“ปล่อยหม่อมฉัน!” ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเพราะถูกดูหมิ่นนั้นโหมเข้ามา ทำลั่วชิงยวนโมโหถึงขีดสุด นางง้างมือและฟาดออกไปอย่างแรงฟู่เฉินหวนเอนร่างหลบ ถอยหลังเว้นระยะห่างกับนางเล็กน้อยลั่วชิงยวนลงมือสู้กับเขาทันที ท่าทีของนางดุดัน บนร่างเต็มไปด้วยไอสังหารไอบนร่างของฟู่เฉินฟวนก็คมคายมิแพ้กัน ทั้งคู่แลกมือกันอย่างดุเดือด แต่ความเร็วและกำลังของฟู่เฉินหวนต่างอยู่เหนือลั่วชิงยวน มินานนัก ลั่วชิงยวนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฟู่เฉินหวนกลับไม่ทันรั้งมือ กระแทกฝ่ามือไปที่หน้าอกของลั่วชิงยวน บนอกของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางเอนกายไปเบื้องหลังสีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปฉับพลัน เขารีบพุ่งตัวขึ้นไปรั้งเอวนางไว้ ลั่วชิงยวนจึงมิล้มลงพื้นแต่นัยน์ตาลั่วชิงยวนฉายแววเหี้ยม นางกระโดดขึ้นหวังจะล็อกคอเขาวินาทีที่ไอสังหารจู่โจม คิ้วของฟู่เฉินหวนกระตุก เขาจับข้อของลั่วชิงยวน ออกแรงทั้งคู่จึงกลิ้งลงบนพื้น หลังสู้ฟันไปสักพัก ฟู่เฉินหวนจึงจับสองมือของลั่วชิงยวนไว้ได้ และกดไว้บนพื้นอย่างแรงลั่วชิงยวนหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย มองดูใบหน้าที่แสนใกล้ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าเคยทำนางใจสั่นตอนไหนใบหน้าที่เคยท
“ท่านอ๋อง มือของท่าน?” ลั่วเยวี่ยอิงเห็นมือที่ได้รับบาดเจ็บของท่านอ๋อง จึงรีบจับขึ้นมา และรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากลั่วชิงยวนเก็บชุดบนพื้นขึ้นอย่างเชื่องช้า มองมือของฟู่เฉินหวนทีหนึ่ง พร้อมยิ้มกล่าว “ขอประทานอภัยเพคะท่านอ๋อง ก็ท่านทำหม่อมฉันเจ็บ”“หม่อมฉันมียารักษาชั้นดี ประเดี๋ยวหม่อมฉันทายาให้ท่านนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนหรี่ตามองสตรีตรงหน้า น้ำเสียงชวนคิดนี้ นางตั้งใจเห็น ๆ เปลี่ยนท่าทีเร็วเชียว!อย่างที่คิด หลังลั่วเยวี่ยอิงได้ยิน สีหน้าย่ำแย่มากยิ่งขึ้นลั่วเยวี่ยอิงกัดริมฝีปากล่างไว้ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันมามิถูกเวลาแล้ว หม่อมฉันขอออกไปก่อนเพคะ”ฟู่เฉินหวนจับแขนของนางไว้โดยสัญชาตญาณ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้ทำกระไรทั้งนั้น”เห็นฟู่เฉินหวนรีบอธิบายเช่นนี้ ลั่วชิงยวนหัวเราะเบาทีหนึ่ง นางคลุมเสื้อกลับไป และมองไปที่ฟู่เฉินหวนอย่างมีความนัย“ใช่ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น เพราะที่ควรทำนั้นทำหมดแล้ว”พูดจบนางก็มองไปทางลั่วเยวี่ยอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง “ครั้งที่แล้วคุณหนูรองบอกเองมิใช่หรือ หากท่านอ๋องชอบข้า ท่านก็ยอมรับข้าได้”“บัดนี้มาโกรธให้ผู้ใดดูกัน”“หนำซ้ำยังแต่งกายบุรุษมาอีก หรือท่านมา
ลิ่นฝูเสวี่ยมองนางอย่างสงสัย “ไม่ถูกตรงอย่างไร?”คิ้วของลั่วชิงยวนขมวดแน่น “เจ้าพูดถูก แม่ของข้าเก่งกาจกว่าข้า! หากท่านรู้ว่าตนต้องตาย จักรอตายเช่นนี้ได้อย่างไร!”“ต่อให้มีตัวถ่วงอย่างข้า ท่านก็ต้องพาข้าหนีแน่!”“นอกเสียจากท่านมิยอมหนี และเป็นฝ่ายยอมตายเอง!”นางเกือบจะลืมแล้ว แม่ของนางคือลั่งอิง ผู้เป็นอาจารย์ของนางเมื่อนั้นท่านอาจารย์ทรยศแคว้นหลี ถูกคนในแคว้นหลีมากมายเช่นนั้นไล่ฆ่า นางหลบมาจนได้ หากนางอยากหนี นางหาได้มีทางรอตายไม่“หรือเพราะบิดาของท่าน นางรักบิดาของท่านจึงยอมตาย”ลิ่นฝูเสวี่ยคาดเดาคิ้วของลั่วชิงยวนกลับขมวดแน่น และเอ่ยไตร่ตรอง “หากเพราะรัก ยิ่งตายมิได้ ท่านแม่รักท่านพ่อ เช่นนั้นมิรักข้าหรือ? หากนางตาย ข้าในวัยเยาว์จักทำเช่นไร?”“แต่หากนางตายเพราะลั่วไห่ผิง ก็ไม่มีทางเขียนจดหมายให้เจ้าว่านางมิเสียใจที่ตายไป สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านางเป็นฝ่ายอยากตายเอง”“นี่มันย้อนแย้งเกินไป!“อารมณ์ของลั่วชิงยวนหนักอึ้ง ตอนนั้นเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? จึงทำให้ลั่วอิงยอมรอตายเช่นนั้น?ลั่วชิงยวนมองไปทางลิ่นฝูเสวี่ย “จดหมายที่เจ้าได้รับ เป็นของปลอมหรือไม่?”ได้ยินดังนี้ สีหน้า
ผู้ที่บัญชาอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องตาย!วินาทีที่นางหันร่าง รอบด้านส่งเป็นเสียงตะลึง ศีรษะใบหนึ่งกลิ้งตกลงพื้นเมื่อจากไป ลั่วชิงยวนจึงไปที่ร้านยาแม่นมกู้ปลูกต้นหญ้านานาในเรือน“แม่นมกู้ ขาของแม่นมมิสะดวก พักผ่อนเถิด” ลั่วชิงยวนขึ้นหน้าไปพยุงนางไว้แม่นมกู้ยิ้มเอ่ย “บ่าวว่างไม่เป็นเจ้าค่ะ”“ดูสิ ด้านนี้บ่าวนำมาปลูกดอกไม้ ส่วนด้านนี้ บ่าวนำมาปลูกผัก! เมื่อก่อนพ่อแม่ชอบกินผักที่บ่าวปลูกเป็นที่สุดเลย!”ลั่วชิงยวนพยุงแม่นมกู้ให้นั่งลง พร้อมเอ่ยถาม “แม่นม ท่านอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีมาหลายปีเช่นนี้ ท่านยังจำนางรับใช้ในจวนได้หรือไม่?”นางหยิบภาพวาดออกมา ยื่นไปตรงหน้าแม่นมกู้แม่นมกู้ถือภาพวาดไตร่ตรองครู่หนึ่ง พร้อมกล่าว “เหมือนจะเป็น… ชุนอิง? ไม่สิ ชุนหว่านเสียมากกว่า”ลั่วชิงยวนรู้สักดีใจในใจ “แม่นมกู้ ท่านยังจำได้อีกหรือ? ความจำท่านช่างดีเสียจริง!”แม่นมกู้ดีใจเป็นอย่างมาก และกล่าวยิ้มแย้ม “เมื่อนั้นบ่าวเป็นผู้ซื้อนางมาด้วย ตอนนั้นนางกำลังขายตัวเพื่อหาเงินฝังศพให้พ่อ น่าสงสารเหลือเกิน”“ผู้อื่นบอกใบหน้านางอวบอิ่มเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นลูกคนจน นางเพียงแค่หลอกเงิน แต่บ่าวรู้สึกใบหน้านางน
ใบหน้าที่ผอมซูบจนบุ๋มเป็นหลุมที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง หนังตาตกลงอย่างยับย่น รอบดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเลือดและรอยช้ำหากจ้องมองไป จะพบกับโพลงเลือดสองรู น่าสยดสยองยิ่งเห็นได้ชัดว่านางถูกใครบางคนควักลูกกระตาออกมา“สวรรค์ น่าสลดมาก” ลิ่นฝูเสวี่ยอุทานออกมาไม่เพียงแค่นี้ บนใบหน้าและลำคอ อีกทั้งข้อแขนที่โผล่ออกมาให้เห็นของสตรีผู้นี้ ต่างเต็มไปด้วยรอยช้ำเขียวที่ไม่เท่ากันรอยเก่าแผลใหม่ เป็นร่องรอยที่นางถูกทำร้ายมาเป็นเวลานาน“คุณหนูหรือ? ท่านมาเยี่ยมบ่าวอีกแล้วหรือ?” สตรีผู้นั้นเงยหน้าและเข้าใกล้ขึ้นมาอีกเล็กน้อยลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย คุณหนู? คุณหนูคนไหนกัน?“คุณหนู รีบเข้ามานั่งเถิด”สตรีผู้นั้นต้อนรับนางเข้าไปอย่างกระตือรือร้น ลั่วชิงยวนก็มิได้ยืนนิ่งต่อ นางตามเข้าไปภายในเรือนสตรีผู้นั้นรินชาให้นางพร้อมกล่าว “คุณหนูมิต้องมาบ่อย ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวสบายดี”“หือ วันนี้ท่านมาคนเดียวหรือ? ทาสใบ้มิได้ตามมาปกป้องท่านหรือ?”ฟังถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนตะลึง คุณหนูที่นางหมายถึง คือลั่วเยวี่ยอิง!ลั่วเยวี่ยอิงเคยมา และยังมาบ่อยด้วย?นางจึงปลอมเสียงขึ้น ลอกเลียนการพูดจาของลั่วเยวี่ยอิง “วัน
เซี่ยหว่านมิตกใจแต่นิดว่าผู้นั้นต่างหากคือคุณหนูของนางลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูท่านับตั้งแต่ที่นางเข้ามา เซี่ยหว่านก็รู้ว่าลั่วชิงยวนมิใช่คุณหนูนางแต่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะอยากรู้เป้าหมายที่ลั่วชิงยวนมาที่นี่!“ลั่วชิงยวน?!” ลั่วเยวี่ยอิงส่งสายตาเยือกเย็นมา“เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนส่งเสียงหึ “เจ้ายังหาที่นี่เจอ เหตุใดข้าจักหาเจอมิได้?”เซี่ยหว่านรีบพูดกับลั่วเยวี่ยอิง “นางมาถามสาเหตุการตายของนายหญิงใหญ่”ได้ยินดังนี้ โทสะของลั่วเยวี่ยอิงเอ่อล้นขึ้นในใจ นางจ้องลั่วชิงยวนอย่างขุ่นเคือง “เจ้ากำลังสืบหาสาเหตุการตายหรือ? แม่ลูกต่ำตมอย่างพวกเจ้า สมควรตายไร้ที่ฝัง!”“ทาสใบ้ จับนางเสีย!”ทาสใบ้ออกหมัดไปทางลั่วชิงยวนทันที ลั่วชิงยวนหมุนตัวหันหลบ และฟาดฝ่ามือไปที่ด้านหลังนางทั้งคู่สู้กันไปจนถึงในเรือนกว้างขวาง บัดนี้ลั่วชิงยวนอาจยังมิใช่คู่ต่อสู้ของฟู่เฉินหวน และมิใช่คู่ต่อสู้ของนักฆ่าชั้นยอด แต่กับทาสใบ้คนหนึ่ง เหลือเฟือสำหรับนาง!นึกถึงที่นางเคยเสียเปรียบในมืออีกฝ่าย ลั่วชิงยวนจึงมิได้ออมมืออีกต่อไปหลังสู้กันดุเดือด ลั่วชิงยวนกระโดดเตะไปที่หลังของทาสใบ้ที่เพ
“หยวนซื่อมิได้เป็นผู้ทำนายหญิงใหญ่ตาย กลับเป็นนายหญิงใหญ่เสียมากกว่า ที่วางพิษใส่หยวนซื่อเป็นเวลานาน จนทำนางต้องตาย!”ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ร่างของลั่วชิงยวนสั่นคลอนเป็นไปได้อย่างไร!นางอาจมิรู้จักแม่ของลั่วชิงยวน แต่นางรู้จักอาจารย์เป็นอย่างดีอาจารย์จะทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร!“เมื่อนั้นเรื่องนี้ มิถือเป็นความลับ แม้จะถูกนายท่านปิดข่าว แต่ด้านนอกก็ยังมีคนลือกัน”“หลาย ๆ คนต่างรู้ ภรรยาและอนุหลังเรือนอัครมหาเสนาบดีสู้กันจนเสียชีวิตตาม ๆ กัน”“แต่ความจริงคือ หยวนซื่อนิสัยอ่อนโยน ยอมก้มหัวเป็นอนุอยู่ภายในจวนอัครมหาเสนาบดี ใช้ชีวิตกล้า ๆ กลัว ๆ พยายามไม่มีเรื่องกับผู้อื่น กลับเป็นนายหญิงใหญ่มากกว่าที่ใช้ตำแหน่งภรรยาเอกของตน รังแกหยวนซื่อไปไม่น้อย“รายละเอียดนั้นข้ามิรู้ แต่การตายของนายหญิงใหญ่ นางทำตัวเองทั้งนั้น!”“หลังนางตายได้ไม่นาน พิษของหยวนซื่อก็กำเริบ เชิญท่านหมอมาจึงรู้ว่านางถูกวางยาเป็นเวลานาน นายหญิงใหญ่ได้ตายไปแล้ว จึงไร้ยาถอนพิษ”“ทำได้เพียงมองหยวนซื่อตายเพราะพิษกำเริบไปต่อหน้าต่อตา!”เมื่อเซี่ยหว่านพูดถึงตรงนี้ นางควบคุมอารมณ์มิได้อีกร้องไห้โอดครวญออกมา
ลั่วชิงยวนยิ้มพลางปล่อยตัวทาสใบ้โดยมิได้กล่าวอันใด จากนั้นก็เดินออกไปจากเรือน เมื่อเห็นว่านางออกไปแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบช่วยเข้าไปช่วยประคองทาสใบ้ให้ลุกขึ้น หลังจากเดินออกมาจากเรือน เสียงขิงลิ่นฝูเสวี่ยก็ดังขึ้น "ข้ามิคาดคิดเลยว่าเจ้าจะหาเงื่อนงำจากข่าวที่ข้าบอกเจ้าได้มากมายถึงเพียงนั้น" “ท่านเซียนน้อยช่างมิธรรมดาสามัญจริง ๆ” “แต่ข้ากลับไม่เชื่อหรอกว่ามารดาของท่านจะทำร้ายมารดาของลั่วเยวี่ยอิง” “ถึงแม้ว่ามารดาของท่านจะมีอุปนิสัยดื้อรั้นดันทุรัง แต่นางมิเคยรังแกผู้อ่อนแอ มิหนำซ้ำนางถึงขนาดดูแคลนการกระทบกระทั่งในเรือนเสียด้วยซ้ำไป มารดาของท่านหาใช่คนเช่นนั้นไม่” ลั่วชิงยวนยิ้ม “ข้ารู้” “หลังจากเซี่ยหว่านให้นางลั่นคำสัตย์สาบาน หลังจากคำสัตย์สาบานของนางกลายเป็นความจริง ข้าก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง เพราะนางกำลังโกหก” เมื่อลิ่นฝูเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ “แม่นถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” “ดูเหมือนว่าคำสัตย์สาบานเช่นนี้มิอาจพูดส่ง ๆ ได้เลย” “แต่ในเมื่อท่านรู้ว่านางกำลังโกหกอยู่แท้ ๆ ไฉนท่านจึงมิเปิดโปงนางเสียเล่า?” ลั่วชิงยวนตอบว่า “เ
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้