ลั่วชิงยวนตะโกนขึ้นทันที“ข้ารับรองว่าพวกท่านจะมิตาย!”“แม้ว่าคนในครอบครัวที่ตายไปแล้วจะมิสามารถกลับมาได้ แต่เสบียงที่ถูกปล้นไป และทรัพย์สินที่สูญหายสามารถลงทะเบียนไว้ได้ที่นี่”“เมื่อสงครามสงบลง ข้าจะมอบบ้านที่สงบสุขคืนให้กับพวกท่าน!”“ในการต่อสู้กับพวกนอกด่านครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันยอมให้พวกท่านต้องเข้าสู่สนามรบอีก! เมื่อฟ้ามืดลง แม่ทัพเซี่ยงจะพาพวกท่านออกจากเมืองและอพยพไปจากที่นี่”นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมวิธีเดียวที่นางคิดออกในยามนี้เมื่อได้ยินดังนั้น ชาวบ้านก็หยุดมืออีกครั้ง“จริงหรือ? จะคุ้มกันพวกเราให้อพยพหรือ? คงจะมิปล่อยให้เราออกไปตายนอกเมืองใช่หรือไม่?”เซี่ยงจิ้งก็พูดทันที "อย่ากังวล ข้าเซี่ยงจิ้งไม่มีทางเอาชาวบ้านไปเป็นโล่ป้องกันแน่นอน"“ค่ำนี้จะอพยพ รีบกลับไปเก็บข้าวของกันเถอะ”หลังจากที่ทุกคนฟังแล้ว พวกเขาก็เริ่มเชื่อขึ้นมาพวกเขาแยกย้ายกันไปทันทีและกลับไปเก็บข้าวของเซี่ยงจิ้งยังส่งคนไปตามบ้านแต่ละหลังทันที เพื่อแจ้งข่าวและพาพวกเขาออกจากเมืองในคืนนี้รองแม่ทัพหลิวมิพอใจเล็กน้อย "แม่ทัพเซี่ยง หากท่านนำคนไปคุ้มกันชาวบ้านออกจากเมือง แล้วหากพวกนอกด่านมารุกราน..."ล
“ยิ่งกว่านั้น ฉินเชียนหลี่ก็ถูกจับตัวไปด้วย”“รอดูกันต่อไปอีกสักหน่อย บางทีเขาอาจถูกช่วยให้รอดกลับมาได้แล้ว”ลั่วอวิ๋นสี่อยู่ที่นี่มาโดยตลอด หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินเชียนหลี่ นางต้องไปช่วยฉินเชียนหลี่แล้ว มิเช่นนั้นในยามนี้นางคงมิได้เห็นลั่วอวิ๋นสี่เงียบหายไปเช่นนี้ลั่วอวิ๋นสี่มีเตี่ยฉุยติดอยู่กับร่างของนาง ด้วยความแข็งแกร่งของเตี่ยฉุย น่าจะช่วยฉินเชียนหลี่จากพวกนอกด่านได้อย่างราบรื่น“ช่วยกลับมา? ท่านลงมือแล้วหรือ?” เซี่ยงจิ้งรู้สึกสับสนลั่วชิงยวนพยักหน้า "ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นข้าจึงส่งคนมาล่วงหน้าแล้ว"เซี่ยงจิ้งรู้สึกประหลาดใจ“แม่นางลั่วมิธรรมดาจริง ๆ”“มิน่าแปลกใจเลยที่ท่านมาถึงชายแดน”หากเป็นคนอื่น บางทีพวกเขาอาจจะมิสามารถแบกรับภารกิจสำคัญนี้ได้จริง ๆ“แม่นางลั่ว หลังจากที่ซือซิงและข้าออกเดินทางคืนนี้ เรามิรู้ว่าการเดินทางจะราบรื่นหรือไม่ หากเรามิสามารถกลับมาได้ทันเวลา เมืองผิงหนิงก็จะกลายเป็นเมืองร้าง”“ข้าคิดว่า รองแม่ทัพหลิวมิใช่คนที่เชื่อถือได้ ท่านอยู่คนเดียวจะไหวหรือ?”ลั่วชิงยวนยกมุมปากขึ้น "วางใจเถิด ข้ากล้าจัดการเช่นนี้ เ
กองทัพพวกนอกด่านกำลังโจมตี ทุกคนเตรียมการป้องกันด้วยความตึงเครียดกองทัพศัตรูประชิดเมืองในพริบตา การต่อสู้พร้อมปะทุ และพวกนอกด่านเริ่มโจมตีเมืองทันที“ยิงธนู!”ลั่วชิงยวนออกคำสั่ง ลูกธนูนับพันถูกยิงออกไปลั่วชิงยวนยกธนูและลูกธนูขึ้น แต่มิพบผู้นำของพวกนอกด่าน มีบางคนที่สั่งการอยู่ แต่ดูมิเหมือนเป็นผู้สั่งการช่างมัน ฆ่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!ลั่วชิงยวนเล็งทิศทาง ลูกธนูพุ่งออกไปด้วยเสียงแหวกอากาศ ทะลุผ่านร่างของศัตรูลูกธนูอีกหนึ่งดอก คร่าชีวิตคนไปหนึ่งคนลั่วชิงยวนยิงมิพลาดแม้แต่นัดเดียว ด้วยความสามารถในการสังเกตที่แม่นยำ นางสังหารหัวหน้าศัตรูได้หลายคน ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกนอกด่านในมิช้า ศัตรูก็ค้นพบตัวนาง“ทุกคน ฆ่าสตรีนางนั้นเสีย!”พวกนอกด่านฟังคำสั่งและโจมตีประตูเมืองที่ลั่วชิงยวนอยู่ทันที พวกเขาปีนไปบนกำแพงเมืองเหมือนฝูงมด กรงเล็บเหล็กของพวกมันทิ้งรอยไว้บนกำแพงเบื้องหน้ามากมายรองแม่ทัพหลิวเฝ้าดูจากระยะไกลและเยาะเย้ย ‘สตรีมิรู้จักที่ต่ำที่สูง รนหาความตายจริง ๆ’ทหารเข้ามาขัดขวางพวกนอกด่านที่ปีนกำแพงเมืองขึ้นมา“แม่นางลั่ว เหตุใดท่านมิลงไปซ่อนตัวก่อน พวกนอกด่านกำลั
มีเสียงระเบิดดังขึ้นในหูเศษหินระเบิดไปทั่วท้องฟ้าลั่วชิงยวนยืนขึ้นจากกองฝุ่น ฝุ่นกรวดบาดที่แก้มจนมีรอยเลือดนางยืนขึ้นและมองการโจมตีจากเครื่องกระทุ้งหินอย่างต่อเนื่อง หอประตูเมืองทุกแห่งในเมืองถูกโจมตีอย่างรุนแรง ศพปลิวว่อน เลือดกระจายทั่วท้องฟ้าในช่วงเวลานี้ พวกเขาประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเดิมทีกำลังคนของพวกเขาก็น้อยกว่าพวกนอกด่านอยู่แล้ว และด้วยพลังของเครื่องกระทุ้งหินในยามนี้ คราวล่มสลายของเมืองนี้ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้วรองแม่ทัพหลิวรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที และตะโกนว่า "ทุกคน รีบซ่อนตัวเร็วเข้า!"“เครื่องกระทุ้งหินนี้มีพลังมหาศาล กำแพงเมืองของเรามิสามารถต้านทานได้เกินครึ่งชั่วยาวแน่!”“เราเอาชนะพวกนอกด่านมิได้หรอก!”“ยามนี้แล้ว เราก็ทำได้เพียงรีบไปซ่อนตัวอยู่ในเมือง และรอการสนับสนุนเท่านั้น!”เมื่อคำพูดของรองแม่ทัพหลิวออกมา ผู้คนก็รู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น“เข้าไปหลบในเมือง เหตุใดมิยอมแพ้ไปเลยเล่า?!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเฉียบคมรองแม่ทัพหลิวดุด้วยความโกรธ "สตรีอย่างเจ้ามิรู้อะไรเลย เป็นเจ้าแท้ ๆ ที่ทำให้ศัตรูโกรธจนพวกเขาเลือกใช้เครื่องกระทุ้งหินเช่นนี้!"“คืนนี้ม
“ตายซะ!” สตรีจากเผ่านอกด่านผู้นี้แข็งแกร่งมาก จนสามารถบีบให้ลั่วชิงยวนล่าถอยไปจนกับหอกยาวได้ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว มองสตรีซึ่งเต็มไปความเกลียดชังอย่างบ้าคลั่งตรงหน้า ไร้ซึ่งสติโดยสิ้นเชิงแววตาของนางเป็นประกายวาบนางแสร้งทำเป็นสู้มิไหว แต่เมื่อรู้สึกว่าหอกยาวใกล้เข้ามา นางจึงเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายหอกยาวที่อยู่ข้างหลังถากผ่านเอวของนาง ทิ้งรอยแผลได้เลือดไว้หอกยาวพุ่งทะลวงอย่างรวดเร็ว แทงเข้าที่หน้าท้องของสตรีจากเผ่านอกด่านที่อยู่ตรงหน้า“อั่ก!” ความเจ็บปวดสาหัสทำให้สตรีจากเผ่านอกด่านอ่อนแรงลงลั่วชิงยวนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว หมุนตัวเตะสตรีนางนั้นให้กระเด็นออกไป สตรีจากเผ่านอกด่านล้มลงกับพื้นอย่างแรง“องค์หญิงชิงหวย!” เสียงร้องดังมาจากสนามรบที่วุ่นวายลั่วชิงยวนเหลือบมองไปด้านข้าง ‘องค์หญิงชิงหวย?’กองทัพวิญญาณนับล้านเอาชนะพวกนอกด่านอย่างไร้หนทางโต้กลับแม้ว่าอาวุธที่อยู่ในมือของวิญญาณเหล่านั้นจะมิสามารถทะลวงผ่านร่างกายของศัตรูได้โดยตรงแต่ในสนามรบนี้ไม่มีสิ่งใดขาดแคลนศัตรูมากมายที่ถูกพัดลอยขึ้นไปในอากาศต่างกระแทกเข้ากับคมดาบและตายทันทีสิ่งนี้ทำให้ทัพเผ่านอกด้านที่มีร
ลั่วอวิ๋นสี่นี่เอง!ข้างหลังนางคือฉินเชียนหลี่ ชายที่ร่างทั้งร่างอาบไปด้วยเลือดที่ถูกพาตัวลงมาทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้“ท่านแม่ทัพฉิน!”ลั่วเยวี่ยอิงมองไปที่ฉินเชียนหลี่ ดูราวกับว่าเขาทนทุกข์ทรมานอย่างมากดูอ่อนล้าใกล้ตายเต็มที“รองแม่ทัพหลิวอยู่ที่ใด?” ฉินเชียนหลี่มองไปรอบ ๆ หลังลงจากม้า คนแรกที่เขาถามหาคือรองแม่ทัพหลิวลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความสงสัย "เจ้าถามถึงเขาด้วยเหตุใด?"“เขาสำคัญมากหรือ?”ฉินเชียนหลี่พูดอย่างจริงจัง "แน่นอนว่าสำคัญมาก ข้ายังต้องปรึกษาเรื่องสำคัญกับเขา"คำตอบนี้ทำให้ลั่วชิงยวนประหลาดใจ นางเลิกคิ้วแล้วถามว่า "เจ้ามิใช่ว่าต้องเอาเรื่องรองแม่ทัพหลิว หรอกหรือ? ชายผู้นี้มิน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย เขาทำลายขวัญกำลังใจของทหารในยามศึกสงคราม ข้าจึงสังหารเขาไปแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินเชียนหลี่ก็ตกใจ "ว่ากระไรนะ? เจ้าสังหารเขาไปแล้วหรือ?"“เจ้าเป็นใคร? มาฆ่ารองแม่ทัพของข้าด้วยเหตุใด?!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสายตาที่มิคุ้นเคยของฉินเชียนหลี่ลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วเช่นกันลั่วชิงยวนมองฉินเชียนหลี่ด้วยความสงสัย "เจ้าจำข้ามิได้หรือ?"
“แม่ทัพสวี่ ท่านยังมิตายหรอกหรือ?!”แม่ทัพสวี่?ลั่วชิงยวนคว้าเขาขึ้นมาแล้วถามว่า "เจ้ามิใช่พวกนอกด่านรึ?!"แม่ทัพสวี่หลังจากถูกเปิดโปง แสดงสีหน้าลนลาน มิรู้จะหาข้อแก้ตัวอย่างไรไปชั่วขณะดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา แล้วบีบคอเขาอย่างแรง "ฉินเชียนหลี่อยู่ที่ใด?!"สวี่อี้พูดด้วยความยากลำบาก "ข้ามิรู้""ข้ามิรู้จริง ๆ"ลั่วชิงยวนโยนเขาลงบนพื้นอย่างแรง แล้วใช้ดาบยาวในมือแทงเข้าที่ข้อเท้าของเขาอย่างไร้ความปรานี แล้วสะบัดดาบขึ้น"อ๊าก… "เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาสวี่อี้กุมเท้าและกลิ้งไปมากับพื้นลั่วชิงยวนขู่ด้วยน้ำเสียงเฉียบคม "หากเจ้ายังมิพูด ข้าจะตัดเส้นเอ็นที่มือของเจ้า ถ้ายังมิพูดอีก ข้าจะตัดขาทั้งสองข้างและมือทั้งสองของเจ้า เปลี่ยนให้กลายเป็นคนพิการเสีย!"“ถ้าเจ้ามิอยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ข้าแนะนำให้เจ้าบอกความจริง”ใบหน้าของสวี่อี้ซีดลงด้วยความเจ็บปวด และมีเม็ดเหงื่อหนาผุดพรายไหลออกมาจากหน้าผากของเขา“ฉินเชียนหลี่ อยู่ในมือของพวกนอกด่าน”ลั่วชิงยวนถามอย่างเย็นชา "เขาถูกขังไว้ที่ใด?"สวี่อี้ส่ายหน้า "เรื่องนี้ข้ามิรู้จริง ๆ"“หนึ่งเดือนที่แล้ว ตอนที่
และตระกูลฉินก็จะถูกหางเลขไปด้วย และทั้งตระกูลจะต้องถูกประหาร!“ตระกูลเหยียนสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้รึ? ในเมืองผิงหนิงนี้ยังมีสายของตระกูลเหยียนอีกกี่คน?”สวี่อี้มองนางด้วยความตกใจมิคิดเลยว่านางจะรู้เรื่องนี้ด้วยสวี่อี้กัดฟัน "ยังมีรองแม่ทัพหลิวที่ถูกเจ้าฆ่าไปอีกคน"“และซือซิงแห่งกองทัพอู่จิ้น”“ข้ารู้จักแค่สองคนนี้ ส่วนอีกคนข้ามิรู้แล้ว”ลั่วชิงยวนพูดอย่างใจเย็น "สองคนนี้ข้ารู้แล้ว สิ่งที่เจ้าให้การมาไม่มีค่าอันใดสำหรับข้าเลย"“เอ็นร้อยหวายที่เท้าอีกข้างของเจ้า มิรู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่”จู่ ๆ สวี่อี้เหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกตื่นกลัวอย่างมากเขาพูดอย่างเร่งรีบว่า "ฉินเชียนหลี่น่าจะยังมีชีวิตอยู่! ยามที่องค์หญิงหล่างชิ่นจับกุมเขามา คำพูดนางช่างคลุมเครือนัก ดูเหมือนนางจะมิอยากฆ่าฉินเชียนหลี่เท่าไหร่เลย"ลั่วชิงยวนตกตะลึงหล่างชิ่น?!“ข้ารู้แผนการของพวกนอกด่านมาบ้างเล็กน้อย พวกเขาจงใจจับข้าและทรมานข้า พวกเขาแค่หวังว่าพวกเจ้าจะมาช่วยข้า จากนั้นก็ให้ข้าสมคบกับรองแม่ทัพหลิวเปิดประตูเมืองให้พวกเจ้ายอมจำนน”“เมื่อฟ้าสาง พวกเขาต้องการเห็นธงขาวโบกสะบัดบนประตูเมือง”“จากนั้นพวกเขาก็จะ
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ
“แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า
“แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้