เสมือนอสนีบาตฟาดลงมาจากท้องฟ้า แขนขาของนางหวังเย็นวาบ ได้แต่ชี้หน้าชีหยวนทว่าพูดไม่ออกสักคำเดียว เพราะนางไม่ลงรอยกับเรือนมารดาของนางจริง ๆ พิธีสมรสในตอนนั้น ความจริงแล้วไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของพี่หญิงของนางซึ่งเกิดจากสายเลือดหลัก ทว่านางหลงรักชีเจิ้นตั้งแต่แรกพบ จึงเอาชีวิตตนเองไปข่มขู่ ขอร้องให้ท่านพ่อเปลี่ยนใบเกิงเถี่ยที่บันทึกวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากของคู่หมั้นไว้ และยึดพิธีสมรสนี้มาเป็นของตนเอง เรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งสิ้น ฮูหยินผู้เฒ่าหวังและคนตระกูลหวังล้วนแต่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้รั่วไหลไปสู่คนภายนอก และนางยิ่งไม่ต้องการ! เหตุใดชีหยวนกลับรู้เรื่องนี้ได้?! “เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?” นางถลึงตา ชี้หน้าชีหยวนพลางถามด้วยเสียงสั่นเครือ ชีหยวนเลื่อนมือขึ้นชี้หน้าตนเองด้วยสีหน้าเย็นชา “อะไรกัน ใบหน้าดวงนี้ยังยืนยันไม่ได้อีกหรือ? ฮูหยิน ข้าเคยเคารพท่านเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้อยคำเหล่านี้ เมื่อก่อนข้าจึงไม่พูดมันออกมา” นางหวังกำอกเสื้อของตนเองแน่น รู้สึกว่าตนเองเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ชีหยวนกลับกระชากข้อมือของนางไว้ มองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แต่บัดนี้ ข้ากลั
เรื่องระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแล้ว แม้ตระกูลเซี่ยงจะมิได้พูดอะไรต่อหน้า ทว่าคนที่รอชมความครึกครื้นหาได้สนใจว่าเจ้าจะพูดหรือไม่พูด ฉะนั้นในยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว ทั้งฮูหยินรองตระกูลชีและฮูหยินสามตระกูลชีต่างก็ทอดถอนใจออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ามองพวกนางทั้งสองคนปราดหนึ่ง ก็เอ่ยกำชับอย่างราบเรียบว่า “พวกเจ้าเองก็ต้องควบคุมความประพฤติของพวกเด็ก ๆ ให้ดี ให้พวกเขารู้จักสำรวมวาจาระมัดระวังการกระทำด้วย!” เรื่องที่ฮูหยินตระกูลชีไปจากจวน เสมือนวัวดินจมทะเล นิ่งเงียบไร้ซึ่งคลื่นลมใด ๆ ขณะเดียวกันภายในวังหลวง เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่แต่งหน้าอย่างประณีตงดงามพลันวางเตาอุ่นมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ตะคอกเสียงแข็งด้วยสายตาเย็นชาใบหน้าบูดบึ้งขมึงถึง “เจ้าไม่รู้จักข่มอารมณ์ได้เลยจริง ๆ!” ขณะเดียวกัน อ๋องฉีที่นั่งอยู่บนตั่งคนงามตรงข้ามนางก็หยัดกายขึ้นมา พลางผุดยิ้มอย่างไม่แยแส “เสด็จแม่ หาใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกอย่าง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ?” เด็กที่ถูกเอาใจจนโตมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยต้องได้รับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยขมว
อ๋องฉีย่างเท้าไปยังตำหนักไท่จี๋เขาที่ได้รับความโปรดปรานมาโดยตลอด การเข้าออกตำหนักไท่จี๋จึงเป็นเรื่องปกติ บางครั้งหากเฝ้าเสด็จฮ่องเต้หย่งชางดึกเกินไป ฮ่องเต้หย่งชางอาจอนุญาตให้เขาพักในตำหนักข้างด้วยซ้ำไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเกียรติเช่นนี้อย่างน้อยรัชทายาทก็ไม่เคยได้ดื่มด่ำกับมันฉะนั้นเขาจึงเป็นเหมือนปลาได้น้ำในตำหนักไท่จี๋มาโดยตลอด และครั้งนี้เขายังคงเอ้อระเหยลอยชายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องมิใช่ว่าแค่ถามเรื่องของหานเยว่เอ๋อเองรึ?เขากล้าที่จะทำ ก็จะไม่กลัวผลที่จะตามมาเซี่ยกงกงที่กำลังเท้าเอวดุว่าศิษย์หนุ่มของเขาอยู่ที่ทางเดิน เมื่อเห็นเขามา ก็ยิ้มตาหยีก้าวไปข้างหน้าพร้อมก้มคำนับ “ท่านอ๋องเชิญ”อ๋องฉีชะงักกับนกยูงสองตัวที่กำลังเดินเล่นอยู่ในทางเดินที่เขารู้ลู่ทางอย่างดี แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ไฉนเจ้าพวกนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้?”เซี่ยกงกงมองนกยูงทั้งสองตัวแล้วยิ้ม “พวกมันถูกนำมาถวายเป็นบรรณาการโดยอ๋องอันหนาน โดยกล่าวว่าพวกมันสามารถแผ่ขนและบินได้ เมื่อครู่นี้อ๋องอันหนานเพิ่งชื่นชมพวกมันพร้อมกับฝ่าบาท ประเดี๋ยวจะส่งพวกมันไปที่สวนทางใต้แล้วขอรับ”สวนทางใต้ได้เลี้ยงสัตว์ห
คาหนังคาเขา! ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มีหลักฐาน ไม่มีใครยัดเยียดความผิดไม่มีใครใส่ร้ายหัวใจของอ๋องฉีเต้นแรง เขาเพิกเฉยต่อเซียวอวิ๋นถิง เพียงแค่คุกเข่าคลานไปหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หย่งชางแล้วร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง: “เสด็จพ่อ! นี่ไม่เกี่ยวกับลูกจริงๆ คดีทุจริตทางน้ำเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย? เหตุใดลูกจึงต้องจะส่งคนไปฆ่าพยานอะไรนั่นด้วย?”เขากอดพระอุรุของฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า “เสด็จพ่อ จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านี่คือคนของลูกล่ะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!”เซียวอวิ๋นถิงเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด อ๋องฉีก็สามารถทำตัวออดอ้อนใสซื่อต่อฮ่องเต้หย่งชางได้เสมอทว่า ครั้งนี้ฮ่องเต้หย่งชางมิได้ทรงเหมือนแต่ก่อน ที่พลางยิ้มดุด่าว่ากล่าวก็ปล่อยเรื่องให้มันผ่านไปพระองค์ทรงตบหน้าอ๋องฉีไปฉาดหนึ่งเพราะมันไม่น่าเชื่อเกินไป อ๋องฉีถึงกับไม่ตอบสนองได้ในทันทีจนกระทั่งฮ่องเต้หย่งชางทรงยืนขึ้น และตบอ๋องฉีอีกครั้งด้วยความโทสะยิ่งขึ้นด้วยการตบสองครั้งในเวลาอันสั้น ตบจนมงกุฎหยกบนศีรษะของอ๋องฉีกระเซิงยุ่งไปอ๋องฉีถูกตบจนตกตะลึง ถึงแม้ว่าจางเหว่ยซุนจะถูกจับตัว จับได้ก็จับไปสิ ไฉนฮ่องเต้หย่งชางถึงพิโรธเยี่ยงน
จมูกของอ๋องฉีเคยหักตั้งแต่วัยเยาว์ ฉะนั้นหากจมูกได้รับกระทบกระเทือนสักเล็กน้อยก็จะมีเลือดไหลแม้ว่าหมอหลวงจะได้ตรวจดูอาการมาแล้วหลายครั้ง ล้วนกล่าวว่าไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด แต่หากได้เห็นภาพเลือดกำเดาที่ไหลอย่างรุนแรงด้วยตาตัวเองทุกครั้งล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยดั่งทองไม่รู้ร้อนเพราะมันทำให้คนตกใจได้จริงๆโดยเฉพาะฮ่องเต้หย่งชางที่จวนจะเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบโตและโปรดเขาเป็นพิเศษ เดิมทีพระองค์ก็มีโอรสเพียงไม่กี่องค์ รัชทายาทก็ยังเป็นเด็กขี้โรคที่ดูเหมือนว่าจะตายได้ทุกเมื่อถ้าเรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนโดยทันที สถานการณ์ภายหลังก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย“ไม่มีการสรุปทันที” เขากล่าวด้วยสีหน้าไม่ดีขณะนั่งอยู่ในโถงหลักของหอหมิงเยว่ไป๋จื่อยกน้ำชามาด้วยใบหน้าซีดเผือดตอนที่เซียวอวิ๋นถิงจู่ๆ ตกลงมาจากฟ้าในวันนี้ ทำเอานางตกใจเกือบตาย จนถึงตอนนี้นางยังคงรู้สึกตกใจอย่างมากชีหยวนเล่นกับประคำเล็กในมือ กล่าวด้วยเสียงเบาว่า “ไม่มีข้อสรุปทันที เรื่องนี้ก็จะโมฆะแล้ว”เซียวอวิ๋นถิงปล่อยลมหายใจออกมาช้าๆเขาใช้ความพยายามอย่างมากถึงสอบถามรายชื่อมาได้ และสืบทราบที่อยู่ของเงินจ
แต่เดิมนางไม่ได้ให้ความสำคัญทว่าชีอวิ๋นถิงร้องโวยวายตั้งใจจะมาฆ่านางจริงๆแน่นอนว่า หากนางอ่อนแอกว่านี้และไม่มีคนของตระกูลชีหยุดเอาไว้ นางเชื่อว่า ชีอวิ๋นถิงคงจะลงดาบฆ่านางจริงๆ โดยไม่ลังเลนางยืนขึ้นไป๋จื่อหยุดนางไว้ทันที: “คุณหนู ท่านอย่าออกไปนะ! คุณชายใหญ่บ้าไปแล้วจริงๆ วันนี้ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวไม่อยู่บ้าน ใครจะหยุดเขาได้ล่ะเจ้าคะ!”นางพูดด้วยน้ำเสียงที่คลอไปด้วยน้ำตาว่า “ระหว่างทางกลับเขาได้ฟันสตรีนางหนึ่งจนตายในหมู่บ้าน บอกว่าหญิงผู้นั้นเคยให้รับใช้ท่านมาก่อน คือคนที่รับท่านกลับบ้านพร้อมกับแม่นมจาง”ชีอวิ๋นถิงเจ้าคนน่ารังเกียจในชาติก่อน ก็เป็นเขาที่เฝ้าดูแม่นมฮวาตีขานางจนหักอย่างเย็นชาที่แท้เขาเป็นคนเยี่ยงนี้มาตลอด เห็นชีวิตมนุษย์เหมือนหญ้า และทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ก็เป็นเช่นเดียวกันเซียวอวิ๋นถิงวางถ้วยชาลง: “จะฆ่าหรือไม่?”เขารู้สึกว่าชีหยวนคงไม่ปล่อยพี่ชายคนนี้ไปแต่ชีอวิ๋นถิงแตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ที่มีแม่เดียวกัน เป็นลูกชายคนโตสายตรงของตระกูลชี เป็นทายาทในอนาคตนี่มันไม่ใช่การฆ่าที่ง่ายเลยไม่ใช่ว่าไม่สามารถฆ่าเขาได้ เซียวอวิ๋นถิงเคยได้เห็
เสียงฟันกระทบกระเบื้องนั้นดังชัดเจน แต่ในเวลานี้ไม่มีใครคิดว่าเสียงนี้ไพเราะ องครักษ์ยามทุกคนเอามือปิดแก้มอย่างพร้อมเพรียงปากของชีอวิ๋นถิงเต็มไปด้วยเลือดผสมกับฟันและเศษกระเบื้อง พอเปิดปากออก รู้สึกเหมือนไม่รู้ว่ามีเศษกระเบื้องทิ่มแทงบนลิ้นไปจำนวนเท่าใด เจ็บปวดจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวหลิวจงวิ่งเหยาะเข้ามาอย่างทุลักทุเล เมื่อเห็นฉากนี้แล้วราวกับเห็นผี ตกใจกลัวมากจนพูดติดขัด: “คุณ... คุณ... คุณหนูใหญ่!”นี่จะฆ่าจริงไม่ได้นะขอรับ!นี่คือคุณชายใหญ่เชียวนะ!ฆ่าสาวใช้อย่างหานเยว่เอ๋อสักคน ยังสามารถอ้างกฎที่จักรพรรดิไท่จู่วางไว้ในสมัยนั้นมาเป็นเหตุผลในการฆ่าได้การฆ่าพี่ชายทางสายเลือด เรื่องนี้ยากที่จะอธิบาย!สายตาของชีหยวนเคลื่อนไปที่เขาถามอย่างเย็นชา: “เขาเข้ามาได้อย่างไร?”ใช่แล้ว ต่อให้เขาจะไม่ได้กลับไปร่ำเรียนวิชาศึกษาตำราที่บ้านเกิดในตอนนี้ ก็ต้องถูกกักบริเวณในบ้าน ไฉนถึงมาที่เรือนของนางได้?หลิวจงกลืนน้ำลาย: “คุณหนูใหญ่ เขา ยังไงเสียเขาก็เป็นคุณชายใหญ่...”ต่อให้กระทำผิดพลาดไปบ้าง ต่อให้ทำสิ่งที่ผิดไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงเป็นคุณชายใหญ่สายตรง เป็นทายาทที่แท้จริงของจวนโหว ใครจะกล
ทั้งองครักษ์ยามและหลิวจงถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างพร้อมเพรียงหลิวจงกล่าวอย่างรีบร้อน: “คุณหนู เราจะพาคุณชายใหญ่ออกไปประเดี๋ยวนี้”ชีหยวนเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้มครึ่งๆ : “พ่อบ้านหลิวก็ควรรอบคอบเสียบ้าง คนที่ไม่ควรเดินเพ่นพ่านทางที่ดีก็ไม่ควรเดินเพ่นพ่าน มิฉะนั้นแล้ว การกักบริเวณเพื่อจะปกป้องผู้ใดนั้น ก็อาจไม่แน่แล้ว ใช่หรือไม่?”ขอรับ ขอรับ ขอรับ!หลิวจงส่งสายตาให้กับองครักษ์เรือน จากนั้นก็ลากชีอวิ๋นถิงออกไปโดยเร็วไป๋จื่อถอนหายใจอันหนักอึ้งด้วยความโล่งใจ หันกลับไปปลอบเหล่าสาวใช้ที่ตกใจกลัวชีหยวนเงยหน้าขึ้นมองเซียวอวิ๋นถิงที่กำลังนั่งสบายไร้กังวลบนคาน จากนั้นหันกลับมานั่งลงบนเก้าอี้กุหลาบด้วยท่าทีสงบ “เมื่อครู่ท่านอ๋องหัวเราะอะไรเจ้าคะ”“หัวเราะเจ้าที่โหดเหี้ยมไม่เบาเลย” เซียวอวิ๋นถิงกระโดดลงมาจากที่สูงแล้วนั่งตรงข้ามชีหยวนอย่างง่ายดาย “ข้ายังนึกว่าจะได้ดูเจ้าฆ่าคนที่สิบแล้วเสียอีก”ทันใดนั้นสีหน้าของชีหยวนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อชั่วครู่นั้น นางมีความจิตที่จะฆ่าแล้วจริงๆบุตรชายคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกแล้วอย่างไร?ในชาติที่แล้วชีอวิ๋นถิงได้ให้แม่นมฮาตีบขานางจนหัก กร
ชีจิ่นสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆนางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยพี่ชายงั้นหรือ?ก็แค่คุณชายเสเพลที่ไม่มีอำนาจใดๆ ทำได้แค่พูดจาเหลวไหลไปวันๆ!ที่พึ่งพิงอะไรกัน?ก็แค่คนโง่เง่า คนไร้ประโยชน์ที่ดูดีภายนอกแต่ข้างในกลับกลวงเปล่าเท่านั้น!เขาจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร?!ก็ดี ถือโอกาสนี้กำจัดทั้งชีอวิ๋นถิงและชีหยวนไปพร้อมกันเสียเลยชิชิบุตรชายบุตรสาวสายตรงของตระกูลตายหมดในคราวเดียวเชียว!นี่แหละคือผลกรรมของตระกูลชีที่ทอดทิ้งนาง!เป็นคนของตระกูลชีที่สมควรโดน!นางตื่นเต้นเกินไปจนเผลอหายใจผิดจังหวะ ต้องก้มลงไอไปสองสามครั้งผลลัพธ์คือเกาทัณฑ์แขนเสื้อของนางทั้งสิบดอกกลับพุ่งเข้าใส่ชีอวิ๋นถิงทั้งหมด!ทว่าไม่มีดอกใดโดนจุดสำคัญเลยราวกับว่ามีการคำนวณไว้แล้วอย่างแม่นยำบาดแผลของชีอวิ๋นถิงอยู่ที่ไหล่ แขน และขาเท่านั้นชีจิ่นเริ่มกระวนกระวายใจทำไมกัน?นังสารเลวชีหยวนไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว!นางหมดความอดทนแล้ว ชักแส้จากเอวออกมาแล้วฟาดไปทางชีหยวนอย่างรวดเร็วแส้นี้นางต้องแลกมาด้วยชีวิต ปลายแส้ชุบยาพิษเอาไว้ ขอแค่ฟาดให้ผิวหนังแตก พิษก็จะซึมลึกเข้าสู่กระดูก ทำให้คนคนนั้น
ระยะยิงของเกาทัณฑ์แขนเสื้อนั้นไม่ได้ไกลนัก จึงมักถูกใช้งานโดยการผูกติดไว้ที่ข้อมือแต่มันก็มีข้อดี นั่นก็คือใช้งานสะดวกและพกพาง่ายลูกดอกพุ่งออกไปดั่งสายฝน ใบหน้าของชีจิ่นพลันเยือกเย็นลงในทันทีนางไม่ได้สนใจเลยว่าชีอวิ๋นถิงจะเป็นหรือตาย ขอแค่ลูกดอกเหล่านั้นสักดอกหนึ่งได้ยิงเข้าใส่ชีหยวนขอแค่ชีหยวนตายขอแค่นางตาย ตนก็จะได้รับความดีความชอบจากท่านอ๋อง!จวนหย่งผิงโหวอะไรกัน? ฮูหยินของผู้สืบทอดจวนหย่งผิงโหว หรือแม้แต่ฮูหยินโหวอะไรนั่น? จะเทียบได้กับเกียรติยศของพระชายาอ๋องฉีได้อย่างนั้นหรือ!กระทั่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งพระชายาอ๋องฉีเลย แม้หลังจากอ๋องฉีถูกลดขั้นเป็นจวิ้นอ๋อง ก็ยังเหนือกว่าตำแหน่งโหวถึงสามขั้น!มีคนมากมายที่พยายามทั้งชีวิต แต่ไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างนั้นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันไม่ใช่แค่ก้าวเดียว แต่มันเป็นทั้งเส้นทาง!นางสูดหายใจเข้าลึกและสิ่งที่เห็นก็คือ ชีหยวนกลับผลักชีอวิ๋นถิงมาข้างหน้าโดยไม่ลังเล!ชีหยวนกล้าทำเช่นนี้จริงๆ !ชีจิ่นถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะนางคิดว่าตัวเองนั้นใจแข็งพอแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าชีหยวนจะไร้ความปรานียิ่งกว่าตัวนางเองเสียอีกรู้ทั้งร
ขอแค่ฆ่าชีหยวนได้ขอแค่ชีหยวนตายไปเท่านั้น ท่านอ๋องย่อมหาหนทางนับหมื่นวิธีเพื่อทำให้ตนเองพ้นผิดนางก็ยังสามารถมีชีวิตที่ไร้กังวลได้ดังเดิมต่อให้ไม่มีจวนหย่งผิงโหว ต่อให้ต้องตัดขาดจากชีอวิ๋นถิงตลอดไปทุกสิ่งเหล่านี้ สำหรับนางแล้วไม่มีความสำคัญอีกต่อไปผู้ที่เคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามถึงชีวิตจะรู้ว่า ทุกสิ่งต้องยอมจำนนต่อความตายตอนนี้นางก็เป็นเช่นนั้น นางจ้องชีหยวนเขม็ง แล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ : “จบกันแค่นี้แหล่ะชีหยวน คนตายไปย่อมหมดเรื่อง ขอแค่เจ้าตาย ทุกอย่างก็จะจบแล้ว”นางขยับเข้าใกล้ยิ่งขึ้น ขาทั้งคู่ของชีหยวนถีบไปที่โต๊ะ ดันตัวเองกับเก้าอี้เลื่อนถอยไปด้านหลัง จังหวะนั้นเองก็เลี่ยงฝ่ามือของชีจิ่นไปได้พอดีฝ่ามือฟาดลงในความว่างเปล่า ชีจิ่นหน้าเขียวคล้ำ มองฝ่ามือตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเหลือบมองชีหยวนที่เลื่อนถอยไปเป็นไปได้อย่างไร?โดนพิษของยาสลายพละกำลังแล้วนี่ ทำไมชีหยวนถึงยังมีแรงต่อต้านได้?!โลกนี้หมุนรอบชีหยวนหรืออย่างไรกัน?!นางแทบคลั่ง ยกข้อมือของตนขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จ้องมองชีหยวนด้วยตาเขม็ง ก่อนจะเหนี่ยวไกที่ข้อมือโดยไม่มีคำเตือนต่อให้เก่งกา
การเสียดสีของนางแสดงออกมาทางคำพูด ชีอวิ๋นถิงมองนางด้วยความโกรธจัด หยิบถ้วยชาข้างตัวขว้างใส่ชีหยวนเต็มแรง: “เจ้าจะวางท่าอะไรหนักหนา? นังแพศยา! เจ้าควรถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าคนอื่นไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก! เจ้าถูกกำหนดมาให้เป็นแค่คนต่ำสถุน!” ชีหยวนเบี่ยงศีรษะเล็กน้อย ถ้วยชาก็ตกลงพื้น เศษกระเบื้องกระเด็นไปทั่วห้องในทันใดราวกับว่าความโกรธทั้งหมดที่กักเก็บไว้ได้พบทางออกและระบายออกมา ตั้งแต่วันที่ชีหยวนกลับมาบ้าน ความอดกลั้นทั้งหลายในระยะเวลาหลายเดือนก็ได้รับการปลดปล่อยออกมาในขณะนี้จะกลัวอะไรอีก?ตอนนี้พวกเขาต่างหากเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ความสะใจจากการล้างแค้นอยู่ตรงหน้า ส่วนผลที่ตามมาค่อยว่ากันทีหลังดวงตาของชีจิ่นเป็นประกายผิดปกติ นางก้มลงหยิบเศษกระเบื้องขึ้นมา และเอ่ยอย่างแผ่วเบา: “พี่หญิง ทำไมถึงตกใจนัก? เจ้าไม่ใช่นักฆ่าฝีมือฉกาจหรอกหรือ? ตอนนี้เจ้าควรฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?”ชีหยวนยิ้มเช่นกัน: “ที่แท้ คนที่อยู่ในจวนตระกูลหวังวันนั้นเป็นเจ้าเองสินะ”เมื่อตอนที่นางสังหารอ๋องเฉิง นางก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมองครักษ์ลับที่อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วส่งมาถึงมีท่าทีป
ชีอวิ๋นถิงรินน้ำชาให้ชีหยวนอย่างเป็นธรรมชาติ: “นี่คือชาอิ๋นเจินของหอไท่ไป๋ ออกรสไว มีรสชาติค้างอวลอยู่ในปาก เจ้าลองดูสิ”ชีหยวนดูเหมือนจะสนใจทิวทัศน์ภายนอกเป็นอย่างมาก มิได้ระแวดระวังอะไร ดื่มน้ำชาในถ้วยชารวดเดียวหมดจากนั้นจึงหันไปมองชีอวิ๋นถิงก่อนเอ่ยเรียบๆ ว่า: “พูดมาตรงๆ เถอะ เรียกข้าออกมาทำไมกันแน่? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีน้ำใจดีขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการแสดงละครฉากพี่น้องปรองดองให้ท่านยายดู”ชีอวิ๋นถิงถอดสีหน้า: “เจ้าช่างเดาเก่งนักนะ”ชีหยวนเอนตัวพิงเก้าอี้เชียนหยี่ พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ไม่ใช่เดาหรอก แค่เพราะเจ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำเรื่องดีๆ มาก่อนเท่านั้นเอง”จะตายอยู่รอมร่อแล้วยังปากดีอีก!ชีอวิ๋นถิงแสยะยิ้มเย็นชา พูดโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ: “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนดีนักหรือ? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไหนมาสิงอยู่ในร่างอันต่ำต้อยนี้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ชีวิตดีๆ ของเจ้าก็ต้องจบลงแค่นี้แล้ว!”สีหน้าชีหยวนเปลี่ยนไปทันที: “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”“ข้าคิดจะทำอะไรน่ะเหรอ?!” ชีอวิ๋นถิงที่อัดอั้นมานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ระเบิดออกมาอย่างสะใจ: “ข้าจะฆ่าเจ้า
ตอนที่ชีอวิ๋นถิงหันหลังกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางหายไปสิ้นนังสารเลว!ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!นางคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ยังมาเล่นลูกไม้ ต้องให้เชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก!เขาโมโหจนหน้าอกแน่นไปหมด แต่ชีอวิ๋นถิงคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ก็รีบปลอบใจตัวเองปล่อยให้นางได้ใจสักหน่อยจะเป็นไรไป?ยังไงซะนางจะลำพองใจได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว?สีหน้าของเขาเย็นชา ภายในเรือนหอหมิงเยว่ สีหน้าของไป๋จื่อและเหลียนเฉียวก็เต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้กันเมื่อเห็นชีหยวนยังคงเล่นหยอกล้อกับอาหวง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไป๋จื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา: “คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงมิได้ตอบรับคำ จะไปซื้อของกับคุณชายใหญ่จริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ?”ที่ผ่านมา ชีอวิ๋นถิงไม่เคยมีคำพูดดีๆ ให้ชีหยวน ถ้าไม่ด่าทอให้นางไปตาย ก็เรียกว่านางเป็นนังสารเลวคนแบบนี้จะเปลี่ยนไปเพียงเพราะงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าหวังอย่างนั้นหรือ?พูดออกมาว่าอยากให้พี่น้องปรองดองนี่มันคำพูดของเขาจริงๆ หรือ?น่าจะแค่ทำดีกลบเกลื่อนเสียมากกว่า ไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใดขณะที่ไป๋จื่อคิดอยู่เนั้น เหลียนเฉียวก็พูดออกมาแล้วว่า: “
ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะอย่างไม่แยแส: “ข้าเป็นบุตรชายคนโตและหลานชายสายตรง! อีกอย่าง เมื่อนางตายไป ทุกคนในจวนย่อมรู้ว่าควรเลือกใคร”ต่อให้รักมากเพียงใด คนตายก็คือคนตาย หรือจะต้องฆ่าหลานชายอีกคนเพียงเพราะหลานสาวคนเดียว?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้เป็นไปได้หัวใจของชีอวิ๋นถิงร้อนระอุ: “อาจิ่น เราฆ่านางเถอะ! ขอเพียงฆ่านาง ทุกปัญหาก็จะคลี่คลาย เมื่อนางตาย ข้าก็ยังเป็นคุณชายใหญ่เหมือนเดิม ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมท่านแม่อีกครั้ง ตอนนี้ท่านแม่เกลียดชังนางยิ่งขึ้นเพราะการตายของแม่นมสวี่…...”ชีจิ่นละล่ำละลักไม่อาจตัดสินใจได้: “ท่านพี่ จะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?”ชีอวิ๋นถิงถึงกับเงียบไปหลายวันอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับการตายของแม่นมสวี่เป็นเพียงก้อนหินที่โยนลงทะเลสาบกว้างใหญ่ กระทั่งระลอกคลื่นก็ยังไม่เกิดไป๋จื่อยืนอยู่ใต้เฉลียง มองชีหยวนเล่นกับอาหวง แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจเลยสิ่งที่กลัวก็ดันเกิดขึ้นจริง สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนวิ่งเข้ามารายงานอย่างตื่นตระหนก: “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ!”คุณชายใหญ่สามคำนี้เปรียบเสมือนยันต์อาญาแห่งความตาย คนในหอหมิงเยว่เมื่อได้ยินชื่อชีอ
ชีจิ่นร่ำไห่ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ร้องไห้จนใครเห็นก็ต้องสงสารจับใจสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ มีท่าทีลังเล ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ทว่าชีจิ่นไม่เคยสงสัยในเสน่ห์ของตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่นางจะพลาดเรื่องรับมือกับชีอวิ๋นถิง สิ่งใดที่นางต้องการให้ชีอวิ๋นถิงทำ ชีอวิ๋นถิงก็จะทำเสมอเช่นเดียวกับตอนนี้ นางสั่งให้สาวใช้รีบไปเก็บของ ต้องการจะออกจากเมืองหลวง ชีอวิ๋นถิงก็ลนลานขึ้นมาทันที จับข้อมือของชีจิ่นไว้แน่น: “อาจิ่น เจ้าออกไปจากที่นี่แล้วจะไปที่ไหนได้?! เจ้าเห็นหรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าออกจากบ้านไปแล้วเจ้าต้องใช้ชีวิตเช่นไร?"เขาเจ็บปวดใจนัก “นางก็เป็นแค่หนูสกปรกในท่อระบายน้ำ จะมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”น้ำตาของชีจิ่นไหลลงมาหนักยิ่งขึ้น: “ท่านพี่! จนป่านนี้แล้ว ท่านยังจะใช้คำพูดเช่นนี้มาหลอกข้าอีกหรือ? นางฆ่าแม่นมสวี แต่ท่านปู่ท่านย่ากลับบิดเบือนความจริง แถมยังตำหนิท่านแม่เพราะนาง! ท่านลองคิดดูเถิด นางเป็นเพียงหนูสกปรกในท่อจริงหรือ?”ใบหน้าของชีอวิ๋นถิงมืดมนเป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เขาจำความได้ ท่านปู่ท่านย่าไม่เคยตามใจลูกหลานคนไหนเช่นนี้มาก่อนยกเว้นชีหยวนคนเ
หลิวจงตกใจจนรีบโบกมือปฏิเสธเงินก้อนนี้ร้อนมือเกินไป!ชีหยวนยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเขาหลิวจง “ทำไม หรือว่าพ่อบ้านหลิวคิดว่าให้น้อยไป?”......หลิวจงคว้าซองแดงไปถือไว้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าฟ้าแลบ ก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณชีหยวนอย่างคล่องแคล่วชีหยวนเพียงยิ้มบาง ๆ “นี่เป็นสิ่งที่พ่อบ้านหลิวสมควรได้รับ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”หลิวจงรีบถือซองเงินแล้วขอตัวออกไปทันที พอพ้นประตู ก็เผลอชั่งน้ำหนักซองแดงในมือโดยไม่รู้ตัวมันเบาหวิวเขาเปิดดูข้างใน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างตั๋วเงินห้าสิบตำลึง!คุณหนูใหญ่ของเขาแม้จะโหดไปบ้าง แต่ก็ใจกว้างยิ่งนัก!แต่ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองแล้วชีหยวนเพียงแค่แบ่งเงินรางวัลสองร้อยตำลึงที่ตั้งไว้สำหรับตามหาสุนัขออกมาให้หลิวจงหนึ่งในสี่ส่วนและอีกหนึ่งในสี่ก็แบ่งให้ซุ่นจื่อชีหยวนยิ้มให้ซุ่นจื่อก่อนพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าทำงานได้ดีมาก”ซุ่นจื่อหัวเราะแหะ ๆ พร้อมกับเกาหัว “บ่าวคนนั้นอยู่ห้องติดกับข้า พวกเราโตมาด้วยกัน ข้ารู้จักนิสัยของเขาดี! คุณหนูใหญ่ โชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาหวงคงถูกเชือดไปแล้วขอรับ”ตอนที่ไปถึงอาหวงถูกมัดไว้กับขาโต๊ะข้างเขียงแล้วห