แชร์

บทที่ 391

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแน่น นางไม่เข้าใจเลยว่าไฉนผ่านไปแค่ไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นมาได้

พลังปราณของฮวงจุ้ยทั่วทั้งจวนมหาราชครูหาได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดไม่ ทว่ากลับมีปราณมรณะเพิ่มเข้ามาไม่น้อยและพลังก็ลดลงด้วย

“ไฉนจึงสารภาพผิดแล้วปลิดชีพตน เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?” ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออก

ลั่วหรงถอนหายใจ “หลังจากพวกเรารู้เรื่องของฟ่านซานเหอ ก็มิอาจสืบสาวราวเรื่องได้อีกต่อไป ฮูหยินใหญ่ฟ่านก็มาขอความช่วยเหลือจากบิดาด้วยตนเอง อย่างไรเสีย ยามนี้ฟ่านซานเหอก็เป็นสามีของหลางหลาง บิดาย่อมมิอาจวางเฉยได้"

“เช่นนั้นข้าจะไปขอร้องลั่วไห่ผิง หวังว่าเขาจะยอมเมตตาปล่อยฟ่านซานเหอไป”

เมื่อลั่วหรงเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางก็โมโหจัด

“แต่ลั่วไห่ผิงกลับไร้อำนาจ เขามิอาจไต่สวนและจับกุมตัวผู้บงการที่ชักใยอยู่เบื้องหลังได้! เรื่องนี้คงมิแคล้วถูกจัดฉากให้มีคนต้องสารภาพความผิด!”

“วันนี้ตอนที่ข้าเห็นท่านพ่อ ท่านก็... ปลิดชีพตนเองแล้ว!”

“ท่านทิ้งจดหมายเลือดสารภาพความผิดซึ่งได้ส่งไปถึงวังหลวงแล้ว”

ลั่วหรงกล่าวไปพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง นางแลดูแก่ชราลงไปนับสิบปีขึ้นมาทันที
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 392

    “ระวังหน่อยสิ อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีเลยนะ” ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจอยู่บ้างแล้วหันไปมองเขา ในสายตาลึกล้ำคู่นั้น มีแววหวั่นวิตกราวกับว่ากำลังประจันหน้าสิ่งชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้น นางลุกขึ้นยืนตรงแล้วเบนสายตาออกไป ภายในห้อง ฮูหยินใหญ่ฟ่านโทษตนเองด้วยความรู้สึกผิด นางพร่ำรำพันวาจาจากใจจริงอันชวนให้ประทับใจออกมามากมาย จากนั้นนางก็บอกลั่วหรงว่า “หลังจากฝังศพของท่านมหาราชครู ข้าคิดจะพาคนทั้งตระกูลออกจากเมืองหลวงแล้วกลับไปอาศัยอยู่บ้านมารดาของข้าในซีหยาง ท่านคิดเห็นอย่างไร?” ตระกูลเดิมของฮูหยินใหญ่ฟ่านเป็นพ่อค้าวาณิชอยู่ในซีหยาง เนื่องจากมีคนในตระกูลไม่มากนัก พวกเขาจึงต้องการบ้านสักหลังซึ่งเพียงพอให้ตระกูลของพวกเขาดำรงชีวิตและลงหลักปักฐานได้ เมื่อลั่วหรงได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็กุมมือของลั่วหลางหลางด้วยท่าทีฝืนใจ ถึงแม้ว่านางจะไม่เต็มใจ แต่นางก็รู้ว่ามีเพียงแค่การไปจากเมืองหลวงอันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเท่านั้น นางจึงจะรู้สึกปลอดภัย “เอาล่ะ! ไปซีหยางเถอะ อย่างน้อยที่นั่นก็สงบสุขกว่า” ลั่วหลางหลางพลันหลั่งน้ำตาแล้วคุกเข่าลง "ท่านแม่เจ้าคะ!" ลั่วหรงเองก็หลั่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 393

    ซูโหยวไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้แล้วถามว่า “อาการบาดเจ็บขององค์ชายห้าเป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นหรือไม่ขอรับ?” หมอกู้ตอบว่า “หลังจากใช้โอสถชั้นเลิศ พระองค์ก็เกือบจะหายดีแล้ว แต่ก็ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอดและต้องใช้เวลาในการพักฟื้น” “คราที่พระองค์ไม่ได้สติก็เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องอาการบาดเจ็บของพระชายา มิทราบว่าพระชายาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ซูโหยวตอบว่า "หมอกู้ พระชายาหาได้เป็นอันใดไม่ ได้โปรดทูลองค์ชายห้าว่าขออย่าได้ทรงเป็นกังวล มิฉะนั้นก็รังแต่จะหาเรื่องใส่ตน" หลังจากซูโหยวพูดจบก็หันหลังเดินจากไป ลั่วชิงยวนลดฝีเท้าแล้วรีบจากไป นางซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดมิด รอจนกระทั่งซูโหยวเดินจากไปก่อนจะย้อนกลับมาที่เรือนของตน พลางรู้สึกสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด ฟู่อวิ๋นโจวได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ? มิน่า หลายวันมานี้นางจึงไม่เห็นเขาเลย เขาถูกตัดนิ้วไปข้างหนึ่งใช่หรือไม่ หรือว่าฟู่เฉินหวนจะถูกใส่ความจนต้องโทษประหาร พวกเขาจึงตัดนิ้วของฟู่อวิ๋นโจวเพื่อข่มขู่ไทเฮาให้ปล่อยตัวเขา? หลังจากครุ่นคิดเรื่องนั้นดูแล้ว นี่คือความเป็นไปได้เพียงประการเดียว ภายนอกดูเหมือนฟู่อวิ๋นโจวกำลังพักฟื้นจาก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 394

    "ข้าจะไปกับท่านด้วย" ซ่งเชียนฉู่กางร่มแล้วออกจากตำหนักไปพร้อมกับลั่วชิงยวนและจือเฉา ลั่วชิงยวนมาที่หอมหาสมบัติ หอมหาสมบัติยังคงเปิดกิจการตามปกติ เรื่องลูกแก้วหงส์เพลิงถูกขโมยหาได้พัวพันหรือส่งผลต่อกิจการของพวกเขาแต่อย่างใดไม่ เมื่อลั่วชิงยวนมาถึง ผู้ดูแลหอมหาสมบัติมองแวบเดียวก็จำพวกนางได้จึงรีบกุลีกุจอเข้าไปหา “พระชายา ท่านประสงค์สิ่งใดหรือขอรับ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยตามตรง “อืม เรื่องเป็นเช่นนี้นะ อีกเดือนก็จะเป็นวันเกิดของบิดาข้าแล้ว ในฐานะที่เป็นบุตรี ข้าอยากจะทำให้ท่านประหลาดใจสักหน่อย ดังนั้นข้าจึงมาเลือกของกำนัลที่หอมหาสมบัติ” ที่แท้ก็มาซื้อของนี่เอง ผู้ดูแลถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบเชื้อเชิญลั่วชิงยวนเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นบน จากนั้นก็รีบยกน้ำชามาให้ด้วยท่าทีกระตือรือร้น จากนั้นเขาก็เลื่อนภาพเขียนกองโตให้พลางกล่าวว่า “นี่คือสินค้าในร้านของเรา มีอยู่หลายแบบเลยขอรับ หากท่านชอบชิ้นไหน ข้าน้อยจักได้ไปเอามาให้ท่าน” ลั่วชิงยวนเลือกส่ง ๆ แล้วดึงภาพเขียนออกมาม้วนแล้วม้วนเล่า นางเลือกภาพเขียนออกมาได้กว่าสามสิบม้วน “พระชายา ท่านเลือกออกมาตั้งหลายม้วน ท่านอยากดูทีละม้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 395

    ”ข้าวของพวกนี้ขายหมดเมื่อไหร่ พระชายาก็มารับเงินได้เลยขอรับ!” ลั่วชิงยวนพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้ายังต้องตรวจสอบแล้วทำตำหนิของข้าวของพวกนี้สักหน่อย รบกวนเถ้าแก่เอาหมึกกับพู่กันมาให้ข้าที” ถึงแม้ว่ายังมิได้จ่ายเงิน ทว่าเถ้าแก่ก็ไม่กลัวสักนิด อย่างไรเสียนี่ก็คือพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการและบุตรีของอัครเสนาบดี ดังนั้นนางย่อมไม่มีทางเบี้ยวจ่ายอยู่แล้ว จากนั้นเถ้าแก่ก็สั่งให้คนเอาหมึกกับพู่กันมาแล้วหันหลังเดินจากไป ลั่วชิงยวนยกแจกันขึ้นมาดูแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "จือเฉา ไปซื้อของให้ข้าที" จือเฉาเข้ามาหาแล้วลั่วชิงยวนก็กระซิบสั่งการบางอย่าง หลังจากนั้นจือเฉาก็เดินออกไป จากนั้นลั่วชิงยวนก็ใช้พู่กันวาดอักขระเวทลงบนก้นแจกัน ซ่งเชียนฉู่ผู้ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างจึงนั่งกินของว่างพลางถามว่า “ข้าวของที่ท่านซื้อให้ลั่วไห่ผิง จักนำพาโชคร้ายมาให้เขากระนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “มิใช่เพียงโชคร้ายเท่านั้นหรอก” ซ่งเชียนฉู่เข้ามาดูใกล้ ๆ ก็นึกขึ้นได้ “ดูเหมือนอักขระเวทพวกนี้ของเจ้าจะแตกต่างกันไปตามแต่ข้าวของแต่ละชิ้นหนา” ลั่วชิงยวนผงกศีรษะ “แจกันตั้งพื้นวางอยู่มุมห้อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 396

    เขาสวมเสื้อคลุมให้นาง ความใกล้ชิดเช่นนั้นทำเอาลั่วชิงยวนหัวใจเต้นรัว “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี ระวังอย่าให้จับไข้เอาได้” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนฟังดูเฉยชาและหาได้มีวี่แววของความห่วงใยสักกระผีก แต่คำพูดกับการกระทำกลับเผยให้เห็นความห่วงใยออกมาอยู่บ้าง สิ่งนี้ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาทันที นางรู้สึกไม่สบายใจที่ฟู่เฉินหวนเป็นเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนยังคงเดินเข้ามาหาพลางกล่าวว่า “ฟ่านซานเหอถูกปล่อยตัวแล้ว” “คำสารภาพของท่านมหาราชครูถูกส่งมาที่ราชสำนักแล้ว ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้เรื่องยุติลงเพียงเท่านี้ เนื่องจากท่านมหาราชครูกรำงานหนักและสร้างคุณูปการเอาไว้มากมาย ท่านมหาราชครูจึงไม่ต้องโทษและตระกูลของท่านก็มิต้องพลอยต้องโทษไปด้วย" “อนุญาตให้เหล่าข้าราชบริพารไปส่งท่านมหาราชครูได้” น้ำเสียงที่ฟู่เฉินหวนเอ่ยฟังดูหนักอึ้งเป็นอย่างยิ่ง หลังจากลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็รู้สึกตื่นตระหนก “ไยท่านจึงไม่ไต่สวนเพิ่มเติมเล่าเพคะ? จะปล่อยให้ผู้ที่บีบคั้นท่านมหาราชครูจนถึงแก่ความตายลอยนวลไปเช่นนั้นหรือ?” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนออกจะอับจนหนทางอยู่บ้าง “หลังจากผ่านไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 397

    ไฉนลั่วไห่ผิงจึงไม่เข้ามาน่ะหรือ? ก็เพราะเขาถูกขวางเอาไว้นอกประตูจวนมหาราชครูและมิได้รับอนุญาตให้เข้ามา ดังนั้นลั่วเยวี่ยอิงจึงต้องเข้ามาจุดธูปแสดงความเคารพ ลั่วชิงยวนหยิบธูปขึ้นมาเตรียมจุดไฟ ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาแย่งธูปไปจากมือของนาง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นลั่วอวิ๋นสี่ที่ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้ กำลังจ้องมองนางด้วยความโกรธจัด “เจ้าฆ่าท่านตาของข้า ยังกล้ามาอีกรึ?! ข้ามิยอมให้เจ้าจุดธูปแสดงความเคารพท่านตาของข้าหรอก! ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” ลั่วอวิ๋นสี่โกรธจัด ลั่วเยวี่ยอิงที่อยู่อีกทางหนึ่งจุดธูปในเตาแล้วเหลือบมองทางหางตา จากนั้นก็ค่อย ๆ ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ ลั่วชิงยวนมองมาที่นางก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เกรงว่าลั่วเยวี่ยอิงคงจะพูดเรื่องเหลวไหลกับลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว ทว่าลั่วอวิ๋นสี่ก็โง่งมมากพอที่จะหลงเชื่อถ้อยคำของลั่วเยวี่ยอิง "ลั่วอวิ๋นสี่ เจ้าคิดว่าการที่เจ้าก่อเรื่องขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วรึ?" ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาคมกริบ ลั่วอวิ๋นสี่จ้องนางตาเขม็ง “แล้วเจ้าที่เอาแต่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงเล่า ทำเรื่องเหมาะสมแล้วกระนั้นรึ? ไสหัวออกไปจากที่น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 398

    ลั่วชิงยวนตั้งอกตั้งใจฟัง ลั่วหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาว่า “ตระกูลลั่วของพวกเราล่วงเกินผู้ใดสักคนเข้าแล้ว!” “เรื่องทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น!” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนนี้เข้า นางก็ถึงกับตัวสั่นสะท้าน "พวกเราไปล่วงเกินผู้ใดเข้าหรือเจ้าคะ?" ลั่วหรงส่ายหน้าแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ความนึกคิดของนางย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อสามปีก่อน มีคนพานักพรตเต๋ารูปหนึ่งมาเยือนถึงหน้าประตูแล้วบอกว่าหลุมฝังศพของมารดาข้าตั้งอยู่ในจุดบอดของฮวงจุ้ย เรียกได้ว่าอาจจะส่งผลต่อชะตาของตระกูลลั่วของพวกเราทั้งตระกูลก็ว่าได้” “พวกเขาเกลี้ยให้พวกเราย้ายหลุมฝังศพแล้วขายที่ดินให้” “บิดากับข้าไม่เชื่อเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ยอมตอบตกลง ต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและมีคนคิดจะซื้อที่ดินของพวกเรา” “พวกเขาถึงขั้นบอกว่าจะช่วยพวกเราย้ายหลุมศพไปยังสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยดี ๆ อีกด้วย” “ข้ารู้สึกว่าผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้เป็นคนเดียวกัน ข้ามิรู้ว่าพวกเขามีเจตนาอันใดกันถึงอยากได้ที่ดินจนถึงขั้นยอมขุดหลุมฝังศพมารดาของข้า”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 399

    ดูเหมือนว่านางจะคาดเดาถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น การที่ลั่วไห่ผิงไม่ยอมช่วย มิใช่เพราะเขาไม่แจ้งชัดในข้อกล่าวหาของฟ่านซานเหอ แต่เป็นเพราะเขาเกรงว่าตำแหน่งหน้าที่การงานของตนจะติดร่างแหไปกับผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง “อีกไม่กี่วัน เมื่อพวกเราย้ายหลุมฝังศพ เจ้าก็มากับข้าสิ” ยามนี้ลั่วหรงเพียงคิดจะปกป้องบุตรีทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่พอจะเป็นไปได้ ส่วนเรื่องที่เหลือย่อมสามารถรอมชอมกันได้ ลั่วชิงยวนพยักหน้าพลางลอบกำหมัดแน่น ตระกูลเหยียน! นี่หาใช่ครั้งแรกไม่ที่นางลงมือจัดการกับตระกูลเหยียน เรื่องทุกอย่างที่นางประสบพบเจอล้วนเกี่ยวพันกับตระกูลเหยียนเป็นเงาตามตัว นางคิดว่าคงไม่อาจปิดบังได้อีกแล้ว นางจะใช้ตัวตนของลั่วชิงยวนและคงสถานะพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการต่อไป! นางเคยคิดว่าขอเพียงอยู่ให้ห่างจากฟู่เฉินหวนก็น่าจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ แต่นางกลับหารู้ไม่ว่า ได้เข้ามาพัวพันในวังวนเช่นนี้จนยากจะไถ่ถอน! นางเขียนเทียบโอสถแล้วให้คำแนะนำแก่ท่านอาลั่วหรงสักสองสามคำ จากนั้นก็ออกจากจวนมหาราชครู อารมณ์หนักหน่วงไปตลอดทาง นางสัมผัสได้ถึงอำนาจอันเล้นพ้นของตระกูลเหยียน ถึงแม้ว่านางจะยัง

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1208

    ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1207

    ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1206

    ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1205

    เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status