Share

บทที่ 137  

Penulis: ฉินอันอัน
นางหวังไม่อยากเชื่อสายตา

นับแต่ชีหยวนกลับมา ชีเจิ้นก็ลงมือทำร้ายทุบตีชีอวิ๋นถิงแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้ง บัดนี้ถึงคราวตนเองแล้วหรือ?

นางดาววิปโยคนั่นมันมีความสามารถล่อลวงจิตใจคนได้ขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ชีเจิ้นหลงผิดได้ถึงเพียงนี้?

นางถูกตบจนร่างกายโอนเอน ยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้พลางโผเข้าใส่ชีเจิ้น “ชีเจิ้น นี่ท่านกล้าตบข้าหรือ!”

หลายปีที่ผ่านมาสองคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด และไม่เคยมีครั้งใดจะทะเลาะกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงไม้ลงมือเลย

ทว่าบัดนี้ ชีเจิ้นกลับตบหน้านาง เพียงเพื่อเข้าข้างชีหยวน!

เส้นเลือดในดวงตาของชีเจิ้นแตกเป็นฝอย ได้ยินนางหวังเอ่ยเช่นนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะเยียบเย็นออกมา พลางเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ใช่ ข้านึกเกลียดตนเองนักที่ยังตบเจ้าไม่แรงพอ!”

เขาดึงข้อมือของนางไว้ และลากนางเดินตามมาตลอดทางกระทั่งเข้าไปในเรือนของท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่า

กลางดึกสงัด เดิมทีท่านโหวผู้เฒ่ากำลังคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า ครั้นได้ยินเสียงเอะอะก็สะดุ้งตกใจ

ฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้านางหวัง และเห็นสีหน้าของชีเจิ้นดูโหดเหี้ยมไร้ความปรานี สีหน้ามืดครึ้มลงทันใด “ชี
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 138  

    เป็นบ้าไปแล้วหรือ?! พวกคนใช้ล้วนก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากตอบคำถามแม้เพียงคนเดียว ชีอวิ๋นถิงยิ่งรู้สึกกรุ่นโกรธ ง้างมือขึ้นเขวี้ยงหมอนกระเบื้องในมือออกไป กระแทกโดนศีรษะของสาวใช้คนหนึ่งเลือดไหล หมอนกระเบื้องใบนั้นแตกแล้ว ศีรษะของสาวใช้ก็แตกเช่นกัน นางกรีดร้องร่ำไห้ออกมาโดยไม่สนใจกฎระเบียบใดแล้ว เสียงกรีดร้องนั้นทำให้คนทั้งเรือนสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่นานนักเกาเจียก็เข้ามา ครั้นสั่งให้คนพาสาวใช้เล็กคนนั้นออกไปทำแผลห้ามเลือดเรียบร้อย ก็หันมาเผชิญหน้ากับชีอวิ๋นถิงพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “คุณชายใหญ่เจ้าคะ ท่านได้โปรดทำตัวสงบเสงี่ยมด้วยเถิดเจ้าค่ะ” หากเป็นเมื่อก่อน ถ้อยคำเฉกเช่นนี้นางไม่มีวันพูดออกมาแน่ และไม่มีสิทธิ์จะพูดออกมาได้เสียด้วยซ้ำไป ชีอวิ๋นถิงเดือดดาลถึงที่สุดแล้ว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าทำตัววางอำนาจต่อหน้าข้าเช่นนี้! ข้าถามเจ้า ว่าพวกเจ้ากำลังทำบ้าอะไร เก็บข้าวของแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร?!” สายตาของเกาเจียดูแปลกไปเล็กน้อย “คุณชายใหญ่ เนื่องด้วยท่านมีนิสัยโหดเหี้ยมทารุณ ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวจึงมีคำสั่งว่า จะส่งท่านไปฝึกตนขัดเกลาจิตใจที่ภูมิลำเน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 139  

    เสมือนอสนีบาตฟาดลงมาจากท้องฟ้า แขนขาของนางหวังเย็นวาบ ได้แต่ชี้หน้าชีหยวนทว่าพูดไม่ออกสักคำเดียว เพราะนางไม่ลงรอยกับเรือนมารดาของนางจริง ๆ พิธีสมรสในตอนนั้น ความจริงแล้วไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของพี่หญิงของนางซึ่งเกิดจากสายเลือดหลัก ทว่านางหลงรักชีเจิ้นตั้งแต่แรกพบ จึงเอาชีวิตตนเองไปข่มขู่ ขอร้องให้ท่านพ่อเปลี่ยนใบเกิงเถี่ยที่บันทึกวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากของคู่หมั้นไว้ และยึดพิธีสมรสนี้มาเป็นของตนเอง เรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งสิ้น ฮูหยินผู้เฒ่าหวังและคนตระกูลหวังล้วนแต่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้รั่วไหลไปสู่คนภายนอก และนางยิ่งไม่ต้องการ! เหตุใดชีหยวนกลับรู้เรื่องนี้ได้?! “เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?” นางถลึงตา ชี้หน้าชีหยวนพลางถามด้วยเสียงสั่นเครือ ชีหยวนเลื่อนมือขึ้นชี้หน้าตนเองด้วยสีหน้าเย็นชา “อะไรกัน ใบหน้าดวงนี้ยังยืนยันไม่ได้อีกหรือ? ฮูหยิน ข้าเคยเคารพท่านเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้อยคำเหล่านี้ เมื่อก่อนข้าจึงไม่พูดมันออกมา” นางหวังกำอกเสื้อของตนเองแน่น รู้สึกว่าตนเองเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ชีหยวนกลับกระชากข้อมือของนางไว้ มองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แต่บัดนี้ ข้ากลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 140  

    เรื่องระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแล้ว แม้ตระกูลเซี่ยงจะมิได้พูดอะไรต่อหน้า ทว่าคนที่รอชมความครึกครื้นหาได้สนใจว่าเจ้าจะพูดหรือไม่พูด ฉะนั้นในยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว ทั้งฮูหยินรองตระกูลชีและฮูหยินสามตระกูลชีต่างก็ทอดถอนใจออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ามองพวกนางทั้งสองคนปราดหนึ่ง ก็เอ่ยกำชับอย่างราบเรียบว่า “พวกเจ้าเองก็ต้องควบคุมความประพฤติของพวกเด็ก ๆ ให้ดี ให้พวกเขารู้จักสำรวมวาจาระมัดระวังการกระทำด้วย!” เรื่องที่ฮูหยินตระกูลชีไปจากจวน เสมือนวัวดินจมทะเล นิ่งเงียบไร้ซึ่งคลื่นลมใด ๆ ขณะเดียวกันภายในวังหลวง เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่แต่งหน้าอย่างประณีตงดงามพลันวางเตาอุ่นมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ตะคอกเสียงแข็งด้วยสายตาเย็นชาใบหน้าบูดบึ้งขมึงถึง “เจ้าไม่รู้จักข่มอารมณ์ได้เลยจริง ๆ!” ขณะเดียวกัน อ๋องฉีที่นั่งอยู่บนตั่งคนงามตรงข้ามนางก็หยัดกายขึ้นมา พลางผุดยิ้มอย่างไม่แยแส “เสด็จแม่ หาใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกอย่าง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ?” เด็กที่ถูกเอาใจจนโตมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยต้องได้รับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยขมว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 141

    อ๋องฉีย่างเท้าไปยังตำหนักไท่จี๋เขาที่ได้รับความโปรดปรานมาโดยตลอด การเข้าออกตำหนักไท่จี๋จึงเป็นเรื่องปกติ บางครั้งหากเฝ้าเสด็จฮ่องเต้หย่งชางดึกเกินไป ฮ่องเต้หย่งชางอาจอนุญาตให้เขาพักในตำหนักข้างด้วยซ้ำไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเกียรติเช่นนี้อย่างน้อยรัชทายาทก็ไม่เคยได้ดื่มด่ำกับมันฉะนั้นเขาจึงเป็นเหมือนปลาได้น้ำในตำหนักไท่จี๋มาโดยตลอด และครั้งนี้เขายังคงเอ้อระเหยลอยชายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องมิใช่ว่าแค่ถามเรื่องของหานเยว่เอ๋อเองรึ?เขากล้าที่จะทำ ก็จะไม่กลัวผลที่จะตามมาเซี่ยกงกงที่กำลังเท้าเอวดุว่าศิษย์หนุ่มของเขาอยู่ที่ทางเดิน เมื่อเห็นเขามา ก็ยิ้มตาหยีก้าวไปข้างหน้าพร้อมก้มคำนับ “ท่านอ๋องเชิญ”อ๋องฉีชะงักกับนกยูงสองตัวที่กำลังเดินเล่นอยู่ในทางเดินที่เขารู้ลู่ทางอย่างดี แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ไฉนเจ้าพวกนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้?”เซี่ยกงกงมองนกยูงทั้งสองตัวแล้วยิ้ม “พวกมันถูกนำมาถวายเป็นบรรณาการโดยอ๋องอันหนาน โดยกล่าวว่าพวกมันสามารถแผ่ขนและบินได้ เมื่อครู่นี้อ๋องอันหนานเพิ่งชื่นชมพวกมันพร้อมกับฝ่าบาท ประเดี๋ยวจะส่งพวกมันไปที่สวนทางใต้แล้วขอรับ”สวนทางใต้ได้เลี้ยงสัตว์ห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 142

    คาหนังคาเขา! ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มีหลักฐาน ไม่มีใครยัดเยียดความผิดไม่มีใครใส่ร้ายหัวใจของอ๋องฉีเต้นแรง เขาเพิกเฉยต่อเซียวอวิ๋นถิง เพียงแค่คุกเข่าคลานไปหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หย่งชางแล้วร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง: “เสด็จพ่อ! นี่ไม่เกี่ยวกับลูกจริงๆ คดีทุจริตทางน้ำเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย? เหตุใดลูกจึงต้องจะส่งคนไปฆ่าพยานอะไรนั่นด้วย?”เขากอดพระอุรุของฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า “เสด็จพ่อ จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านี่คือคนของลูกล่ะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!”เซียวอวิ๋นถิงเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด อ๋องฉีก็สามารถทำตัวออดอ้อนใสซื่อต่อฮ่องเต้หย่งชางได้เสมอทว่า ครั้งนี้ฮ่องเต้หย่งชางมิได้ทรงเหมือนแต่ก่อน ที่พลางยิ้มดุด่าว่ากล่าวก็ปล่อยเรื่องให้มันผ่านไปพระองค์ทรงตบหน้าอ๋องฉีไปฉาดหนึ่งเพราะมันไม่น่าเชื่อเกินไป อ๋องฉีถึงกับไม่ตอบสนองได้ในทันทีจนกระทั่งฮ่องเต้หย่งชางทรงยืนขึ้น และตบอ๋องฉีอีกครั้งด้วยความโทสะยิ่งขึ้นด้วยการตบสองครั้งในเวลาอันสั้น ตบจนมงกุฎหยกบนศีรษะของอ๋องฉีกระเซิงยุ่งไปอ๋องฉีถูกตบจนตกตะลึง ถึงแม้ว่าจางเหว่ยซุนจะถูกจับตัว จับได้ก็จับไปสิ ไฉนฮ่องเต้หย่งชางถึงพิโรธเยี่ยงน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 143

    จมูกของอ๋องฉีเคยหักตั้งแต่วัยเยาว์ ฉะนั้นหากจมูกได้รับกระทบกระเทือนสักเล็กน้อยก็จะมีเลือดไหลแม้ว่าหมอหลวงจะได้ตรวจดูอาการมาแล้วหลายครั้ง ล้วนกล่าวว่าไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด แต่หากได้เห็นภาพเลือดกำเดาที่ไหลอย่างรุนแรงด้วยตาตัวเองทุกครั้งล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยดั่งทองไม่รู้ร้อนเพราะมันทำให้คนตกใจได้จริงๆโดยเฉพาะฮ่องเต้หย่งชางที่จวนจะเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบโตและโปรดเขาเป็นพิเศษ เดิมทีพระองค์ก็มีโอรสเพียงไม่กี่องค์ รัชทายาทก็ยังเป็นเด็กขี้โรคที่ดูเหมือนว่าจะตายได้ทุกเมื่อถ้าเรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนโดยทันที สถานการณ์ภายหลังก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย“ไม่มีการสรุปทันที” เขากล่าวด้วยสีหน้าไม่ดีขณะนั่งอยู่ในโถงหลักของหอหมิงเยว่ไป๋จื่อยกน้ำชามาด้วยใบหน้าซีดเผือดตอนที่เซียวอวิ๋นถิงจู่ๆ ตกลงมาจากฟ้าในวันนี้ ทำเอานางตกใจเกือบตาย จนถึงตอนนี้นางยังคงรู้สึกตกใจอย่างมากชีหยวนเล่นกับประคำเล็กในมือ กล่าวด้วยเสียงเบาว่า “ไม่มีข้อสรุปทันที เรื่องนี้ก็จะโมฆะแล้ว”เซียวอวิ๋นถิงปล่อยลมหายใจออกมาช้าๆเขาใช้ความพยายามอย่างมากถึงสอบถามรายชื่อมาได้ และสืบทราบที่อยู่ของเงินจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 144

    แต่เดิมนางไม่ได้ให้ความสำคัญทว่าชีอวิ๋นถิงร้องโวยวายตั้งใจจะมาฆ่านางจริงๆแน่นอนว่า หากนางอ่อนแอกว่านี้และไม่มีคนของตระกูลชีหยุดเอาไว้ นางเชื่อว่า ชีอวิ๋นถิงคงจะลงดาบฆ่านางจริงๆ โดยไม่ลังเลนางยืนขึ้นไป๋จื่อหยุดนางไว้ทันที: “คุณหนู ท่านอย่าออกไปนะ! คุณชายใหญ่บ้าไปแล้วจริงๆ วันนี้ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวไม่อยู่บ้าน ใครจะหยุดเขาได้ล่ะเจ้าคะ!”นางพูดด้วยน้ำเสียงที่คลอไปด้วยน้ำตาว่า “ระหว่างทางกลับเขาได้ฟันสตรีนางหนึ่งจนตายในหมู่บ้าน บอกว่าหญิงผู้นั้นเคยให้รับใช้ท่านมาก่อน คือคนที่รับท่านกลับบ้านพร้อมกับแม่นมจาง”ชีอวิ๋นถิงเจ้าคนน่ารังเกียจในชาติก่อน ก็เป็นเขาที่เฝ้าดูแม่นมฮวาตีขานางจนหักอย่างเย็นชาที่แท้เขาเป็นคนเยี่ยงนี้มาตลอด เห็นชีวิตมนุษย์เหมือนหญ้า และทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ก็เป็นเช่นเดียวกันเซียวอวิ๋นถิงวางถ้วยชาลง: “จะฆ่าหรือไม่?”เขารู้สึกว่าชีหยวนคงไม่ปล่อยพี่ชายคนนี้ไปแต่ชีอวิ๋นถิงแตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ที่มีแม่เดียวกัน เป็นลูกชายคนโตสายตรงของตระกูลชี เป็นทายาทในอนาคตนี่มันไม่ใช่การฆ่าที่ง่ายเลยไม่ใช่ว่าไม่สามารถฆ่าเขาได้ เซียวอวิ๋นถิงเคยได้เห็

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 145

    เสียงฟันกระทบกระเบื้องนั้นดังชัดเจน แต่ในเวลานี้ไม่มีใครคิดว่าเสียงนี้ไพเราะ องครักษ์ยามทุกคนเอามือปิดแก้มอย่างพร้อมเพรียงปากของชีอวิ๋นถิงเต็มไปด้วยเลือดผสมกับฟันและเศษกระเบื้อง พอเปิดปากออก รู้สึกเหมือนไม่รู้ว่ามีเศษกระเบื้องทิ่มแทงบนลิ้นไปจำนวนเท่าใด เจ็บปวดจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวหลิวจงวิ่งเหยาะเข้ามาอย่างทุลักทุเล เมื่อเห็นฉากนี้แล้วราวกับเห็นผี ตกใจกลัวมากจนพูดติดขัด: “คุณ... คุณ... คุณหนูใหญ่!”นี่จะฆ่าจริงไม่ได้นะขอรับ!นี่คือคุณชายใหญ่เชียวนะ!ฆ่าสาวใช้อย่างหานเยว่เอ๋อสักคน ยังสามารถอ้างกฎที่จักรพรรดิไท่จู่วางไว้ในสมัยนั้นมาเป็นเหตุผลในการฆ่าได้การฆ่าพี่ชายทางสายเลือด เรื่องนี้ยากที่จะอธิบาย!สายตาของชีหยวนเคลื่อนไปที่เขาถามอย่างเย็นชา: “เขาเข้ามาได้อย่างไร?”ใช่แล้ว ต่อให้เขาจะไม่ได้กลับไปร่ำเรียนวิชาศึกษาตำราที่บ้านเกิดในตอนนี้ ก็ต้องถูกกักบริเวณในบ้าน ไฉนถึงมาที่เรือนของนางได้?หลิวจงกลืนน้ำลาย: “คุณหนูใหญ่ เขา ยังไงเสียเขาก็เป็นคุณชายใหญ่...”ต่อให้กระทำผิดพลาดไปบ้าง ต่อให้ทำสิ่งที่ผิดไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงเป็นคุณชายใหญ่สายตรง เป็นทายาทที่แท้จริงของจวนโหว ใครจะกล

Bab terbaru

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 498  

    สวีฮว่านเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ตอนที่ได้ยินชีหยวนนับหนึ่ง สอง สาม ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องเสียงดังออกไป “ข้าให้เจ้าก็ได้! ข้าให้เจ้าก็ได้! สาส์นลับอยู่ใน…อยู่ในชั้นวางลับหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือของข้า!” ชีหยวนเปล่งเสียงอุทานออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะเก็บกริชและปิ่นทองคำกลับมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของเขาฉุดเขาขึ้นมา และผลักให้เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “เปิดมัน” สวีฮว่านลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นชีหยวนก็เตะข้อพับขาของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เปิดออก!” สวีฮว่านดึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนเองออกมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะฝังมันเข้าไปในตำแหน่งที่เป็นช่องเว้าบนชั้นวางหนังสือ และหมุนมันหนึ่งรอบ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ทว่าเสี้ยวพริบตาเดียวนี้ สวีฮว่านรีบสะบัดตัวออกจากชีหยวนหวังว่าจะหลบหนี เขารู้ดี โดยปกติคนเราเมื่อตกอยู่ในเสี้ยวขณะที่ได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการมากเป็นอย่างยิ่ง ก็จะเผลอไผลไปได้ง่ายดายที่สุด เขาเฝ้ารอจังหวะนี้มาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดาย เขาเพิ่งจะกลิ้งตัวไปกับพื้น กลับเห็นชีหยวนใช้มือปัดลูกธนูที่พุ่งออกมาจากชั้นวางลับ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 497  

    สวีฮว่านรู้สึกอึดอัดกับแรงกดของกริชเล่มนั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ารอยแผลที่ชีหยวนกรีดไปนั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุดจริง ๆ คนย่อมมีจุดอ่อน ชื่อเสียงและความรู้สึกหวงแหนชีวิตก็คือจุดอ่อนของสวีฮว่าน เขาเอ่ยด้วยความร้อนรน “ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าช่วยล้างมลทินให้ตระกูลของเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมให้ความร่วมมือ ความผิดนี้ ข้าสามารถโยนให้คนอื่นรับไว้ได้!” ใบหน้าของชีหยวนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่าความเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งลุ่มลึกขึ้นมา ปลายกริชที่นางกดเอาไว้บนลำคอของเขาขยับเล็กน้อย เพียงเสี้ยวพริบตาก็สร้างรอยแผลเลือดซิบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอยให้เขาได้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น “จะผลักความผิดให้แม่ทัพขุนศึกท่านอื่นที่บัดนี้ยังคงสู้รบในสมรภูมิอย่างซื่อสัตย์ภักดี พร้อมยอมพลีชีพเพื่อชาติได้อย่างนั้นหรือ? หรือคิดจะโยนความผิดให้บรรดาบุตรชายของครอบครัวทหารที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่วัยเพียงสิบสองสิบสามเหล่านั้นกัน พวกเขายังไม่ทันได้เติบโตด้วยซ้ำ ก็ต้องมาตายภายใต้อุบายชั่วช้าสามานย์ของพวกเจ้า”

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 495  

    อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 494  

    “ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 493  

    ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 492  

    คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 491  

    และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 490

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status