Share

บทที่ 355

Author: หว่านชิงอิ๋น
โลงศพมารดาของนางว่างเปล่า!

หามีอันใดไม่!

แต่วาจาอันจริงจังของลั่วไห่ผิงกลับสร้างความตื่นตกใจให้แก่ฟู่เฉินหวน

ถึงแม้จะลังเลใจ แต่เขาก็ยังมอบถุงหอมให้แก่ลั่วเยวี่ยอิงกับลั่วไห่ผิงด้วยท่าทีกังขา

เขาจึงฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้วถามว่า "ท่านอัครเสนาบดี ท่านช่วยตอบคำถามก่อนหน้านี้ของตัวข้าทีได้หรือไม่?"

ลั่วไห่ผิงรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเล่นแง่เสียแล้ว

ลั่วไห่ผิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ทว่าเขาก็ยังเอ่ยขึ้นมาว่า "พ่ะย่ะค่ะ พระมารดาของท่านอ๋องสนิทสนมกับมารดาของเยวี่ยอิง ราวกับพี่น้องกันก็มิปาน!"

ทันทีที่กล่าววาจาเหล่านี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็รู้สึกตื่นตะลึง

ลั่วชิงยวนพลันขมวดขึ้นมาทันที พระมารดาของฟู่เฉินหวนกับมารดาของลั่วเยวี่ยอิงกระนั้นหรือ?

ฟู่เฉินหวนรู้สึกตื่นตะลึงเป็นที่สุด เขาเหลือบมองถุงหอมในมือของลั่วเยวี่ยอิงแล้วอดมิได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่ท่านแม่หลงเหลือเอาไว้ให้?

เขามิเคยคิดว่าเหตุใดลั่วชิงยวนจึงต้องการถุงหอมใบนี้ เพราะเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งของของมารดาตนจริง ๆ

ทว่ายามนี้คำตอบของลั่วไห่ผิงกลับทำให้เข
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Benja Thongpetch
อยากให้นางเอกพิการขาขาด ตาบอด แล้วโดนลั่วไห่ผิงตีตาย
goodnovel comment avatar
Benja Thongpetch
อีกอย่างไอ้ลั่วไห่ผิงอุบาศว์เกินจะเป็นพ่อคน ทุเรศ
goodnovel comment avatar
Benja Thongpetch
นางเอกก็เหมือนจะเก่ง แต่ปัญญาอ่อนให้พระเอกซ้อมแล้วซ้อมอีก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 356

    "มันคืออันใดกันพ่ะย่ะค่ะ?" ฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่นบนโต๊ะอีกครั้ง "น่าจะเป็นถุงหอมนั้นแล" "ทีแรกข้าก็คิดว่ามันเป็นแค่ถุงหอมธรรมดา ทว่ายามนี้ลองนึกดูแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงกับลั่วชิงยวนกลับมีปากเสียงกันอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะถุงหอมใบนี้" "คราที่ลั่วชิงยวนเข้ามาในห้องตำราก็พยายามที่จะขโมยถุงหอม จนถึงขั้นคิดจักสังหารลั่วเยวี่ยอิงปิดปาก นี่แสดงให้เห็นว่าถุงหอมมีความสำคัญต่อนางมากเพียงใด!" "ชะรอยจักมีผู้บงการให้นางเอาถุงหอมใบนั้นมาให้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว!" เมื่อซูโหยวได้ยินเช่นนี้ก็ให้รู้สึกตื่นตะลึง "ท่านอ๋องสงสัยว่า เป็นตระกูลเหยียนที่คอยยุยงปลุกปั่นกระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ตระกูลเหยียนจับตามองพระชายาหลีมานานแล้ว!" "เช่นนั้นท่านอ๋องก็มิควรคืนถุงหอมให้แก่ลั่วเยวี่ยอิง! หากตระกูลเหยียนลงมืออีกครั้งล่ะก็..." ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว "ข้ามิอาจฝืนแย่งชิงเอาถุงหอมมาได้" เมื่อซูโหยวได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกตื่นตะลึง "นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอ๋องยอมให้ท่านอัครเสนาบดีพาตัวพระชายาไปใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" หลังจากเข้าใจเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของซูโหยวก็ออกจะขรึมเคร่งขึ้นมาบ้าง จากนั้นเขาก็อดมิได้ที

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 357

    ทว่าลั่วไห่ผิงเพียงแค่นเสียงแล้วหันกลับไป "เจ้าคิดเอาเองเถอะ!" หลังจากเขาพูดจบก็ขึ้นรถม้าไปทันที ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด ถึงแม้ว่าแม่นมกู้จะคอยรับใช้มารดาของนาง แต่นางเองก็เป็นแม่นมของลั่วไห่ผิงเช่นกัน! เขาเอ่ยวาจาไร้มนุษยธรรมเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน? ลั่วชิงยวนตระหนักได้ถึงความต่ำช้าไร้ยางอายของบิดาตนอีกครั้ง! รถม้าจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นมิได้ขยับเขยื้อน ราวกับคาดว่านางจะต้องกลับมาจึงรอคอยนางอยู่ตรงนั้น ลั่วชิงยวนสะกดกลั้นโทสะแล้วเดินกลับไป เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของจือเฉา ลั่วชิงยวนก็เอ่ยปากพูดสองสามคำ ถึงจะไม่มีเสียงดังขึ้นมา แต่นางก็หวังว่าจือเฉาจะเข้าใจ หลังจากกลับมาที่รถม้าก็นั่งลง ลั่วเยวี่ยอิงจึงยิ้มเยาะขึ้นมา "นับว่าเจ้ายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง จึงมิได้ลากผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน!" ลั่วชิงยวนเหลือบมองลั่วเยวี่ยอิงกับลั่วไห่ผิงด้วยสายตาเย็นชา "ข้ามีมโนธรรมอยู่แล้ว แต่พวกเจ้าสองพ่อลูกกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่" "เจ้ายังปากดีอยู่อีกรึ? ข้าหวังว่าเจ้าจักปากดีต่อไปได้อีกก็แล้วกัน!" ลั่วเยวี่ยอิงโมโหเสียจนกัดฟันกรอด ๆ หากตอนนี้นางมิได้อยู่บนรถม้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 358

    เสียงแส้ดังบาดหูก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องมืด เมื่อลั่วเยวี่ยอิงที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงนี้เข้า นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโล่งใจได้ในที่สุด! คราวนี้ตีลั่วชิงยวนให้ถึงตายเป็นดีที่สุด! นางก้มมองถุงหอมที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง วันนี้ท่านพ่อของนางเป็นพยานยืนยันว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นของดูต่างหน้าของมารดานาง ดังนั้นนางย่อมมิอาจทิ้งขว้างได้ตามใจอีกแล้ว มิฉะนั้นท่านอ๋องอาจสงสัยเอาได้ แต่หากมีวิญญาณร้ายในถุงหอมใบนี้จะทำเช่นใดเล่า? ลั่วชิงยวนมิอาจทนความเจ็บปวดแสนสาหัสทั่วร่างได้ ถึงแม้ว่านางจะสวมอาภรณ์หนาชั้น แต่เรี่ยวแรงของลั่วไห่ผิงหาได้ธรรมดาสามัญเลยสักนิด นางจึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดผ่านฝ้ายหนา ๆ นางมิทราบว่าโดนเฆี่ยนตีมากี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่ท่าทางแบบนั้นของลั่วไห่ผิงคงคิดจะตีนางให้ตายเป็นแน่ ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังขึ้นข้างนอก จากนั้นก็มีน้ำเสียงแฝงแววโทสะดังขึ้น "เปิดประตูให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้!" เมื่อลั่วไห่ผิงได้ยินเสียงก็รู้สึกตื่นตกใจ พอเปิดประตูออกมา เขาก็เห็นแม่ทัพใหญ่ฉินเดินเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด "แม่ทัพใหญ่ฉิน..." ลั่วไห่ผิงขมวดคิ้วพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 359

    หากมิใช่เพราะใบหน้าเสียโฉมจนมิอาจพบปะผู้ใด ไฉนเลยจะต้องสวมผ้าคลุมหน้าด้วยเล่า? "ครั้นเมื่อบิดาของเจ้ามาขอให้ข้าช่วยเหลือ ข้าสั่งให้เขาไปพาตัวเจ้าออกมาจากตำหนักอ๋อง ผู้ใดเลยจะล่วงรู้ว่าบิดาของเจ้าจักใจคอโหดเหี้ยมยิ่งกว่า!" "เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าได้รับความอยุติธรรมอักโข หากเจ้าแต่งเข้ามาในตระกูลของข้าได้ก็คงดีมิน้อย!" แม่ทัพใหญ่ฉินรู้สึกเสียดายที่สตรีดี ๆ เช่นนั้นกลับแต่งงานแล้วเสียได้ ต่อให้นางเป็นบุตรีของเขามิได้ ก็น่าจะเป็นสะใภ้ของเขาได้! ลั่วชิงยวนยิ้มให้ "แม่ทัพใหญ่ฉินล้อเล่นแล้วเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าดวงตาของฉินไป๋หลี่น่าจะดีขึ้นแล้วกระมัง?" แม่ทัพใหญ่ฉินส่ายหน้า "ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ บางครั้งก็เห็นแสงสีขาวได้บ้างแล้ว แต่บางทีก็ยังมองไม่เห็นสิ่งใดเลย" "แต่หลังจากเขาตาบอดก็หาได้รู้สึกสิ้นหวังอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว แต่เขากลับบังเกิดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และฝึกฝนวรยุทธในลานอยู่ทุกวันเชียวแล! ถึงแม้ว่าเขายังชอบวาดภาพอยู่ แต่กลับมิดื่มสุราอีกแล้ว บางครั้งเขาก็จะออกไปเดินเพื่อฝึกการฟังเสียงของตัวเอง" "ทำให้ข้าคลายกังวลไปได้มากเลยเชียว!" ลั่วชิงยวนนึกกับตัวเองว่าเป็นเพราะคนรักที่เขาเสียไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 360

    ดึกดื่นป่านนี้ท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน? ลั่วชิงยวนรีบกลับไปท้ายเรือนแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ ทันทีที่นางเดินออกมาก็ได้ยินเสียง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านนอก ซ่งเชียนฉู่ขยิบตาให้นางแล้วถามว่าควรจะทำเช่นใด ลั่วชิงยวนส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกว่านางจะไม่เปิดประตูให้ แต่ฟู่เฉินหวนที่อยู่ข้างนอกในยามนี้ กำลังถือสุราขวดหนึ่งแล้วทุบประตูร้านด้วยท่าทีเมามาย "ฉู่ลั่ว! ออกมาสิ!" ซ่งเชียนฉู่รีบวิ่งไปหาลั่วชิงยวน จากนั้นพวกนางทั้งสองคนก็ยืนอยู่ท้ายเรือนเพราะตื่นตระหนกกับเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหน้า "เกิดอันใดขึ้นกับเขากันแน่? หรือว่าเขาจะล่วงรู้ตัวตนของท่านแล้ว?" ซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความเป็นกังวล ลั่วชิงยวนส่ายหน้า เพราะนางก็มิทราบเช่นกัน เสียงทุบประตูยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำเสียงของฟู่เฉินหวนก็ฟังดูเมามาย ซึ่งยามปกติเขาคงไม่กระทำเช่นนี้เป็นแน่ "ท่านจักมิให้เขาเข้ามาหรือ?" ซ่งเชียนฉู่ลังเลใจ เมื่อเหลือบไปเห็นรอยเลือดบนหลังมือ ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ฉายแววเย็นชา "ห้ามเปิดเชียว!" แต่เสียงข้างนอกกลับยิ่งมาก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ทุบประตูจนแทบจะพังประตูอยู่แล้ว ข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 361

    “กระหม่อมมิคู่ควรกับความไว้วางใจของท่านเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว นางมิต้องการได้รับความไว้วางใจจากฟู่เฉินหวน“เจ้าใสซื่อบริสุทธิ์นัก ข้าเชื่อว่าเจ้าจักมิเอ่ยปากเรื่องนี้ต่อผู้ใด” เสียงทุ้มลุ่มลึกของฟู่เฉินหวนเจือเมาบางส่วนดังเข้ามาลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยฟู่เฉินหวนนอนกระดกเหล้าอยู่บนบันไดหิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "วันนี้ข้าอาจทำให้ชีวิตนึงสิ้นไปเพื่อบางสิ่งบางอย่าง"“ข้ามิรู้ว่าข้ากระทำอันใดผิดไปหรือไม่...”จิตใจของฟู่เฉินหวนเต็มไปภาพแววตาของลั่วชิงยวน บัดนี้เขาคิดว่า คืนนี้ลั่วชิงยวนอาจถูกทรมานจนสิ้นใจในจวนอัครเสนาบดีหากนางร่วมกับตระกูลเหยียนก่อเรื่องร้ายแรงก็สมควรตายแล้วแต่จะเกิดอะไรขึ้นหากนางแค่ถูกตระกูลเหยียนหลอกใช้เล่า?จิตใจของเขาสับสนยิ่งนักเหมือนมีบางส่วนขาดหายไปจากหัวใจ รู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับลงไป ยากจะอธิบายว่ารู้สึกอย่างไรมันแค่ไม่สบายใจลั่วชิงยวนมองดูชายผู้นี้ด้วยความตกใจทำให้ชีวิตนึงสิ้นไปหรือ?เขากำลังพูดถึงนางงั้นหรือ?นางเพียงแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งก็พลันสงบลง พลางคิดว่าจะเป็นตัวนางเองได้อย่างไรฟูู่เฉินหวนเกลียดนางฝังลึก ครั้นเมื่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 362

    ได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็พลันตกตะลึงฟู่เฉินหวนนอนหงายอยู่บนพื้น เปลวไฟสะท้อนในดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกสูญเสีย“ครานั้นเวทมนตร์คาถาแพร่หลายในแคว้นหลี ท่านแม่ของข้าเป็นเหตุของเรื่องทั้งหมด เนื่องนางเป็นนางสนมคนโปรดของเสด็จพ่อ จึงถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์คาถาหลอกองค์จักรพรรดิ”“เสด็จพ่อทรงปกป้องนางจนกระทั่ง… เกิดกลียุคในวัง”ลั่วชิงยวนตกใจอีกครั้งกลียุคในวัง?ครั้นพวกเขาอยู่ที่จวนมหาราชครู ฟู่เฉินหวนและท่านอาลั่วหรงได้กล่าวถึงกลียุคในวังหลวง ครานั้นนางเอ่ยถามท่านอาลั่วหรง แต่ท่านอาปฏิเสธที่จะเปิดเผยเธอสับสนมาโดยตลอด ความวุ่นวายในวังคืออะไรกันแน่?“กลียุคในวัง?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองไปที่ฟู่เฉินหวนฟู่เฉินหวนเอ่ยช้า ๆ “ความโกลาหลในวังหลวงทำให้องค์ชายหลายพระองค์สิ้นพระชนม์ในคืนนั้น ภายนอกไม่มีผู้ได้รับอันตราย คืนที่ฟ้าโปร่ง แต่ฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็โหมกระหน่ำทำให้ผู้คนล้มตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วนในวังหลวง”“พวกเขาพบหลักฐานในห้องท่านแม่ของข้า อ้างว่านางเป็นแม่มดที่นำหายนะมาสู่แคว้นและความทุกข์ยากมาสู่ราษฎร จึงถูกต้องโทษประหารด้วยการตรึงร่างเผาบนเสาเข็ม”ขณะที่ฟู่เฉินหวนพูด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 363

    แต่ลั่วไห่ผิงคงมิสามารถเข้าถึงราชลัญจกรหยกนั้นได้!เกิดอะไรขึ้นกันแน่?นางมิเข้าใจจึงหยุดคิดถึงเรื่องนี้“ท่านอ๋อง แล้วท่าน...” นางหันกลับมากำลังจะเอ่ยบางสิ่งทันใดนั้นก็พบว่าฟู่เฉินหวนหลับไปแล้วลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อมองดูขวดเหล้าที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น นางก็มิสามารถอธิบายความรู้สึกในใจของนางได้ฟู่เฉินหวนถือว่าลั่วชิงยวนเป็นศัตรูแต่เขาถือว่าฉู่ลั่วเป็นมิตรสหายที่สามารถพูดคุยความกังวลด้วยได้หากวันหนึ่งเขารู้ว่าฉู่ลั่วคือลั่วชิงยวน เขาจะตอบสนองอย่างไร?บางทีเขาอาจจะคิดว่านางเข้าหาเขาอย่างมีเจตนาแฝงด้วยการเป็นฉู่ลั่วนางนั่งอยู่ในลานเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อไฟค่อย ๆ ดับลง นางก็พยายามดึงฟู่เฉินหวนขึ้นมาจากพื้นนางต้องการช่วยเขาเข้าไปในห้อง แต่ความเจ็บปวดทั่วร่างของนางและน้ำหนักของฟู่เฉินหวนทำให้นางเคลื่อนไหวลำบากเมื่อนางพยายามจะก้าวขึ้นบันได ก็ล้มลงไปพร้อมกับฟู่เฉินหวนทันใดทันทีที่นางก้าวพลาดไถล ทันใดนั้นแขนแกร่งก็คว้าเอวนางป้องมิให้ล้มลงเมื่อนางหันหน้าไป ก็พลันสัมผัสกับใบหน้าที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่นิ้วทันใด สบเข้ากับดวงตาแดงก่ำ ลึกล้ำ และเมาเล็กน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status