“เหอะ ข้าเคยเพลิดเพลินกับการปฏิบัติเช่นนี้ในตำหนักอ๋องตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะถอนหายใจ และเริ่มใช้ตะเกียบคีบอาหารจือเฉาพูดด้วยรอยยิ้ม “คราวนี้ท่านอ๋องได้ยึดครองหอร่ำเมลัยทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นเขาจึงปิดหอและเชิญพ่อครัวผู้นี้มายังตำหนัก จากนี้ไปเขาจะทำอาหารให้พระชายาเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกใจมาก “เขารับช่วงต่อหอร่ำเมลัยหรือ?”เยี่ยมมาก นางสามารถสร้างกำไรได้อีกแล้วนางครุ่นคิดขณะรับกินอาหาร “เช่นนี้ข้าต้องคิดว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าจะกินอะไร”ไม่กี่วันต่อมา ลั่วชิงยวนก็ได้รับการดูแลอย่างพิถิพิถัน อีกทั้งคนรับใช้ทุกคนในตำหนักอ๋องยังให้ความเคารพต่อนาง ไม่ว่านางต้องการอะไรหรืออยากกินอะไร เพียงแค่พูดทุกคนก็พร้อมตามใจนางแล้วหมอหลวงมาตรวจชีพจรของนางทุกวันและสั่งยาให้แก่นางฟู่เฉินหวนยังมาหานางทุกคืน เขานั่งลงแล้วคุยกับนางเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องคดีตระกูลฝูฝูว่านเจิงและฝูจ้าวถูกประหารชีวิตด้วยกันทั้งคู่ และด้วยการสอบสวนเชิงลึกของฟู่เฉินหวนทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่เพียงแต่เจ้ากรมกลาโหมเท่านั้น แต่ยังม
ในที่สุดซ่งเชียนฉู่ก็มาถึงแล้วเมื่อซ่งเชียนฉู่ปรากฏตัวอย่างปลอดภัยต่อหน้าต่อตานาง หัวใจอันหนักอึ้งที่ลั่วชิงยวนแบกอยู่ก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด“ท่านได้รับบาดเจ็บเหมือนกันหรือ? ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?” ซ่งเชียนฉู่เดินเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล ลั่วชิงยวนผงะเล็กน้อย “เหมือนกัน? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกอย่างนั้นรึ? เมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?"นางมองไปยังใบหน้าของซ่งเชียนฉู่ที่ค่อนข้างซีดเซียว“คนเหล่านั้นยังคงไล่ตามดีงูอย่างไม่ยอมแพ้ เวลานี้สถานการณ์แย่ลงเรื่อย ๆ ในครั้งนี้ข้าและเฉินเซี่ยวหานขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา แต่แล้วพวกเรากลับถูกซุ่มโจมตี”“ข้าไม่เป็นไร แต่เฉินเซี่ยวหานได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้อาการบาดเจ็บของเฉินเซี่ยวหานหายดีขึ้นเล็กน้อย เช่นนั้นข้าจึงพาเขากลับมา”“ข้าได้ยินมาว่าตำหนักอ๋องกำลังตามหาข้า ข้าจึงวิตกกังวลยิ่ง”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ท่าทีของลั่วชิงยวนก็ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที นางครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คนเหล่านั้นน่าจะเป็นคนของสำนักวรยุทธเจียงฮู๋ พวกเขาสูญเสียอำนาจไปมากในยามนี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะส่งนักฆ่
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วอวิ๋นสี่ก็เข้ามาอย่างมีความสุข ลั่วชิงยวนมอบสิ่งที่นางเตรียมไว้ล่วงหน้าให้อีกฝ่าย ก่อนจะสอนวิธีใช้ให้นาง แม้ว่าลั่วอวิ๋นสี่จะลองพยายาม เตี่ยฉุยก็เข้าสู่ร่างของลั่วอวิ๋นสี่ได้อย่างราบรื่นเขารีบออกจากประตูด้วยความตื่นเต้นและชกต่อยอากาศอย่างดุเดือดลั่วชิงยวนมองดูเขาด้วยตาเป็นประกาย พละกำลังและการเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างสมกับเป็นนักฆ่าจริง ๆ!นางยืนขึ้นและเดินไปที่ประตู ก่อนจะเห็นว่าลั่วอวิ๋นสี่กำลังฝึกมีดสั้นอยู่ในลาน รวมทั้งตัวของเตี่ยฉุยเองก็ไม่ได้สัมผัสถึงการเหยียบบนพื้นหินมาเป็นเวลานานแล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากในขณะนี้ การเคลื่อนไหวของเขานั้นก็รุนแรงมากเช่นกันซ่งเชียนฉู่อุทานขึ้นว่า “ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานานแล้ว นับว่าน่าแปลกใจจริง ๆ”“เป็นเรื่องยากที่จะหานักฆ่าที่มีวรยุทธสูงเช่นนี้”ลั่วชิงยวนยิ้มการถูกผู้อื่นควบคุมร่างกายทำให้ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกแปลกประหลาดและน่าขนลุก แต่ทว่า นางก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเริ่มจดจำตำแหน่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้ไว้ในใจลั่วชิงยวนเฝ้าดูอยู่ที่ประตูอย่างตั้งใจ จือเฉาจึงตัดสินใจยกเก้าอี้มาไว้ให้นาง ทว่า หลังจาก
ในเวลานี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “หยุดพูดได้แล้ว”นางมองไปที่ลั่วชิงยวนอีกครั้งแล้วพูดว่า “พี่หญิง อย่าได้ถือสาสิ่งที่พวกนางพูดเลยเจ้าค่ะ”“หากพี่หญิงลดน้ำหนักได้เช่นนี้ ใบหน้านั่นก็ต้องหายได้ด้วยใช่หรือไม่?”การถามถึงใบหน้าของลั่วชิงยวนอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ก็ดูคล้ายจงใจจะเน้นเรื่องใบหน้าอัปลักษณ์ของนางให้ผู้อื่นเอาไปเป็นประเด็น พลังการเย้ยหยันนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าคำพูดของผู้อื่นเลยลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนหน้านี้นางเย้ยหยันลั่วชิงยวนว่าอ้วนพอ ๆ กับหมู แต่เมื่ออีกฝ่ายผอมลงแล้ว นางกลับล้อเลียนอีกฝ่ายเรื่องใบหน้าอันอัปลักษณ์แทน เมื่อมองดูสีหน้าของคนที่กำลังชมการแสดงเหล่านั้น ความภาคภูมิใจซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาของลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลั่วชิงยวนจะถอดหน้ากากของนางออกแล้วเผยใบหน้านั้นให้อีกฝ่ายได้เห็นทำให้พวกนางรู้สึกละอายใจและแสดงให้เห็นว่าพวกนางนั้นไร้สาระมากเพียงใด!“ข้ามิได้ต้องการให้เจ้ามาสนใจหน้าข้า” ลั่วชิงยวนตอบลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชาเมื่อนางเห็นท่าทีของลั่วเยวี่ยอิงเช่นนี้ นางก็รู้ทันทีว่าคำพูดข
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ตบอีกฝ่ายเต็มแรงโดยไม่ลังเลใจ เสียงตบดังลั่นชัดเจนทำให้ทั้งบริเวณเงียบลงในทันที“กล้าตีข้าหรือ!”สตรีผู้นั้นโกรธมากพร้อมทั้งรีบพุ่งไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กลับ แต่ถูกลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของนางไว้ ก่อนจะผลักนางอย่างแรง ทำให้ร่างกายของนางร่วงหล่นจากศาลานางตกลงไปในสระน้ำทันที“อ๊ะ ช่วยด้วย!” สตรีผู้นั้นกระเสือกกระสน ทุกคนตกใจและลุกขึ้นยืนรวมตัวกันทันที แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้ากระโดดลงไปช่วยนางคนรับใช้ของตำหนักรีบไปช่วยเหลือสตรีนางนั้นทันที แต่เมื่อนางได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร่างกายของนางก็ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใดเลย“เอ่อ นางคงไม่ตายใช่หรือไม่?”ฝูงชนตื่นตระหนกเป็นอย่างมากคนรับใช้ตรวจสอบลมหายใจของอีกฝ่ายทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนที่เขาจะเอ่ยรายงานว่า "พระชายา นางไม่หายใจแล้ว!"“นางตายแล้วจริงหรือ?” ทุกคนอุทานด้วยความตกใจลั่วเยวี่ยอิงตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างจ้องมองไปยังลั่วชิงยวนด้วยความไม่เชื่อ “พี่หญิง ท่านฆ่าคน!” “เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ นางมีความผิดก็จริง แต่นางไม่ควรต้องมาจบชีวิตเช่นนี้!” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ซ่งเชียนฉู่ก็รีบวิ่งมาเช่นกัน หลังจากสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ นางก็ได้ให้คนนำศพออกไปเก็บไว้ก่อนเมื่อผู้คนในศาลาเห็นว่าลั่วชิงยวนยังไม่ได้ถูกช่วยเหลือมาเป็นเวลานาน พร้อมกันนั้นพวกนางก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกนางจึงต้องการหลบหนีออกไป ทว่า พวกนางกลับถูกซ่งเชียนฉู่หยุดไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พระชายาตกลงไปในน้ำ ไม่อาจรู้ได้ว่านางเป็นหรือตาย เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนไม่ได้หมดสติ นางกลั้นหายใจ แต่การตอบสนองของร่างกายทำให้นางรออย่างเงียบ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือการตอบสนองเช่นนี้อาจมาจากการทดลองยาในวันนี้ อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ทางยาของหญ้าเทพวสันต์นั้นรุนแรงเกินไปจึงไม่อาจปรับเข้ากับสมุนไพรชนิดอื่นได้อย่างสมดุล นำไปสู่การตอบสนองของร่างกายทำให้รู้สึกราวกับถูกแช่แข็ง ในความมืดมิด มือข้างหนึ่งคว้าแขนของนางไว้แล้วดึงนางขึ้นจากใต้น้ำ ในขณะที่นางถูกดึงขึ้นจากน้ำ ลั่วชิงยวนก็ตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ผิวของนางซีดขาว และหนาวสั่นจนดูราวกับหายใจไม่ออก หัวใจของฟู่เฉินหวนคล้ายกับถูกบีบจนขึ้นมาที่ลำคอ เขาเดินจากไปพร้อมลั่ว
ทุกคนมองหน้ากัน ด้วยความไม่แน่ใจว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการจะทำอะไรกับพวกนาง ในเวลานี้ แม่บ้านเติ้งก็มาถึงพร้อมกับกลุ่มนางรับใช้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูทั้งหลายรบกวนช่วยยืนข้างกันด้วยเจ้าค่ะ ต่อจากนี้พวกท่านจะถูกตรวจค้นร่างกาย เช่นนั้นแล้วพวกท่านอย่าได้เอะอะไป”“อย่าพูดหากไม่มีใครถาม! ไม่ต้องส่งสายตาให้ใคร”“ไม่อนุญาตให้สบตากัน มิฉะนั้นหากพบว่าพวกท่านสบตากัน พวกท่านทั้งหมดจะถูกปฏิบัติไม่ต่างจากผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องโทษ!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เอื้อนเอ่ยออกมาบรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างมาก ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางซ้ายและขวารอให้ใครสักคนแสดงความไม่พอใจออกมาเสียก่อน ตัวตนของพวกนางล้วนไม่ธรรมดาจะถูกตรวจค้นร่างกายเช่นนี้ได้อย่างไร?“ไม่ต้องสอดส่ายสายตา ก้มหน้าลง!” แม่บ้านเติ้งดุทุกคนถอนสายตาและก้มหน้าด้วยความตกใจ นางรับใช้ก้าวไปข้างหน้า ดึงคนเหล่านั้นทั้งหมดออกให้ห่างกัน ก่อนที่จะเริ่มค้นร่างกายพวกนางทีละคนลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกันนางยังถูกนางรับใช้ตรวจค้นร่างกายอีกด้วยลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง นางไม่เพียงแต่เป็นคุณหนูรองจวนอัครเสนาบดีเท่านั้
“พวกเจ้าคิดว่าตำหนักอ๋องของข้าเข้ามาได้ง่ายนักรึ?”“หากตัวข้าเห็นพวกเจ้าในตำหนักอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าก้าวออกไปอีก”เสียงที่เจือเจตนาสังหารทำให้ใจของผู้คนสั่นสะท้านกลืนน้ำลายอย่างประหม่า“ออกไป”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกใจ ก่อนจะรีบหันหลังกลับและวิ่งไปที่ประตูทันที น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็นชา “เอาของของพวกเจ้าออกไป!”พวกนางรีบวิ่งกลับด้วยความกลัว พร้อมกับหยิบสิ่งของบนพื้นแล้ววิ่งออกจากตำหนักไปการเชือดไก่ให้ลิงดูในวันนี้ก็เพื่อเตือนสติพวกนางทั้งหลาย ชาตินี้พวกนางคงไม่กล้าก้าวเข้าเข้ามาในตำหนักอ๋องอีกเลยตลอดชีวิต ทุกคนออกไปแล้ว แต่ลั่วเยวี่ยอิงยังไม่จากไป นางเก็บข้าวของและพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า “ท่านอ๋องพระองค์สงสัยหม่อมฉันหรือเพคะ?”“หม่อมฉันรู้ว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ควรพาคนเหล่านี้เข้ามาและทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”“แต่หม่อมฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้พวกนางเคยถูกพี่หญิงทุบตีเพราะพูดจาดูหมิ่นพี่หญิงข้างนอก หม่อมฉันเพียงอยากจะพาพวกนางไปขอโทษพี่หญิงเท่านั้น”“ใครเล่าจะรู้…”ลั่วเยวี่ยอิงพูดด้วยท่าทางน่าสงสารแล
ลั่วชิงยวนมิแปลกใจ นี่คือวิถีของเฉินชีต่อให้เวินซินถงมิให้นางไป เฉินชีก็จะบังคับพานางไปให้ได้ในเมื่อประสบปัญหาที่ต้องเชิญนักบวชระดับสูงมาแก้ไข หากทำเรื่องนี้สำเร็จก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ลั่วชิงยวน ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการทวงคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงในภายภาคหน้านี่เป็นสิ่งที่เฉินชีกำลังคิดอยู่......เช้าวันรุ่งขึ้นเวินซินถงมาถึงหน้าเรือนของลั่วชิงยวนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามข้าไปตระกูลมู่”“นำสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย”กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินจากไปลั่วชิงยวนยังมิทันได้ถามว่านางควรนำสิ่งใดไป?เพราะสถานการณ์ของตระกูลมู่เป็นเช่นไรนางก็ยังมิรู้อีกทั้งเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นนักบวชระดับสูงก็ไม่มีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วย จึงมิรู้ว่าควรนำสิ่งใดไปเซี่ยหลิงที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ เตือนลั่วชิงยวน “เจ้ามิเคยออกไปกับนักบวชระดับสูง ต้องเตรียมสิ่งใดก็ไปถามจั๋วฉ่างตงเถิด”ลั่วชิงยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งนางหรี่ตาลง นี่จงใจให้นางไปหาจั๋วฉ่างตงให้จั๋วฉ่างตงกลั่นแกล้งนางเพื่อระบายความแค้นให้จั๋วฉ่างตงหรือำร?ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วก็ไปหาจั๋วฉ่างตงที่เรือนเมื่อไปถึง จั๋ว
ฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าทำให้หลานจีล้มลงกับพื้น โลหิตไหลออกจากมุมปาก“ท่านแม่ทัพ!” หลานจีเงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจมิรู้เลยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เฉินชีจิกผมของนางอย่างรุนแรง กระชากนางให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วบีบใบหน้าของนางด้วยพละกำลังมหาศาลพลางเค้นถามด้วยเสียงดุดัน “เจ้าทำกระไรลงไป?!”“ผู้ใดใช้ให้เจ้าให้ยาแก่นางแล้วปล่อยนางไป?!”หลานจีสับสน หยาดน้ำตาไหลรินด้วยความรู้สึกเสียใจมาก “ท่านแม่ทัพ ข้ามิรู้ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องใด”“มิใช่ข้าจงใจปล่อยนางไป นางไปเองต่างหากเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้ทำอะไรเลย”เฉินชียังคงเต็มไปด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าข้ามิรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้ารึ!”“ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้าทำอะไรลับหลังอีกก็ไสหัวไป!”กล่าวจบ เฉินชีก็ปล่อยนางเขาไว้ชีวิตนางอีกครั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะมาสังหารหลานจี แต่เมื่อเห็นน้ำตาของนางแล้วกลับรู้สึกราวกับได้เห็นลั่วเหลา จึงยอมไว้ชีวิตนางหลานจีทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง มองแผ่นหลังของเฉินชีที่จากไปด้วยความโกรธพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นนางมิรู้ว่าตนทำสิ่งใดผิดและมิรู้ว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงมีท่าทีต่อนางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ทั้งท
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั