ร่างสูงโปร่ง! เห็นได้ชัดว่าเป็นบุรุษ! ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าห้องทันที เมื่อเห็นนางจู่ ๆ ก็รีบรีบร้อนขึ้นมา ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกตื่นตกใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แต่เมื่อเขารีบตามมา ลั่วชิงยวนก็ปิดประตูแล้วลั่นดาล ฟู่เฉินหวนรู้สึกตกใจแล้วตบประตู "เกิดอะไรขึ้น?" ลั่วชิงยวนมองคนที่อยู่ในห้อง จากนั้นซ่งเชียนฉู่ก็ค่อย ๆ หันหลังมา ทั้ง ๆ ที่นางมีสายตาว่างเปล่า ทว่าดวงตากลับฉายแววสังหาร ทันใดนั้นนางก็คว้าปิ่นปักผมตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วพุ่งใส่ลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรีบหลบหลีกแล้วตะโกนขึ้นมาว่า "ท่านอ๋อง คอยเฝ้าฟืนไฟเอาไว้ให้ดี!" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง สายลมที่พัดผ่านรอยแยกของหน้าต่างทำให้แสงสว่างในห้องวูบไหว ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เห็นทั้งสองคนกำลังต่อสู้กัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ยิ่งบอกให้เขาคอยเฝ้าฟืนไฟเอาไว้ให้ดี เขาย่อมไม่วางใจที่จะจากไป ดังนั้นเขาจึงยืนเฝ้าอยู่นอกประตูแล้วคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน ตอนที่ซ่งเชียนฉู่ถือปิ่นปักผมแล้วพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง ลั่วชิงยวนก็รีบใช้ปลายนิ้วคีบแผ่นยันต์ขึ้นมาพลางหลบหลีกแล้วกระโดดไปอยู่ข้างหลังซ่งเชีย
หมัดเดียวก็ทำเอาเงานั้นแทบแตกฉานซ่านเซ็น เมื่อฟู่เฉินหวนที่เดินกลับไปกลับมาอยู่นอกเรือนได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อย ๆ แต่ชั่วครู่ต่อมา ประตูก็พลันเปิดออกอย่างแรงแล้วสายลมหม่นมัวก็พุ่งใส่หน้า ฟู่เฉินหวนยกมือขึ้นสกัดกั้น ทันใดนั้นเมื่อเขารู้สึกว่ามีบางอย่างปัดผ่านข้างตัวไป ก็ให้รู้สึกตื่นตกใจ เขาหันหลังกลับไป แต่กลับไม่เห็นสิ่งใด ทว่าจู่ ๆ ก็พลันเกิดลมกระโชกแรงขึ้นในลานเรือน แทบจะดับเปลวเพลิงในกองไฟและเชื้อฟืนไปจนสิ้น เมื่อเห็นเงาดำพยายามที่จะหลบหนีไป ลั่วชิงยวนรีบไล่ตามทันที นางใช้โลหิตวาดอักขระเวทแล้วขว้างออกไปทั่วทั้งหกทิศ พวกมันพลันลอยไปทั่วทุกสารทิศในลานเรือน ก่อให้เกิดปราการสีทองที่ปิดล้อมทุกอย่างในลานเรือนเอาไว้จนหมดสิ้น ฟู่เฉินหวนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่คุ้นเคย เขาจึงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจขึ้นมาว่า "ข้าควรจักทำกระไร?" ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยความยากลำบากขึ้นมาว่า "ท่านอ๋อง คอยเฝ้าเนื้อเอาไว้ให้ดี! อย่าให้ตกพื้นเพคะ!" หลังจากย่างเนื้อมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้อาหารอันโอชะกำลังยั่วน้ำล
หุ่นเชิด! เหมือนกับวิญญาณร้ายที่เฝิงซีพบเจอไม่มีผิดเพี้ยน! แต่หุ่นเชิดตัวนี้กลับอยู่ในรูปของบุรุษผู้หนึ่ง พวกมันอยู่ด้วยกัน! พวกมันล้วนเป็นพวกเดียวกัน! ความหนาวเหน็บคืบคลานเข้าสู่จิตใจของนางราวกับอสรพิษตนหนึ่ง นางสงบจิตใจแล้วเริ่มครุ่นคิด ประการแรกคือ ของสิ่งนั้นอยู่ในจวนมหาราชครู แล้วก็มาอยู่ที่ถ้ำอสรพิษ แล้วมาอยู่กับเฝิงซี กระทั่งปรากฏอยู่ในเหตุการณ์วันนี้ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกัน ทว่าผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้กลับดูเหมือนจะเชื่อมโยงกันอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ เฝิงซีเป็นพระสนมซึ่งเป็นสตรีของจักรพรรดิ ผู้ที่คิดจะทำร้ายเฝิงซีจะต้องเป็นคนจากวังหลวง ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างพัวพันกันอยู่ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นผู้ใดกัน! พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่? ซ่งเชียนฉู่อธิบายให้ฟังว่า "ของชิ้นนี้หล่นจากตัวพวกอันธพาลที่มาหาเรื่องข้าวันนี้ ข้าก็เลยเก็บมาด้วย" "ข้าคิดว่าถ้ามีคนคิดจะทำร้ายข้า เจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะเป็นเงื่อนงำในการค้นหาตัวตนของผู้อื่นได้ ฉะนั้นข้าจึงนำกลับมาด้วย" ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "ใช่ เอามาซ่อนไว้ในนี้ก็เลยทำให้ข้
"บางทีเขาอาจกลับจวนไปแล้ว หรือไม่ก็เจออะไรสักอย่างกระมัง?" ลั่วชิงยวนคาดเดา อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องรัฐทายาทเฉินผู้นี้มากนัก ซ่งเชียนฉู่วางจานลงแล้วลุกขึ้นด้วยความไม่สบายใจ "จะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่?" "วันนี้เขาช่วยชีวิตข้าไว้ หากคนพวกนั้นตามแก้แค้นเขาเล่า?" ซ่งเชียนฉู่รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็ขมวดคิ้ว "ก็มีความเป็นไปได้!" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็หรี่ตาแล้วเริ่มครุ่นคิด เขามีความคาดเดาในใจอยู่บ้าง เรื่องประหลาดในคืนนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่เฉินเซี่ยวหานช่วยชีวิตของซ่งเชียนฉู่หรือไม่? เรื่องนั้นเกี่ยวพันกับการลอบสังหารฉู่ลั่วหรือไม่? "ข้าจักออกไปตามหาเขา!" ซ่งเชียนฉู่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที "ข้าไปกับเจ้าด้วย!" ลั่วชิงยวนรีบตามไป เมื่อเห็นว่าค่ำมืดดึกดื่นมากแล้ว ฟู่เฉินหวนก็ไม่อาจนิ่งดูดาย ดังนั้นเขาจึงไปกับพวกนางด้วย ในยามนี้เอง เฉินเซี่ยวหานกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในตรอกที่แลดูคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยอยู่ในที โดยมีหลุมดำอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ราวกับว่าเขาจะไม่มีทางหลุดพ้นความมืดมิดเช่นนี้ไปได้เลย เขาหาทางไปท
"รัฐทายาทเฉิน..." ซ่งเชียนฉู่รู้สึกตื่นตกใจ คนทั้งกลุ่มรีบเดินเข้าไปหาและพบว่าม่านตาของเฉินเซี่ยวหานเปลี่ยนเป็นทึมเทา คนก็แน่นิ่งไม่ไหวติงราวกับว่าได้สูญเสียวิญญาณของตัวเองไปแล้ว "พาเขากลับไปก่อน!" ลั่วชิงยวนรีบคว้าแขนของเฉินเซี่ยวหานเอาไว้ทันที "เซียนฉู่ เมื่อนึกถึงสภาพร่างกายของเขาแล้ว ให้ข้าแบกเขาไปดีกว่า" ฟู่เฉินหวนก้าวออกมาแบกเฉินเซี่ยวหานแล้วก้าวยาว ๆ เพื่อมุ่งหน้ากลับไป ลั่วชิงยวนกับซ่งเชียนฉู่ก็รีบตามไปด้วย หลังจากกลับมาถึงเรือน ซ่งเชียนฉู่ก็รู้สึกเป็นกังวลใจยิ่ง "รัฐทายาทเฉินจะเป็นอันใดหรือไม่?" "บอกได้ยาก!" ลั่วชิงยวนรีบเตรียมการบางอย่างแล้ววิ่งออกไปอีกครั้ง ฟู่เฉินหวนมองนางวิ่งออกมาแล้วรีบตามไป เมื่อกลับมา ณ ตำแหน่งที่พบเฉินเซี่ยวหาน ลั่วชิงยวนก็หยิบพู่กันมาจุ่มน้ำแล้ววาดเขียนลงกับพื้นดิน ฟู่เฉินหวนที่ตามมาด้วยจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า "เจ้ากำลังทำอันใดหรือ?" "นำทางให้รัฐทายาทเฉิน" ลั่วชิงยวนยังคงขยับพู่กันต่อไปโดยไม่เงยหน้าสักนิด นางวาดอักขระไปตลอดทางกลับสู่ร้าน "เจ้าเอาแต่วาดไปทั่วทั้งถนน พรุ่งนี้ถ้ามีคนถามจะทำอย่างไรเล่า" ฟู่เฉินหวนอดมิได้ที่จะถามขึ
เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่ร้านก็เห็นซ่งเชียนฉู่กำลังดูแลเฉินเซี่ยวหานที่อยู่บนเตียงนอน "ชิงยวน รัฐทายาทเฉินผู้นี้..." ซ่งเชียนฉู่รู้สึกกังวลใจยิ่งนัก ลั่วชิงยวนจึงปลอบโยนนางว่า "น่าจะไม่เป็นอันใดหรอก ข้าไม่คิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะวางแผนเล่นงานเขา เพราะเขาหาได้มีส่วนพัวพันกับเรื่องของเจ้าอย่างลึกซึ้ง เขาแค่บังเอิญยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มิน่าจะเกิดเรื่องขึ้นหรอก" นางไม่เข้าใจเลย จากนั้นนางก็ดึงตัวซ่งเชียนฉู่ออกมานอกห้องแล้วถามว่า "ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นระหว่างเจ้ากับเขากันแน่? เจ้าชอบเขาจริง ๆ รึ?" เรื่องนี้ออกจะรวดเร็วเกินไปแล้ว! ซ่งเชียนฉู่ก้มหน้าพลางเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขัดเขินว่า "ข้ามิรู้ว่าเป็นความชอบหรือไม่ แต่... ข้าก็รู้สึกชอบเขามากอยู่ดี" ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางด้วยท่าทีจนใจ "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็แค่ชอบคนที่สามารถปกป้องเจ้าได้! สาเหตุที่ทำให้เจ้าถูกสวี่ชิงหลินหลอกเอาก็เพราะเขามักปกป้องเจ้าอยู่เสมอ จากนั้นเจ้าก็เกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ!" "ไฉนท่านต้องเอ่ยถึงมันด้วย! ข้าถูกมันหลอกลวงก็จริง แต่เมื่อข้ารู้ว่ามันเป็นคนเช่นไร ข้าก็ตัดข
ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตะลึง เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเซี่ยวหานกันแน่? ทางการทราบเรื่องเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? ต้องเป็นอุบายที่ผู้บงการเบื้องหลังสวีซงหย่วนวางเอาไว้เป็นแน่! พวกเขารีบมากันอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ทว่ารัฐทายาทเฉินยังไม่ฟื้นเลย! "ใต้เท้า ข้อกล่าวหานี้มาจากที่ใดหรือ? พวกเราเป็นแค่ร้านขายโอสถเล็ก ๆ จะกล้าวางแผนสังหารรัฐทายาทเสนาบดีฝ่ายเหนือได้อย่างไรกัน? ข้าไม่รู้ว่ารัฐทายาทเป็นผู้ใดเสียด้วยซ้ำไป" ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและใจเย็นยิ่งนัก หลังจากชายชราที่มีท่าทางเหมือนพ่อบ้านได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบเดินเข้ามาหา "เมื่อวานนี้มีคนเห็นว่ารัฐทายาทเข้ามาในร้านของเจ้าอยู่ชัด ๆ! จนป่านนี้รัฐทายาทก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าหากไม่ถูกเจ้ากักขังเอาไว้ จะหายไปได้อย่างไรกันเล่า?!" ในยามนี้เอง น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น "เซียนฉู่ ข้าขอแนะนำให้เจ้ามอบตัวรัฐทายาทออกมาเสีย มิฉะนั้นเจ้าจะไม่เหลืออะไรให้กินแล้วนะ!" ลั่วชิงยวนเสาะหามาตามเสียง ก็เห็นลั่วอวิ๋นสี่อยู่ด้านหลังฝูงชนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก! ลั่วชิงยวนพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ไฉนจึงเป็นนางอีกแล้ว! หรือว่าเรื่องนี้ลั่วอวิ๋นส
เมื่อใต้เท้าผู้นั้นได้ยินเช่นนี้เข้าก็ออกคำสั่งทันทีว่า "ไปจับตัวเขามาให้ข้า!" ทุกคนล้อมรอบตัวนางเอาไว้ด้วยหมายจะจับกุมตัวนางเอาไว้ทันที ลั่วชิงยวนพลันป้องกันตัวเองแล้วเริ่มต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของทางการ ความชุลมุนวุ่นวายก่อให้เกิดเสียงดังมากเสียจนดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมาให้เข้ามาชมดู วรยุทธของลั่วชิงยวนในตอนนี้ไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือ ต่อให้รับมือกับกลุ่มนักฆ่าของสวีซงหย่วนได้ยากลำบากอยู่บ้าง แต่เมื่อต้องรับมือกับเจ้าหน้าที่ทางการฝีมือธรรมดาสามัญพวกนี้กลับหาได้เป็นปัญหาสักนิด เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายมีคนมาก มิหนำซ้ำพวกเขายังโอบล้อมและจู่โจมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ลั่วชิงยวนมิกล้าทำร้ายพวกเขาจริง ๆ ดังนั้นนางจึงได้แต่รับมือเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ให้ได้นานมากที่สุดเท่าที่พอจะเป็นไปได้ "กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางการดำเนินคดีของทางการ! วันนี้หากข้าจับตัวเจ้าได้ล่ะก็ เจ้าจะต้องได้รับโทษหนัก!" ใต้เท้าผู้นั้นกระโดดเตะลั่วชิงยวนอย่างแรง ลั่วชิงยวนยกแขนขึ้นมาสกัดกั้น แต่พลังเตะก็แรงมากพอที่จะทำให้เซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่นางจะทรงตัวได้มั่น เมื่อฟู่เฉินหวนที่นั่งอยู่ในร้านเห็นเข้าก็ขมวดคิ้ว
“ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย
“คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล
ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั