“เช่นนั้นท่านอ๋องเหมาหอฝูเสวี่ยครึ่งเดือน เพราะอยากได้สิ่งใดกัน?”เสียงของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น “ให้ครึ่งเดือนนี้ของเจ้า ปรนนิบัติเพียงข้าคนเดียว!”ลั่วชิงยวนยิ้มเบาทีหนึ่ง “ได้สิ หากท่านอ๋องทรงมีกำลังเช่นนั้น ก็เสด็จมาทุกวันเถิดเพคะ”“หม่อมฉันอยากให้เสด็จมาเสียเหลือเกิน”นางกัดฟันพูดเสียงเข้มมุมปากของฟู่เฉินหวนกลับเผยเป็นรอยยิ้ม “ได้ เช่นนั้นก็รำเทพเหมันต์ก่อนเลย”บัดนี้ เสียงครึม ๆ ของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “ท่านเซียนน้อย การจู๋จี๋ระหว่างสามีภรรยา ข้ามิเล่นด้วยล่ะ ท่านรำเองเถิด”พูดจบ ลิ่นฝูเสวี่ยจึงแอบออกจากห้องไปลั่วชิงยวนลุกขึ้น เดินไปกลางห้อง และเริ่มร่ายรำเทพเหมันต์แต่ฟู่เฉินหวนมองท่วงท่าร่ายรำ ที่แม้จะมิผิด แต่กลับมิมีกลิ่นอายเสน่ห์หา กระทั่งสายตายังมิเหมือนกันแต่นิด เมื่อร่ายรำต่อหน้าเขา นางมิใส่ใจเช่นนี้เลยหรือ!ฟู่เฉินหวนคิดถึงรำเทพเหมันต์ที่นางร่ายรำบนเวที เมื่อเทียบกับนางในตอนนี้ ตอนนั้นนางกำลังยั่วยวนอยู่เห็น ๆ มิใช่หรือ!มือที่ถือจอกเหล้าของเขา บีบแรงอย่างมิรู้ตัวและแล้วจอกเหล้าก็แตก เศษแก้วบาดฝ่ามือของเขา“นี่คือรำเทพเหมันต์หรือ!” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็น
ลั่วเยวี่ยอิง!ลั่วเยวี่ยอิงมาได้อย่างไรกันลั่วชิงยวนกำลังคิด ฟู่เฉินหวนกลับลุกพรวดออกไปในทันที นางฟุบล้มบนพื้นอย่างหมดแรง มิได้ตามออกไปได้ยินเพียงเสียงที่ฟู่เฉินหวนไล่บุรุษหนุ่มเหล่านั้นออกจากนั้นพาลั่วเยวี่ยอิงจากไปในที่สุดก็ไปเสียทีแต่ในใจของลั่วชิงยวน กลับยิ่งรู้สึกอึดอัด ในใจราวกับมีไฟกำลังแผดเผา เผาจนนางรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญใจเวลานี้แม่เล้าเฉินเดินมาพอดี นางมองไปรอบ ๆ มิเห็นฟู่เฉินหวน จึงรีบขึ้นหน้าไปพยุงลั่วชิงยวนขึ้น “เกิดกระไรขึ้นเจ้าคะ”“ท่านอ๋องเล่า?”ลั่วชิงยวนนวดแขนที่ปวดเมื่อย พร้อมเอ่ยตอบ “ถามถึงท่านหาปะไร มีเรื่องหรือ?”แม่เล้าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจแผ่วเบา “มิรู้เหตุไฉนคุณชายฝูเองก็มาเช่นกันเจ้าค่ะ!”“เขาบอกว่าอยากเจอท่าน”“แต่ท่านอ๋องสำเร็จราชการเหมาหอฝูเสวี่ยเราเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว มิรู้ว่าท่านอ๋องถือสาที่ท่านไปเจอคุณชายฝูหรือไม่”ได้ยินดังนี้ แววตาของลั่วชิงยวนเยือกเย็นลง “ท่านอ๋องเสด็จกลับไปแล้ว เจ้าพาคุณชายฝูเข้ามาเถิด”แม่เล้าเฉินได้ยินจึงพยักหน้า “เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเชิญคุณชายฝูเข้ามา”ไม่นานนัก แม่เล้าจึงพาคุณชายฝูมา ลั่วชิงยวนทนความไ
ไม่นานนักลิ่นฝูเสวี่ยก็ร่ายรำขึ้นมา ลั่วชิงยวนรู้สึกตัวชัดเจนมากว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด รู้แม้กระทั่งทุกท่วงท่าแม้ลิ่นฝูเสวี่ยจะเป็นผู้ควบคุมร่างกาย แต่ลั่วชิงยวนก็ต้องออกแรง เพียงแต่มิเหนื่อยเท่าเมื่อตนเองรำเองฝูจ้าวมองอย่างดื่มด่ำแต่แล้วไม้มีผู้ใดรู้ว่า บัดนี้ ฟู่เฉินหวนอยู่ที่หน้าประตู!เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นลั่วชิงยวนที่กำลังร่ายรำให้ฝูจ้าวในห้อง เลือดในร่างเขาราวกับไหลย้อน โทสะแผดเผาขึ้นมาทันขวัญเมื่อครู่เขาให้นางร่ายไปเจ็ดแปดรอบ ก็มิได้รำเทพเหมันต์เช่นนี้ต่อหน้าเขารำออกมามิได้ แต่ต่อหน้าบุรุษอื่นแล้วได้งั้นหรือ?ฟู่เฉินหวนกำมือแน่นเขาก้าวเท้าเดินเข้าห้อง น้ำเสียงเยือกเย็นเต็มไปด้วยไอสังหาร “คุณชายฝูช่างมีอารมณ์สุนทรีย์เสียจริง”ฝูจ้าวกำลังหลงใหลในท่วงท่าร่ายรำอันงดงาม เมื่อได้ยินเสียงเขาเพิ่งได้สติ “ที่แท้ก็ท่านอ๋องสำเร็จราชการนี่เอง”ฝูจ้าวลุกขึ้นคำนับเล็กน้อยฟู่เฉินหวนมองกับแกล้มบนโต๊ะที่ยังไม่ได้เก็บลงไป เสียงของเขาเย็นยะเยือก “คุณชายฝูรู้หรือไม่ มีศัพท์ที่ชื่อว่าลำดับน่ะ”ได้ยินดังนี้ สีหน้าของฝูจ้าวย่ำแย่ “ท่านอ๋องทรงหมายถึง…”ฟู่เฉินหวนพูดขัดเสียงนิ่ง “ข้าเหม
“ปล่อยหม่อมฉัน!” ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเพราะถูกดูหมิ่นนั้นโหมเข้ามา ทำลั่วชิงยวนโมโหถึงขีดสุด นางง้างมือและฟาดออกไปอย่างแรงฟู่เฉินหวนเอนร่างหลบ ถอยหลังเว้นระยะห่างกับนางเล็กน้อยลั่วชิงยวนลงมือสู้กับเขาทันที ท่าทีของนางดุดัน บนร่างเต็มไปด้วยไอสังหารไอบนร่างของฟู่เฉินฟวนก็คมคายมิแพ้กัน ทั้งคู่แลกมือกันอย่างดุเดือด แต่ความเร็วและกำลังของฟู่เฉินหวนต่างอยู่เหนือลั่วชิงยวน มินานนัก ลั่วชิงยวนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฟู่เฉินหวนกลับไม่ทันรั้งมือ กระแทกฝ่ามือไปที่หน้าอกของลั่วชิงยวน บนอกของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางเอนกายไปเบื้องหลังสีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปฉับพลัน เขารีบพุ่งตัวขึ้นไปรั้งเอวนางไว้ ลั่วชิงยวนจึงมิล้มลงพื้นแต่นัยน์ตาลั่วชิงยวนฉายแววเหี้ยม นางกระโดดขึ้นหวังจะล็อกคอเขาวินาทีที่ไอสังหารจู่โจม คิ้วของฟู่เฉินหวนกระตุก เขาจับข้อของลั่วชิงยวน ออกแรงทั้งคู่จึงกลิ้งลงบนพื้น หลังสู้ฟันไปสักพัก ฟู่เฉินหวนจึงจับสองมือของลั่วชิงยวนไว้ได้ และกดไว้บนพื้นอย่างแรงลั่วชิงยวนหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย มองดูใบหน้าที่แสนใกล้ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าเคยทำนางใจสั่นตอนไหนใบหน้าที่เคยท
“ท่านอ๋อง มือของท่าน?” ลั่วเยวี่ยอิงเห็นมือที่ได้รับบาดเจ็บของท่านอ๋อง จึงรีบจับขึ้นมา และรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากลั่วชิงยวนเก็บชุดบนพื้นขึ้นอย่างเชื่องช้า มองมือของฟู่เฉินหวนทีหนึ่ง พร้อมยิ้มกล่าว “ขอประทานอภัยเพคะท่านอ๋อง ก็ท่านทำหม่อมฉันเจ็บ”“หม่อมฉันมียารักษาชั้นดี ประเดี๋ยวหม่อมฉันทายาให้ท่านนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนหรี่ตามองสตรีตรงหน้า น้ำเสียงชวนคิดนี้ นางตั้งใจเห็น ๆ เปลี่ยนท่าทีเร็วเชียว!อย่างที่คิด หลังลั่วเยวี่ยอิงได้ยิน สีหน้าย่ำแย่มากยิ่งขึ้นลั่วเยวี่ยอิงกัดริมฝีปากล่างไว้ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันมามิถูกเวลาแล้ว หม่อมฉันขอออกไปก่อนเพคะ”ฟู่เฉินหวนจับแขนของนางไว้โดยสัญชาตญาณ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้ทำกระไรทั้งนั้น”เห็นฟู่เฉินหวนรีบอธิบายเช่นนี้ ลั่วชิงยวนหัวเราะเบาทีหนึ่ง นางคลุมเสื้อกลับไป และมองไปที่ฟู่เฉินหวนอย่างมีความนัย“ใช่ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น เพราะที่ควรทำนั้นทำหมดแล้ว”พูดจบนางก็มองไปทางลั่วเยวี่ยอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง “ครั้งที่แล้วคุณหนูรองบอกเองมิใช่หรือ หากท่านอ๋องชอบข้า ท่านก็ยอมรับข้าได้”“บัดนี้มาโกรธให้ผู้ใดดูกัน”“หนำซ้ำยังแต่งกายบุรุษมาอีก หรือท่านมา
ลิ่นฝูเสวี่ยมองนางอย่างสงสัย “ไม่ถูกตรงอย่างไร?”คิ้วของลั่วชิงยวนขมวดแน่น “เจ้าพูดถูก แม่ของข้าเก่งกาจกว่าข้า! หากท่านรู้ว่าตนต้องตาย จักรอตายเช่นนี้ได้อย่างไร!”“ต่อให้มีตัวถ่วงอย่างข้า ท่านก็ต้องพาข้าหนีแน่!”“นอกเสียจากท่านมิยอมหนี และเป็นฝ่ายยอมตายเอง!”นางเกือบจะลืมแล้ว แม่ของนางคือลั่งอิง ผู้เป็นอาจารย์ของนางเมื่อนั้นท่านอาจารย์ทรยศแคว้นหลี ถูกคนในแคว้นหลีมากมายเช่นนั้นไล่ฆ่า นางหลบมาจนได้ หากนางอยากหนี นางหาได้มีทางรอตายไม่“หรือเพราะบิดาของท่าน นางรักบิดาของท่านจึงยอมตาย”ลิ่นฝูเสวี่ยคาดเดาคิ้วของลั่วชิงยวนกลับขมวดแน่น และเอ่ยไตร่ตรอง “หากเพราะรัก ยิ่งตายมิได้ ท่านแม่รักท่านพ่อ เช่นนั้นมิรักข้าหรือ? หากนางตาย ข้าในวัยเยาว์จักทำเช่นไร?”“แต่หากนางตายเพราะลั่วไห่ผิง ก็ไม่มีทางเขียนจดหมายให้เจ้าว่านางมิเสียใจที่ตายไป สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านางเป็นฝ่ายอยากตายเอง”“นี่มันย้อนแย้งเกินไป!“อารมณ์ของลั่วชิงยวนหนักอึ้ง ตอนนั้นเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? จึงทำให้ลั่วอิงยอมรอตายเช่นนั้น?ลั่วชิงยวนมองไปทางลิ่นฝูเสวี่ย “จดหมายที่เจ้าได้รับ เป็นของปลอมหรือไม่?”ได้ยินดังนี้ สีหน้า
ผู้ที่บัญชาอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องตาย!วินาทีที่นางหันร่าง รอบด้านส่งเป็นเสียงตะลึง ศีรษะใบหนึ่งกลิ้งตกลงพื้นเมื่อจากไป ลั่วชิงยวนจึงไปที่ร้านยาแม่นมกู้ปลูกต้นหญ้านานาในเรือน“แม่นมกู้ ขาของแม่นมมิสะดวก พักผ่อนเถิด” ลั่วชิงยวนขึ้นหน้าไปพยุงนางไว้แม่นมกู้ยิ้มเอ่ย “บ่าวว่างไม่เป็นเจ้าค่ะ”“ดูสิ ด้านนี้บ่าวนำมาปลูกดอกไม้ ส่วนด้านนี้ บ่าวนำมาปลูกผัก! เมื่อก่อนพ่อแม่ชอบกินผักที่บ่าวปลูกเป็นที่สุดเลย!”ลั่วชิงยวนพยุงแม่นมกู้ให้นั่งลง พร้อมเอ่ยถาม “แม่นม ท่านอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีมาหลายปีเช่นนี้ ท่านยังจำนางรับใช้ในจวนได้หรือไม่?”นางหยิบภาพวาดออกมา ยื่นไปตรงหน้าแม่นมกู้แม่นมกู้ถือภาพวาดไตร่ตรองครู่หนึ่ง พร้อมกล่าว “เหมือนจะเป็น… ชุนอิง? ไม่สิ ชุนหว่านเสียมากกว่า”ลั่วชิงยวนรู้สักดีใจในใจ “แม่นมกู้ ท่านยังจำได้อีกหรือ? ความจำท่านช่างดีเสียจริง!”แม่นมกู้ดีใจเป็นอย่างมาก และกล่าวยิ้มแย้ม “เมื่อนั้นบ่าวเป็นผู้ซื้อนางมาด้วย ตอนนั้นนางกำลังขายตัวเพื่อหาเงินฝังศพให้พ่อ น่าสงสารเหลือเกิน”“ผู้อื่นบอกใบหน้านางอวบอิ่มเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นลูกคนจน นางเพียงแค่หลอกเงิน แต่บ่าวรู้สึกใบหน้านางน
ใบหน้าที่ผอมซูบจนบุ๋มเป็นหลุมที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง หนังตาตกลงอย่างยับย่น รอบดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเลือดและรอยช้ำหากจ้องมองไป จะพบกับโพลงเลือดสองรู น่าสยดสยองยิ่งเห็นได้ชัดว่านางถูกใครบางคนควักลูกกระตาออกมา“สวรรค์ น่าสลดมาก” ลิ่นฝูเสวี่ยอุทานออกมาไม่เพียงแค่นี้ บนใบหน้าและลำคอ อีกทั้งข้อแขนที่โผล่ออกมาให้เห็นของสตรีผู้นี้ ต่างเต็มไปด้วยรอยช้ำเขียวที่ไม่เท่ากันรอยเก่าแผลใหม่ เป็นร่องรอยที่นางถูกทำร้ายมาเป็นเวลานาน“คุณหนูหรือ? ท่านมาเยี่ยมบ่าวอีกแล้วหรือ?” สตรีผู้นั้นเงยหน้าและเข้าใกล้ขึ้นมาอีกเล็กน้อยลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย คุณหนู? คุณหนูคนไหนกัน?“คุณหนู รีบเข้ามานั่งเถิด”สตรีผู้นั้นต้อนรับนางเข้าไปอย่างกระตือรือร้น ลั่วชิงยวนก็มิได้ยืนนิ่งต่อ นางตามเข้าไปภายในเรือนสตรีผู้นั้นรินชาให้นางพร้อมกล่าว “คุณหนูมิต้องมาบ่อย ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวสบายดี”“หือ วันนี้ท่านมาคนเดียวหรือ? ทาสใบ้มิได้ตามมาปกป้องท่านหรือ?”ฟังถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนตะลึง คุณหนูที่นางหมายถึง คือลั่วเยวี่ยอิง!ลั่วเยวี่ยอิงเคยมา และยังมาบ่อยด้วย?นางจึงปลอมเสียงขึ้น ลอกเลียนการพูดจาของลั่วเยวี่ยอิง “วัน