ผู้ที่บัญชาอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องตาย!วินาทีที่นางหันร่าง รอบด้านส่งเป็นเสียงตะลึง ศีรษะใบหนึ่งกลิ้งตกลงพื้นเมื่อจากไป ลั่วชิงยวนจึงไปที่ร้านยาแม่นมกู้ปลูกต้นหญ้านานาในเรือน“แม่นมกู้ ขาของแม่นมมิสะดวก พักผ่อนเถิด” ลั่วชิงยวนขึ้นหน้าไปพยุงนางไว้แม่นมกู้ยิ้มเอ่ย “บ่าวว่างไม่เป็นเจ้าค่ะ”“ดูสิ ด้านนี้บ่าวนำมาปลูกดอกไม้ ส่วนด้านนี้ บ่าวนำมาปลูกผัก! เมื่อก่อนพ่อแม่ชอบกินผักที่บ่าวปลูกเป็นที่สุดเลย!”ลั่วชิงยวนพยุงแม่นมกู้ให้นั่งลง พร้อมเอ่ยถาม “แม่นม ท่านอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีมาหลายปีเช่นนี้ ท่านยังจำนางรับใช้ในจวนได้หรือไม่?”นางหยิบภาพวาดออกมา ยื่นไปตรงหน้าแม่นมกู้แม่นมกู้ถือภาพวาดไตร่ตรองครู่หนึ่ง พร้อมกล่าว “เหมือนจะเป็น… ชุนอิง? ไม่สิ ชุนหว่านเสียมากกว่า”ลั่วชิงยวนรู้สักดีใจในใจ “แม่นมกู้ ท่านยังจำได้อีกหรือ? ความจำท่านช่างดีเสียจริง!”แม่นมกู้ดีใจเป็นอย่างมาก และกล่าวยิ้มแย้ม “เมื่อนั้นบ่าวเป็นผู้ซื้อนางมาด้วย ตอนนั้นนางกำลังขายตัวเพื่อหาเงินฝังศพให้พ่อ น่าสงสารเหลือเกิน”“ผู้อื่นบอกใบหน้านางอวบอิ่มเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นลูกคนจน นางเพียงแค่หลอกเงิน แต่บ่าวรู้สึกใบหน้านางน
ใบหน้าที่ผอมซูบจนบุ๋มเป็นหลุมที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง หนังตาตกลงอย่างยับย่น รอบดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเลือดและรอยช้ำหากจ้องมองไป จะพบกับโพลงเลือดสองรู น่าสยดสยองยิ่งเห็นได้ชัดว่านางถูกใครบางคนควักลูกกระตาออกมา“สวรรค์ น่าสลดมาก” ลิ่นฝูเสวี่ยอุทานออกมาไม่เพียงแค่นี้ บนใบหน้าและลำคอ อีกทั้งข้อแขนที่โผล่ออกมาให้เห็นของสตรีผู้นี้ ต่างเต็มไปด้วยรอยช้ำเขียวที่ไม่เท่ากันรอยเก่าแผลใหม่ เป็นร่องรอยที่นางถูกทำร้ายมาเป็นเวลานาน“คุณหนูหรือ? ท่านมาเยี่ยมบ่าวอีกแล้วหรือ?” สตรีผู้นั้นเงยหน้าและเข้าใกล้ขึ้นมาอีกเล็กน้อยลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย คุณหนู? คุณหนูคนไหนกัน?“คุณหนู รีบเข้ามานั่งเถิด”สตรีผู้นั้นต้อนรับนางเข้าไปอย่างกระตือรือร้น ลั่วชิงยวนก็มิได้ยืนนิ่งต่อ นางตามเข้าไปภายในเรือนสตรีผู้นั้นรินชาให้นางพร้อมกล่าว “คุณหนูมิต้องมาบ่อย ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวสบายดี”“หือ วันนี้ท่านมาคนเดียวหรือ? ทาสใบ้มิได้ตามมาปกป้องท่านหรือ?”ฟังถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนตะลึง คุณหนูที่นางหมายถึง คือลั่วเยวี่ยอิง!ลั่วเยวี่ยอิงเคยมา และยังมาบ่อยด้วย?นางจึงปลอมเสียงขึ้น ลอกเลียนการพูดจาของลั่วเยวี่ยอิง “วัน
เซี่ยหว่านมิตกใจแต่นิดว่าผู้นั้นต่างหากคือคุณหนูของนางลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูท่านับตั้งแต่ที่นางเข้ามา เซี่ยหว่านก็รู้ว่าลั่วชิงยวนมิใช่คุณหนูนางแต่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะอยากรู้เป้าหมายที่ลั่วชิงยวนมาที่นี่!“ลั่วชิงยวน?!” ลั่วเยวี่ยอิงส่งสายตาเยือกเย็นมา“เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนส่งเสียงหึ “เจ้ายังหาที่นี่เจอ เหตุใดข้าจักหาเจอมิได้?”เซี่ยหว่านรีบพูดกับลั่วเยวี่ยอิง “นางมาถามสาเหตุการตายของนายหญิงใหญ่”ได้ยินดังนี้ โทสะของลั่วเยวี่ยอิงเอ่อล้นขึ้นในใจ นางจ้องลั่วชิงยวนอย่างขุ่นเคือง “เจ้ากำลังสืบหาสาเหตุการตายหรือ? แม่ลูกต่ำตมอย่างพวกเจ้า สมควรตายไร้ที่ฝัง!”“ทาสใบ้ จับนางเสีย!”ทาสใบ้ออกหมัดไปทางลั่วชิงยวนทันที ลั่วชิงยวนหมุนตัวหันหลบ และฟาดฝ่ามือไปที่ด้านหลังนางทั้งคู่สู้กันไปจนถึงในเรือนกว้างขวาง บัดนี้ลั่วชิงยวนอาจยังมิใช่คู่ต่อสู้ของฟู่เฉินหวน และมิใช่คู่ต่อสู้ของนักฆ่าชั้นยอด แต่กับทาสใบ้คนหนึ่ง เหลือเฟือสำหรับนาง!นึกถึงที่นางเคยเสียเปรียบในมืออีกฝ่าย ลั่วชิงยวนจึงมิได้ออมมืออีกต่อไปหลังสู้กันดุเดือด ลั่วชิงยวนกระโดดเตะไปที่หลังของทาสใบ้ที่เพ
“หยวนซื่อมิได้เป็นผู้ทำนายหญิงใหญ่ตาย กลับเป็นนายหญิงใหญ่เสียมากกว่า ที่วางพิษใส่หยวนซื่อเป็นเวลานาน จนทำนางต้องตาย!”ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ร่างของลั่วชิงยวนสั่นคลอนเป็นไปได้อย่างไร!นางอาจมิรู้จักแม่ของลั่วชิงยวน แต่นางรู้จักอาจารย์เป็นอย่างดีอาจารย์จะทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร!“เมื่อนั้นเรื่องนี้ มิถือเป็นความลับ แม้จะถูกนายท่านปิดข่าว แต่ด้านนอกก็ยังมีคนลือกัน”“หลาย ๆ คนต่างรู้ ภรรยาและอนุหลังเรือนอัครมหาเสนาบดีสู้กันจนเสียชีวิตตาม ๆ กัน”“แต่ความจริงคือ หยวนซื่อนิสัยอ่อนโยน ยอมก้มหัวเป็นอนุอยู่ภายในจวนอัครมหาเสนาบดี ใช้ชีวิตกล้า ๆ กลัว ๆ พยายามไม่มีเรื่องกับผู้อื่น กลับเป็นนายหญิงใหญ่มากกว่าที่ใช้ตำแหน่งภรรยาเอกของตน รังแกหยวนซื่อไปไม่น้อย“รายละเอียดนั้นข้ามิรู้ แต่การตายของนายหญิงใหญ่ นางทำตัวเองทั้งนั้น!”“หลังนางตายได้ไม่นาน พิษของหยวนซื่อก็กำเริบ เชิญท่านหมอมาจึงรู้ว่านางถูกวางยาเป็นเวลานาน นายหญิงใหญ่ได้ตายไปแล้ว จึงไร้ยาถอนพิษ”“ทำได้เพียงมองหยวนซื่อตายเพราะพิษกำเริบไปต่อหน้าต่อตา!”เมื่อเซี่ยหว่านพูดถึงตรงนี้ นางควบคุมอารมณ์มิได้อีกร้องไห้โอดครวญออกมา
ลั่วชิงยวนยิ้มพลางปล่อยตัวทาสใบ้โดยมิได้กล่าวอันใด จากนั้นก็เดินออกไปจากเรือน เมื่อเห็นว่านางออกไปแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบช่วยเข้าไปช่วยประคองทาสใบ้ให้ลุกขึ้น หลังจากเดินออกมาจากเรือน เสียงขิงลิ่นฝูเสวี่ยก็ดังขึ้น "ข้ามิคาดคิดเลยว่าเจ้าจะหาเงื่อนงำจากข่าวที่ข้าบอกเจ้าได้มากมายถึงเพียงนั้น" “ท่านเซียนน้อยช่างมิธรรมดาสามัญจริง ๆ” “แต่ข้ากลับไม่เชื่อหรอกว่ามารดาของท่านจะทำร้ายมารดาของลั่วเยวี่ยอิง” “ถึงแม้ว่ามารดาของท่านจะมีอุปนิสัยดื้อรั้นดันทุรัง แต่นางมิเคยรังแกผู้อ่อนแอ มิหนำซ้ำนางถึงขนาดดูแคลนการกระทบกระทั่งในเรือนเสียด้วยซ้ำไป มารดาของท่านหาใช่คนเช่นนั้นไม่” ลั่วชิงยวนยิ้ม “ข้ารู้” “หลังจากเซี่ยหว่านให้นางลั่นคำสัตย์สาบาน หลังจากคำสัตย์สาบานของนางกลายเป็นความจริง ข้าก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง เพราะนางกำลังโกหก” เมื่อลิ่นฝูเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ “แม่นถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” “ดูเหมือนว่าคำสัตย์สาบานเช่นนี้มิอาจพูดส่ง ๆ ได้เลย” “แต่ในเมื่อท่านรู้ว่านางกำลังโกหกอยู่แท้ ๆ ไฉนท่านจึงมิเปิดโปงนางเสียเล่า?” ลั่วชิงยวนตอบว่า “เ
เมื่อเว่ยอวิ๋นเสี่ยและคนอื่น ๆ เห็นลั่วอวิ๋นสี่เดินเข้ามา พวกนางก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งตามนางมาด้วย พวกนางจึงแค่นเสียงด้วยท่าทีไม่พอใจ “ข้ามิสนใจหรอกว่าวันนี้จะเป็นงานอันใด หากมีแต่นางรำจากหอนางโลมก็แล้วไปเถิด แต่ยามนี้ถึงกับมีนักเลงด้วย” “ข้ามิลดตัวไปนั่งกับคนพรรค์นั้นหรอก” หลังจากเว่ยอวิ๋นเสี่ยพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไป คนอื่น ๆ เองก็ออกไปจากสวนเซียงอู๋พร้อมกับเว่ยอวิ๋นเสี่ยด้วย หลังจากลั่วชิงยวนเห็นพวกนางจากไปแล้ว สายตาของนางก็ทอดมองมายังบุรุษที่อยู่ข้างหลังลั่วอวิ๋นสี่ สวีซงหย่วน คาดไม่ถึงเลยว่า ลั่วอวิ๋นสี่ยังอยู่กับสวีซงหย่วน เขาคิดจะทำอันใดกันแน่? ยามนี้จวนมหาราชครูต่างล้มหายตายจาก เหลือเพียงฮูหยินลั่วที่เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ เขาจะได้อันใดอีกหรือ? ทว่าเขาก็ยังคิดจะหลอกลั่วอวิ๋นสี่ให้ได้ “พี่สวี อย่าไปถือสาคำพูดของพวกนางเลย ท่านหาใช่นักเลงไม่ เพียงแต่ว่าพวกนางไม่รู้ก็เท่านั้น!” ลั่วอวิ๋นสี่เองก็หันมาปลอบโยนสวีซงหย่วน สวีซงหย่วนมองลั่วอวิ๋นสี่พลางยิ้มด้วยท่าทีรักใคร่ “ข้ามิสนใจหรอกว่าผู้อื่นคิดกับว่าเช่นใด เจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไรก็พอแล้ว” ลั่วอวิ๋นสี่แย้มยิ้มพ
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วเยวี่ยอิงก็เดินเข้ามาพร้อมขนมจานใหม่ “คราวนี้เป็นขนมกุ้ยฮวา(1)ที่ข้าลงทุนขอร้องให้พ่อครัวแห่งเรือนเยวี่ยอิงทำขึ้นโดยเฉพาะ ทุกท่านต้องชิมให้ได้นะเจ้าคะ!” เมื่อลั่วเยวี่ยอิงพูดจบ ขนมก็ถูกจัดวางในลำธารแล้วถูกหยิบไปคนละชิ้น ๆ เมื่อถึงทีของลั่วชิงยวนก็เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย นางจึงมิได้เอื้อมมือไปหยิบ “แม่นางฝูเสวี่ย เจ้ามิชอบหรือ?” ลั่วเยวี่ยอิงยิ้มพลางมองมาที่นาง เดิมทีหามีผู้ใดให้ความสนใจลั่วชิงยวนที่อยู่ ณ มุมหนึ่ง แต่เมื่อลั่วเยวี่ยอิงเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ หลาย ๆ คนจึงหันมาให้ความสนใจทันที ลั่วชิงยวนหยิบขนมกุ้ยฮวามาอังใต้มูกแล้วสูดดม จากนั้นกลิ่นโอสถจาง ๆ ก็ลอยเข้าจมูกของนาง ลั่วเยวี่ยอิงกำลังมองนางอยู่ ลั่วชิงยวนยกแขนขึ้นบดบังใบหน้าพลางขยับหน้ากาก จากนั้นก็กัดขนมกุ้ยฮวากลิ่นหอมหวานเข้าไปคำหนึ่งแล้ววางกลับไปบนจาน เมื่อเห็นนางกัดเข้าไปแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงก็รู้สึกพอใจ ในยามนี้เอง ผู้คนโดยรอบก็สังเกตเห็นฝูเสวี่ยแล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป “แม่นางฝูเสวี่ยผู้นี้มีความเป็นมาเช่นใดกันแน่? แม้แต่คุณหนูรองลั่วก็ถึงกับเชิญนางมาที่นี่ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นแค่นางรำจากห
ลั่วเยวี่ยอิงยิ้มเยาะพลางหยิบไม้เท้าที่วางอยู่ ณ มุมหนึ่งแล้วหวดใส่นางอย่างแรง สายตาของลั่วชิงยวนวูบดับแล้วสลบไป หลังจากฟาดฝูเสวี่ยจนหมดสติแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวังเพื่อแน่ใจว่าหามีผู้ใดพบเห็น จากนั้นก็ลากฝูเสวี่ยเข้าไปท้ายเรือน นอกลานสนาม ลั่วอวิ๋นสี่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงมองดูเหตุการณ์นี้อยู่เงียบ ๆ แล้วขมวดคิ้ว ลั่วเยวี่ยอิงกำลังจะทำอันใดกัน? เจ้าคงมิสังหารคนกลางวันแสก ๆ หรอกใช่ไหม? ลั่วเยวี่ยอิงพยายามลากฝูเสวี่ยเข้ามาในห้อง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างบนผนังห้องอีกฝั่งแล้วโบกมือออกไปข้างนอก หลังจากนั้นก็บุรุษสองคนก็กระโดดเข้ามาทีละคน ๆ ลั่วเยวี่ยอิงชี้นิ้วไปทางฝูเสวี่ยที่อยู่บนพื้น “นางอยู่ตรงนี้แล้ว ที่เหลือก็สุดแท้แต่พวกเจ้าแล้ว” บุรุษชุดดำถอดชุดคลุมสีดำตัวนอกออก เผยให้เห็นอาภรณ์ไหมที่อยู่ข้างใต้พลางกล่าวว่า “อย่าได้กังวลไปเลย” บุรุษทั้งสองคนรีบเดินเข้ามาอุ้มคนบนพื้นขึ้นเตียง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของนาง ลั่วเยวี่ยอิงหันหลังหมายที่จะจากไป ยามที่นางเปิดประตูก็พลันตกตะลึงขึ้นมาทันที ลั่วอวิ๋นสี่อยู่ตรงประตู! นางพลั