ลั่วชิงยวนถอยหลังอย่างไม่รีบร้อน และเผยยิ้มเย็นๆ “ขอบคุณเจ้าที่ให้ความร่วมมือมากเช่นนี้”“ข้าสามารถไปรายงานให้แก่ท่านเหอแล้ว”“จวนตายอยู่แล้ว ก่อนตายมีสิ่งใดอยากพูดหรือไม่? เช่นทรัพย์สินส่วนตัว ก็ส่งออกมาให้หมดเสีย”อาฉินเป็นบ้า หน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธเคือง พร้อมตะโกนด้วยอาการคลุ้มคลั่ง “ฝันไปเถอะ!”“เจ้าหลอกข้า! เจ้าล่อลวง มินับ! นับมิได้!”ลั่วชิงยวนมองนางนิ่ง ๆ ทีหนึ่ง “หากเจ้ายอมสารภาพดี ๆ จักลดหย่อนโทษเจ้าได้”“บัดนี้ เจ้าได้หมดคุณค่าแล้ว หลักฐานอยู่ครบ เจ้ารอตายอย่างสบายใจเถิด” ลั่วชิงยวนพูดจบ ก็หันร่างจากไปฉินเฟิงเหล่มองท่านอาฉินในห้องคุกทีหนึ่ง คิดจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง จากนั้นกัดฟันอย่างโกรธเคือง และหันร่างเดินตามลั่วชิงยวนก้าวไว“เมื่อครู่นาง มองเจ้าเป็นผู้ใดกัน?”ลั่วชิงยวนเอ่ยตอบอ่อน ๆ “ลิ่นฝูเสวี่ย”ฉินเฟิงตะลึง “เพราะงั้น ผู้ที่ช่วยข้าจริง ๆ คือลิ่นฝูเสวี่ยหรือ?”ลั่วชิงยวนชะงักฝีเท้าและมองเขาทีหนึ่ง “เจ้านี่มิฉลาดเสียจริง ถูกนางหลอกไปหลายสิบปี กระทั่งอยากไปตายแทนนาง เพื่อให้นางหลุดพ้นโทษ”“แต่เจ้าหารู้ไม่ นางคือผู้ทำให้ลิ่นฝูเสวี่ยต้องตาย”ได้ยินดังนี้
ฉินเฟิงฉงนและกล่าว “ข้าเพียงแค่อยากแก้แค้น ส่วนหอร่ำเมลัยจักมีหรือไม่นั้นข้ามิสน”ลั่วชิงยวนยิ้มเบาทีหนึ่ง “แก้แค้นหรือ? เจ้ายังทายมิออกเลยว่าศัตรูคือผู้ใด”ฉินเฟิงได้ยินแล้วจึงตะลึง เขากำหมัดไว้แน่น “หรือว่าเป็นตระกูลฝู”“ก็ยังมิได้โง่เช่นนั้น เพียงแค่ตอบสนองช้าไปหน่อย” ลั่วชิงยวนยักคิ้ว“ท่านอยากแก้แค้น เช่นนั้นทุกอย่างก็ต้องฟังข้า มิเช่นนั้น ข้าจักสังหารเจ้าก่อนที่ฝูจ้าวจักเจอเจ้า”“ข้ามิทำแผนเจ้าพังแน่!”ฉินเฟิงตะลึงเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้คือใครกันแน่ การปรากฏตัวของนาง เหมือนมาเพื่อแก้แค้นให้ลิ่นฝูเสวี่ยหรือนางเป็นศิษย์ของลิ่นฝูเสวี่ย? หรือบุตรสาว?คิดได้ดังนี้ ฉินเฟิงลุกขึ้นคุกเข่าลงข้างเดียว พูดด้วยน้ำเสียงเคารพและหนักแน่น “ข้า ฉินเฟิงขอสาบานกับฟ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของข้าเป็นของแม่นางฝูเสวี่ย”“ข้าจักฟังคำสั่งของแม่นางฝูเสวี่ยเพียงผู้เดียว! แท้หัวหลุดออกจากบ่า หรือลุยทะเลไฟ ข้าก็มิเกี่ยง!”ลั่วชิงยวนชะงักไป และขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้คนผู้นี้ช่างรักลิ่นฝูเสวี่ยลึกล้ำเสียจริงบัดนี้ เสียงกล่าวเร่งของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “รีบตกลงสิ เหม่อกระไรของท่าน”“ผู้นี้ ถ
อู๋อิ่งที่อยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยดาบ แม้จะใส่ยาห้ามเลือดแล้ว แต่แผลสดเหล่านั้นเต็มเกลื่อนบนใบหน้า!“เจ้า!” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าพังโฉมตนเองหรือ?”อู๋อิ่งสวมใส่หน้ากากสีเงิน และเอ่ยเคารพ “เช่นนี้จึงคู่ควรกับชื่ออู๋อิ่ง”“ฉินเฟิงตายไปแล้ว อู๋อิ่งคำนับนายท่านขอรับ!”ในใจลั่วชิงยวนตะลึงเดิมทีเขาได้ใช้ชีวิตที่ไร้ซึ่งความกังวลแล้ว แต่กลับถูกหลอกลวงและหลอกใช้เป็นสิบปีเพื่อบุญคุณเพียงสิบตำลึงนั่นบัดนี้ ก็ส่งมอบครึ่งชีวิตที่เหลือให้ลั่วชิงยวนอีกเขาทำลายโฉม สวมใส่หน้ากาก กลายเป็นนักฆ่าที่ไร้ความรู้สึกโดนสิ้นเชิงในใจลั่วชิงยวนพร่ำขึ้นบางทีอาจจะเป็นเรื่องดีดีกว่าให้เขารับโทษแทนท่านอาฉินแล้วสิ้นชีพไป ถึงตายก็ยังไม่รู้ความจริง และไม่มีคนรู้ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำเพื่อลิ่นฝูเสวี่ยบัดนี้ อย่างน้อยลิ่นฝูเสวี่ยก็เห็นในสายตา รู้ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำ“ลุกขึ้นเถอะ”ลั่วชิงยวนให้เขาเข้าห้อง ปิดประตูห้องลงและเอ่ยถาม “เจ้าเจอคนของเจ้าหรือยัง? ลองใจแล้วหรือไม่? เชื่อได้หรือไม่?”อู๋อิ่งพยักหน้า “เชื่อได้หมดขอรับ! พวกเขามิรู้ว่าข้าอยู่ใต้บัญชาท่าน ต่อให
“เช่นนั้นท่านอ๋องเหมาหอฝูเสวี่ยครึ่งเดือน เพราะอยากได้สิ่งใดกัน?”เสียงของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น “ให้ครึ่งเดือนนี้ของเจ้า ปรนนิบัติเพียงข้าคนเดียว!”ลั่วชิงยวนยิ้มเบาทีหนึ่ง “ได้สิ หากท่านอ๋องทรงมีกำลังเช่นนั้น ก็เสด็จมาทุกวันเถิดเพคะ”“หม่อมฉันอยากให้เสด็จมาเสียเหลือเกิน”นางกัดฟันพูดเสียงเข้มมุมปากของฟู่เฉินหวนกลับเผยเป็นรอยยิ้ม “ได้ เช่นนั้นก็รำเทพเหมันต์ก่อนเลย”บัดนี้ เสียงครึม ๆ ของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “ท่านเซียนน้อย การจู๋จี๋ระหว่างสามีภรรยา ข้ามิเล่นด้วยล่ะ ท่านรำเองเถิด”พูดจบ ลิ่นฝูเสวี่ยจึงแอบออกจากห้องไปลั่วชิงยวนลุกขึ้น เดินไปกลางห้อง และเริ่มร่ายรำเทพเหมันต์แต่ฟู่เฉินหวนมองท่วงท่าร่ายรำ ที่แม้จะมิผิด แต่กลับมิมีกลิ่นอายเสน่ห์หา กระทั่งสายตายังมิเหมือนกันแต่นิด เมื่อร่ายรำต่อหน้าเขา นางมิใส่ใจเช่นนี้เลยหรือ!ฟู่เฉินหวนคิดถึงรำเทพเหมันต์ที่นางร่ายรำบนเวที เมื่อเทียบกับนางในตอนนี้ ตอนนั้นนางกำลังยั่วยวนอยู่เห็น ๆ มิใช่หรือ!มือที่ถือจอกเหล้าของเขา บีบแรงอย่างมิรู้ตัวและแล้วจอกเหล้าก็แตก เศษแก้วบาดฝ่ามือของเขา“นี่คือรำเทพเหมันต์หรือ!” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็น
ลั่วเยวี่ยอิง!ลั่วเยวี่ยอิงมาได้อย่างไรกันลั่วชิงยวนกำลังคิด ฟู่เฉินหวนกลับลุกพรวดออกไปในทันที นางฟุบล้มบนพื้นอย่างหมดแรง มิได้ตามออกไปได้ยินเพียงเสียงที่ฟู่เฉินหวนไล่บุรุษหนุ่มเหล่านั้นออกจากนั้นพาลั่วเยวี่ยอิงจากไปในที่สุดก็ไปเสียทีแต่ในใจของลั่วชิงยวน กลับยิ่งรู้สึกอึดอัด ในใจราวกับมีไฟกำลังแผดเผา เผาจนนางรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญใจเวลานี้แม่เล้าเฉินเดินมาพอดี นางมองไปรอบ ๆ มิเห็นฟู่เฉินหวน จึงรีบขึ้นหน้าไปพยุงลั่วชิงยวนขึ้น “เกิดกระไรขึ้นเจ้าคะ”“ท่านอ๋องเล่า?”ลั่วชิงยวนนวดแขนที่ปวดเมื่อย พร้อมเอ่ยตอบ “ถามถึงท่านหาปะไร มีเรื่องหรือ?”แม่เล้าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจแผ่วเบา “มิรู้เหตุไฉนคุณชายฝูเองก็มาเช่นกันเจ้าค่ะ!”“เขาบอกว่าอยากเจอท่าน”“แต่ท่านอ๋องสำเร็จราชการเหมาหอฝูเสวี่ยเราเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว มิรู้ว่าท่านอ๋องถือสาที่ท่านไปเจอคุณชายฝูหรือไม่”ได้ยินดังนี้ แววตาของลั่วชิงยวนเยือกเย็นลง “ท่านอ๋องเสด็จกลับไปแล้ว เจ้าพาคุณชายฝูเข้ามาเถิด”แม่เล้าเฉินได้ยินจึงพยักหน้า “เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเชิญคุณชายฝูเข้ามา”ไม่นานนัก แม่เล้าจึงพาคุณชายฝูมา ลั่วชิงยวนทนความไ
ไม่นานนักลิ่นฝูเสวี่ยก็ร่ายรำขึ้นมา ลั่วชิงยวนรู้สึกตัวชัดเจนมากว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด รู้แม้กระทั่งทุกท่วงท่าแม้ลิ่นฝูเสวี่ยจะเป็นผู้ควบคุมร่างกาย แต่ลั่วชิงยวนก็ต้องออกแรง เพียงแต่มิเหนื่อยเท่าเมื่อตนเองรำเองฝูจ้าวมองอย่างดื่มด่ำแต่แล้วไม้มีผู้ใดรู้ว่า บัดนี้ ฟู่เฉินหวนอยู่ที่หน้าประตู!เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นลั่วชิงยวนที่กำลังร่ายรำให้ฝูจ้าวในห้อง เลือดในร่างเขาราวกับไหลย้อน โทสะแผดเผาขึ้นมาทันขวัญเมื่อครู่เขาให้นางร่ายไปเจ็ดแปดรอบ ก็มิได้รำเทพเหมันต์เช่นนี้ต่อหน้าเขารำออกมามิได้ แต่ต่อหน้าบุรุษอื่นแล้วได้งั้นหรือ?ฟู่เฉินหวนกำมือแน่นเขาก้าวเท้าเดินเข้าห้อง น้ำเสียงเยือกเย็นเต็มไปด้วยไอสังหาร “คุณชายฝูช่างมีอารมณ์สุนทรีย์เสียจริง”ฝูจ้าวกำลังหลงใหลในท่วงท่าร่ายรำอันงดงาม เมื่อได้ยินเสียงเขาเพิ่งได้สติ “ที่แท้ก็ท่านอ๋องสำเร็จราชการนี่เอง”ฝูจ้าวลุกขึ้นคำนับเล็กน้อยฟู่เฉินหวนมองกับแกล้มบนโต๊ะที่ยังไม่ได้เก็บลงไป เสียงของเขาเย็นยะเยือก “คุณชายฝูรู้หรือไม่ มีศัพท์ที่ชื่อว่าลำดับน่ะ”ได้ยินดังนี้ สีหน้าของฝูจ้าวย่ำแย่ “ท่านอ๋องทรงหมายถึง…”ฟู่เฉินหวนพูดขัดเสียงนิ่ง “ข้าเหม
“ปล่อยหม่อมฉัน!” ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเพราะถูกดูหมิ่นนั้นโหมเข้ามา ทำลั่วชิงยวนโมโหถึงขีดสุด นางง้างมือและฟาดออกไปอย่างแรงฟู่เฉินหวนเอนร่างหลบ ถอยหลังเว้นระยะห่างกับนางเล็กน้อยลั่วชิงยวนลงมือสู้กับเขาทันที ท่าทีของนางดุดัน บนร่างเต็มไปด้วยไอสังหารไอบนร่างของฟู่เฉินฟวนก็คมคายมิแพ้กัน ทั้งคู่แลกมือกันอย่างดุเดือด แต่ความเร็วและกำลังของฟู่เฉินหวนต่างอยู่เหนือลั่วชิงยวน มินานนัก ลั่วชิงยวนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฟู่เฉินหวนกลับไม่ทันรั้งมือ กระแทกฝ่ามือไปที่หน้าอกของลั่วชิงยวน บนอกของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางเอนกายไปเบื้องหลังสีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปฉับพลัน เขารีบพุ่งตัวขึ้นไปรั้งเอวนางไว้ ลั่วชิงยวนจึงมิล้มลงพื้นแต่นัยน์ตาลั่วชิงยวนฉายแววเหี้ยม นางกระโดดขึ้นหวังจะล็อกคอเขาวินาทีที่ไอสังหารจู่โจม คิ้วของฟู่เฉินหวนกระตุก เขาจับข้อของลั่วชิงยวน ออกแรงทั้งคู่จึงกลิ้งลงบนพื้น หลังสู้ฟันไปสักพัก ฟู่เฉินหวนจึงจับสองมือของลั่วชิงยวนไว้ได้ และกดไว้บนพื้นอย่างแรงลั่วชิงยวนหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย มองดูใบหน้าที่แสนใกล้ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าเคยทำนางใจสั่นตอนไหนใบหน้าที่เคยท
“ท่านอ๋อง มือของท่าน?” ลั่วเยวี่ยอิงเห็นมือที่ได้รับบาดเจ็บของท่านอ๋อง จึงรีบจับขึ้นมา และรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากลั่วชิงยวนเก็บชุดบนพื้นขึ้นอย่างเชื่องช้า มองมือของฟู่เฉินหวนทีหนึ่ง พร้อมยิ้มกล่าว “ขอประทานอภัยเพคะท่านอ๋อง ก็ท่านทำหม่อมฉันเจ็บ”“หม่อมฉันมียารักษาชั้นดี ประเดี๋ยวหม่อมฉันทายาให้ท่านนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนหรี่ตามองสตรีตรงหน้า น้ำเสียงชวนคิดนี้ นางตั้งใจเห็น ๆ เปลี่ยนท่าทีเร็วเชียว!อย่างที่คิด หลังลั่วเยวี่ยอิงได้ยิน สีหน้าย่ำแย่มากยิ่งขึ้นลั่วเยวี่ยอิงกัดริมฝีปากล่างไว้ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันมามิถูกเวลาแล้ว หม่อมฉันขอออกไปก่อนเพคะ”ฟู่เฉินหวนจับแขนของนางไว้โดยสัญชาตญาณ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้ทำกระไรทั้งนั้น”เห็นฟู่เฉินหวนรีบอธิบายเช่นนี้ ลั่วชิงยวนหัวเราะเบาทีหนึ่ง นางคลุมเสื้อกลับไป และมองไปที่ฟู่เฉินหวนอย่างมีความนัย“ใช่ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น เพราะที่ควรทำนั้นทำหมดแล้ว”พูดจบนางก็มองไปทางลั่วเยวี่ยอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง “ครั้งที่แล้วคุณหนูรองบอกเองมิใช่หรือ หากท่านอ๋องชอบข้า ท่านก็ยอมรับข้าได้”“บัดนี้มาโกรธให้ผู้ใดดูกัน”“หนำซ้ำยังแต่งกายบุรุษมาอีก หรือท่านมา