ในเวลานี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “หยุดพูดได้แล้ว”นางมองไปที่ลั่วชิงยวนอีกครั้งแล้วพูดว่า “พี่หญิง อย่าได้ถือสาสิ่งที่พวกนางพูดเลยเจ้าค่ะ”“หากพี่หญิงลดน้ำหนักได้เช่นนี้ ใบหน้านั่นก็ต้องหายได้ด้วยใช่หรือไม่?”การถามถึงใบหน้าของลั่วชิงยวนอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ก็ดูคล้ายจงใจจะเน้นเรื่องใบหน้าอัปลักษณ์ของนางให้ผู้อื่นเอาไปเป็นประเด็น พลังการเย้ยหยันนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าคำพูดของผู้อื่นเลยลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนหน้านี้นางเย้ยหยันลั่วชิงยวนว่าอ้วนพอ ๆ กับหมู แต่เมื่ออีกฝ่ายผอมลงแล้ว นางกลับล้อเลียนอีกฝ่ายเรื่องใบหน้าอันอัปลักษณ์แทน เมื่อมองดูสีหน้าของคนที่กำลังชมการแสดงเหล่านั้น ความภาคภูมิใจซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาของลั่วอวิ๋นสี่ ลั่วอวิ๋นสี่คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลั่วชิงยวนจะถอดหน้ากากของนางออกแล้วเผยใบหน้านั้นให้อีกฝ่ายได้เห็นทำให้พวกนางรู้สึกละอายใจและแสดงให้เห็นว่าพวกนางนั้นไร้สาระมากเพียงใด!“ข้ามิได้ต้องการให้เจ้ามาสนใจหน้าข้า” ลั่วชิงยวนตอบลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชาเมื่อนางเห็นท่าทีของลั่วเยวี่ยอิงเช่นนี้ นางก็รู้ทันทีว่าคำพูดข
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ตบอีกฝ่ายเต็มแรงโดยไม่ลังเลใจ เสียงตบดังลั่นชัดเจนทำให้ทั้งบริเวณเงียบลงในทันที“กล้าตีข้าหรือ!”สตรีผู้นั้นโกรธมากพร้อมทั้งรีบพุ่งไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กลับ แต่ถูกลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของนางไว้ ก่อนจะผลักนางอย่างแรง ทำให้ร่างกายของนางร่วงหล่นจากศาลานางตกลงไปในสระน้ำทันที“อ๊ะ ช่วยด้วย!” สตรีผู้นั้นกระเสือกกระสน ทุกคนตกใจและลุกขึ้นยืนรวมตัวกันทันที แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้ากระโดดลงไปช่วยนางคนรับใช้ของตำหนักรีบไปช่วยเหลือสตรีนางนั้นทันที แต่เมื่อนางได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร่างกายของนางก็ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใดเลย“เอ่อ นางคงไม่ตายใช่หรือไม่?”ฝูงชนตื่นตระหนกเป็นอย่างมากคนรับใช้ตรวจสอบลมหายใจของอีกฝ่ายทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนที่เขาจะเอ่ยรายงานว่า "พระชายา นางไม่หายใจแล้ว!"“นางตายแล้วจริงหรือ?” ทุกคนอุทานด้วยความตกใจลั่วเยวี่ยอิงตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างจ้องมองไปยังลั่วชิงยวนด้วยความไม่เชื่อ “พี่หญิง ท่านฆ่าคน!” “เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ นางมีความผิดก็จริง แต่นางไม่ควรต้องมาจบชีวิตเช่นนี้!” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ซ่งเชียนฉู่ก็รีบวิ่งมาเช่นกัน หลังจากสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ นางก็ได้ให้คนนำศพออกไปเก็บไว้ก่อนเมื่อผู้คนในศาลาเห็นว่าลั่วชิงยวนยังไม่ได้ถูกช่วยเหลือมาเป็นเวลานาน พร้อมกันนั้นพวกนางก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกนางจึงต้องการหลบหนีออกไป ทว่า พวกนางกลับถูกซ่งเชียนฉู่หยุดไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พระชายาตกลงไปในน้ำ ไม่อาจรู้ได้ว่านางเป็นหรือตาย เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนไม่ได้หมดสติ นางกลั้นหายใจ แต่การตอบสนองของร่างกายทำให้นางรออย่างเงียบ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือการตอบสนองเช่นนี้อาจมาจากการทดลองยาในวันนี้ อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ทางยาของหญ้าเทพวสันต์นั้นรุนแรงเกินไปจึงไม่อาจปรับเข้ากับสมุนไพรชนิดอื่นได้อย่างสมดุล นำไปสู่การตอบสนองของร่างกายทำให้รู้สึกราวกับถูกแช่แข็ง ในความมืดมิด มือข้างหนึ่งคว้าแขนของนางไว้แล้วดึงนางขึ้นจากใต้น้ำ ในขณะที่นางถูกดึงขึ้นจากน้ำ ลั่วชิงยวนก็ตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ผิวของนางซีดขาว และหนาวสั่นจนดูราวกับหายใจไม่ออก หัวใจของฟู่เฉินหวนคล้ายกับถูกบีบจนขึ้นมาที่ลำคอ เขาเดินจากไปพร้อมลั่ว
ทุกคนมองหน้ากัน ด้วยความไม่แน่ใจว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการจะทำอะไรกับพวกนาง ในเวลานี้ แม่บ้านเติ้งก็มาถึงพร้อมกับกลุ่มนางรับใช้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูทั้งหลายรบกวนช่วยยืนข้างกันด้วยเจ้าค่ะ ต่อจากนี้พวกท่านจะถูกตรวจค้นร่างกาย เช่นนั้นแล้วพวกท่านอย่าได้เอะอะไป”“อย่าพูดหากไม่มีใครถาม! ไม่ต้องส่งสายตาให้ใคร”“ไม่อนุญาตให้สบตากัน มิฉะนั้นหากพบว่าพวกท่านสบตากัน พวกท่านทั้งหมดจะถูกปฏิบัติไม่ต่างจากผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องโทษ!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เอื้อนเอ่ยออกมาบรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างมาก ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางซ้ายและขวารอให้ใครสักคนแสดงความไม่พอใจออกมาเสียก่อน ตัวตนของพวกนางล้วนไม่ธรรมดาจะถูกตรวจค้นร่างกายเช่นนี้ได้อย่างไร?“ไม่ต้องสอดส่ายสายตา ก้มหน้าลง!” แม่บ้านเติ้งดุทุกคนถอนสายตาและก้มหน้าด้วยความตกใจ นางรับใช้ก้าวไปข้างหน้า ดึงคนเหล่านั้นทั้งหมดออกให้ห่างกัน ก่อนที่จะเริ่มค้นร่างกายพวกนางทีละคนลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกันนางยังถูกนางรับใช้ตรวจค้นร่างกายอีกด้วยลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง นางไม่เพียงแต่เป็นคุณหนูรองจวนอัครเสนาบดีเท่านั้
“พวกเจ้าคิดว่าตำหนักอ๋องของข้าเข้ามาได้ง่ายนักรึ?”“หากตัวข้าเห็นพวกเจ้าในตำหนักอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าก้าวออกไปอีก”เสียงที่เจือเจตนาสังหารทำให้ใจของผู้คนสั่นสะท้านกลืนน้ำลายอย่างประหม่า“ออกไป”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกใจ ก่อนจะรีบหันหลังกลับและวิ่งไปที่ประตูทันที น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็นชา “เอาของของพวกเจ้าออกไป!”พวกนางรีบวิ่งกลับด้วยความกลัว พร้อมกับหยิบสิ่งของบนพื้นแล้ววิ่งออกจากตำหนักไปการเชือดไก่ให้ลิงดูในวันนี้ก็เพื่อเตือนสติพวกนางทั้งหลาย ชาตินี้พวกนางคงไม่กล้าก้าวเข้าเข้ามาในตำหนักอ๋องอีกเลยตลอดชีวิต ทุกคนออกไปแล้ว แต่ลั่วเยวี่ยอิงยังไม่จากไป นางเก็บข้าวของและพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า “ท่านอ๋องพระองค์สงสัยหม่อมฉันหรือเพคะ?”“หม่อมฉันรู้ว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ควรพาคนเหล่านี้เข้ามาและทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”“แต่หม่อมฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้พวกนางเคยถูกพี่หญิงทุบตีเพราะพูดจาดูหมิ่นพี่หญิงข้างนอก หม่อมฉันเพียงอยากจะพาพวกนางไปขอโทษพี่หญิงเท่านั้น”“ใครเล่าจะรู้…”ลั่วเยวี่ยอิงพูดด้วยท่าทางน่าสงสารแล
ผ้าห่มพันรอบตัวนางอย่างแน่นหนา เมื่ออยู่ในระยะใกล้นี้ ลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นหอมจากเส้นผมของเขา นางอดไม่ได้ที่จะดมกลิ่นนั้นไปสักพัก“ยังหนาวอยู่หรือไม่?” เสียงของฟู่เฉินหวนทุ่มต่ำลั่วชิงยวนพยักหน้า ก่อนนางจะกัดฟันพูดว่า “หนาว”ฟู่เฉินหวนกอดนางไว้แน่นพลางขมวดคิ้ว “อดทนไว้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตาย”ในขณะนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็สะท้านไหว เขาอาจคิดว่าอาการปัจจุบันของนางเกิดจากพิษที่ไทเฮามอบให้ทันใดนั้น สิ่งนี้ก็ทำให้นางรู้สึกแปลกภายในใจ ฟู่เฉินหวนเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับนางหรือเขาเพียงกังวลใจว่าตนไม่อาจจะรับมือผ่านสิ่งนี้ไปได้?“มาเถอะ มากินน้ำขิงก่อน” ซ่งเชียนฉู่เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำขิงเมื่อเห็นว่ามีคนมา เขาก็ตกใจทันทีและพูดว่า “หม่อม… หม่อมฉันจะออกไปก่อน”ฟู่เฉินหวนพูดอย่างเย็นชา “เอามาให้ข้าเถอะ”ซ่งเชียนฉู่ยื่นน้ำขิงให้อย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนหยิบชามขึ้นมาพร้อมกับจิบเล็กน้อยก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำขิงไม่ร้อนเกินไป ก่อนที่เขาจะป้อนน้ำขิงให้ลั่วชิงยวนด้วยช้อนลั่วชิงยวนตัวสั่นจากความหนาวเย็นพร้อมทั้งการดื่มน้ำขิงนั้นก็ไม่อร่อยนัก แต่ฟู่เฉินหวนก็อดทนป้อนน้ำขิงให้นางจนเต็ม
ฟู่เฉินหวนไปที่เรือนทักษิณา!นี่คือวิธีที่เขาคิดที่จะเอายาถอนพิษมา!ลั่วชิงยวนรีบวิ่งออกจากลานเรือนทันที จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่เรือนทักษิณานางหวังว่าจะไม่สายเกินไป!ขณะที่นางรีบเข้าไปในเรือนทักษิณา นางก็เห็นซูโหยวอยู่ที่ลานเรือนกำลังกดดันฟู่อวิ๋นโจวอยู่ ในขณะที่ฟู่เฉินหวนถือดาบยาวและกำลังจะฟันไปยังข้อมือของฟู่อวิ๋นโจวใบหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้น นางก็ตะโกนอย่างเร่งรีบ “หยุด! หยุด!”ดาบยาวของฟู่เฉินหวนที่กำลังจะร่วงหล่นหยุดลงชั่วคราว ลั่วชิงยวนรีบวิ่งไปคว้ามือของฟู่เฉินหวนเพื่อหยุดไม่ให้เขาฟันดาบลงไป “ฟู่เฉินหวน ท่านกำลังทำอะไร?” หัวใจของลั่วชิงยวนเต้นเร็วมาก นางเกรงว่าดาบเล่มนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้ เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นว่านางปกป้องฟู่อวิ๋นโจว เขาก็ผลักนางออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล”ลั่วชิงยวนจะเพิกเฉยได้เช่นไร นางจับข้อมือของฟู่เฉินหวนไว้แน่น "ท่านจะใช้ชีวิตของฟู่อวิ๋นโจวขู่ไทเฮาเพื่อเอายาถอนพิษให้หม่อมฉันอีกครั้งหรือเพคะ?”“หม่อมฉันไม่ต้องการยาถอนพิษนั่น! ปล่อยเขาไปเถอะ!”ฟู่อวิ๋นโจวกดแก้มของเขาลงกับโต๊ะหินแล้วพูดอย่างใจเย็
ฟู่เฉินหวนก้มศีรษะลงและมองไปยังคนที่กอดเขาในอ้อมแขนของนางไว้แน่น ใบหน้าของนางไม่ได้ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ รวมทั้งตัวนางก็ไม่ได้สั่นด้วยความหนาวอีกต่อไปแล้ว ดาบในมือของเขาถูกโยนออกไปลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “ท่านเชื่อหม่อมฉันหรือไม่?”จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ผละออกจากตัวเขาฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า”หลังจากพูดจบ เขาก็จ้องมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวน เจ้านี้มันจริง ๆ เลย!”หลังจากพูดจบเขาก็ปัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วเดินจากไป “ฟู่เฉินหวน…” ลั่วชิงยวนร้องเรียก แต่ร่างตรงหน้ายังคงเดินต่อไปไม่หยุด ซูโหยวส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “พระชายา ในเมื่อท่านไม่ถูกวางยา เหตุใดท่านไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ เรื่องนี้ทำให้ท่านอ๋องเป็นกังวลเรื่องท่านทุกวัน ตั้งแต่กลับมาจากพระตำหนักโช่วสี่ พระองค์ไม่สามารถบรรทมได้ทั้งคืน”คำพูดเหล่านี้ทำให้ลั่วชิงยวนประหลาดใจเล็กน้อย ฟู่เฉินหวนกังวลเกี่ยวกับนาง และยังคงกังวลมากเสียด้วย “ชิงยวน เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…” ฟู่อวิ๋นโจวยิ้มอย่างพอใจที่ด้านข้าง ทว่า ลั่วชิงยวนกลับมิได้สนใจเขาเลย นางรีบวิ่งหนีไปทันที เมื่อนางกลับมายังเรือ
ลั่วชิงยวนมิแปลกใจ นี่คือวิถีของเฉินชีต่อให้เวินซินถงมิให้นางไป เฉินชีก็จะบังคับพานางไปให้ได้ในเมื่อประสบปัญหาที่ต้องเชิญนักบวชระดับสูงมาแก้ไข หากทำเรื่องนี้สำเร็จก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ลั่วชิงยวน ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการทวงคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงในภายภาคหน้านี่เป็นสิ่งที่เฉินชีกำลังคิดอยู่......เช้าวันรุ่งขึ้นเวินซินถงมาถึงหน้าเรือนของลั่วชิงยวนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามข้าไปตระกูลมู่”“นำสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย”กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินจากไปลั่วชิงยวนยังมิทันได้ถามว่านางควรนำสิ่งใดไป?เพราะสถานการณ์ของตระกูลมู่เป็นเช่นไรนางก็ยังมิรู้อีกทั้งเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นนักบวชระดับสูงก็ไม่มีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วย จึงมิรู้ว่าควรนำสิ่งใดไปเซี่ยหลิงที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ เตือนลั่วชิงยวน “เจ้ามิเคยออกไปกับนักบวชระดับสูง ต้องเตรียมสิ่งใดก็ไปถามจั๋วฉ่างตงเถิด”ลั่วชิงยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่งนางหรี่ตาลง นี่จงใจให้นางไปหาจั๋วฉ่างตงให้จั๋วฉ่างตงกลั่นแกล้งนางเพื่อระบายความแค้นให้จั๋วฉ่างตงหรือำร?ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วก็ไปหาจั๋วฉ่างตงที่เรือนเมื่อไปถึง จั๋ว
ฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าทำให้หลานจีล้มลงกับพื้น โลหิตไหลออกจากมุมปาก“ท่านแม่ทัพ!” หลานจีเงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจมิรู้เลยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เฉินชีจิกผมของนางอย่างรุนแรง กระชากนางให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วบีบใบหน้าของนางด้วยพละกำลังมหาศาลพลางเค้นถามด้วยเสียงดุดัน “เจ้าทำกระไรลงไป?!”“ผู้ใดใช้ให้เจ้าให้ยาแก่นางแล้วปล่อยนางไป?!”หลานจีสับสน หยาดน้ำตาไหลรินด้วยความรู้สึกเสียใจมาก “ท่านแม่ทัพ ข้ามิรู้ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องใด”“มิใช่ข้าจงใจปล่อยนางไป นางไปเองต่างหากเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้ทำอะไรเลย”เฉินชียังคงเต็มไปด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าข้ามิรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้ารึ!”“ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้าทำอะไรลับหลังอีกก็ไสหัวไป!”กล่าวจบ เฉินชีก็ปล่อยนางเขาไว้ชีวิตนางอีกครั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะมาสังหารหลานจี แต่เมื่อเห็นน้ำตาของนางแล้วกลับรู้สึกราวกับได้เห็นลั่วเหลา จึงยอมไว้ชีวิตนางหลานจีทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง มองแผ่นหลังของเฉินชีที่จากไปด้วยความโกรธพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นนางมิรู้ว่าตนทำสิ่งใดผิดและมิรู้ว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงมีท่าทีต่อนางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ทั้งท
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั