยังคงยิ้มมองเขา: “ขอรับคำอวยพรของซื่อจื่อ ข้าน้อยคิดว่าข้าน้อยจะองอาจแบบนี้ไปตลอดจริงๆ”ท่าทางของนางนี่ทำให้ฮูหยินใหญ่หลิ่วโมโหจนแทบจะบ้าคลั่งแม้แต่ตอนที่เดินออกไปไกลแล้ว ฮูหยินใหญ่หลิ่วยังรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ไม่วายหันไปถามหลิ่วจิงหง: “เรื่องวั
“ไม่มีอะไร” ชีหยวนไม่ต้องการเอ่ยถึงอ๋องฉีท่าทางของเขาเมื่อครู่ที่ตั้งคำถามนางอย่างมั่นใจว่าทำไมต้องฆ่าเขาช่างน่าขันเหลือเกินนางเพียงตอบด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “เกรงว่าคงต้องเปลี่ยนแผน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้าก็เหมือนกับเขา เป็นคนที่สามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ ถ้าจะให้พ่อของข้าปล่อยข่าวของพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกอีก เขาก็คงไม่เชื่อแล้ว”วันนี้อ๋องฉีต้องการฆ่านางเป็นเรื่องจริง ต้องการทดสอบนางก็เป็นเรื่องจริงแต่เมื่อคิดๆ ดูก็ไม่น่าแปลกใจเพราะตั้งแต่นางได้เกิดใหม่ นางก็เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ไปมากมายอ๋องฉีในเมื่อเกิดใหม่เช่นกัน การที่จะรู้ว่านางมีบางอย่างผิดปกติก็เป็นเรื่องปกตินางไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากนักเซียวอวิ๋นถิงก็เข้าใจความหมายของชีหยวนทันทีก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนว่าจะเผยข่าวของพระชายาหลิ่วล่วงหน้าให้อ๋องฉีรู้ เพื่อล่อให้อ๋องฉีลงมือ จากนั้นก็จับตัวเขาพร้อมหลักฐานแต่ตอนนี้ในเมื่ออ๋องฉีรู้ถึงไพ่ตายของพวกเขาแล้ว เขาก็คงจะไม่เชื่อถือพวกเขาหรือแม้แต่ชีเจิ้นอีกต่อไปแผนล่อนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาเซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เช่นนั้นก็ให้พ่อของเ
พูดไปแล้ว ชีหยวนคนนี้นับว่าเป็นผู้เล่นการเมืองที่เหมาะสมทีเดียวทั้งหน้าหนาและพลิกสถานการณ์เก่ง ขุนนางอาวุโสในราชสำนักอีกตั้งหลายคนก็ยังไม่หน้าหนาเท่านางแต่ถึงจะชื่นชมในจุดนี้ มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดีเขาพูดปลอบใจลูกสาวไม่กี่คำ แล้วหันไปพูดกับฮูหยินใหญ่หลิ่วว่า: “ไป ไปพบกับคุณหนูใหญ่ชีผู้นี้สักหน่อย”ชีหยวนกำลังพูดคุยอยู่กับเซียวอวิ๋นถิงอันที่จริงอาการบาดเจ็บของนางนั้นหนักมากตอนที่ตกจากหลังม้า นางกระแทกเข้าที่หลังเต็มๆ เมื่อครู่หมอหลวงหูเพิ่งตรวจดู อดเดาะปากไม่ได้ ไม่รู้ว่านางทนมาถึงตอนนี้ได้อย่างไรจนกระทั่งตอนนี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเซียวอวิ๋นถิง สีริมฝีปากของนางยังดูซีดขาวเล็กน้อยเซียวอวิ๋นถิงทำหน้าตึงมองดูนางที่ยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมดื่มชาหมดถ้วยรวดเดียว ในที่สุดก็อดถามไม่ได้: “เจ้าไม่มีอะไรอยากจะพูดกับข้าบ้างเลยหรือ?”ชีหยวนมองเขาอย่างแปลกใจ:“แน่นอนว่ามี ท่านอ๋อง เมื่อครู่นักฆ่าที่แอบซ่อนในห้องมิใช่คนของฮูหยินใหญ่หลิ่วพวกนาง ท่านทราบหรือไม่ว่าเป็นใคร?”......ช่างไม่ตรงประเด็นเลยจริงๆ!เซียวอวิ๋นถิงอดไม่ได้ที่จะลดเสียงลงด้วยถามความโกรธ: “ข้าไม่ได้ถ
น้ำตาของฮูหยินใหญ่หลิ่วยังเกาะอยู่บนใบหน้า นางกำหมัดแน่น กัดฟันพูดอย่างโกรธแค้นว่า: “ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายถึงขนาดนี้มาก่อน!”เสียงของนางสั่นเล็กน้อย: “นางเด็กคนนั้นมันช่างเป็นคนที่ดื้อด้าน ไม่มีความละอายใจเลยสักนิด! พูดจาเสียดแทงก็ไม่สะทกสะท้าน สาดน้ำใส่ก็ไม่ขยับ!”หนาหน้าเหมือนกำแพงเมืองก็ไม่ปาน!ถ้าเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานคนอื่น แม้คำพูดรุนแรงแค่คำเดียวก็แทบรับไม่ไหวแล้วแต่ชีหยวนนั้นกลับไม่ใช่เช่นนั้น ใครด่านางคำหนึ่ง นางก็สวนกลับไปอีกคำ ไม่ว่าจะพูดอย่างมีหลักการหรือด่าอย่างไม่เลือกถ้อยคำ นางก็ตอบโต้ได้แบบเจ็บแสบฮูหยินใหญ่หลิ่วไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน!หลิ่วจิงหงมองดูภรรยา เห็นนางที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย ก็รู้ทันทีว่านางโกรธจนทนไม่ไหวแล้วเขาหรี่ตาลงเล็กน้อย: “ยากรับมือขนาดนั้นเชียวหรือ?”ฮูหยินใหญ่หลิ่วสะอื้น: “ยากกว่าทุกคนที่ข้าเคยเจอ! จะว่าอย่างไรดี…... อย่างไรเสียนางไม่มีความละอายใจเลย และไม่ยอมอยู่ในกฎเกณฑ์…...”กล้าพูดทุกสิ่ง กล้าทำทุกอย่างในใจฮูหยินใหญ่หลิ่วเริ่มเสียใจ ทำไมต้องช่วยองค์หญิงระบายความโกรธจนทำให้ลูกสาวต้องมาเผช
ฮูหยินใหญ่หลิ่วหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา: “คนอย่างเจ้าที่เป็นตัวก่อภัย ผู้ที่อยากฆ่าเจ้าก็คงมีมากมายเหมือนปลาไนที่ข้ามแม่น้ำ ใครจะไปรู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ!”คิดแล้วนางก็กล่าวเย้ยหยัน: “หรือว่า ต่อไปถ้าเจ้ามีเคราะห์ร้ายอะไร ก็จะโทษว่าเป็นพวกเราทั้งหมดให้ได้?!”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” ชีหยวนตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย: “เช่นนั้น ฮูหยินใหญ่หลิ่วควรภาวนาให้ข้ารอดชีวิตไปจนแก่เฒ่า มิอย่างนั้น ข้าเคยมีปัญหากับพวกท่านเท่านั้น คนที่อยากฆ่าข้าก็มีแต่พวกท่าน ถ้าข้าตายขึ้นมา ผู้ต้องสงสัยที่สุดก็ต้องเป็นพวกท่านนั่นแหละเจ้าค่ะ!”……นางชั้นต่ำ! ช่างชั้นต่ำเสียจริง!เซียวอวิ๋นถิงที่ไม่ได้พูดอะไร กระแอมออกมาเบาๆ ทำให้ทุกคนสนใจเขาสำหรับพระราชนัดดาองค์โตที่กำลังเริ่มโดดเด่นในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชาง ทุกคนย่อมไม่กล้าล่วงเกินเขาอ๋องโจวหันมองเซียวอวิ๋นถิง น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย: “เรื่องนี้ ข้าจะให้คนตรวจสอบให้ชัดเจน ถึงเวลานั้นก็จะให้คำตอบที่เหมาะสมแก่คุณหนูใหญ่ชี”เซียวอวิ๋นถิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ: “ท่านปู่น้อย การแข่งตีคลีที่ดีๆ ซึ่งเป็นงานสำคัญประจำปีในเมืองหลวง ควรจะตรวจสอบอย่างจริงจัง มิฉะนั้น หากเกิด