เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นจ้องเล่นงานนาง ไม่ว่าสุดท้ายจือเฉาจะเป็นหรือตาย ตราบใดที่นางแตะต้องร่างกายของจือเฉาก็ต้องโดนพิษไปด้วยระหว่างทางไปเรือนโอสถโดยมือจือเฉาอยู่ในอ้อมแขน เลือดที่ร้อนลวกก็หลั่งออกมาจากรอยแผลปริแตกบนแขนของนาง เลือดทะลักออกมาทันใดจนอาบย้อมให้อาภรณ์เป็นสีแดงฉานนางไม่สนใจความเจ็บปวดที่แขน หัวใจของนางร้อนรนเพียงต้องการจะช่วยชีวิตจือเฉาเท่านั้น“พระชายา… บ่าวมีพิษ ปล่อยบ่าวไปเจ้าค่ะ…” จือเฉาอดกลั้นความเจ็บปวดเอ่ยออกมา พร้อมหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บปวด“เด็กโง่ หากปล่อยเจ้าไปแล้วเจ้าจะเป็นเยี่ยงไร? ทั้งร่างเจ้าเต็มไปด้วยพิษหากปล่อยไว้ก็เป็นอันตราย แน่นอนว่าเจ้าต้องแก้แค้น” แววตาลั่วชิงยวนคมกริบพร้อมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจือเฉายิ่งร่ำไห้หนัก นางไม่คิดว่าเรื่องจะกลับเป็นเช่นนี้และถึงกับลากพระชายาเข้ามาเกี่ยวด้วย……ภายในเรือนโอสถคนรับใช้หลายคนกำลังแทะเมล็ดแตงและพูดคุยกันอยู่ “พี่ซู แผนของเจ้านี่เฉลียวฉลาดเสียจริง โอสถนั่นเป็นพิษทั้งนั้นแล้วก็ไม่มีใครกล้าจะทดสอบ คราวแรกเราต้องเสียหลายร้อยตำลึงเงินเพื่อหากคนเป็นร้อยมาทดลองยา ข้าไม่คิดเลยว่า วันนี้จือเฉาจะมาทดสอบให้ เรื่องนี้
จังหวะที่นางพุ่งเข้ามาก็มีเงาทาบทับมาพอดีลั่วชิงยวนรับรู้ได้ดังนั้นนางจึงผุดลุกขึ้นพร้อมถือชามยาไว้แน่นในมือเพื่อปกป้องยาถอนพิษที่อยู่ในชามนั้นเฉียงเวยพุ่งเข้าหาชามยาแต่นางก็ไม่คาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะผลุนผลันลุกขึ้นเช่นนี้ตอนที่ลั่วชิงยวนลุกขึ้นนั้นเอง หัวก็กระแทกเข้ากับคางของเฉียงเวยเต็มรักเมื่อเทียบขนาดร่างกายของลั่วชิงยวนเมื่อชนเข้ากับเฉียงเวยแล้ว แน่นอนว่าคนที่ต้องกระเด็นไปก็คือเฉียงเวยเฉียงเวยล้มลงนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น นางยกมือกุมปากไว้พร้อมทั้งมีเลือดหยดลงมาไม่หยุดจนเต็มไปทั้งฝ่ามือ ฟันของนางก็หลุดออกมาถึงสองซี่“ท่าน ท่าน” เฉียงเวยชี้ลั่วชิงยวนอย่างโกรธเคือง นางกัดลิ้นตนเองจนเลือดออก ตอนนี้ก็เจ็บปวดจนไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ลั่วชิงยวนปรายตามองเล็กน้อยก่อนที่จะย่อตัวลงนั่งป้อนยาจือเฉาต่อ นางรู้สึกปวดใจมากเมื่อเห็นจือเฉาร้องไห้อย่างทรมาน“จือเฉาเร็วเข้า เจ้าต้องทนเจ็บปวดแล้วกินโอสถให้หมด”มีอีกเงาหนึ่งทาบทับมา แปลว่ามีอีกผู้หนึ่งเดินเข้ามานางนั้นไม่กลัวที่จะต้องรับมือกับใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่นางกลัวเพียงแต่จะทำยาแก้พิษที่ยังกินไม่หมดนี้หกไปเสียก่อนเท่านั้นการช่วยถอน
เป็นเพราะลั่วชิงยวนนั้นขี้ขลาดและไม่มีความมั่นใจในตัวเองทำให้ลั่วเยวี่ยอิงสามารถทำร้ายนางได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามนี้ลั่วเยวี่ยอิงมีฟู่เฉินหวนคอยคุ้มครองก็ยิ่งเหิมเกริม หากว่านางไม่ตอบโต้กลับแล้วใครจะมาออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนนางกันเล่า?ลั่วเยวี่ยอิงนั่นมีแต่คนคอยประคบประหงมและโดดเด่นมาตั้งแต่เกิดและไม่เคยต้องหัวเสียขนาดนี้ นางไม่อยากจะเป็นเหมือนลั่วชิงยวนคนก่อนลั่วเยวี่ยอิงจ้องนางอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินน้ำตาคลอจากไปอย่างโกรธเกรี้ยวคับแค้น……เป็นดังคาดว่าไม่นานนัก ก็มีคนมาเชิญให้นางไปที่เรือนของท่านอ๋องเมื่อนางไปถึงที่ห้องตำรา ลั่วเยวี่ยอิงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ท่าทางโศกเศร้าอย่างมากราวกับบุพการีตายเฉียงเวยนั้นคุกเข่าอยู่ที่พื้นและดูเป็นทุกข์“ลั่วชิงยวน ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร?” ดวงตาฟู่เฉินหวนฉายแววโทสะเขาเตือนนางแล้วว่าไม่ให้รังแกลั่วเยวี่ยอิงอีกลั่วชิงยวนยังคงรู้สึกว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด นางไม่ได้เป็นฝ่ายไปยั่วยุลั่วเยวี่ยอิงและไม่ได้ไปรังแกนาง แต่ว่าเป็นลั่วเยวี่ยอิงที่มาหาเรื่องนางถึงที่ แล้วเช่นนี้จะตำหนินางได้อย่างไร?แต่นางก็ไม่ได้อธิบายและไม่คิดว่าจะอ้าปากอธิ
”ท่าน… ร้อย…กลาง… องค์ชาย”จือเฉาอ่านอย่างตั้งใจ แต่คนรอบตัวที่ฟังอยู่ล้วนไม่มีใครฟังเข้าใจฟู่เฉินหวนรู้ได้ในทันทีว่าจือเฉาอ่านอักษรบนนี้ไม่ได้หมดทุกตัวลั่วเยวี่ยอิงยังไม่เข้าใจ นางเพียงคิดว่าเฉียงเวยลงมือหนักนัก ทำให้จือเฉาพูดได้ไม่เป็นภาษาเยี่ยงนี้แถมฟังแทบไม่รู้เรื่องฟู่เฉินหวนนิ่วหน้าและถามเสียงเย็น “จือเฉา ข้าถามเจ้าว่าเจ้าลงนามในหนังสือนี้เพื่อเหตุใด?”จือเฉาตอบอย่างตรงไปตรงมา “กราบทูลท่านอ๋อง บนนี้เขียนว่าการทดลองยานั้นมีความเสี่ยง บ่าวต้องลงนามก่อนถึงจะทำการทดลองได้ เขาบอกว่านี่เป็นกฎเพคะ”สีหน้าฟู่เฉินหวนบิดเบี้ยวดูไม่ได้ กฎเช่นนั้นหรือ? ใครเป็นคนตั้งกฎนี้ขี้นมากัน?“ผู้ใดบอกให้เจ้าลงนามในหนังสือนี้?”“กราบทูลท่านอ๋อง เป็นแม่นางสวีเซียงเซียงจากตำเรือนโอสถเพคะ” จือเฉาตอบอย่างสงบเสงี่ยม “พระชายาทรงบาดเจ็บ บ่าวเลยไปขอโอสถบำรุงโลหิตมาให้ แต่แม่นางสวีเซียงเซียงบอกว่า บ่าวต้องทดสอบยาก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ให้ยาพิเศษกับบ่าวเพคะ”เมื่อได้ยินเช้นนี้ฟู่เฉินหวนก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นตอนนั้นเองลั่วเยวี่ยอิงถึงได้เข้าใจว่า จือเฉาอ่านหนังสือไม่ออก แล้วเช่นนี้การให้นางลงนามใ
ซูโหยวรีบเข้ามาช่วยฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?”ฟู่เฉินหวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในทรวงร้อนรุ่มดั่งไฟสุม หัวก็ปวดแทบระเบิด ความเจ็บปวดนั้นมันมากเกินทนไหว เหมือนว่าหัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง“รีบไปตามท่านหมอกู้มาเร็ว”เซียวชูรีบไปตามท่านหมอกู้มา ท่านหมอกู้ตรวจชีพจรดูลิ้นและดาของฟู่เฉินหวน เขาลอบตกใจ ปกติแล้วสุขภาพของฟู่เฉินหวนนั้นแข็งแรงมาโดยตลอด แต่เหตุใดถึงมีคนฉวยโอกาสจากเขาได้ง่ายนัก?“ท่านหมอกู้ ท่านอ๋องเป็นอะไรหรือขอรับ?” ซูโหยวถาม“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก เพียงท่านอ๋องฉุนเฉียวมากไป และอ่อนล้าจากหลายเรื่อง น่าจะต้องกินยาสักเดือนก็จะฟื้นกำลังมาได้แล้ว” หมอกู้ตอบ“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปกับท่านหมอกู้เพื่อรับยามา” ซูโหยวเดินไปส่งท่านหมอกู้เมื่อเขาหันหลังไป ก็มีรอยยิ้มแฝงนัยปรากฏบนริมฝีปากของหมอกู้ครึ่งชั่วยามต่อมาซูโหยวก็กลับมาพร้อมยา หลังจากที่ฟู่เฉินหวนกินยาเข้าไป อาการปวดหัวของเขาก็ทุเลาลงอย่างมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้ท่านอ๋องอย่าเพิ่งกังวลกับเรื่องในตำหนักอ๋องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ แม่บ้านเติ้งนั้นรับผิดชอบเรื่องของเรือนชั้นใน กระหม่อมจะดูแลเรื่องอื่น ๆ เอง สุขภาพของท่านอ๋องสำคัญที่ส
พิษในร่างจือเฉาโดนถอนออกไปและสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ส่วนสวีเซียงเซียงและคนอื่น ๆ จากเรือนโอสถก็โดนขับไล่ออกไป ชุนเยวี่ยซึ่งทำงานในเรือนโอสถได้รับการสนับสนุนจากแม่นมเติ้งเพื่อเป็นการขอบคุณเธอสำหรับคำให้การของนางแม่นมเติ้งนำยาตามใบเทียบยาของลั่วชิงยวนกลับมาให้ และลั่วชิงยวนเองก็นั่งบดยาอยู่“พระชายา บ่าวคิดว่า สวีเซียงเซียงคงมิกล้าคิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเองเป็นแน่ อย่างน้อยก็ภายใต้การดูแลของบ่าว นางมิกล้าประมาทเยี่ยงนี้” แม่นมเติ้งยังคงคิดไม่ตกลั่วชิงยวนยิ้ม “แน่นอนว่านางมิกล้า ข้าถามจือเฉาโดยละเอียดแล้ว นางบอกว่ามีเฉียงเวยเป็นคนคอยชี้นำอยู่”“เช่นนั้นเหตุใดสวีเซียงเซียงจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องเฉียงเวยเล่าเจ้าคะ?” แม่นมเติ้งตกใจ“เรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก ต้องมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเฉียงเวยซึ่งมอบตำลึงเงินให้สวีเซียงเซียงมากพอที่จะให้นางหุบปากสนิท หรือสวีเซียงเซียงก็อาจโดนผู้นั้นข่มขู่จึงไม่กล้าสารภาพออกมา” นางเดาว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวพันกับลั่วเยวี่ยอิงมีเพียงลั่วเยวี่ยอิงเท่านั้นที่จ้องเล่นงานและอยากเห็นนางตาย“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นพระชายาจะยอมปล่อยวางเรื่องในคราวน
เมื่อลั่วเยวี่ยอิงตามมาทัน นางก็เห็นยาที่กลิ้งออกมาจากกล่อง นี่มันยาที่ท่านหมอกู้มอบให้นางเพื่อรักษาแผลมิใช่รึ? ยาพวกนี้ทำจากเครื่องยาสมุนไพรที่ล้ำค่าทั้งนั้น นางยังรู้มาอีกว่า ยาพวกนี้จะช่วยให้บาดแผลบนใบหน้าของนางไม่เป็นรอยแผลเป็น“ลั่วชิงยวน นี่เจ้ามาขโมยยาของข้าสินะ” ลั่วเยวี่ยอิงเข้าใจได้ในทันที นางจะต้องมาขโมยยานี้เพื่อเอาไปรักษานางบ่าวไร้ค่าจือเฉานั่นเป็นแน่สารเลวนัก ข้าวของของนาง ทาสไร้ค่าคู่ควรมาแตะต้องหรือ?เมื่อโดนจับได้ ลั่วชิงยวนก็ยิ่งตื่นตระหนก นางรีบคว้ากล่องยาแล้ววิ่งหนีต่อลั่วเยวี่ยอิงกัดฟันกรอดแล้วรีบไล่ตาม“หยุดนะ”ลั่วชิงยวนนั้นตื่นตระหนกเหมือนโจรที่โดนไล่ตามจับ นางวิ่งสุดฝีเท้าจนหอบหายใจแทบไม่ทัน ลั่วเยวี่ยอิงเองก็ตามนางมาไม่ลดละจนมาถึงเรือนเล็กลั่วชิงยวนเกือบจะล้มกลิ้งไปแล้ว นางโผเข้าหาจือเฉาแล้วรีบเปิดกล่องยา ละล่ำละลักพูดว่า “เร็วเข้า จือเฉารีบกินเร็ว”จือเฉาหยิบยาขึ้นมาพร้อมอ้าปากเตรียมกลืนลงไปลั่วเยวี่ยอิงรุดตามมาและไม่รอช้ายกมือขึ้นฟาดอย่างแรงจนเม็ดยากระเด็นร่วงจากมือจือเฉาเม็ดยานั้นกลิ้งไปตามแผ่นหินปูทางเดิน ลั่วชิงยวนรีบพุ่งตัวตามไปเก็บ มีหรือ
ในสวน แม่นมเติ้งและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันอึ้งงัน พวกเขาไม่คิดว่าวิธีการที่พระชายาใช้จะทำให้ลั่วเยวี่ยอิงฉวยยานั้นขึ้นมาแล้วกินลงไปเองหากว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิง ก็ไม่มีอันใดที่เกี่ยวข้องกับพระชายาทั้งสิ้น ในสายตาของทุกคนเห็นว่า ลั่วเยวี่ยอิงนั้นเป็นฝ่ายที่แย่งชิงยาไปกินเองแม่นมเติ้งห็นว่า งานที่แสนยากนั้นเมื่ออยู่ในมือพระชายาก็สำเร็จได้อย่างง่ายดาย นางไม่เพียงเล่นลูกไม้กับลั่วเยวี่ยอิง ทำตามแผนได้สำเร็จและยังได้แก้แค้นอีกด้วย นี่มันน่าพึงพอใจยิ่งนักนางยิ่งรู้สึกชื่นชมพระชายามากขึ้นหากว่าไม่ใช่เพราะเป็นการไม่สะดวกที่จะพูดคุยกันตรงนี้ นางก็คงจะเอ่ยชื่นชมพระชายาออกมาแล้วที่ทางเดินนอกสวน ฟู่เฉินหวนเองก็แอบยืนมองอยู่เงียบ ๆเด็กรับใช้อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “กระหม่อมคิดว่า พระชายาโดนคุณหนูรองลั่วเล่นงานเสียอีก ไม่คาดเลยว่าแท้จริงเป็นพระชายาที่วางแผนเล่นงานคุณหนูรองลั่ว”แววตาสงบนิ่งของฟู่เฉินหวนเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ในดวงตาฉายแววคมกล้า เขายิ้ม “ข้ากลัวว่านางไม่ได้มีเจตนาเพียงแค่จะกลั่นแกล้งคุณหนูรองลั่วเท่านั้นหรอก”“ข้าไม่คิดมาก่อนว่า บุตรสาวสายตรงที่ไร้ค่
ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเขาเงยหน้ามองนางด้วยความสงสัย “วันนี้ท่านเป็นอะไรไป? จะดื่มสุราแล้วต้องถามมากมายเช่นนี้?”“เหมือนสตรี...”“ท่านคงมิประสงค์จะดื่มสุราด้วยกันกับข้า จึงพยายามปฏิเสธทางอ้อมสินะ”ลั่วชิงยวนกินไปพลางตอบ “เพียงแค่ถามเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เหตุใดท่านต้องตอบโต้เสียงดังด้วย”“ท่านมาหากระหม่อมก็เพื่อพูดคุยมิใช่หรือ?”ฟู่เฉินหวนเลิกคิ้ว พูดมิออก “ก็ใช่อยู่”เขายกถ้วยสุราขึ้นมา ลั่วชิงยวนชนจอกเหล้ากับเขาแล้วดื่มหมดจอกทั้งสองดื่มสุราจนถึงยามวิกาล พูดคุยกันทั้งคืนแต่เนื่องจากฟู่เฉินหวนมีกิจราชสำนักจึงมิได้พักค้างคืน ดื่มเสร็จแล้วจึงกลับตำหนักไปลมยามค่ำคืนพัดผ่านกายฟู่เฉินหวน ทำให้ตื่นจากอาการมึนเมาเมื่อออกจากตรอกก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงหันกลับไปมองมีเงาร่างหนึ่งรีบซ่อนตัวนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนเย็นชาขณะขมวดคิ้วฉู่ลั่วถูกจับตามองหรือ?ฟู่เฉินหวนเดินจากไป......ยามเช้าลั่วฉิงมาที่ตรอกฉางเล่ออีกครั้ง แล้วเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่ที่รอยแยกของกำแพงเมื่อเปิดดูปรากฏว่าเขียนไว้ว่า คืนนี้ยามเที่ยงคืน มาพูดคุยเรื่องความร่วมมือกันเถิดลั่วฉิงตกตะลึง ฉู่
เมื่อฟู่เฉินหวนได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”“แต่เหตุใดท่านเซียนฉู่จึงมิยอมรับตำแหน่งมหาปราชญ์?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมรับงานมิไหวแล้ว มิอยากให้ตำแหน่งมหาปราชญ์มาขัดขวางการทำเงินของกระหม่อม”ฟู่เฉินหวนอดหัวเราะมิได้ “ท่านขัดสนเรื่องเงินหรือ?”“ข้ามิเคยได้ยินท่านพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน”ลั่วชิงยวนตอบว่า “มิขัดสน แต่กระหม่อมชอบหาเงินพ่ะย่ะค่ะ” “อืม ข้าเข้าใจแล้ว แต่จักรพรรดิก็ตรัสแล้วว่าตำแหน่งนี้จะถูกสงวนไว้ให้ท่าน เมื่อใดที่ท่านเปลี่ยนใจหรือเมื่อใดที่ท่านหาเงินได้มากพอแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นมหาปราชญ์ได้ทุกเมื่อ”แล้วฟู่เฉินหวนก็ส่งลั่วชิงยวนออกจากวังระหว่างทาง ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเตือนอีกครั้ง “เมื่อครู่กระหม่อมเห็นว่าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิมีความมัวหมอง ท่านอ๋องควรเตือนองค์จักรพรรดิให้ระวังพระวรกายจากคนรอบข้างไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เฉินหวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร? มีผู้ใดจะลอบทำร้ายเขาหรือ?”ลั่วชิงยวนตอบว่า “ภัยพิบัติขององค์จักรพรรดิจะมาพร้อมกับภัยพิบัติของแคว้นเทียนเชวีย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เฉินหวนก็เข้าใจ “ขอบคุณที่เตือน!”ที่จริงแ
“ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย
“คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล
ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา