ลั่วชิงยวนมองไปทางลั่วไห่ผิงอย่างตะลึง เขาก็มาเพื่อลูกแก้วหงส์เพลิง! เขารู้ได้อย่างไรว่าอยู่ที่นี่? เขาสะกดรอยตามนาง! จู่ ๆ สันหลังของลั่วชิงยวนก็เย็นวาบขึ้นมา หลังนางออกจากวังนางก็มาที่นี่ในทันที ลั่วไห่ผิงมาเร็วเช่นนี้ นอกเสียจากเขาสั่งคนจ้องอยู่หน้าประตูวังตลอด เมื่อเห็นนางออกจากวังจึงตามมา! ลั่วไห่ผิงคิดจะทำสิ่งใด? “มิเกี่ยวกับท่าน!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชา และกอดกล่องแพรไว้แน่น “ส่งมา!”ลั่วไห่ผิงยื่นมือแย่งชิง เสินหลีขึ้นหน้ากล่าว “ท่านอัครมหาเสนาบดี พระชายาได้รับพระราชบัญชาจากฝ่าบาท!” เสินหลีย่อมมิมีทางลงมือกับท่านอัครมหาเสนาบดีแน่ แต่เขาสามารถเอ่ยตักเตือนได้ แต่ลั่วไห่ผิงกลับมิไว้หน้าแต่นิด เขาตอบเสียงเยือก “ลูกแก้วหงส์เพลิงหาย ข้าเองก็มีส่วนรับผิดชอบมาก! ตรวจสอบมาหลายวัน จนสืบพบที่อยู่ของลูกแก้วเมื่อครู่! ข้าจักนำลูกแก้วหงส์เพลิงไปรับโทษเอง!” สิ้นประโยค ลั่วไห่ผิงจับมือที่กำลังบาดเจ็บอยู่ของลั่วไห่ผิงขึ้น นางเจ็บปวดจนเลือดสดไหลพราก อยากจะสลัดออกแต่กลับไม่มีแรงต่อต้าน ความเจ็บปวดอันมากล้นทำหน้าผากของนางซึมออกมาเป็นเม็ดเหงื่อ ลั่วไห่ผิงแย่งชิงกล่อง
ลูกแก้วหงส์เพลิงนี้มิใช่ลั่วชิงยวนหากลับได้พร้อมกับเสินหลีหรือ? เกี่ยวอะไรกับลั่วไห่ผิงกัน? เพียงแต่คำพูดของเขากลับตรงข้าม “ท่านอัครมหาเสนาบดีสามารถตามหาลูกแก้วหงส์เพลิงของจริงกลับมาได้ ถือเป็นการพิสูจน์แล้วว่า ท่านอ๋องผู้สำเร็จราขการมิใช่ผู้ชั่วร้าย ที่บรรพบุรุษราชวงศ์นั้นมิยอมรับ!” “แต่มีผู้บังอาจมาแตะต้องเสาหงส์เพลิงในหอบรรพบุรุษเพื่อใส่ร้ายอ๋องผู้สำเร็จราชการ บังอาจนัก!” น้ำเสียงของจักรพรรดิกริ้วโกรธ “ผู้ใดลักลูกแก้วหงส์เพลิงไป?” บัดนี้ ลั่วไห่ผิงกลับเอ่ยตอบ “เมื่อกระหม่อมหาลูกแก้วหงส์เพลิงเจอ กระหม่อมพบกับคนสามคนพอดีพ่ะย่ะค่ะ” “แต่ผู้ใดเป็นคนลักลูกแก้วไปนั้น กระหม่อมมิทราบ” สามคนนั้น ก็คือลั่วชิงยวนและสองคนนั้นที่เจรจากันในหอมหาสมบัติ ขุนนางระดับสูงโดยรอบซุบซิบเสียงเบา เรื่องการลักลูกแก้วหงส์เพลิงนั้นจะเกี่ยวกับลั่วชิงยวนอีกหรือไม่? ท่านอัครมหาเสนาบดีช่างเที่ยงตรงเสียจริง กระทั่งลั่วชิงยวนยังจับตัวมาในตำหนัก หรือลูกแก้วหงส์เพลิงนี้ ลั่วชิงยวนจะเป็นผู้ขโมยจริง ๆ? ฟู่จิ่งหานย่อมรู้ดีว่าลั่วชิงยวนบริสุทธิ์ แต่เขากลับมิรู้รายละเอียด จึงเอ่ยถาม“พระชายาอ๋อง เจ้าอ
บุตรชายคนโตของแม่ทัพฟ่านหรือ?จักรพรรดิเองก็ตะลึง “บุตรคนโตของจวนแม่ทัพติ้งหย่วนหรือ?”เสียงกังวลของชายหนุ่มค่อย ๆ ดังขึ้น “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นบุตรคนเอกของจวนแม่ทัพติ้งหย่วน ฟ่านซานเหอ”สิ้นประโยคนี้ หัวใจลั่วชิงยวนหมดลมหายใจไปพักหนึ่งเหตุใดจึงเป็นเขาได้!สามีของลั่วหลางหลาง!วันแต่งงาน แม้นางจะไปดื่มเหล้ามงคลเช่นกัน แต่คนมากเกิน นางจึงไปเจอเพียงลั่วหลางหลางโดยส่วนตัว และมิเคยเห็นสามีของลั่วหลางหลางมาก่อน!เขาคือฟ่านซานเหองั้นหรือ?ฟ่านซานเหอเข้ามาเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?ลั่วชิงยวนคิดย้อนอย่างละเอียด เหตุใดลั่วไห่ผิงจึงถึงหอมหาสมบัติอย่างทันเวลา เขารู้ได้อย่างไรว่านางกำลังตามหาลูกแก้วหงส์เพลิง?และฟ่านซานเหอก็ถือลูกแก้วหงส์เพลิงขายให้กับหอมหาสมบัติอย่างบังเอิญบางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นแผนการอยู่แล้วหรือเรื่องที่นางจะตามหาลูกแก้วหงส์เพลิง เล็ดลอดและทำพวกเขาแตกตื่นเสียนานแล้ว?แม้เช้านี้นางจะพบไทเฮา แต่นางก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าลูกแก้วหงส์เพลิงอยู่ที่หอมหาสมบัติก่อนที่จะพบไทเฮาดังนั้นเป็นก่อนหน้านั้นก่อนฟ้าจะสว่าง!สมองของนางราวกับจะระเบิดออก ร่างกายที่อ่อนเพลีย
รถม้าสั่นสะเทือน ฟู่เฉินหวนมองคนที่สลบในอ้อมอก ยื่นมือไปถอดหน้ากากของนางอย่างอดมิได้ใบหน้าของนาง บาดเจ็บหนักเพียงไหนกันแต่สัมผัสบนใบหน้า ทำลั่วชิงยวนป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณ และจับมือเขาไว้แน่นทันทีฟู่เฉินหวนตะลึงเล็กน้อย มองดูนางที่ดวงตายังหลับพริ้ม ส่วนมือที่จับเขาไว้ ผ้าพันแผลถูกย้อมไปด้วยเลือดสด แต่นางราวกับรับรู้มิถึงความเจ็บปวด จับมือของเขาไว้แน่นต้องเป็นบาดแผลที่หนักเช่นไหน จึงทำให้นางที่สลบอยู่ยังระแวงเช่นนี้ เพราะกลัวคนจะเห็นใบหน้าของนางหน้าอกของฟู่เฉินหวนราวกับถูกหินก้อนยักษ์ทับไว้ จนเขาหายใจไม่ออกหรือที่ผ่านมาเขาเข้าใจนางผิดมาโดยตลอด เข้าใจผิดว่านางเป็นคนที่ตระกูลเหยียนส่งมาสอดแนมหรือจะเป็นอย่างที่ซูโหยวกล่าว ตระกูลเหยียนเพียงกำลังหลอกใช้นางหากเป็นเช่นนั้น คงทำร้ายนางมากเกินไปจริง ๆ เขากำมือไว้แน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนฟู่เฉินหวนกลับตำหนัก ทันทีที่รถม้ามาถึง ซูโหยวและจือเฉาก็ออกไปต้อนรับทันที“เร็วเข้า! เรียกหมอกู้มา!”ฟู่เฉินหวนอุ้มลั่วชิงยวนลงจากรถม้า มุ่งไปห้องนางก้าวไวไม่นานนัก หมอกู้ก็มาถึงเขาแกะผ้าพันแผลบนมือของลั่วชิงยวนออก มือของนางเลือด
“มีผู้หนึ่งต้องช่วยพระชายาได้แน่!”จือเฉาลนลาน จนลืมซ่งเชียนฉู่ไป!นางลุกขึ้นเช็ดน้ำตา “แม่นมเติ้ง แม่นางซ่งเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ เครื่องยาสมุนไพรก็มากหลาย นางต้องช่วยพระชายาได้แน่ แต่จะให้นางเข้าตำหนักอย่างไร?”“เช่นนี้ เจ้าออกตำหนักไปตามซูโหยว บอกซูโหยวว่าเครื่องยาสมุนไพรอยู่ที่ใด ให้ซูโหยวพาแม่นางซ่งเข้ามา แต่เจ้าต้องฉลาดหน่อย อย่าให้ซูโหยวรู้ตัว”“ห้ามทำตัวตนของพระชายาความแตกเด็ดขาด”ได้ยินดังนี้ จือเฉาพยักหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวจักไปประเดี๋ยวนี้!”หลังเหล่าหมอหลวงทายาให้ท่านอ๋องเสร็จ หมอกู้ก็ส่งเขาออกไปทันทีมองฟู่เฉินหวนบนเตียงทีหนึ่ง หมอกู้ก็หันเดินออกจากไปเช่นกันฟู่เฉินหวนที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำบางอย่างด้วยความสะลึมสะลือ จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเขาฝืนลุกขึ้นนั่ง ใส่อาภรณ์และหนึ่งมือดันผนังห้องเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าซีดเผือด เซียวซูเดินขึ้นหน้า “ท่านอ๋อง บาดแผลของท่าน…”“มิต้องยุ่ง” น้ำเสียงฟู่เฉินหวนไม่พอใจ และเดินออกจากเรือนไปในทันทีฟู่เฉินหวนกดหน้าอกไว้ ข่มความเจ็บปวดแรงกล้าจากบาดแผล ควบม้า และมุ่งไปทางตรอกฉางเล่อเมื่อฟู่เฉินหวนมาถึงในร้าน ทำซ่งเชียนฉู่ตกใจเป็นอย
จือเฉาเองก็มิเข้าใจ นางมิรู้ว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงมาก่อน“แม่นางซ่ง! เซียนฉู่อยู่หรือไม่?” ฟู่เฉินหวนยังไม่ยอมเลิกพยายาม“เขามิอยู่ เขาไปทำพิธีให้ผู้อื่นที่ชนบท” ซ่งเชียนฉู่อ้างไปมั่ว“พวกเจ้าทุกคนต่างมาขอเครื่องยาสมุนไพร ต้องเป็นอาการสาหัสเช่นไหนกัน!”ตั้งแต่วินาทีที่เห็นจือเฉาปรากฏ ซ่งเชียนฉู่ก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลจือเฉารีบขึ้นหน้าคุกเข่า “ท่านหมอ โปรดช่วยพระชายาด้วย นางกำลังสิ้นชีพจริง ๆ แล้ว!”ได้ยินเช่นนี้ ลมหายใจของซ่งเชียนฉู่กระตุกลั่วชิงยวนหรือ?เมื่อครู่ให้ตายอย่างไรนางก็มิยอมให้เครื่องยาสมุนไพรแก่ฟู่เฉินหวน บัดนี้หากนางเปลี่ยนกะทันหันจะแปลกไปหรือเปล่า?“เครื่องยาสมุนไพรของข้ามีไม่มากจริง ๆ! บางอย่างข้าต้องใช้ด้วย! พวกเจ้าต้องการโอสถใด ข้าขอดูก่อนว่ามีมากน้อยเท่าใด”ได้ยินดังนี้ ซูโหยวรีบนำเทียบยาออกมา “นี่ขอรับ”มองดูเทียบยา ซ่งเชียนฉู่ตะลึง “พวกท่านจักเอาหมดนี่เลยรึ! พวกนี้ต่างเป็นเครื่องยาสมุนไพรหายาก!””เพียงแต่มิขัดกับโอสถที่ข้าต้องการใช้ ก็ได้ ข้าจักไปกับพวกท่าน!”ได้ยินดังนี้ ฟู่เฉินหวนถอนหายใจโล่งอกซูโหยวจัดการสั่งรถม้าซ่งเชียนฉู่รีบห
ลั่วชิงยวนฝืนยันร่างลุกขึ้นนั่ง “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”แม่นมเติ้งเห็นว่านางตื่นมาก็ชะงักเล็กน้อย และอึกอักที่จะเอ่ยปาก“พูดสิ!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนไม่พอใจคิ้วของแม่นมเติ้งขมวดแน่น มีหน้าของนางโศกเศร้า “ท่านมหาราชครูลั่ว ปริดชีพตนเองเจ้าค่ะ!”สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไปฉับพลัน ราวกับถูกฟ้าผ่า “ว่ากระไรนะ?”นางเปิดผ้าห่มออกลงจากเตียง สวมรองเท้าหยิบหน้ากากและวิ่งออกไปด้านนอกทันที จือเฉาถืออาภรณ์และผ้าคลุมวิ่งตามออกมา “พระชายาช้าหน่อยเจ้าค่ะ ด้านนอกหิมะตกอยู่!”วินาทีที่พุ่งตัวออกจากในห้อง เกล็ดหิมะร่วงโรยบนหลังคอนางและละลายกลายเป็นน้ำ ลมเหมันต์หนาวเข้ากระดูกราวกับจะพัดนางให้สลาย หิมะทั่วฟ้าดินก็เทียบความเหน็บหนาวในใจนางมิติดแต่นิดวิ่งออกจากประตูใหญ่ นางพบว่าด้านนอกมีรถม้าคันหนึ่งพอดีนางจึงรีบขึ้นรถม้า และเอ่ยสั่งบ่าวควบม้า “ไปจวนมหาราชครู!”เมื่อนั่งลง นางจึงเห็นฟู่เฉินหวนที่อยู่ด้านตรงข้ามสีหน้าของเขาเองก็ค่อนข้างซีดเผือด บนใบหน้าเต็มไปด้วยแววหนักอึ้งที่แท้เขามารออยู่ที่นี่ คิดว่าก็คงเพราะเพิ่งรู้เรื่องมหาราชครูเช่นกันรถม้าควบไปทางจวนมหาราชครูอย่างไว ใจของลั่วชิงยวนบีบร
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแน่น นางไม่เข้าใจเลยว่าไฉนผ่านไปแค่ไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ถึงเพียงนั้นขึ้นมาได้ พลังปราณของฮวงจุ้ยทั่วทั้งจวนมหาราชครูหาได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดไม่ ทว่ากลับมีปราณมรณะเพิ่มเข้ามาไม่น้อยและพลังก็ลดลงด้วย “ไฉนจึงสารภาพผิดแล้วปลิดชีพตน เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?” ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออก ลั่วหรงถอนหายใจ “หลังจากพวกเรารู้เรื่องของฟ่านซานเหอ ก็มิอาจสืบสาวราวเรื่องได้อีกต่อไป ฮูหยินใหญ่ฟ่านก็มาขอความช่วยเหลือจากบิดาด้วยตนเอง อย่างไรเสีย ยามนี้ฟ่านซานเหอก็เป็นสามีของหลางหลาง บิดาย่อมมิอาจวางเฉยได้" “เช่นนั้นข้าจะไปขอร้องลั่วไห่ผิง หวังว่าเขาจะยอมเมตตาปล่อยฟ่านซานเหอไป” เมื่อลั่วหรงเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางก็โมโหจัด “แต่ลั่วไห่ผิงกลับไร้อำนาจ เขามิอาจไต่สวนและจับกุมตัวผู้บงการที่ชักใยอยู่เบื้องหลังได้! เรื่องนี้คงมิแคล้วถูกจัดฉากให้มีคนต้องสารภาพความผิด!” “วันนี้ตอนที่ข้าเห็นท่านพ่อ ท่านก็... ปลิดชีพตนเองแล้ว!” “ท่านทิ้งจดหมายเลือดสารภาพความผิดซึ่งได้ส่งไปถึงวังหลวงแล้ว” ลั่วหรงกล่าวไปพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง นางแลดูแก่ชราลงไปนับสิบปีขึ้นมาทันที
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ