ขณะที่ลั่วชิงยวนมองฉินเฟิงด้วยสายตาเคลือบแคลง อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบ “เจ้ามิใช่คนที่เข้ามาขโมยของในหอฝูเสวี่ยเมื่อคืนนั้น แต่นายของเจ้ากลับใส่ความเจ้า” “เจ้ามิแค้นเขาบ้างรึ? ทำงานให้คนเช่นนั้นคุ้มค่าแล้วกระนั้นรึ?” “หากเจ้าเล่าเรื่องที่ตัวเจ้ารู้ให้ข้าฟัง บางทีข้าอาจมอบทางรอดให้เจ้าก็ได้” ลั่วชิงยวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสารภาพทุกอย่างที่ล่วงรู้ แต่ฉินเฟิงก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาว่า “ยอมแพ้เสียเถิด ข้ามิพูดอันใดหรอก” ลั่วชิงยวนหรี่ตาแล้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นนางก็ออกจากห้องขังแล้วเดินไปหาใต้เท้าเหอเพื่อซักถามเรื่องของฉินเฟิง เขาเป็นเถ้าแก่หอร่ำเมรัย ทว่ากลับไร้ภรรยาหรือบุตร ทั้งยังไม่มีบิดามารดาอยู่ที่บ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าลำพังตัวคนเดียวโดยแท้ หลังจากลั่วชิงยวนยืนยันเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ใต้เท้าเหอก็รับรองกับนางว่า “ฉินเฟิงผู้นี้เป็นคนเมืองหลวง สำมะโนครัวของเขาถูกบันทึกเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า เขามิเคยแต่งงานและบิดามารดาก็จากไปในวัยชรา ยามนี้เขาตัวคนเดียวแล้วจริง ๆ” “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะ” ลั่วชิงยวนย้อนกลับไปที่ห้องขั
ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เช่นนั้นก็จงบอกข้ามาว่าเจ้ารู้สิ่งใดบ้าง" ฉินเฟิงรีบตอบว่า “ข้ารู้เรื่องข้อตกลงระหว่างเจ้ากับตระกูลหลิวอยู่เรื่องสองเรื่อง ตระกูลหลิวเองก็เคยทำงานให้ฝูจ้าวมาก่อน!” “ฝูจ้าว เคยพบใต้เท้าหลิวตามลำพังในหอร่ำเมรัยมากกว่าหนึ่งครั้ง” “เงินบรรเทาทุกข์ที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการยึดได้จากจวนตระกูลหลิวอาจมีส่วนเกี่ยวพันกับฝูจ้าว!” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง เรื่องเงินบรรเทาทุกข์เกี่ยวข้องกับฝูจ้าวจริง ๆ เสียด้วย มิน่า เมื่อคืนนี้นางถึงได้ยินเซียวชูรายงานให้ฟู่เฉินหวนฟังว่าหัวหน้าโจรที่ขโมยเงินบรรเทาทุกข์ไปมีรอยสักรูปนกอินทรีบนหลังมือขวา อันบ่งบอกถึงความเกี่ยวข้องกับสำนักเทียนอิง จากนั้นนางก็บังเอิญเห็นคนผู้นี้อยู่ในห้องตำราของฝูจ้าว ท่านอาฉิน ใต้เท้าหลิวและฝูจ้าว ที่แท้พวกเขาล้วนเป็นพวกเดียวกัน นับตั้งแต่แรกที่ใต้เท้าหลิวหลงรักนาง ก็เป็นแค่กับดักที่ซ้อนอยู่ในกับดักหลายต่อหลายชั้น! “เจ้ารู้อีกมากแค่ไหน?” ลั่วชิงยวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคร่งเครียด “เจ้าเคยเห็นบุรุษที่มีรอยสักรูปนกอินทรีบนหลังมือหรือไม่?” ฉินเฟิงรู้สึกตื่นตก
“ว่ากระไรนะ?” สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไปฉับพลัน นางพยายามข่มเสียงตะลึงให้ต่ำลง แต่ก็ทำท่านอาฉินในห้องขังตื่นอยู่ดีเห็นท่านอาฉินพลิกตัว ลั่วชิงยวนจึงรีบจากไปในทันทีนางถามลิ่นฝูเสวี่ยเสียงต่ำ “เจ้าพูดจริงรึ? มิได้มองผิดไปใช่หรือไม่? นั่นไม่ใช่ถุงหอมรึ?”“ข้าใช้ถุงหอมใส่เงินแล้วมันแปลกอย่างไรกัน? แค่วิธีที่นางโลมมักใช้ เครื่องหอมที่ทุกคนใช้ต่างไม่เหมือนกัน สิ่งนี้มีไว้เพื่อให้อีกฝ่ายจดจำเราได้ดียิ่งขึ้น”ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนยันกำแพงไว้อย่างอดไม่ได้ คิ้วของนางขมวดแน่น “เช่นนั้นเงินของฉินเฟิง เจ้าเป็นคนให้เขาหรือ? เจ้าช่วยเขาเอาไว้รึ?”ลิ่นฝูเสวี่ยไตร่ตรอง “ข้าจำได้ราง ๆ ว่าเป็นเช่นนี้ แต่ข้าจำได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะคนที่ข้าเคยช่วยไว้เยอะจะตายชัก”ลั่วชิงยวนตะลึง “หากเป็นเช่นนี้ อาฉินปลอมอ้างตัวตนของเจ้าหลอกใช้ฉินเฟิงหรือ?”“เจ้านี่นะ หว่านเสน่ห์ไว้ทั่ว!”คิดถึงคุณลุงร้านจัดงานศพที่ยังลืมลิ่นฝูเสวี่ยมิได้ลิ่นฝูเสวี่ยหัวเราะเบาทีหนึ่ง “แสดงให้เห็นได้เพียงเสน่ห์ของข้ามากล้น ชั่วชีวิตนี้ของข้ารักเพียงการร่ายรำ มิสนใจนุรุษใดแม้แต่นิด”“หากมิใช่เพราะไม่มีที่แสดงความสามารถของข้า ข
“ไม่ ข้ามิได้เป็นผู้ทำร้ายเจ้า ข้าเองก็ถูกผู้อื่นข่มขู่!”“เจ้าไปหาฝูว่านเจิง เขาเป็นคนซื้อข้า ให้ข้าวางยาในเตาเครื่องหอมของหอสมุทรมรกต!”“รถม้าทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเขาหมดเลย”“เจ้าไปหาต้นเหตุเรื่องสิ!”อาฉินขอร้องอ้อนวอน สั่นคลอนไม่หยุดเพราะความกลัวลั่วชิงยวนตะลึง ฝูว่านเจิง?พ่อของฟูจ้าว ท่านเจ้ากรมกลาโหมลั่วชิงยวนหัวเราะเย็น “ตำแหน่งฝูว่านเจิงใหญ่เช่นนั้น ข้าเคยไปหาเรื่องเขาเมื่อใดกัน? เหตุใดเขาต้องทำหอสมุทรมรกตถึงตายด้วย?”“กลัวคนในหอสมุทรมรกตตาย ของทุกอย่างในนั้นถูกฝูเจิงเอาไปหมด”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย “หมายความว่า เขาได้ของที่เขาต้องการแล้วงั้นรึ?”อาฉินพยักหน้า และตอบเสียงสั่น “ใช่”ลั่วชิงยวนรู้สึกตะลึงในใจ สรุปว่าเพื่อของอะไรกัน จึงได้วางแผนสังหารชีวิตตั้งมากมายเช่นนั้นในหอสมุทรมรกตบัดนี้เอง ลั่วชิงยวนได้ยินเสียงฝีเท้าแม้ฉินเฟิงจะมีวรยุทธ แต่เขาโดนบทลงโทษจนบาดเจ็บหนัก ขาของเขาไม่สะดวก เสียงนั้นเข้าหูของลั่วชิงยวนอย่างชัดเจนนางมองอาฉินที่เสียสติไปแล้ว จึงรีบเอ่ยปากทันที “เจ้าสารภาพได้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว เหตุใดมิสารภาพให้ชัดเจนกว่านี้อีกเล่า”“เรื่องระหว่า
ลั่วชิงยวนถอยหลังอย่างไม่รีบร้อน และเผยยิ้มเย็นๆ “ขอบคุณเจ้าที่ให้ความร่วมมือมากเช่นนี้”“ข้าสามารถไปรายงานให้แก่ท่านเหอแล้ว”“จวนตายอยู่แล้ว ก่อนตายมีสิ่งใดอยากพูดหรือไม่? เช่นทรัพย์สินส่วนตัว ก็ส่งออกมาให้หมดเสีย”อาฉินเป็นบ้า หน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธเคือง พร้อมตะโกนด้วยอาการคลุ้มคลั่ง “ฝันไปเถอะ!”“เจ้าหลอกข้า! เจ้าล่อลวง มินับ! นับมิได้!”ลั่วชิงยวนมองนางนิ่ง ๆ ทีหนึ่ง “หากเจ้ายอมสารภาพดี ๆ จักลดหย่อนโทษเจ้าได้”“บัดนี้ เจ้าได้หมดคุณค่าแล้ว หลักฐานอยู่ครบ เจ้ารอตายอย่างสบายใจเถิด” ลั่วชิงยวนพูดจบ ก็หันร่างจากไปฉินเฟิงเหล่มองท่านอาฉินในห้องคุกทีหนึ่ง คิดจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง จากนั้นกัดฟันอย่างโกรธเคือง และหันร่างเดินตามลั่วชิงยวนก้าวไว“เมื่อครู่นาง มองเจ้าเป็นผู้ใดกัน?”ลั่วชิงยวนเอ่ยตอบอ่อน ๆ “ลิ่นฝูเสวี่ย”ฉินเฟิงตะลึง “เพราะงั้น ผู้ที่ช่วยข้าจริง ๆ คือลิ่นฝูเสวี่ยหรือ?”ลั่วชิงยวนชะงักฝีเท้าและมองเขาทีหนึ่ง “เจ้านี่มิฉลาดเสียจริง ถูกนางหลอกไปหลายสิบปี กระทั่งอยากไปตายแทนนาง เพื่อให้นางหลุดพ้นโทษ”“แต่เจ้าหารู้ไม่ นางคือผู้ทำให้ลิ่นฝูเสวี่ยต้องตาย”ได้ยินดังนี้
ฉินเฟิงฉงนและกล่าว “ข้าเพียงแค่อยากแก้แค้น ส่วนหอร่ำเมลัยจักมีหรือไม่นั้นข้ามิสน”ลั่วชิงยวนยิ้มเบาทีหนึ่ง “แก้แค้นหรือ? เจ้ายังทายมิออกเลยว่าศัตรูคือผู้ใด”ฉินเฟิงได้ยินแล้วจึงตะลึง เขากำหมัดไว้แน่น “หรือว่าเป็นตระกูลฝู”“ก็ยังมิได้โง่เช่นนั้น เพียงแค่ตอบสนองช้าไปหน่อย” ลั่วชิงยวนยักคิ้ว“ท่านอยากแก้แค้น เช่นนั้นทุกอย่างก็ต้องฟังข้า มิเช่นนั้น ข้าจักสังหารเจ้าก่อนที่ฝูจ้าวจักเจอเจ้า”“ข้ามิทำแผนเจ้าพังแน่!”ฉินเฟิงตะลึงเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้คือใครกันแน่ การปรากฏตัวของนาง เหมือนมาเพื่อแก้แค้นให้ลิ่นฝูเสวี่ยหรือนางเป็นศิษย์ของลิ่นฝูเสวี่ย? หรือบุตรสาว?คิดได้ดังนี้ ฉินเฟิงลุกขึ้นคุกเข่าลงข้างเดียว พูดด้วยน้ำเสียงเคารพและหนักแน่น “ข้า ฉินเฟิงขอสาบานกับฟ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของข้าเป็นของแม่นางฝูเสวี่ย”“ข้าจักฟังคำสั่งของแม่นางฝูเสวี่ยเพียงผู้เดียว! แท้หัวหลุดออกจากบ่า หรือลุยทะเลไฟ ข้าก็มิเกี่ยง!”ลั่วชิงยวนชะงักไป และขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้คนผู้นี้ช่างรักลิ่นฝูเสวี่ยลึกล้ำเสียจริงบัดนี้ เสียงกล่าวเร่งของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “รีบตกลงสิ เหม่อกระไรของท่าน”“ผู้นี้ ถ
อู๋อิ่งที่อยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยดาบ แม้จะใส่ยาห้ามเลือดแล้ว แต่แผลสดเหล่านั้นเต็มเกลื่อนบนใบหน้า!“เจ้า!” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าพังโฉมตนเองหรือ?”อู๋อิ่งสวมใส่หน้ากากสีเงิน และเอ่ยเคารพ “เช่นนี้จึงคู่ควรกับชื่ออู๋อิ่ง”“ฉินเฟิงตายไปแล้ว อู๋อิ่งคำนับนายท่านขอรับ!”ในใจลั่วชิงยวนตะลึงเดิมทีเขาได้ใช้ชีวิตที่ไร้ซึ่งความกังวลแล้ว แต่กลับถูกหลอกลวงและหลอกใช้เป็นสิบปีเพื่อบุญคุณเพียงสิบตำลึงนั่นบัดนี้ ก็ส่งมอบครึ่งชีวิตที่เหลือให้ลั่วชิงยวนอีกเขาทำลายโฉม สวมใส่หน้ากาก กลายเป็นนักฆ่าที่ไร้ความรู้สึกโดนสิ้นเชิงในใจลั่วชิงยวนพร่ำขึ้นบางทีอาจจะเป็นเรื่องดีดีกว่าให้เขารับโทษแทนท่านอาฉินแล้วสิ้นชีพไป ถึงตายก็ยังไม่รู้ความจริง และไม่มีคนรู้ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำเพื่อลิ่นฝูเสวี่ยบัดนี้ อย่างน้อยลิ่นฝูเสวี่ยก็เห็นในสายตา รู้ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำ“ลุกขึ้นเถอะ”ลั่วชิงยวนให้เขาเข้าห้อง ปิดประตูห้องลงและเอ่ยถาม “เจ้าเจอคนของเจ้าหรือยัง? ลองใจแล้วหรือไม่? เชื่อได้หรือไม่?”อู๋อิ่งพยักหน้า “เชื่อได้หมดขอรับ! พวกเขามิรู้ว่าข้าอยู่ใต้บัญชาท่าน ต่อให
“เช่นนั้นท่านอ๋องเหมาหอฝูเสวี่ยครึ่งเดือน เพราะอยากได้สิ่งใดกัน?”เสียงของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น “ให้ครึ่งเดือนนี้ของเจ้า ปรนนิบัติเพียงข้าคนเดียว!”ลั่วชิงยวนยิ้มเบาทีหนึ่ง “ได้สิ หากท่านอ๋องทรงมีกำลังเช่นนั้น ก็เสด็จมาทุกวันเถิดเพคะ”“หม่อมฉันอยากให้เสด็จมาเสียเหลือเกิน”นางกัดฟันพูดเสียงเข้มมุมปากของฟู่เฉินหวนกลับเผยเป็นรอยยิ้ม “ได้ เช่นนั้นก็รำเทพเหมันต์ก่อนเลย”บัดนี้ เสียงครึม ๆ ของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “ท่านเซียนน้อย การจู๋จี๋ระหว่างสามีภรรยา ข้ามิเล่นด้วยล่ะ ท่านรำเองเถิด”พูดจบ ลิ่นฝูเสวี่ยจึงแอบออกจากห้องไปลั่วชิงยวนลุกขึ้น เดินไปกลางห้อง และเริ่มร่ายรำเทพเหมันต์แต่ฟู่เฉินหวนมองท่วงท่าร่ายรำ ที่แม้จะมิผิด แต่กลับมิมีกลิ่นอายเสน่ห์หา กระทั่งสายตายังมิเหมือนกันแต่นิด เมื่อร่ายรำต่อหน้าเขา นางมิใส่ใจเช่นนี้เลยหรือ!ฟู่เฉินหวนคิดถึงรำเทพเหมันต์ที่นางร่ายรำบนเวที เมื่อเทียบกับนางในตอนนี้ ตอนนั้นนางกำลังยั่วยวนอยู่เห็น ๆ มิใช่หรือ!มือที่ถือจอกเหล้าของเขา บีบแรงอย่างมิรู้ตัวและแล้วจอกเหล้าก็แตก เศษแก้วบาดฝ่ามือของเขา“นี่คือรำเทพเหมันต์หรือ!” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็น