ทุกคนตกใจและไล่ตามนางไป“พระชายา พระชายา อย่านะเจ้าคะ!”“นี่เป็นความผิดของฟ่านซานเหอ มิเกี่ยวอะไรกับหลิ่วซิ่งเอ๋อร์!”“นางน่าสงสารพอแล้ว พระชายา โปรดปล่อยนางไปเถิดเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “ข้าต้องพาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ออกไป หากเจ้ายังต้องการไปที่หอฝูเสวี่ยก็แค่หุบปากเสีย!”พวกนางมิสามารถหยุดลั่วชิงยวนได้ ดังนั้นพวกนางจึงเลิกล้มความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมคนในหออี๋ชุนหลายคนเห็นฉากนี้แม้แต่แม่เล้าแห่งอี๋ชุนหยวนก็ยังรีบมา นางจะปล่อยให้ลั่วชิงยวนพาคนออกไปง่าย ๆ ได้เยี่ยงไรกลุ่มคนมาล้อมรอบ แต่ลั่วชิงยวนเตะพวกเขาออกไปทีละคน ด้วยแรงผลักดันอันฮึกเหิม“วันนี้ข้าจะเอานางผู้นี้ไป! หากใครมิกลัวตายก็ดาหน้าเข้ามา!”ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ไว้แน่นจนหลิ่วซิ่งเอ๋อร์เจ็บปวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความทรมาน แต่นางก็มิสามารถดิ้นหลุด และถูกลากไปในตอนแรก มีคนต้องการหยุดนาง แต่ในฝูงชนเกิดกระซิบกันว่า “นี่คือพระชายาอ๋อง ท่านอ๋องก็อยู่ข้างหลังนาง ใครกล้าขวาง ก็มิต่างจากหาเรื่องตาย”ฟู่เฉินหวนเอามือไขว้หลังแล้วเดินตามลั่วชิงยวนไปอย่างช้า ๆแม้ว่าเขาจะมิได้พูดอะไรสักคำ แต่ใครก็สาม
หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ดูตื่นตระหนกและก้มหน้าลงเมื่อเห็นสายตาหลบเลี่ยงในดวงตาของนาง ก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น“ข้า… ข้ามิรู้ บางทีข้าอาจฟังผิด...”หลิ่วซิ่งเอ๋อร์พูดติดอ่างและปกปิดเรื่องราวมิเก่งสักนิดปฏิกิริยาของนางเปิดเผยทุกสิ่งอย่างไรก็ตาม ลั่วชิงยวนมิรีบร้อน เพราะนางรู้ว่าอวี๋ซวี่หลินจะมาหาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แน่ ดังนั้นนางจึงเพียงรอให้อวี๋ซวี่หลินมาหานางถึงที่เองหลังท้องฟ้งมืดมิด เสียงกรีดร้องในสวนหลังบ้านยังคงดำเนินต่อไป จือเฉากรีดร้องขณะดื่มยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอของตัวเองในบางครั้ง เซียวชูจะเฆี่ยนหุ่นไล่กาด้วยแส้สองสามครั้งด้วยสิ่งเหล่านี้มีเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอนว่าอวี๋ซวี่หลินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในตรอกด้านนอกโรงเตี๊ยมก็แทบทนฟังมิได้อวี๋ซวี่หลินใช้โอกาสตอนที่เซียวชูไปทานอาหารเย็น แอบเข้าไปในโรงเตี๊ยมหวังจะช่วยเหลือหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเปิดประตู มิใช่หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด แต่กลับเป็นภาพของจือเฉาที่กำลังดื่มน้ำอยู่เมื่อตระหนักว่าเขาติดกับดัก อวี๋ซวี่หลินจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปแต่เขาจะหนีไปได้เย
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงกบฏ!สมาคมการค้าเฟิงตูกล้าเกินไปแล้ว“เล่ารายละเอียดมา” ฟู่เฉินหวนดูวางแผน สีหน้าดูกำลังคิดคำนวณอย่างหนักเขามิได้พูดอะไรมาก เพียงต้องการข่มขวัญให้อวี๋ซวี่หลินบอกเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขารู้มา“สมาคมการค้าเฟิงตูสร้างฐานะในซีหยาง ดึงดูดคนมากมายให้เข้าร่วมสมาคมเพื่อสร้างกิจการ โดยบอกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมิรู้วิธีบริหาร พวกเขาก็สามารถพาเรามาทำเงินร่วมกันได้”“ข้าถูกหลอกมาเช่นนี้!”“ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาหลอกให้เราไปทำการค้าและหารือเรื่องกิจการถึงต่างแดน แต่จริง ๆ แล้วเพื่อไปซื้ออาวุธจำนวนมากต่างหาก!”“แต่ข้ามีไหวพริบ จึงแอบเปิดกล่องที่ซ่อนอยู่แล้วแอบมองลงไปในกล่อง!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใครทำธุรกิจซื้อและขายอาวุธกันเล่า?”“ปรากฏว่าสินค้ากลับถูกขโมยไป! แล้วพวกเขาขอให้เรากลับมาซีหยางเพียงเท่านั้น”“ข้ารู้สึกมิสบายใจจริง ๆ จึงคอยจับตาดู คืนนั้นมีคนมาฆ่าข้า แน่นอนว่าข้าหนีออกมาจากรูด้านหลังเตียง”“ผลก็คือน้องชายของข้าถูก...” “เฮ้อ......”อวี๋ซวี่หลินถอนหายใจขณะที่เขาพูดลั่วชิงยวนแอบตกใจ มันตรงกับสิ่งที่พวกเขาพบและคาด
“ฟ่านซานเหอไร้ความสามารถและมิสามารถควบคุมกิจการของครอบครัวได้ ดังนั้นเฉินซวนอี๋จึงเป็นผู้รับผิดชอบแทน”“เงินทั้งหมดของตระกูลฟ่านอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินซวนอี๋”อวี๋ซวี่หลินพลางยิ้มอย่างดูถูกในขณะที่พูด “นี่คือวิธีการของสมาคมการค้าเฟิงตู”“คนนอกเมื่อมาอยู่ในซีหยางก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา”ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียวสันหลังอยู่ในใจขณะฟังพวกกระหายเลือดเหล่านี้ใช้กลอุบายดังกล่าวเพื่อเอาเงินของตระกูลฟ่านไปลั่วชิงยวนถามต่อว่า “เจ้าทำอะไรลงไปอีก ทางที่ดีที่สุดคือบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้มา เราจะได้หาทางออกให้กับเจ้าและหลิ่วซิ่งเอ๋อร์"“ร่างกายของนางได้รับความเสียหายสาหัสนัก และร่างกายของนางยิ่งทรุดเนื่องจากการกินยาล่าช้า ยาทั่วไปทำให้นางมีชีวิตต่อไปได้มากที่สุดสองหรือสามปีเท่านั้น”“แต่ข้าสามารถรักษานางได้”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋ซวี่หลินก็กำมือแน่นด้วยความประหม่าเขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเฉินซวนอี๋จะให้ฟ่านซานเหอกินยาอะไรบางอย่าง”“ฟ่านซานเหอกินมันผ่านมือของหลิ่วซิ่งเอ๋อร์!”“หลิ่วซิ่งเอ๋อร์บอกว่า ตอนนั้นนางเหมือนจะเห็นแมลงอยู่ในน้ำ...”ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาคิ้วของลั่วชิงยวนกร
ก่อนที่นางจะพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้าภาพนั้นออกไปและมองดูมันด้วยความหน้านิ่วคิ้วขมวด “ดูอย่างไรก็น่าเกลียด สายตาเจ้าเป็นอะไรไปแล้ว”หลังจากบ่นด้วยความมิพอใจ ฟู่เฉินหวนก็เดินจากไปแถมเขายังหยิบรูปนั้นออกไปด้วย“หากท่านว่าน่าเกลียด เหตุใดท่านจึงต้องเอารูปนี้ออกไปด้วยเล่า?”นี่คือเสวี่ยชวนเฟิง คุณชายใหญ่ตระกูลเสวี่ยมิรู้ว่าพฤติกรรมสุรุ่ยสุร่ายของนางดึงดูดความสนใจของตระกูลเสวี่ยหรือไม่หากพวกเขากล้าโจมตีลั่วหลางหลาง ก็อาจลองหันมาเล่นงานนางซึ่งเป็นพระชายาอ๋องได้เช่นกันท้ายที่สุดแล้ว เงินของนางมากกว่าสินเดิมของลั่วหลางหลางมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วชิงยวนจึงตัดสินใจไปที่หออี๋ชุนอีกครั้งขณะออกจากโรงเตี๊ยม นางมิเห็นฟู่เฉินหวน ดังนั้นนางจึงทักทายเซียวชูและบอกถึงที่หมายของนางตอนที่นางไปถึงหออี๋ชุนอีกครั้ง เหล่าสตรีต่างก็มองนางด้วยความหวาดกลัวลั่วชิงยวนสตรีสองสามคนที่นางได้พบเมื่อวานนี้เพียงลำพังนางเขียนจดหมายให้สตรีเหล่านั้นทีละคนก่อนยื่นให้พวกนางตามลำดับ "แค่เอาจดหมายพวกนี้ไปที่หอฝูเสวี่ยในเมืองหลวง แล้วพวกเขาจะช่วยจัดการให้เจ้าเอง"หลายคนหยิบซองจดหมายไปหงฝูลังเลและเอ่ยถาม
“ได้สิ” ลั่วชิงยวนยกยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นสายตาของลั่วชิงยวนที่จ้องมองมาที่เขา เสวี่ยชวนเฟิงก็รู้สึกภูมิใจมาก เขาผายมือเชิญชวนและพาลั่วชิงยวนออกจากหออี๋ชุน ไปยังโรงน้ำชา“ข้ายังมิรู้เลยว่าแม่นางชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น “คุณชาย เรียกข้าว่าฝูเสวี่ยก็ได้”เมื่อได้ยินสิ่งนี้เสวี่ยชวนเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฝูเสวี่ย? ท่านคือแม่นางฝูเสวี่ยจากหอฝูเสวี่ยงั้นหรือ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและมิพูดอะไรเสวี่ยชวนเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ “มิน่าแปลกใจที่แม่นางมาปรากฏตัวที่หออี๋ชุน”“ข้าคิดว่าแม่นางมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงและร่ายรำนัก และข้าก็ชอบการร้องเพลงและร่ายรำด้วย หากมีโอกาส ข้าหวังว่าจะได้หารือเรื่องนี้กับแม่นางฝูเสวี่ย”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “ได้สิ”เมื่อมาถึงโรงน้ำชา พวกเขาสั่งชาและของว่าง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันจากบทกวีและเพลง สู่หัวข้อเรื่องความรักและความฝันทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าพวกเขามีหัวข้อให้พูดคุยกันอย่างมิรู้จบพวกเขาทั้งสองทานอาหารกลางวันที่ร้านน้ำชาโดยตรงและพูดคุยกันต่อเสวี่ยชวนเฟิงรู้ว่านางคือพระชา
ลั่วชิงยวนตัวแข็ง เหลือบมองดอกหอมหมื่นลี้อันหอมหวานในถ้วยชา จากนั้นจึงมองไปที่ฟู่เฉินหวน ซึ่งขณะนี้ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร“ดื่มสิ”“รสหวานแปลกใหม่มากมิใช่หรือ?”รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของฟู่เฉินหวนยิ้มเยือกเย็น ทำให้คนที่เห็นหนาวสั่นไปถึงกระดูกลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “นี่ท่านสะกดรอยตามหม่อมฉันหรือ?”ฟู่เฉินหวนพูดอย่างมั่นใจ “เจ้าอยู่กับเสวี่ยชวนเฟิงที่โรงน้ำชากันอย่างเปิดเผยเช่นนั้น ต้องให้ข้าสะกดรอยตามด้วยรึ?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงของฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ จนน้ำชากระเด็นออกมา“ท่านคิดว่าหม่อมฉันเต็มใจหรือ? เสวี่ยชวนเฟิงผู้นั้นน่ารังเกียจปานใด หากมิใช่เพราะท่าน หม่อมฉันจะทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเช่นนั้นหรือ? หม่อมฉันยิ้มจนปากจะค้างอยู่แล้ว!”“หม่อมฉันทุ่มเทถึงเพียงนั้น ท่านยังทำเป็นประชดประชันใส่! หาไม่ท่านไปจัดการเสวี่ยชวนเฟิงเองสิ ไฉนหม่อมฉันต้องทำสิ่งที่ท่านมิเห็นค่าเช่นนี้ด้วย!”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนฟังดูมิพอใจแต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว แต่ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เองเขาคิดว่าลั่วชิงยวนชอบคนที่มีห
“จะตีหรือด่าทอข้าอย่างไรก็ได้ แต่อย่าหลบเลี่ยงข้าเยี่ยงนี้ได้หรือมิ?”เฉินซวนอี๋ทักทายด้วยรอยยิ้มโดยถือกล่องไม้ไว้อยู่ในมือแล้วยื่นมันไปข้างหน้า “เป็นเพราะข้าท้องและบางครั้งอารมณ์ของข้าก็แปรปรวน ทำให้เจ้าได้รับความลำบาก เป็นความผิดของข้าเอง”“ข้าเตรียมของขวัญมาให้เจ้าโดยเฉพาะ เปิดดูสิว่าเจ้าชอบหรือมิ”“ขอให้เจ้าอดทนหน่อย เมื่อเด็กเกิดมา ข้าจะให้เด็กจำเจ้าเป็นแม่ทูนหัวของเขา ตกลงหรือมิ?”เฉินซวนอี๋แสดงท่าทีจริงใจเมื่อเปิดกล่องออกมา ก็มีสร้อยข้อมือลูกปัดอยู่ข้างในมันดูคล้ายจะเป็นของขวัญอันล้ำค่าลั่วหลางหลางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสร้อยข้อมือลูกปัดดังกล่าว นางกำฝ่ามือโดยมิรู้ตัว“ข้าจะกลับไปกับพวกเจ้า” ลั่วหลางหลางรับคำแต่ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วหลางหลางด้วยสีหน้าประหลาดใจฟ่านซานเหอมีความสุขมากและรีบเกลี้ยกล่อม "หลางหลาง เชื่อข้าเถอะ ข้าจะไม่มีวันทำเช่นนั้นอีก! ข้าจะเลิกกินเหล้าตั้งแต่วันนี้ ข้าจะไม่กินอีก! จากนี้ไป ข้ามิขอกินเหล้าอีกแล้ว!”ลั่วหลางหลางมิได้พูดอะไรนางเพียงหันมามองลั่วชิงยวน “ชิงยวน ข้าจะกลับไปก่อน อยู่โรงเตี๊ยมตลอดก็มิใช่เรื่องดี"“มิต้องห่วงข้า”“หากคิดถึง
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้