Share

บทที่ 360

Penulis: หว่านชิงอิ๋น
ดึกดื่นป่านนี้ท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?

ลั่วชิงยวนรีบกลับไปท้ายเรือนแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ ทันทีที่นางเดินออกมาก็ได้ยินเสียง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านนอก

ซ่งเชียนฉู่ขยิบตาให้นางแล้วถามว่าควรจะทำเช่นใด

ลั่วชิงยวนส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกว่านางจะไม่เปิดประตูให้

แต่ฟู่เฉินหวนที่อยู่ข้างนอกในยามนี้ กำลังถือสุราขวดหนึ่งแล้วทุบประตูร้านด้วยท่าทีเมามาย "ฉู่ลั่ว! ออกมาสิ!"

ซ่งเชียนฉู่รีบวิ่งไปหาลั่วชิงยวน จากนั้นพวกนางทั้งสองคนก็ยืนอยู่ท้ายเรือนเพราะตื่นตระหนกกับเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหน้า

"เกิดอันใดขึ้นกับเขากันแน่? หรือว่าเขาจะล่วงรู้ตัวตนของท่านแล้ว?" ซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความเป็นกังวล

ลั่วชิงยวนส่ายหน้า เพราะนางก็มิทราบเช่นกัน

เสียงทุบประตูยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำเสียงของฟู่เฉินหวนก็ฟังดูเมามาย ซึ่งยามปกติเขาคงไม่กระทำเช่นนี้เป็นแน่

"ท่านจักมิให้เขาเข้ามาหรือ?" ซ่งเชียนฉู่ลังเลใจ

เมื่อเหลือบไปเห็นรอยเลือดบนหลังมือ ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ฉายแววเย็นชา "ห้ามเปิดเชียว!"

แต่เสียงข้างนอกกลับยิ่งมาก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ทุบประตูจนแทบจะพังประตูอยู่แล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 361

    “กระหม่อมมิคู่ควรกับความไว้วางใจของท่านเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว นางมิต้องการได้รับความไว้วางใจจากฟู่เฉินหวน“เจ้าใสซื่อบริสุทธิ์นัก ข้าเชื่อว่าเจ้าจักมิเอ่ยปากเรื่องนี้ต่อผู้ใด” เสียงทุ้มลุ่มลึกของฟู่เฉินหวนเจือเมาบางส่วนดังเข้ามาลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยฟู่เฉินหวนนอนกระดกเหล้าอยู่บนบันไดหิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "วันนี้ข้าอาจทำให้ชีวิตนึงสิ้นไปเพื่อบางสิ่งบางอย่าง"“ข้ามิรู้ว่าข้ากระทำอันใดผิดไปหรือไม่...”จิตใจของฟู่เฉินหวนเต็มไปภาพแววตาของลั่วชิงยวน บัดนี้เขาคิดว่า คืนนี้ลั่วชิงยวนอาจถูกทรมานจนสิ้นใจในจวนอัครเสนาบดีหากนางร่วมกับตระกูลเหยียนก่อเรื่องร้ายแรงก็สมควรตายแล้วแต่จะเกิดอะไรขึ้นหากนางแค่ถูกตระกูลเหยียนหลอกใช้เล่า?จิตใจของเขาสับสนยิ่งนักเหมือนมีบางส่วนขาดหายไปจากหัวใจ รู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับลงไป ยากจะอธิบายว่ารู้สึกอย่างไรมันแค่ไม่สบายใจลั่วชิงยวนมองดูชายผู้นี้ด้วยความตกใจทำให้ชีวิตนึงสิ้นไปหรือ?เขากำลังพูดถึงนางงั้นหรือ?นางเพียงแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งก็พลันสงบลง พลางคิดว่าจะเป็นตัวนางเองได้อย่างไรฟูู่เฉินหวนเกลียดนางฝังลึก ครั้นเมื่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 362

    ได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็พลันตกตะลึงฟู่เฉินหวนนอนหงายอยู่บนพื้น เปลวไฟสะท้อนในดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกสูญเสีย“ครานั้นเวทมนตร์คาถาแพร่หลายในแคว้นหลี ท่านแม่ของข้าเป็นเหตุของเรื่องทั้งหมด เนื่องนางเป็นนางสนมคนโปรดของเสด็จพ่อ จึงถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์คาถาหลอกองค์จักรพรรดิ”“เสด็จพ่อทรงปกป้องนางจนกระทั่ง… เกิดกลียุคในวัง”ลั่วชิงยวนตกใจอีกครั้งกลียุคในวัง?ครั้นพวกเขาอยู่ที่จวนมหาราชครู ฟู่เฉินหวนและท่านอาลั่วหรงได้กล่าวถึงกลียุคในวังหลวง ครานั้นนางเอ่ยถามท่านอาลั่วหรง แต่ท่านอาปฏิเสธที่จะเปิดเผยเธอสับสนมาโดยตลอด ความวุ่นวายในวังคืออะไรกันแน่?“กลียุคในวัง?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองไปที่ฟู่เฉินหวนฟู่เฉินหวนเอ่ยช้า ๆ “ความโกลาหลในวังหลวงทำให้องค์ชายหลายพระองค์สิ้นพระชนม์ในคืนนั้น ภายนอกไม่มีผู้ได้รับอันตราย คืนที่ฟ้าโปร่ง แต่ฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็โหมกระหน่ำทำให้ผู้คนล้มตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วนในวังหลวง”“พวกเขาพบหลักฐานในห้องท่านแม่ของข้า อ้างว่านางเป็นแม่มดที่นำหายนะมาสู่แคว้นและความทุกข์ยากมาสู่ราษฎร จึงถูกต้องโทษประหารด้วยการตรึงร่างเผาบนเสาเข็ม”ขณะที่ฟู่เฉินหวนพูด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 363

    แต่ลั่วไห่ผิงคงมิสามารถเข้าถึงราชลัญจกรหยกนั้นได้!เกิดอะไรขึ้นกันแน่?นางมิเข้าใจจึงหยุดคิดถึงเรื่องนี้“ท่านอ๋อง แล้วท่าน...” นางหันกลับมากำลังจะเอ่ยบางสิ่งทันใดนั้นก็พบว่าฟู่เฉินหวนหลับไปแล้วลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อมองดูขวดเหล้าที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น นางก็มิสามารถอธิบายความรู้สึกในใจของนางได้ฟู่เฉินหวนถือว่าลั่วชิงยวนเป็นศัตรูแต่เขาถือว่าฉู่ลั่วเป็นมิตรสหายที่สามารถพูดคุยความกังวลด้วยได้หากวันหนึ่งเขารู้ว่าฉู่ลั่วคือลั่วชิงยวน เขาจะตอบสนองอย่างไร?บางทีเขาอาจจะคิดว่านางเข้าหาเขาอย่างมีเจตนาแฝงด้วยการเป็นฉู่ลั่วนางนั่งอยู่ในลานเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อไฟค่อย ๆ ดับลง นางก็พยายามดึงฟู่เฉินหวนขึ้นมาจากพื้นนางต้องการช่วยเขาเข้าไปในห้อง แต่ความเจ็บปวดทั่วร่างของนางและน้ำหนักของฟู่เฉินหวนทำให้นางเคลื่อนไหวลำบากเมื่อนางพยายามจะก้าวขึ้นบันได ก็ล้มลงไปพร้อมกับฟู่เฉินหวนทันใดทันทีที่นางก้าวพลาดไถล ทันใดนั้นแขนแกร่งก็คว้าเอวนางป้องมิให้ล้มลงเมื่อนางหันหน้าไป ก็พลันสัมผัสกับใบหน้าที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่นิ้วทันใด สบเข้ากับดวงตาแดงก่ำ ลึกล้ำ และเมาเล็กน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 364

    คร่อกกกก!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่นพลางเหลือบมองเขาด้วยความหงุดหงิด ดึงผ้าห่มมาคลุมเขาไม่แม้แต่จะถอดรองเท้าให้ แล้วเดินออกจากห้องไปเมื่อนางเดินออกจากห้องมา ก็พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากข้อมือของนางนางกลับมาที่ห้องของตน หยิบล่วมยาออกมา ใส่ยาแล้วพันผ้าพันแผลทีละน้อยเสียงดังมากจนซ่งเชียนฉู่ตื่นขึ้นมา นางลุกขึ้นแล้วเดินไป “เหตุใดท่านถึงได้รับบาดเจ็บ ฝีมือผู้ใดกัน?”ลั่วชิงยวนถอนหายใจ “เรื่องมันยาว”“วันนี้เจ้ามิได้เจอปัญหาอันใดที่จวนมหาราชครูใช่หรือไม่?”ซ่งเชียนฉู่ส่ายหัว “จักมีปัญหาอันใดได้อีกเล่า คนมิน้อยกรูมาหาข้าให้ทำนายดวงชะตา ข้าก็ปฏิเสธพวกเขา แล้วบอกให้พวกเขามาหาท่านที่ร้านเอง”“ท่านอ๋องเล่า? ไฉนพระองค์จึงเสด็จมาพบท่านคืนนี้กัน?”“อาการบาดเจ็บของท่านเกี่ยวข้องกับ่ท่านอ๋องใช่หรือไม่?”ซ่งเชียนฉู่จับมือนางแล้วเลิกแขนเสื้อขึ้นมีรอยเลือดที่หลังมือและข้อมือรอยแผลที่อยู่บนมืออันยุติธรรมนั้นชวนให้ตกตะลึงลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและพึมพำ "จิตใจบุรุษนั้นยากแท้ที่จะหยั่งถึงได้ ข้ามิรู้ว่าเขาต้องการทำกระไร คนที่น่าสงสัยเช่นนั้นสามารถคุยเปิดใจกับคนที่เขามิรู้จักดีด้วยซ้ำได้อย่างไร?"สิ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 365

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็พลันตกใจลั่วชิงยวนก็เข้าไปในห้องตำราเมื่อเห็นนางยืนอยู่ตรงหน้าตน ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งลั่วชิงยวนมิรอให้ฟู่เฉินหวนได้เอ่ยอะไรจึงรีบเอ่ยตัดขึ้น “ท่านอ๋อง งานแต่งงานของลั่วหลางหลางจบลงแล้ว ถึงเวลาที่หม่อมฉันต้องกลับจวนนอกเมืองแล้วเพคะ”“หากท่านอ๋องทรงอนุญาต วันนี้หม่อมฉันจักเก็บข้าวของกลับจวนนอกเมือง”ลั่วชิงยวนลดเสียงลงและดูระแวดระวัง จึงทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยราวกับมีคำพูดมากมายอยู่ในใจ แต่กลับมิสามารถเอ่ยอะไรออกไปได้เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง หันหลังกลับมาพูดอย่างเย็นชา "หากเจ้ารู้ข้อผิดพลาด ข้าจักให้เจ้าอยู่ตำหนัก"ท่าทางที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นั้นทำให้ลั่วชิงยวนเยาะเย้ยอยู่ในใจ“หม่อมฉันมิใช่คนผิด ล้วนเป็นอคติของท่านอ๋องทั้งสิ้น”“ในสายพระเนตรของท่านอ๋อง ทุกสิ่งที่หม่อมฉันทำนั้นผิดทั้งสิ้น หม่อมฉันจักไม่อยู่ให้ท่านเห็นอีก ได้โปรดให้หม่อมฉันกลับไปที่จวนนอกเมือง ภายภาคหน้าท่านจักได้มิต้องกังวลเรื่องหม่อมฉัน ทำเหมือนว่าไม่เคยมีหม่อมฉันเถิดเพคะ”ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ นางหวังจริง ๆ ว่าฟู่เฉินหวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 366

    ฟู่เฉินหวนยิ่งรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินน้ำเสียงคาดหวังของนางนางหลงรักฟู่อวิ๋นโจวเช่นนั้นหรือ?คราแรกนางอยากแต่งงานกับเขาสุดใจมิว่าจะด้วยวิธีใด แต่ยามนี้นางต้องการหย่าและอยู่ร่วมกับฟู่อวิ๋นโจวนางคิดเช่นไรกับเขากันแน่? !ลำคอหายใจขัดคล่อง โทสะปะทุอย่างควบคุมมิได้ แต่ในที่สุดเขาก็มิได้เอ่ยวาจาใด เพียงตะโกนว่า “ออกไป!”ลั่วชิงยวนมิเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงโกรธกะทันหันเยี่ยงนี้ อย่างไรแล้วเขาก็มิได้รักนาง แล้วเหตุไฉนเขาจึงสนใจปฏิสัมพันธ์ของนางกับฟู่อวิ๋นโจวอยู่เสมอเล่า?แม้ว่าปกติ ฟู่อวิ๋นโจวจะเรียกเธออย่างใกล้ชิดสนิทสนม แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาก็มิได้ข้ามเส้นมิตรภาพ ไฉนฟู่เฉินหวนถึงเป็นเช่นนี้?นางระงับความคับข้องใจแล้วหันหลังเดินออกจากห้องตำราไปนางต้องออกจากตำหนักอ๋องให้จงได้ทันทีที่เธอเดินมาถึงลานด้านหน้า องครักษ์กลุ่มหนึ่งก็ล้อมนางเอาไว้ “พระชายา โปรดกลับไปที่เรือนเถิดขอรับ!”ลั่วชิงยวนถูกขังไว้ในเรือน คราวนี้ประตูถูกล็อกหนาแน่นเพื่อกันมิให้นางออกไปจือเฉาเองก็ถูกขังอยู่ในเรือนกับนาง มีเพียงแม่นมเติ้งเท่านั้นที่นำอาหารมาให้ทั้งสองจากข้างนอกได้ลั่วชิงยวนนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 367

    ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ "หน้ากากดูดีต่างหาก มิใช่สวมบนหน้าข้าแล้วดูดี"หลังจากนั้นไม่นาน ซูโหยวก็เข้ามาเชิญนางไปเมื่อลั่วชิงยวนเดินไปที่ลานด้านหน้าก็เห็นว่า วันนี้ฟู่เฉินหวนเองก็สวมอาภรณ์งดงาม งานปักที่ประณีตโอ่อ่า ดูสูงส่งและลึกลับ ทำให้ใบหน้าที่ห่างเหินอยู่แล้วยิ่งเข้าถึงได้ยากฟู่เฉินหวนหันกลับไปมอง ก็พลันตกใจในบัดนั้นดูเหมือนนางจะไม่อ้วนแล้ว กอปรกับสวมหน้ากาก ยิ่งทำให้ทั้งดูสง่างาม โอ่อ่า มีรัศมีแห่งความเป็นพระชายายิ่ง“ไปกันเถอะ” ฟู่เฉินหวนเอ่ยขณะรอลั่วชิงยวน และทั้งสองก็อยากจากตำหนักไปด้วยกันทั้งสองขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวงบนรถม้า ฟู่เฉินหวนพูดอย่างเย็นชา “วันนี้ระหว่างพิธีเทศกาลโคมไฟ สิ่งที่เจ้าต้องทำมีเพียงแค่ตามตัวข้า มิจำเป็นต้องทำสิ่งใด”ลั่วชิงยวนพยักหน้าเล็กน้อยมิเอ่ยวาจาใดระหว่างทางทั้งสองไม่มีแม้บทสนทนาอื่นแต่ยิ่งเข้าใกล้ประตูวังหลวง หัวใจของลั่วชิงยวนก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นวันนี้มิใช่วันที่ดีสำหรับนางเป็นแน่นางหวังเพียงว่าพิธีจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเมื่อมาถึงนอกหอบรรพบุรุษ ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งหลายก็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 368

    ปักธูปลงในกระถาง!การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เหล่าธารกำนัลต่างตกใจ“ท่านอ๋อง อย่า!” สีหน้าใต้เท้าฟางซีดลงในทันใดก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบทันใดนั้น ควันทมิฬหลายสายก็ลอยขึ้นมาจากเสาหงส์เพลิง พุ่งเข้าจับร่างของฟู่เฉินหวนไว้“บรรพบุรุษราชวงศ์กริ้วแล้ว จบสิ้นแล้ว!” ใต้เท้าฟางอุทานด้วยความหวั่นกลัวและคุกเข่าลงขุนนางน้อยใหญ่วุ่นอลหม่านนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่เช่นหอบรรพบุรุษเรื่องเช่นนี้มิเคยเกิดขึ้นในพิธีมาก่อน!กลุ่มคนวิ่งเข้ามารวมตัวล้อมรอบจักรพรรดิและไทเฮาพร้อมตะโกนว่า “คุ้มกัน!”ควันทมิฬยังคงจับร่างของฟู่เฉินหวนที่ยืนอยู่บนแท่น เป็นภาพที่สร้างความหวั่นกลัวให้กับผู้ที่เห็นอย่างยิ่งแต่ภายในควันทมิฬนั้น ลั่วชิงยวนกลับมองเห็นร่างของนางผู้หนึ่งได้อย่างชัดเจนวันนี้ผู้คนวุ่นวาย อาจมีผู้หมายทำร้ายฟู่เฉินหวน!“องค์ไทเฮา! องค์จักรพรรดิ! ท่านอ๋องรุกรานพระวิญญาณบรรพบุรุษราชวงศ์ หอบรรพบุรุษมิอาจทนได้ ท่านอ๋องควรต้องโทษประหารทันทีเพื่อบรรเทาความกริ้วของเหล่าบรรพบุรุษราชวงศ์พ่ะย่ะค่ะ!”ใต้เท้าฟางคุกเข่าลงตรงหน้าไทเฮาทันใดครั้นคำพูดเหล่านี

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status