“ยิ่งกว่านั้น ฉินเชียนหลี่ก็ถูกจับตัวไปด้วย”“รอดูกันต่อไปอีกสักหน่อย บางทีเขาอาจถูกช่วยให้รอดกลับมาได้แล้ว”ลั่วอวิ๋นสี่อยู่ที่นี่มาโดยตลอด หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินเชียนหลี่ นางต้องไปช่วยฉินเชียนหลี่แล้ว มิเช่นนั้นในยามนี้นางคงมิได้เห็นลั่วอวิ๋นสี่เงียบหายไปเช่นนี้ลั่วอวิ๋นสี่มีเตี่ยฉุยติดอยู่กับร่างของนาง ด้วยความแข็งแกร่งของเตี่ยฉุย น่าจะช่วยฉินเชียนหลี่จากพวกนอกด่านได้อย่างราบรื่น“ช่วยกลับมา? ท่านลงมือแล้วหรือ?” เซี่ยงจิ้งรู้สึกสับสนลั่วชิงยวนพยักหน้า "ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นข้าจึงส่งคนมาล่วงหน้าแล้ว"เซี่ยงจิ้งรู้สึกประหลาดใจ“แม่นางลั่วมิธรรมดาจริง ๆ”“มิน่าแปลกใจเลยที่ท่านมาถึงชายแดน”หากเป็นคนอื่น บางทีพวกเขาอาจจะมิสามารถแบกรับภารกิจสำคัญนี้ได้จริง ๆ“แม่นางลั่ว หลังจากที่ซือซิงและข้าออกเดินทางคืนนี้ เรามิรู้ว่าการเดินทางจะราบรื่นหรือไม่ หากเรามิสามารถกลับมาได้ทันเวลา เมืองผิงหนิงก็จะกลายเป็นเมืองร้าง”“ข้าคิดว่า รองแม่ทัพหลิวมิใช่คนที่เชื่อถือได้ ท่านอยู่คนเดียวจะไหวหรือ?”ลั่วชิงยวนยกมุมปากขึ้น "วางใจเถิด ข้ากล้าจัดการเช่นนี้ เ
กองทัพพวกนอกด่านกำลังโจมตี ทุกคนเตรียมการป้องกันด้วยความตึงเครียดกองทัพศัตรูประชิดเมืองในพริบตา การต่อสู้พร้อมปะทุ และพวกนอกด่านเริ่มโจมตีเมืองทันที“ยิงธนู!”ลั่วชิงยวนออกคำสั่ง ลูกธนูนับพันถูกยิงออกไปลั่วชิงยวนยกธนูและลูกธนูขึ้น แต่มิพบผู้นำของพวกนอกด่าน มีบางคนที่สั่งการอยู่ แต่ดูมิเหมือนเป็นผู้สั่งการช่างมัน ฆ่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!ลั่วชิงยวนเล็งทิศทาง ลูกธนูพุ่งออกไปด้วยเสียงแหวกอากาศ ทะลุผ่านร่างของศัตรูลูกธนูอีกหนึ่งดอก คร่าชีวิตคนไปหนึ่งคนลั่วชิงยวนยิงมิพลาดแม้แต่นัดเดียว ด้วยความสามารถในการสังเกตที่แม่นยำ นางสังหารหัวหน้าศัตรูได้หลายคน ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกนอกด่านในมิช้า ศัตรูก็ค้นพบตัวนาง“ทุกคน ฆ่าสตรีนางนั้นเสีย!”พวกนอกด่านฟังคำสั่งและโจมตีประตูเมืองที่ลั่วชิงยวนอยู่ทันที พวกเขาปีนไปบนกำแพงเมืองเหมือนฝูงมด กรงเล็บเหล็กของพวกมันทิ้งรอยไว้บนกำแพงเบื้องหน้ามากมายรองแม่ทัพหลิวเฝ้าดูจากระยะไกลและเยาะเย้ย ‘สตรีมิรู้จักที่ต่ำที่สูง รนหาความตายจริง ๆ’ทหารเข้ามาขัดขวางพวกนอกด่านที่ปีนกำแพงเมืองขึ้นมา“แม่นางลั่ว เหตุใดท่านมิลงไปซ่อนตัวก่อน พวกนอกด่านกำลั
มีเสียงระเบิดดังขึ้นในหูเศษหินระเบิดไปทั่วท้องฟ้าลั่วชิงยวนยืนขึ้นจากกองฝุ่น ฝุ่นกรวดบาดที่แก้มจนมีรอยเลือดนางยืนขึ้นและมองการโจมตีจากเครื่องกระทุ้งหินอย่างต่อเนื่อง หอประตูเมืองทุกแห่งในเมืองถูกโจมตีอย่างรุนแรง ศพปลิวว่อน เลือดกระจายทั่วท้องฟ้าในช่วงเวลานี้ พวกเขาประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเดิมทีกำลังคนของพวกเขาก็น้อยกว่าพวกนอกด่านอยู่แล้ว และด้วยพลังของเครื่องกระทุ้งหินในยามนี้ คราวล่มสลายของเมืองนี้ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้วรองแม่ทัพหลิวรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที และตะโกนว่า "ทุกคน รีบซ่อนตัวเร็วเข้า!"“เครื่องกระทุ้งหินนี้มีพลังมหาศาล กำแพงเมืองของเรามิสามารถต้านทานได้เกินครึ่งชั่วยาวแน่!”“เราเอาชนะพวกนอกด่านมิได้หรอก!”“ยามนี้แล้ว เราก็ทำได้เพียงรีบไปซ่อนตัวอยู่ในเมือง และรอการสนับสนุนเท่านั้น!”เมื่อคำพูดของรองแม่ทัพหลิวออกมา ผู้คนก็รู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น“เข้าไปหลบในเมือง เหตุใดมิยอมแพ้ไปเลยเล่า?!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเฉียบคมรองแม่ทัพหลิวดุด้วยความโกรธ "สตรีอย่างเจ้ามิรู้อะไรเลย เป็นเจ้าแท้ ๆ ที่ทำให้ศัตรูโกรธจนพวกเขาเลือกใช้เครื่องกระทุ้งหินเช่นนี้!"“คืนนี้ม
“ตายซะ!” สตรีจากเผ่านอกด่านผู้นี้แข็งแกร่งมาก จนสามารถบีบให้ลั่วชิงยวนล่าถอยไปจนกับหอกยาวได้ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว มองสตรีซึ่งเต็มไปความเกลียดชังอย่างบ้าคลั่งตรงหน้า ไร้ซึ่งสติโดยสิ้นเชิงแววตาของนางเป็นประกายวาบนางแสร้งทำเป็นสู้มิไหว แต่เมื่อรู้สึกว่าหอกยาวใกล้เข้ามา นางจึงเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายหอกยาวที่อยู่ข้างหลังถากผ่านเอวของนาง ทิ้งรอยแผลได้เลือดไว้หอกยาวพุ่งทะลวงอย่างรวดเร็ว แทงเข้าที่หน้าท้องของสตรีจากเผ่านอกด่านที่อยู่ตรงหน้า“อั่ก!” ความเจ็บปวดสาหัสทำให้สตรีจากเผ่านอกด่านอ่อนแรงลงลั่วชิงยวนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว หมุนตัวเตะสตรีนางนั้นให้กระเด็นออกไป สตรีจากเผ่านอกด่านล้มลงกับพื้นอย่างแรง“องค์หญิงชิงหวย!” เสียงร้องดังมาจากสนามรบที่วุ่นวายลั่วชิงยวนเหลือบมองไปด้านข้าง ‘องค์หญิงชิงหวย?’กองทัพวิญญาณนับล้านเอาชนะพวกนอกด่านอย่างไร้หนทางโต้กลับแม้ว่าอาวุธที่อยู่ในมือของวิญญาณเหล่านั้นจะมิสามารถทะลวงผ่านร่างกายของศัตรูได้โดยตรงแต่ในสนามรบนี้ไม่มีสิ่งใดขาดแคลนศัตรูมากมายที่ถูกพัดลอยขึ้นไปในอากาศต่างกระแทกเข้ากับคมดาบและตายทันทีสิ่งนี้ทำให้ทัพเผ่านอกด้านที่มีร
ลั่วอวิ๋นสี่นี่เอง!ข้างหลังนางคือฉินเชียนหลี่ ชายที่ร่างทั้งร่างอาบไปด้วยเลือดที่ถูกพาตัวลงมาทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้“ท่านแม่ทัพฉิน!”ลั่วเยวี่ยอิงมองไปที่ฉินเชียนหลี่ ดูราวกับว่าเขาทนทุกข์ทรมานอย่างมากดูอ่อนล้าใกล้ตายเต็มที“รองแม่ทัพหลิวอยู่ที่ใด?” ฉินเชียนหลี่มองไปรอบ ๆ หลังลงจากม้า คนแรกที่เขาถามหาคือรองแม่ทัพหลิวลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความสงสัย "เจ้าถามถึงเขาด้วยเหตุใด?"“เขาสำคัญมากหรือ?”ฉินเชียนหลี่พูดอย่างจริงจัง "แน่นอนว่าสำคัญมาก ข้ายังต้องปรึกษาเรื่องสำคัญกับเขา"คำตอบนี้ทำให้ลั่วชิงยวนประหลาดใจ นางเลิกคิ้วแล้วถามว่า "เจ้ามิใช่ว่าต้องเอาเรื่องรองแม่ทัพหลิว หรอกหรือ? ชายผู้นี้มิน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย เขาทำลายขวัญกำลังใจของทหารในยามศึกสงคราม ข้าจึงสังหารเขาไปแล้ว"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินเชียนหลี่ก็ตกใจ "ว่ากระไรนะ? เจ้าสังหารเขาไปแล้วหรือ?"“เจ้าเป็นใคร? มาฆ่ารองแม่ทัพของข้าด้วยเหตุใด?!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสายตาที่มิคุ้นเคยของฉินเชียนหลี่ลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วเช่นกันลั่วชิงยวนมองฉินเชียนหลี่ด้วยความสงสัย "เจ้าจำข้ามิได้หรือ?"
“แม่ทัพสวี่ ท่านยังมิตายหรอกหรือ?!”แม่ทัพสวี่?ลั่วชิงยวนคว้าเขาขึ้นมาแล้วถามว่า "เจ้ามิใช่พวกนอกด่านรึ?!"แม่ทัพสวี่หลังจากถูกเปิดโปง แสดงสีหน้าลนลาน มิรู้จะหาข้อแก้ตัวอย่างไรไปชั่วขณะดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา แล้วบีบคอเขาอย่างแรง "ฉินเชียนหลี่อยู่ที่ใด?!"สวี่อี้พูดด้วยความยากลำบาก "ข้ามิรู้""ข้ามิรู้จริง ๆ"ลั่วชิงยวนโยนเขาลงบนพื้นอย่างแรง แล้วใช้ดาบยาวในมือแทงเข้าที่ข้อเท้าของเขาอย่างไร้ความปรานี แล้วสะบัดดาบขึ้น"อ๊าก… "เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาสวี่อี้กุมเท้าและกลิ้งไปมากับพื้นลั่วชิงยวนขู่ด้วยน้ำเสียงเฉียบคม "หากเจ้ายังมิพูด ข้าจะตัดเส้นเอ็นที่มือของเจ้า ถ้ายังมิพูดอีก ข้าจะตัดขาทั้งสองข้างและมือทั้งสองของเจ้า เปลี่ยนให้กลายเป็นคนพิการเสีย!"“ถ้าเจ้ามิอยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ข้าแนะนำให้เจ้าบอกความจริง”ใบหน้าของสวี่อี้ซีดลงด้วยความเจ็บปวด และมีเม็ดเหงื่อหนาผุดพรายไหลออกมาจากหน้าผากของเขา“ฉินเชียนหลี่ อยู่ในมือของพวกนอกด่าน”ลั่วชิงยวนถามอย่างเย็นชา "เขาถูกขังไว้ที่ใด?"สวี่อี้ส่ายหน้า "เรื่องนี้ข้ามิรู้จริง ๆ"“หนึ่งเดือนที่แล้ว ตอนที่
และตระกูลฉินก็จะถูกหางเลขไปด้วย และทั้งตระกูลจะต้องถูกประหาร!“ตระกูลเหยียนสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้รึ? ในเมืองผิงหนิงนี้ยังมีสายของตระกูลเหยียนอีกกี่คน?”สวี่อี้มองนางด้วยความตกใจมิคิดเลยว่านางจะรู้เรื่องนี้ด้วยสวี่อี้กัดฟัน "ยังมีรองแม่ทัพหลิวที่ถูกเจ้าฆ่าไปอีกคน"“และซือซิงแห่งกองทัพอู่จิ้น”“ข้ารู้จักแค่สองคนนี้ ส่วนอีกคนข้ามิรู้แล้ว”ลั่วชิงยวนพูดอย่างใจเย็น "สองคนนี้ข้ารู้แล้ว สิ่งที่เจ้าให้การมาไม่มีค่าอันใดสำหรับข้าเลย"“เอ็นร้อยหวายที่เท้าอีกข้างของเจ้า มิรู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่”จู่ ๆ สวี่อี้เหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกตื่นกลัวอย่างมากเขาพูดอย่างเร่งรีบว่า "ฉินเชียนหลี่น่าจะยังมีชีวิตอยู่! ยามที่องค์หญิงหล่างชิ่นจับกุมเขามา คำพูดนางช่างคลุมเครือนัก ดูเหมือนนางจะมิอยากฆ่าฉินเชียนหลี่เท่าไหร่เลย"ลั่วชิงยวนตกตะลึงหล่างชิ่น?!“ข้ารู้แผนการของพวกนอกด่านมาบ้างเล็กน้อย พวกเขาจงใจจับข้าและทรมานข้า พวกเขาแค่หวังว่าพวกเจ้าจะมาช่วยข้า จากนั้นก็ให้ข้าสมคบกับรองแม่ทัพหลิวเปิดประตูเมืองให้พวกเจ้ายอมจำนน”“เมื่อฟ้าสาง พวกเขาต้องการเห็นธงขาวโบกสะบัดบนประตูเมือง”“จากนั้นพวกเขาก็จะ
เมื่อฟ้าเริ่มสาง ธงขาวก็ถูกชักขึ้นหอประตูเมืองมินานกองทัพพวกนอกด่านก็มาถึงลั่วชิงยวนซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ มองไปยังผู้นำกองทัพ ที่นำมามิใช่ใครอื่นนอกจากหล่างชิ่นและหล่างมู่“ผู้นำเมืองผิงหนิงของพวกเจ้าอยู่ที่ใด เมื่อยอมจำนนแล้วไฉนมิเปิดประตูเมืองมาแสดงความเคารพ?”เสียงของหล่างมู่หนักแน่น ท่าทางหยิ่งผยองทหารบนหอประตูเมืองตะโกนว่า "รองแม่ทัพหลิวของเราเสียชีวิตในการสู้รบไปแล้ว"“หากเราเปิดประตูเมือง พวกเจ้าจะรับประกันได้หรือไม่ว่าหลังปลดอาวุธแล้วมิฆ่าใคร?”หล่างมู่ยิ้มและพูดว่า "ย่อมเป็นเช่นนั้น ขอเพียงเปิดประตูเมือง วางอาวุธลงแล้วเราจะมิฆ่าใคร!"ทหารจึงสั่ง "เปิดประตูเมืองได้!"ประตูเมืองเปิดออกอย่างช้า ๆหล่างมู่ยิ้มอย่างเย็นชา ชักม้าเฆี่ยนแส้ นำกองทัพพุ่งเข้าไปยังประตูเมืองด้วยความยโสชาวเผ่านอกด่านตะโกนอย่างตื่นเต้นพวกเขาโบกธงสะบัด เดินหน้าบุกเข้าเมืองผิงหนิงอย่างไร้สิ่งขัดขวางขณะที่พวกเขารีบเข้าไปในเมือง ทุกคนต่างชักดาบออกมาเตรียมสังหารล้างบางเมืองผิงหนิงแต่ทว่า หลังจากที่พวกเขากรูกันเข้าไปก็พบว่าบนท้องถนนกลับว่างเปล่าหล่างมู่ชะลอม้า หัวใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่า "ผู
สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา
ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว