เมื่อไฟลุกแรงขึ้น พวกเขาจึงเริ่มย่างเนื้อ ไม่นานนัก กลิ่นหอมก็ลอยออกมา หนังที่ถูกย่างจนน้ำมันเดือดเป็นเสียงฟู่ ๆ น่ากินจนน้ำลายสอ “หอมนัก ที่นี่มิมีเหล้าได้อย่างไรกัน ข้าไปซื้อเหล้าก่อน!” เฉินเซี่ยวหานลุกจากไปในทันที เฉินเซี่ยวหานจากไป แต่แก้มของซ่งเชียนฉู่ยังคงร้อนผ่าว ๆ นางจึงใช้ข้ออ้างดูกับแกล้มในครัวว่าเย็นหรือยังเพื่อลุกจากไป ในลานเหลือเพียงฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนที่นั่งกันอยู่สองคน รอบด้านเงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงของฟืนที่กำลังถูกไฟแผดเผา จู่ ๆ ในหัวของลั่วชิงยวนก็คิดถึงภาพคืนนั้นหลังจากที่นางถูกดิ่งลงแม่น้ำ ก็เงียบสงัดเช่นนี้เช่นกัน ช่วงที่นางอยู่กับฟู่เฉินหวนได้แบบสงบนั้น สามารถนับครั้งได้เลย จู่ ๆ ด้านข้างนางก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “รัฐทายาทเฉินปรากฏตัวบังเอิญเกินไป ระวังเขาจะมีจุดประสงค์อื่นต่อแม่นางซ่ง” ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย นางหันหน้าไปมองท่าทีจริงจังของฟู่เฉินหวน แสงไฟกระพรืออยู่นัยน์ตาของเขา ใบหน้าของเขางดงามเสียจนผู้คนต้องมองซ้ำอย่างอดมิได้ “ขอบพระทัยที่เตือนพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงยวนเองก็รู้สึกว่าการปรากฏตัวของรัฐทายาทนั้นแปลก ท่าทีในวันนี้ของสวีซง
ร่างสูงโปร่ง! เห็นได้ชัดว่าเป็นบุรุษ! ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าห้องทันที เมื่อเห็นนางจู่ ๆ ก็รีบรีบร้อนขึ้นมา ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกตื่นตกใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แต่เมื่อเขารีบตามมา ลั่วชิงยวนก็ปิดประตูแล้วลั่นดาล ฟู่เฉินหวนรู้สึกตกใจแล้วตบประตู "เกิดอะไรขึ้น?" ลั่วชิงยวนมองคนที่อยู่ในห้อง จากนั้นซ่งเชียนฉู่ก็ค่อย ๆ หันหลังมา ทั้ง ๆ ที่นางมีสายตาว่างเปล่า ทว่าดวงตากลับฉายแววสังหาร ทันใดนั้นนางก็คว้าปิ่นปักผมตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วพุ่งใส่ลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรีบหลบหลีกแล้วตะโกนขึ้นมาว่า "ท่านอ๋อง คอยเฝ้าฟืนไฟเอาไว้ให้ดี!" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง สายลมที่พัดผ่านรอยแยกของหน้าต่างทำให้แสงสว่างในห้องวูบไหว ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เห็นทั้งสองคนกำลังต่อสู้กัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ยิ่งบอกให้เขาคอยเฝ้าฟืนไฟเอาไว้ให้ดี เขาย่อมไม่วางใจที่จะจากไป ดังนั้นเขาจึงยืนเฝ้าอยู่นอกประตูแล้วคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน ตอนที่ซ่งเชียนฉู่ถือปิ่นปักผมแล้วพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง ลั่วชิงยวนก็รีบใช้ปลายนิ้วคีบแผ่นยันต์ขึ้นมาพลางหลบหลีกแล้วกระโดดไปอยู่ข้างหลังซ่งเชีย
หมัดเดียวก็ทำเอาเงานั้นแทบแตกฉานซ่านเซ็น เมื่อฟู่เฉินหวนที่เดินกลับไปกลับมาอยู่นอกเรือนได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อย ๆ แต่ชั่วครู่ต่อมา ประตูก็พลันเปิดออกอย่างแรงแล้วสายลมหม่นมัวก็พุ่งใส่หน้า ฟู่เฉินหวนยกมือขึ้นสกัดกั้น ทันใดนั้นเมื่อเขารู้สึกว่ามีบางอย่างปัดผ่านข้างตัวไป ก็ให้รู้สึกตื่นตกใจ เขาหันหลังกลับไป แต่กลับไม่เห็นสิ่งใด ทว่าจู่ ๆ ก็พลันเกิดลมกระโชกแรงขึ้นในลานเรือน แทบจะดับเปลวเพลิงในกองไฟและเชื้อฟืนไปจนสิ้น เมื่อเห็นเงาดำพยายามที่จะหลบหนีไป ลั่วชิงยวนรีบไล่ตามทันที นางใช้โลหิตวาดอักขระเวทแล้วขว้างออกไปทั่วทั้งหกทิศ พวกมันพลันลอยไปทั่วทุกสารทิศในลานเรือน ก่อให้เกิดปราการสีทองที่ปิดล้อมทุกอย่างในลานเรือนเอาไว้จนหมดสิ้น ฟู่เฉินหวนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่คุ้นเคย เขาจึงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจขึ้นมาว่า "ข้าควรจักทำกระไร?" ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยความยากลำบากขึ้นมาว่า "ท่านอ๋อง คอยเฝ้าเนื้อเอาไว้ให้ดี! อย่าให้ตกพื้นเพคะ!" หลังจากย่างเนื้อมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้อาหารอันโอชะกำลังยั่วน้ำล
หุ่นเชิด! เหมือนกับวิญญาณร้ายที่เฝิงซีพบเจอไม่มีผิดเพี้ยน! แต่หุ่นเชิดตัวนี้กลับอยู่ในรูปของบุรุษผู้หนึ่ง พวกมันอยู่ด้วยกัน! พวกมันล้วนเป็นพวกเดียวกัน! ความหนาวเหน็บคืบคลานเข้าสู่จิตใจของนางราวกับอสรพิษตนหนึ่ง นางสงบจิตใจแล้วเริ่มครุ่นคิด ประการแรกคือ ของสิ่งนั้นอยู่ในจวนมหาราชครู แล้วก็มาอยู่ที่ถ้ำอสรพิษ แล้วมาอยู่กับเฝิงซี กระทั่งปรากฏอยู่ในเหตุการณ์วันนี้ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกัน ทว่าผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้กลับดูเหมือนจะเชื่อมโยงกันอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ เฝิงซีเป็นพระสนมซึ่งเป็นสตรีของจักรพรรดิ ผู้ที่คิดจะทำร้ายเฝิงซีจะต้องเป็นคนจากวังหลวง ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างพัวพันกันอยู่ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นผู้ใดกัน! พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่? ซ่งเชียนฉู่อธิบายให้ฟังว่า "ของชิ้นนี้หล่นจากตัวพวกอันธพาลที่มาหาเรื่องข้าวันนี้ ข้าก็เลยเก็บมาด้วย" "ข้าคิดว่าถ้ามีคนคิดจะทำร้ายข้า เจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะเป็นเงื่อนงำในการค้นหาตัวตนของผู้อื่นได้ ฉะนั้นข้าจึงนำกลับมาด้วย" ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "ใช่ เอามาซ่อนไว้ในนี้ก็เลยทำให้ข้
"บางทีเขาอาจกลับจวนไปแล้ว หรือไม่ก็เจออะไรสักอย่างกระมัง?" ลั่วชิงยวนคาดเดา อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องรัฐทายาทเฉินผู้นี้มากนัก ซ่งเชียนฉู่วางจานลงแล้วลุกขึ้นด้วยความไม่สบายใจ "จะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่?" "วันนี้เขาช่วยชีวิตข้าไว้ หากคนพวกนั้นตามแก้แค้นเขาเล่า?" ซ่งเชียนฉู่รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็ขมวดคิ้ว "ก็มีความเป็นไปได้!" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็หรี่ตาแล้วเริ่มครุ่นคิด เขามีความคาดเดาในใจอยู่บ้าง เรื่องประหลาดในคืนนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่เฉินเซี่ยวหานช่วยชีวิตของซ่งเชียนฉู่หรือไม่? เรื่องนั้นเกี่ยวพันกับการลอบสังหารฉู่ลั่วหรือไม่? "ข้าจักออกไปตามหาเขา!" ซ่งเชียนฉู่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที "ข้าไปกับเจ้าด้วย!" ลั่วชิงยวนรีบตามไป เมื่อเห็นว่าค่ำมืดดึกดื่นมากแล้ว ฟู่เฉินหวนก็ไม่อาจนิ่งดูดาย ดังนั้นเขาจึงไปกับพวกนางด้วย ในยามนี้เอง เฉินเซี่ยวหานกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในตรอกที่แลดูคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยอยู่ในที โดยมีหลุมดำอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ราวกับว่าเขาจะไม่มีทางหลุดพ้นความมืดมิดเช่นนี้ไปได้เลย เขาหาทางไปท
"รัฐทายาทเฉิน..." ซ่งเชียนฉู่รู้สึกตื่นตกใจ คนทั้งกลุ่มรีบเดินเข้าไปหาและพบว่าม่านตาของเฉินเซี่ยวหานเปลี่ยนเป็นทึมเทา คนก็แน่นิ่งไม่ไหวติงราวกับว่าได้สูญเสียวิญญาณของตัวเองไปแล้ว "พาเขากลับไปก่อน!" ลั่วชิงยวนรีบคว้าแขนของเฉินเซี่ยวหานเอาไว้ทันที "เซียนฉู่ เมื่อนึกถึงสภาพร่างกายของเขาแล้ว ให้ข้าแบกเขาไปดีกว่า" ฟู่เฉินหวนก้าวออกมาแบกเฉินเซี่ยวหานแล้วก้าวยาว ๆ เพื่อมุ่งหน้ากลับไป ลั่วชิงยวนกับซ่งเชียนฉู่ก็รีบตามไปด้วย หลังจากกลับมาถึงเรือน ซ่งเชียนฉู่ก็รู้สึกเป็นกังวลใจยิ่ง "รัฐทายาทเฉินจะเป็นอันใดหรือไม่?" "บอกได้ยาก!" ลั่วชิงยวนรีบเตรียมการบางอย่างแล้ววิ่งออกไปอีกครั้ง ฟู่เฉินหวนมองนางวิ่งออกมาแล้วรีบตามไป เมื่อกลับมา ณ ตำแหน่งที่พบเฉินเซี่ยวหาน ลั่วชิงยวนก็หยิบพู่กันมาจุ่มน้ำแล้ววาดเขียนลงกับพื้นดิน ฟู่เฉินหวนที่ตามมาด้วยจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า "เจ้ากำลังทำอันใดหรือ?" "นำทางให้รัฐทายาทเฉิน" ลั่วชิงยวนยังคงขยับพู่กันต่อไปโดยไม่เงยหน้าสักนิด นางวาดอักขระไปตลอดทางกลับสู่ร้าน "เจ้าเอาแต่วาดไปทั่วทั้งถนน พรุ่งนี้ถ้ามีคนถามจะทำอย่างไรเล่า" ฟู่เฉินหวนอดมิได้ที่จะถามขึ
เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่ร้านก็เห็นซ่งเชียนฉู่กำลังดูแลเฉินเซี่ยวหานที่อยู่บนเตียงนอน "ชิงยวน รัฐทายาทเฉินผู้นี้..." ซ่งเชียนฉู่รู้สึกกังวลใจยิ่งนัก ลั่วชิงยวนจึงปลอบโยนนางว่า "น่าจะไม่เป็นอันใดหรอก ข้าไม่คิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะวางแผนเล่นงานเขา เพราะเขาหาได้มีส่วนพัวพันกับเรื่องของเจ้าอย่างลึกซึ้ง เขาแค่บังเอิญยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มิน่าจะเกิดเรื่องขึ้นหรอก" นางไม่เข้าใจเลย จากนั้นนางก็ดึงตัวซ่งเชียนฉู่ออกมานอกห้องแล้วถามว่า "ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นระหว่างเจ้ากับเขากันแน่? เจ้าชอบเขาจริง ๆ รึ?" เรื่องนี้ออกจะรวดเร็วเกินไปแล้ว! ซ่งเชียนฉู่ก้มหน้าพลางเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขัดเขินว่า "ข้ามิรู้ว่าเป็นความชอบหรือไม่ แต่... ข้าก็รู้สึกชอบเขามากอยู่ดี" ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางด้วยท่าทีจนใจ "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็แค่ชอบคนที่สามารถปกป้องเจ้าได้! สาเหตุที่ทำให้เจ้าถูกสวี่ชิงหลินหลอกเอาก็เพราะเขามักปกป้องเจ้าอยู่เสมอ จากนั้นเจ้าก็เกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ!" "ไฉนท่านต้องเอ่ยถึงมันด้วย! ข้าถูกมันหลอกลวงก็จริง แต่เมื่อข้ารู้ว่ามันเป็นคนเช่นไร ข้าก็ตัดข
ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตะลึง เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเซี่ยวหานกันแน่? ทางการทราบเรื่องเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? ต้องเป็นอุบายที่ผู้บงการเบื้องหลังสวีซงหย่วนวางเอาไว้เป็นแน่! พวกเขารีบมากันอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ทว่ารัฐทายาทเฉินยังไม่ฟื้นเลย! "ใต้เท้า ข้อกล่าวหานี้มาจากที่ใดหรือ? พวกเราเป็นแค่ร้านขายโอสถเล็ก ๆ จะกล้าวางแผนสังหารรัฐทายาทเสนาบดีฝ่ายเหนือได้อย่างไรกัน? ข้าไม่รู้ว่ารัฐทายาทเป็นผู้ใดเสียด้วยซ้ำไป" ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและใจเย็นยิ่งนัก หลังจากชายชราที่มีท่าทางเหมือนพ่อบ้านได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบเดินเข้ามาหา "เมื่อวานนี้มีคนเห็นว่ารัฐทายาทเข้ามาในร้านของเจ้าอยู่ชัด ๆ! จนป่านนี้รัฐทายาทก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าหากไม่ถูกเจ้ากักขังเอาไว้ จะหายไปได้อย่างไรกันเล่า?!" ในยามนี้เอง น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น "เซียนฉู่ ข้าขอแนะนำให้เจ้ามอบตัวรัฐทายาทออกมาเสีย มิฉะนั้นเจ้าจะไม่เหลืออะไรให้กินแล้วนะ!" ลั่วชิงยวนเสาะหามาตามเสียง ก็เห็นลั่วอวิ๋นสี่อยู่ด้านหลังฝูงชนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก! ลั่วชิงยวนพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ไฉนจึงเป็นนางอีกแล้ว! หรือว่าเรื่องนี้ลั่วอวิ๋นส
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล