Share

บทที่ 285

Author: หว่านชิงอิ๋น
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ซ่งเชียนฉู่จึงเสงี่ยมขึ้น แต่ยังอดหัวเราะมิได้ เสียงหัวเราะของนางใสราวกับกระดิ่ง และดังไปทั่วจวนแสนสงบนี้

“ข้าออกจากจวนและได้รับข่าวสารมาไม่น้อย! ร้านของเรายายังมิทันมีชื่อเสียงเลย ความงดงามของท่านกลับโด่งดังขึ้นมาเสียก่อนแล้ว!”

ลั่วชิงยวนไม่ค่อยรู้ข่าวสารจริง ๆ จำนวนคนที่มาทำนายกับนางในทุก ๆ วันมีไม่น้อย แม้เป็นเพียงงานเล็ก ๆ แต่เมื่อรวมกัน ทุกวันนางก็หาเงินได้จำนวนไม่น้อยเลย

“วันนี้ไปที่จวนเฝิง ฟู่เฉินหวนเหมือนจะสงสัยข้า หากหน้าข้าสะอาดสะอ้าน ไฉนข้าจะปิดหน้ากัน? อย่างน้อยต้องมีเหตุผลให้ข้าปิดหน้าหน่อยสิ!”

ลั่วชิงยวนพูดเรื่องสำคัญต่อ “เจ้ามีวิธี ใส่รอยแผลบนใบหน้า โดยที่คนอื่นดูไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรือไม่?”

นางเองก็มีวิธีของตนเอง แต่คิดถึงตัวตนของซ่งเชียนฉู่ ยาที่ซ่งเชียนฉู่รู้จักย่อมมากกว่านาง บางทีอาจมีวิธีที่ดีกว่านั้น

ซ่งเชียนฉู่ เผยยิ้มมั่นใจ พร้อมกล่าว

“ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลย!”

“เมื่อก่อนข้าแอบไปเล่นนอกเขา แล้วกลัวว่าจะถูกท่านพ่อลงโทษ ข้าจึงทำบาดแผลปลอม ท่านพ่อจะได้ไม่ติข้าเพราะความสงสาร”

“ข้าใช้วิธีนี้มาเป็นสิบปี และได้ผลทุกครั้ง!”

“สมุนไพรที่ใช้ทำบาด
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 286

    ลั่วชิงยวนสีหน้าหม่นคล้ำ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้ว สวีซงหย่วนรีบคว้าตัวลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้พลางกล่าวว่า "อวิ๋นสี่ อย่าทำให้ผู้อื่นต้องลำบากใจเลย บางทีอาจเป็นเพราะพวกเราแตกต่างกันมาก ถึงได้ไร้วาสนาต่อกัน" ลั่วชิงยวนหรี่ตามองสวีซงหย่วน คนผู้นี้แสดงละครเก่งจริง ๆ หลังจากลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกหัวใจสลาย จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าไม่อนุญาตให้ท่านพูดแบบนั้น ต่อให้ไร้วาสนาก็ช่าง ข้าจักฝืนชะตาครั้งนี้เอง!" หลังจากนางพูดจบก็เท้ามือลงบนโต๊ะก็จ้องมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย่อหยิ่งจองหองแล้วข่มขู่ว่า "ข้าต้องการให้เจ้าทำนายชะตาสมรสให้ข้า เขียนลงไปซะ! มิฉะนั้นข้าจักพังร้านและแผงทำนายดวงชะตาของเจ้า!" "ตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงนักไม่ใช่หรือ? ถึงตอนนั้นหากข้าบอกว่าเจ้าดูดวงไม่แม่น เจ้าก็จะดำเนินกิจการทำนายดวงชะตาของตนมิได้อีกต่อไป!" มารดาของนางคัดค้านเรื่องที่นางจะอยู่กับสวีซงหย่วนมาโดยตลอด ดังนั้นท่านจึงลงโทษและออกคำสั่งให้กักบริเวณนางอยู่หลายครั้งหลายครา! ไม่นานมานี้ มีเทพพยากรณ์เลื่องชื่อปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง นางอยากได้คำทำนายเพื่อจะได้พิสูจน์ให้มารดาของตนเห็น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 287

    เมื่อซ่งเชียนฉู่ได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะพลางยิ้มจาง ๆ "สวีซงหย่วนผู้นั้นมิเคยเห็นข้ามาก่อน เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าไปทดสอบเขาดูหรือไม่?" ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว "เจ้าคิดจักทำอันใดกัน? กลยุทธ์สาวงาม(1)เช่นนั้นหรือ?" ดวงตาของซ่งเชียนฉู่ฉายแววเจ้าเล่ห์ จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "หากสวีซงหย่วนอยู่ในกลุ่มเดียวกับสวี่ชิงหลิน เช่นนั้นเขาก็น่าจะรู้ชื่อข้า" "หากให้สวีซงหย่วนรู้ว่าดีงูที่พวกเขาต้องการอยู่ในมือข้า เขาจักเข้าหาข้าหรือไม่เล่า?" "ถึงตอนนั้น ท่านก็แค่หาวิธีทำให้ลั่วอวิ๋นสี่บังเอิญมาพบเข้าสิ!" "อย่างไรเสียจุดประสงค์ของพวกเราก็คือการค้า! ต่อให้พวกเราโดนทำลายแผงทำนายดวงชะตาเป็นบางครั้งบางคราว ก็เกินคุ้มแล้ว!" หลังจากลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็ดวงตาเป็นประกาย "ช่างเป็นแผนการอันแยบยล!" ตอนนี้นางผอมลงจนรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่กลัวว่าท่านป้าลั่วหรงจะรู้เรื่องนี้ แต่นางก็ยังไม่สะดวกที่จะไปจวนมหาราชครูในยามนี้ เว้นเสียแต่ว่าท่านป้าลั่วหรงจะเป็นฝ่ายมาหานางด้วยตนเอง หากนางสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้เอง เช่นนั้นนางจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 288

    แต่ในยามนี้เอง จู่ ๆ ก็มีฝ่ามือแกร่งคว้าข้อมือของลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้ พวกนางทั้งสองคนต่างรู้สึกตื่นตะลึง ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นฟู่เฉินหวน ลั่วอวิ๋นสี่ผงะอึ้งแล้วรีบชักมือกลับแล้วมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาไม่พอใจ "ท่านอ๋องทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเพคะ? ท่านคิดจะเข้ามาขวาง แม้แต่เรื่องที่ข้าจะสั่งสอนเจ้านักต้มตุ๋นเชียวหรือเพคะ?" ฟู่เฉินหวนสีหน้าเย็นชา มิหนำซ้ำน้ำเสียงกลับเย็นชายิ่งกว่า จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า "บังเอิญว่าข้ากำลังตามหาตัวท่านเซียนฉู่อยู่พอดี" "คุณหนูลั่ว หากอยากก่อเรื่องเอาไว้ค่อยมาวันหลังเถอะ" ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกโกรธจัด แต่นางไม่กล้าล่วงเกินอ๋องผู้สำเร็จราชการซึ่ง ๆ หน้า นางจึงสะบัดแขนเสื้อแล้วมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย็นชา "เจ้ารอก่อนเถอะ เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้แน่!" หลังจากนั้นนางก็จากไปด้วยความเดือดดาล ฟู่เฉินหวนหันกลับมาหรี่ตามองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย "ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านเซียนฉู่จะมีชื่อเสียงไม่หยอกเลย ท่านดึงดูดปัญหาเข้ามาเสียแล้ว ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?" ลั่วชิงยวนหัวเราะพลางกล่าวว่า "ที่แท้นายท่านก็คือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการนี่เอง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 289

    แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ หรือ? เดิมทีลั่วชิงยวนเคยบอกว่าเขาจะเคราะห์ร้ายเพราะลุ่มหลงอิสรตี ไฉนท่านเซียนฉู่ถึงได้กลับคำเช่นนี้เล่า? ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าลั่วชิงยวนหลอกเขามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาก็รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองปฏิบัติกับลั่วเยวี่ยอิงต่างออกไป เขาไม่อาจทนเห็นนางได้รับความอยุติธรรมและไม่อาจทนเห็นนางร้องไห้ได้ ต่างไปจากความรู้สึกรำคาญในตอนแรก ยามนี้เขากลับรู้สึกปวดใจ เขาชอบคนแบบนั้นลงไปได้อย่างไรกัน ทั้งยังเป็นสตรีมากเล่ห์อย่างลั่วเยวี่ยอิงด้วย! คราวนี้เขาจะต้องได้ผลลัพธ์จากฉู่ลั่วให้จงได้! ขณะที่ลั่วชิงยวนนั่งทำนายดวงชะตาให้ผู้คนอยู่นอกร้าน นางก็มักจะรู้สึกกระดูกสันหลังเย็นวาบอยู่ตลอดเวลา การที่นางรู้ว่าฟู่เฉินหวนกำลังนั่งมองนางอยู่ข้างใน ชวนให้นางรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก! แต่ก็ไม่มีทางไล่เขาไปได้เลย ส่วนจือเฉาหลบอยู่ในเรือนเพราะเกรงว่าจะถูกฟู่เฉินหวนพบเข้า …… ณ ถนนสายหลักแห่งหนึ่ง "แม่นางซ่ง!" สวีซงหย่วนรีบเดินฝ่าฝูงชนจนไล่ตามซ่งเชียนฉู่ได้ทันในที่สุด ซ่งเชียนฉู่หันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย "ท่านคือ..." สวีซงหย่วนยิ้มพลางยื่นถุงหอมออกมาแล้วกล่าวว่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 290

    หมื่นตำลึง! สวีซงหย่วนรู้สึกตื่นตกใจ "หมื่นตำลึงเชียวหรือ?!" นี่มันแพงเกินไปแล้ว! ซ่งเชียนฉู่พยักหน้าพลางดื่มกินแล้วกล่าวว่า "ข้าใช้ชีวิตตัวข้าเองแลกมาเชียวนะเจ้าคะ!" "หากท่านคิดว่าแพงก็ไม่เป็นกระไรเจ้าค่ะ ข้าจะเก็บเอาไว้เอง วันข้างหน้าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้!" สวีซงหย่วนครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าไม่เข้าใจเรื่องตลาดนักหรอก ข้าจะลองถามสหายของข้าดูก็แล้วกันว่าพวกเขายินดีจะรับซื้อในราคานั้นหรือไม่" "แม่นางซ่ง หากข้ามีข่าวคราวจะติดต่อเจ้าได้อย่างไร? เจ้าอาศัยอยู่ที่ใดหรือ?" สวีซงหย่วนถามขึ้นมา ซ่งเชียนฉู่ตอบว่า "ข้าพักอยู่บ้านสหาย ฉะนั้นข้าจึงไม่สะดวกจะบอกท่านว่าอยู่ที่ไหน" "หากท่านมีข่าวคราวอันใดก็ให้ไปยังสถานที่ที่พวกเราเจอกันแล้วผูกผ้าแถบแดงเอาไว้ใต้ต้นไม้ริมทาง วันรุ่งขึ้นก็มารอข้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เถิดเจ้าค่ะ!" สวีซงหย่วนผงกศีรษะ "ก็ได้" เดิมทีเขาอยากจะรู้ว่าซ่งเชียนฉู่อาศัยอยู่ที่ไหน ตอนกลางคืนจะได้ไปขโมยดีงูมาเสียเลย แต่ซ่งเชียนฉู่กลับไม่ยอมบอกอะไรเลย เช่นนั้นเขาคงได้แต่รอให้ถึงวันติดต่อซื้อขายถึงจะแย่งชิงมาได้ เมื่อซ่งเชียนฉู่เห็นแววตาของสวีซงหย่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 291

    ยามเช้าตรู่มีหมอกจาง ๆ และทุกสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือ อาณาบริเวณสีขาวโพลนอันกว้างใหญ่ไพศาล ชายคาและพื้นเรือนปกคลุมไปด้วยหิมะชั้นหนา ๆ ลั่วชิงยวนแต่งตัวเสร็จก็ถูไม้ถูมือ จากนั้นหยิบไม้กวาดแล้วออกมาเก็บกวาดหิมะข้างนอก ระหว่างที่กวาดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีรองเท้าปักลายเมฆทองคำปรากฏอยู่บนหิมะ ชายเสื้อคลุมอันหรูหราเผยให้เห็นถึงตัวตนของผู้มาเยือน ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวแล้วเงยหน้ามองคนผู้นั้น "ท่านอ๋อง" ฟู่เฉินหวนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ท่ามกลางหิมะ โดยที่หิมะสีขาวสะท้อนดวงเนตรกระจ่างของเขา จากนั้นน้ำเสียงที่ออกจะเย็นชาอยู่บ้างก็ผสมกลมกลืนกับโลกอันหนาวเหน็บได้อย่างไร้ที่ติ "วันนี้ท่านเซียนฉู่ยินดีจะแก้ไขเคราะห์ดอกท้อให้ข้าแล้วหรือไม่?" ยามนั้นลั่วชิงยวนกำไม้กวาดในมือเอาไว้แน่น อยากกวาดไล่เขาไปแทบใจจะขาดอยู่แล้ว "ท่านอ๋อง ท่านคิดจะให้กระหม่อมพูดเรื่องนี้กับท่านอีกสักกี่ครั้งพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมมองมิเห็นเคราะห์ดอกท้อของท่านเลย ตัวกระหม่อมไร้ความสามารถ ท่านอ๋อง เชิญเสด็จไปหาผู้อื่นเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" นางไม่คาดคิดเลยว่าฟู่เฉินหวนที่เมื่อวานนี้อยู่กับนางมาทั้งวัน เช้านี้จะกลับมา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 292

    ลั่วชิงยวน ทันใดนั้นเขาก็นึกสงสัยขึ้นมา ลั่วชิงยวนทำนายดวงชะตาเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ? หากลั่วชิงยวนมีความสามารถถึงเพียงนั้น วันข้างหน้านางย่อมกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโดยไม่ต้องสงสัยเลย ไฉนนางถึงคิดไม่ตกแล้วอยากเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลเหยียนด้วยเล่า? เมื่อนึกได้เช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกหม่นหมองอยู่บ้าง เขามองแผ่นหลังของฉู่ลั่วด้วยสายตาลึกล้ำแล้วถอนหายใจ หากนางสามารถเป็นเทพพยากรณ์ที่แสนบริสุทธิ์และซื่อตรงได้อย่างฉู่ลั่ว นางจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า เมื่อถึงยามบ่าย เมื่อแสงแดดอบอุ่น ก็ทำให้มีผู้คนออกมากันมากขึ้น ในยามนี้มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งมาด้วย "นี่มันทำนายดวงชะตาไร้สาระอันใดกัน? ก็แค่เรื่องหลอกลวง! ไม่เห็นแม่นเลยสักนิด! อย่าโดนมันหลอกเข้าเชียว!" "นักต้มตุ๋น! ไอ้คนลวงโลก!" ชาวบ้านตะโกนด่าแล้วขว้างปาเศษผักใส่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลั่วชิงยวนรู้ว่าจะต้องเป็นฝีมือของลั่วอวิ๋นสี่อีกแล้ว พวกเขาเป็นคนธรรมดาสามัญจึงได้แต่ขว้างปาเศษผักแล้วก่นด่าอยู่ไกล ๆ แต่มิได้เข้ามาลงไม้ลงมือ ทำให้ลั่วชิงยวนไม่มีโอกาสโต้ตอบ เศษผักเน่า ๆ ผสมเข้ากับไข่เละ ๆ ทำให้ประตูท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 293

    ระหว่างนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าพร้อมแล้ว วันนี้ข้าจักเปิดโปงสวีซงหย่วน ส่วนท่านต้องดึงดูดความสนใจของลั่วอวิ๋นสี่!" ลั่วชิงยวนพยักหน้า "มิต้องห่วง!" ซ่งเชียนฉู่หยิบกล่องเปล่าแล้วเดินออกไปหาสวีซงหย่วนทางประตูหลัง ลั่วชิงยวนเองก็เปิดประตูแล้วเริ่มดำเนินกิจการเช่นกัน ฟู่เฉินหวนมาอีกแล้วดังที่คาดคิดเอาไว้ ทว่ายามนี้ลั่วชิงยวนปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเขาไร้ตัวตนและไม่สนใจเขาอีก หลังจากนั้นสักพัก ชาวบ้านอีกกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนน ลั่วชิงยวนรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา แน่นอนว่านางย่อมเห็นลั่วอวิ๋นสี่อยู่ไม่ไกลจากเบื้องหลังฝูงชน จากนั้นนางก็เดินตรงเข้าไปหา "มาคุยกันเถอะ" ลั่วอวิ๋นสี่กอดอกพลางยิ้มอวดดีแล้วเดินเข้ามาหา "ในที่สุดเจ้าก็ยินดีตกปากรับคำแล้วใช่หรือไม่? คนฉลาดย่อมรู้ว่าเมื่อใดถึงต้องยอมก้มหัว!" ลั่วชิงยวนเหลือบมองผู้คนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่ร้านพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เจ้าจักหยุดได้แล้วหรือไม่?" ลั่วอวิ๋นสี่รีบส่งสัญญาณให้คนพวกนั้นหยุดมือ เมื่ออยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวน นางก็ยื่นเงินถุงหนึ่งให้แก่พวกเขา "เอาไปแบ่งกันเสีย วันนี้ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่อง!" "ข

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1108

    “ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1107

    “คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1106

    ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1104

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1103

    น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

DMCA.com Protection Status