เลือดเต็มชามหนึ่งใบแล้วใบหน้าของราชาเผ่านอกด่านซีดมากแล้วแต่ลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นชามเปล่า แล้วปล่อยเลือดออกมาอย่างต่อเนื่องทุกคนมองดูด้วยความตึงเครียด แม้แต่หล่างมู่ก็ยังอดระทึกใจมิได้ลั่วชิงยวนคงมิได้แกล้งพวกเขาหรอกกระมัง ยังมิเคยได้ยินวิธีรักษาด้วยการเจาะเลือดทิ้งมาก่อนเลย“ลั่วชิงยวน เจ้ารักษาคนอย่างไรกัน เสด็จพ่ออ่อนแอลงชัด ๆ!” หล่างชิ่นโกรธจัดนางชักดาบพุ่งเข้าหาหลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเลือดพิษเกือบจะถูกขับออกมาจนหมดสิ้นแล้ว นางจึงดึงเข็มบนร่างของราชาเผ่านอกด่านออกทันใดนั้น ราชาเผ่านอกด่านก็กดหน้าอกของตนทันทีทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก“เสด็จพ่อ!” หล่างมู่ร้องอุทานหล่างชิ่นฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ยกดาบขึ้นแทง "ลั่วชิงยวน! ตายซะเถอะ!"แต่ทว่าเมื่อดาบยาวพุ่งเข้าหาอีกฝ่าย กลับมีเสียงหนึ่งหยุดหล่างชิ่นเอาไว้"หยุด!"เป็นราชาเผ่านอกด่านที่เอ่ยปรามเขากุมหน้าอกแล้วพยุงตัวเองขึ้นหล่างมู่รีบไปช่วยประคองเขาด้วยความตกใจอย่างยิ่ง "เสด็จพ่อ ท่านขยับตัวได้แล้ว"ราชาเผ่านอกด่านหอบหายใจ ค่อย ๆ พูดว่า "ข้ารู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นมาก หล่างชิ่น ปล่อ
แต่เขาบอกหล่างมู่ว่าเป็นอาของเขางั้นหรือ?หล่างมู่ถาม “อา? ข้าเคยมีอาตั้งแต่เมื่อใดกัน? เสด็จพ่อ ท่านมิเคยพูดถึงเลยนี่”ราชาเผ่านอกด่านพูดอย่างจริงจัง "ตอนที่ข้าพบนาง นางยังเป็นเด็กสาว ย้อนกลับไปยามนั้น นางมาฝึกฝนตัวเองที่เผ่านอกด่านและบังเอิญติดกับดักล่าสัตว์ของข้า นางคิดว่าข้าจะจับนาง เราเลยประมือกันไปหนึ่งกระบวนท่า”“ด้วยเหตุนี้ การประมือกันครั้งนั้นทำให้เราได้รู้จักกัน จนได้กลายเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่ครั้นเยาว์วัย”“ในเวลานั้น เผ่านอกด่านยังคงวุ่นวายมาก แต่ละเผ่าต่อสู้แย่งชิงอาหารกัน ชนเผ่าที่โหดร้ายถึงกับกินเนื้อคนของพวกเขาเองด้วยซ้ำ”“ข้าหัวเดียวกระเทียบลีบและยังต้องดูแลน้องชาย ข้ามีชีวิตที่ยากลำบากมากท่ามกลางเผ่านอกด่าน ข้าถูกขายให้เป็นทาสและเกือบเอาชีวิตมิรอด ต้องขอบใจลั่วอิง นางช่วยข้าไว้เสมอ”“นางยังช่วยให้ข้าก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของเผ่าปีกอินทรี ทำให้เรามีชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงขึ้นมาบ้าง”“ต่อมา เพื่อขยายอาณาเขตและเพิ่มความแข็งแกร่งของเผ่า ข้าจึงแต่งงานกับแม่ของเจ้าซึ่งเป็นหัวหน้าของเผ่างูทะยานในเวลานั้น”"หากไม่มีลั่วอิง ข้าคงมิเป็นข้าอย่างในยามนี้"เมื่อได้ยินสิ่งนี้
"เป็นแม่ของข้า"ทันทีที่เขาได้ยินสิ่งนี้ ราชาเผ่านอกด่านก็ตกใจ เซถอยหลังไปหนึ่งก้าว“แม่ของเจ้ารึ? นางได้… แต่งงานกับน้องชายของข้ารึ?”ราชาเผ่านอกด่านละล่ำละลักด้วยเสียงสะอื้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บอกมิถูกท่ามกลางความตกตะลึง ยังแฝงไปด้วยความรู้สึกสูญเสียเล็กน้อยแต่หลังจากที่สงบสติลงแล้ว ราชาเผ่านอกด่านก็เงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยความตกใจอีกครั้ง "มิ! เจ้ามิใช่ลูกสาวของน้องชายข้า แต่เจ้าเป็นลูกสาวของข้า!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง“ว่ากระไรนะ ลูกสาวของท่าน? แม่ของข้ากับท่าน…” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปมแต่ทว่าความตกใจมิได้หายไปราชาเผ่านอกด่านคว้าแขนของนางไว้อย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า "เจ้าคือลูกสาวของข้า! เจ้าคือลูกสาวคนโตของข้า!"“เจ้าคือหยวนหนิง!”"ดี มิต้องทำเงื่อนไขสองข้อที่ข้าเพิ่งพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว!""ข้าจะส่งต่อตำแหน่งราชาแห่งเผ่านอกด่านให้กับเจ้ายามนี้เลย!"“ข้าขอเพียงให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งราชาเผ่านอกด่าน สิ่งอื่นใดข้ามิสน! มิว่าเจ้าอยากจะโจมตีเมืองผิงหนิงต่อไปหรือยุติสงคราม เจ้าตัดสินใจเอาเถอะ เจ้าเป็นผู้ชี้ชะตา!”ร
“นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดข้าจึงโจมตีเมืองผิงหนิง ข้าอยากไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อตามหานาง และข้าอยากรู้ข่าวคราวสุดท้ายก่อนที่ข้าจะตาย”“แม้ว่าหยวนหนิงจะมิอาจฟื้นคืนชีพได้ ข้าก็จะยอมรับชะตากรรมนี้ แต่ข้าอยากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไร”หลังจากพูดอย่างนั้น ราชาเผ่านอกด่านก็หัวเราะและมองไปยังลั่วชิงยวน“วันนี้ข้ามาตระหนักได้ว่า นางสามารถคำนวณเจตจำนงของสวรรค์ได้จริง ๆ และจัดการทั้งหมดนี้อย่างชัดเจนเพื่อให้เจ้ามาหาข้าในวันนี้”“เพื่อให้ข้าได้เจอเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ลั่วชิงยวนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ฟื้นคืนชีพ?นางฟื้นคืนชีพแล้ว แต่นางมิใช่หยวนหนิงแต่เป็นลั่วเหรา!นางเคยได้ยินเกี่ยวกับกระบี่งูวิญญาณ มีตำนานเล่าลือกันว่ากระบี่งูวิญญาณมีงูวิญญาณแฝงอยู่ มันเป็นสิ่งที่มีพลังหยินเย็นสุดขั้ว ดังนั้นจึงสามารถดูดซับวิญญาณและกักเก็บให้วิญญาณอาศัยอยู่ในนั้นได้นอกจากนี้ยังเป็นสมบัติที่ชาวแคว้นหลีมากมายต้องการท้ายที่สุดแล้ว สำหรับปรมาจารย์ฮวงจุ้ยในแคว้นหลี กระบี่งูวิญญาณนี้สามารถกักเก็บวิญญาณได้หลายพันดวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าอาจารย์ดูเหมือนจะกำลังเดินหมากกระดานใหญ่อ
คำพูดนี้เจือด้วยการข่มขู่เล็กน้อย ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ สมแล้วที่เป็นราชาเผ่านอกด่าน ยังมิดีใจจนหน้ามืดเพียงเพราะได้เจอลูกสาวใช่แล้ว นางยังต้องการช่วยฉินเชียนหลี่!"ตกลง ข้ารับปากกับท่าน""ตามแผนของท่าน ข้าจะขึ้นเป็นราชาเผ่านอกด่าน และจะยุติสงครามระหว่างเผ่านอกด่านและแคว้นเทียนเชวียโดยสิ้นเชิง!"“แต่ท่านต้องปล่อยฉินเชียนหลี่ไป”ราชาเผ่านอกด่านยิ้มด้วยความพึงพอใจ "เป็นอันตกลง"เมื่อพูดเช่นนั้น ราชาเผ่านอกด่านก็นอนลงบนเตียงอีกครั้งและพูดว่า "เจ้าคงรู้ทักษะทางการแพทย์ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว เจ้าช่วยรักษาข้าต่อเถอะ" “ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าเพื่อฝังเข็มและเขียนใบเทียบยาให้เขาก่อนยื่นให้หล่างมู่ไปนำยามาหลังจากปรุงยาให้ราชาเผ่านอกด่าน อาการของราชาเผ่านอกด่านก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคืนนั้น ราชาเผ่านอกด่านสั่งให้เรียกหัวหน้าเผ่าทั้งหลายให้มารวมตัวกันเมื่อเห็นราชาเผ่านอกด่านนั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอี้ทุกคนต่างก็ตกใจ “ฝ่าบาท ร่างกายของท่าน…”หล่างชิ่นก็ตกใจเช่นกัน สุขภาพของเสด็จพ่อของเขาดูดีขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ!ลั่วชิงยวนคนนี้ ทักษะการแพทย
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็เริ่มสงสัยหล่างชิ่นอย่างที่คาดไว้องค์หญิงชิงหวยถามเสียงเย็นชา "หล่างชิ่น ท่านเป็นคนติดต่อและให้ความร่วมมือกับตระกูลเหยียน เหตุใดป่านนี้จึงยังไม่มีข่าวจากตระกูลเหยียนเลยเล่า?"“หรือท่านปิดบังอะไรจากพวกเราไว้?”“ใช่ ท่านกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้หรือไม่? ในเมื่อร่วมมือกัน เหตุใดตระกูลเหยียนมิยื่นมือมาช่วยเราเล่า?”“ถูกต้อง กองทัพของอู่จิ้นมิใช่ว่าเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลเหยียนหรอกหรือ เหตุใดพวกเขามิช่วยเราตีเมือง?”คำถามเหล่านี้ทำให้แววตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง นางมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเฉียบคม“ไม่มีข่าวอะไรจากตระกูลเหยียนเลย ข้ามิได้ปกปิดอะไรทั้งนั้น!”“เสด็จพ่อ ท่านอย่าได้เชื่อคำพูดเหลวไหลของลั่วชิงยวน!”ในที่สุดราชาเผ่านอกด่านก็พูดว่า "หยุดเถียงได้แล้ว" “วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ เพียงแค่อยากบอกว่าข้าจะให้ลั่วชิงยวนอยู่ที่นี่”“จนกว่าข้าจะหายดี ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้โจมตีเมืองอีก”“จงสงวนกำลังเอาไว้ และอย่าตกหลุมอุบายของผู้อื่น”ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้หล่างชิ่นตะลึงลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจเช่นกันเหตุใดคำเหล่านี้ดู
ลั่วชิงยวนมิได้หลบเลยแม้แต่น้อย กลับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบ“คนที่ฆ่าพี่ชายเจ้าคือหล่างชิ่นต่างหาก!”“เจ้าคิดว่านางเพียงส่งพวกเจ้าไปโจมตีเมืองจริง ๆ หรือ? นางกำลังใช้การโจมตีเมืองเพื่อกำจัดพวกเจ้าต่างหาก!”กริชหยุดที่หน้าอกของลั่วชิงยวน โดยมิแทงลงไปชิงหวยสบตากับนาง "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิรีบร้อน "หล่างมู่เกือบตายเพราะหล่างชิ่น หลอกให้เขาบุกโจมตีจนตกหลุมพรางในเมือง"“หลังจากที่หล่างมู่ติดกับดัก นางรีบถอนตัวออกไปทันที ปล่อยโอกาสที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตหล่างมู่ไป”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว “หากนางต้องการฆ่าหล่างมู่ นางย่อมต้องการฆ่าพวกเจ้าด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นนางจะทำข้อตกลงกับตระกูลเหยียนได้อย่างไร”ชิงหวยตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "ว่ากระไรนะ? เจ้าว่าอะไรกับตระกูลเหยียนนะ? เจ้ารู้อะไรบางอย่างใช่หรือไม่?"“พูดมาเร็ว!”ลั่วชิงยวนมิรีบร้อนที่จะพูด นางขยับตัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ปล่อยข้าก่อนสิ"ชิงหวยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นและขยิบตาให้ผู้คนรอบตัวมีคนเข้ามาปลดโซ่ให้ลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนลูบข้อมือเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนางพูดอย่างใจ
เดิมทีนางตั้งใจจะตรงไปยังเมืองผิงหนิงโดยทันทีแต่ในทันใดนั้น ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นในป่าข้างหน้าลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจ นางรีบย่ำเท้าลงเบา ๆ และค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้เมื่อเดินเข้าไปในพุ่มไม้ จู่ ๆ กลิ่นอายสังหารก็เข้าโจมตีนาง ดาบเล่มหนึ่งจ่อที่คอของนาง“อย่าขยับ!” อีกฝ่ายขู่อย่างเย็นชาอีกฝ่ายถามอย่างเคร่งเครียดว่า "ค่ายขององค์ชายหล่างมู่ของเจ้าอยู่ที่ใด?"ลั่วชิงยวนสะดุ้งหันกลับมาและเห็นว่าเป็นทหารของแคว้นเทียนเชวีย“ข้าเอง ลั่วชิงยวน” นางพูดทันทีอีกฝ่ายตกใจ “พระชายา?”“พระชายาหนีออกมาได้หรือ? เยี่ยมเลย! ท่านอ๋องอยู่ทางโน้น!”ลั่วชิงยวนตกใจมาก ฟู่เฉินหวนก็อยู่ที่นี่ด้วยนางเดินตามทหารไปทันที และมาถึงด้านหลังเนินเขานางเห็นคนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ใต้แสงจันทร์“ฟู่เฉินหวน!” ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความตื่นเต้นที่มิอาจซ่อนฟู่เฉินหวนตกใจและดูมีความสุขเมื่อเห็นว่านางยังสบายดี"เจ้า..."ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหนึ่ง ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมิน้อย“หน่วยลาดตระเวนมาแล้ว ท่านอ๋อง กระหม่อมจะล่อพวกเขาออกไป”เซียวชูนำผู้คนวิ่งไปในทิศทางอื่นทันทีลั่วชิงยวนไม่มีเวลาพูดอ
ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได
แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ
หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ
เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห
“โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา
ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม
“สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน
“ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร